เกริ่นนำก่อนสำหรับใครที่ไม่รู้จัก Warren Buffett นะครับ Buffett เป็นนักลงทุนที่มั่งคั่งและประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ปัจจุบันเขาอายุ 80 ปีแล้ว ปีล่าสุดถูกจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 3 ของโลก (ข่าวเก่า) เขาถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าของกิจการที่เข้าไปลงทุน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Buffett ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการหลายประเทศในเอเชีย โดยเขาให้มุมมองการลงทุนในกิจการเทคโนโลยีซึ่งกำลังร้อนแรงในขณะนี้ไว้ดังนี้ครับ
Buffett ให้สัมภาษณ์ที่เกาหลีใต้ถึงมุมมองของเขากับหุ้นของแอปเปิล ซึ่งแอปเปิลนั้นกิจการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาหลายสิบไตรมาสว่า "เมื่อเทียบแอปเปิลกับโคคา-โคล่าแล้ว ผมมองอนาคตของโคคา-โคล่าออกใน 5-10 ปีข้างหน้าอย่างง่ายดาย แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะประเมินแอปเปิลแบบนั้น ต่อให้กิจการมันจะดีจริงๆก็ตาม" แต่พอถูกถามว่าพอร์ตการลงทุนของเขาก็มีหุ้นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้างเหมือนกัน Buffett บอกว่า "ผมถือหุ้นกลุ่มนี้ในจำนวนที่น้อยมาก และอนาคตก็จะถือมันน้อยลงกว่านี้อีก"
ล่าสุด Buffett ให้สัมภาษณ์ที่อินเดียว่า "มันยากมากๆ ที่จะประเมินมูลค่าแท้จริงของพวกเว็บ Social Network ทั้งหลาย และตอนนี้เว็บส่วนใหญ่ก็มีมูลค่าสูงเกินจริงไปมาก จะมีแค่ไม่กี่เว็บที่จะชนะ ส่วนที่เหลือก็จะล้มหายตายไป" ซึ่งถึงแม้ Buffett ไม่ได้ระบุว่ามีเว็บอะไรบ้าง แต่ก็พอจะคาดเดาได้จากข่าวช่วงที่ผ่านมาว่าคงไม่พ้น Facebook ที่ราคาล่าสุด 85,000 ล้านดอลลาร์แล้ว หรือไม่ก็เป็น Groupon ซึ่งมีมูลค่าสูงลิ่วไม่แพ้กันเมื่อเทียบกับยอดขายและกำไรต่อปี
อันที่จริงถ้าใครติดตามแนวคิดการลงทุนของ Buffett จะทราบดีว่าเขาไม่ค่อยสนใจธุรกิจเทคโนโลยีอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลว่ามันเข้าใจได้ยากเกินไปสำหรับเขา แต่ที่น่าสนใจคือแม้ Buffett จะมีความสนิทสนมกับบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์เป็นการส่วนตัวมาหลายปีแล้ว แต่มันก็ไม่ทำให้มุมมองของเขาต่อกิจการเทคโนโลยีเปลี่ยนไปเลย อดีตในยุคฟองสบู่ดอทคอมเขาเองก็ออกมาบอกว่าไม่สนใจที่จะลงทุนในธุรกิจดังกล่าวเช่นกัน
Comments
ผมถือกลุ่มพลังงานซะส่วนใหญ่
AAPL Good -0-
มันก็ดูทิศทางยากจริงๆนะหล่ะ อีกทั้งมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งทุกๆคนจำเป็นจะต้องใช้ในชีวิตอย่างพลังงาน
คำสุดท้ายของข่าวมี ขอ ขวด เกินมาครับ (CN keyboard ไม่มีอักษรตัวนี้ พิมพ์ไม่ได้- -*)
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
แก้แล้ว ขอบคุณครับ
หุ้นเทคโนโลยีมันเสี่ยงจริงๆนั่นแหละ
ไม่เหมือนของที่จะต้องอุปโภคบริโภคทุกวัน
Apple ถ้าเกิดศาสดาเป็นอะไรไป หุ้นร่วงชัวร์ มันแค่แว่บเดียว แต่เทขายไม่ทัน
สำหรับคนที่เล่นสั้นคงเทขายครับ
ถึง Jobs ตายแต่ iPhone ก็ยังทำกำไรให้บริษัทได้อยู่ครับ คนที่เล่นยาวๆ คงรอดูสถานการณ์สัก 3 - 4 สินค้าเพื่อดูว่าตลาดตอบรับเป็นอย่างไรบ้างกับผลงานของผู้บริหารหน้าใหม่
ก็จริงของเค้านะครับ
วอเรนเขาไม่ถนัดพวกหุ้นอิเล็กโทรนิคกับเทคโนโลยีพวกคอมพ์นี่ครับ เขามาพูดอย่างนั้นก็ไม่แปลก ก็เจ้าตัวพูดเองเลยว่า อันไหนไม่ถนัดอย่าเสี่ยง ไม่ได้หมายความว่ามันจะเจ๊งง่ายๆ
EDIT: อืม ลืมดูย่อหน้าสุดท้าย
ผมว่าเค้าพูดถูกนะ ตกรถก็เสียใจ แต่ขายไม่ทันเมื่อไหร่ก็หนาวเหมือนอยู่ดอย
ผมว่าธุรกิจด้าน IT มันผันผวนเกินไป อ่านยาก
หลาย ๆ บริษัทที่เฟื่องมาก ๆ อีกห้าปีให้หลังก็เจ๊งบ้าง ถูกควบรวมบ้าง ก็มีเยอะแยะ เพราะว่าการเคลื่อนไหวของธุรกิจนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
ขอบคุณสำหรับข่าวนี้ครับ
รุ่งเรืองแล้วก็ดับไปอย่างเช่น sun
มันไฮเทคเกินไปสำหรับเขา เขาไม่ได้เชี่ยวชาญหรือสนใจด้านนี้ ก็ไม่แปลก แต่สำหรับคนที่สนใจผมว่ามันสนุกดีออก
ประเด็นคือการลงทุนครับ ผมเองทำงานสาย IT มายังมองเลยว่าธุรกิจ IT นี่ "มาไว ไปเร็ว"
คือบทจะโต ไม่กี่ปีก็โตได้ อย่าง google อายุสิบปีนิดๆ เอง facebook ยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ
แถมที่ผ่านมา มีบริษัทสาย IT กี่บริษัทที่อายุยืนเกิน 20 ปีโดยที่ยังคงทำกำไรได้ตลอด
มันเลยไม่ชวนให้ลงทุน(ระยะยาว)ซักเท่าไหร่จริงๆ
lewcpe.com, @wasonliw
+1 บ้านเรา Hi5 เคยดัง.. เดี๋ยงเหมือนกัน
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
+1
เพราะปู่บัพเค้าเป็นนักลงทุนแนว vi อยู่แล้วด้วย แกมองเกมส์ระยะยาวถึงยาวมากๆ
yahoo ก็เคยเป็นเมพมาก่อน
อย่ามองลืม IBM สิครับ ที่ยังมั่นคงมิเสื่อมคลาย :)
ผมว่าเขาไม่ได้เกี่ยวกับความไฮเทคนะ แต่เกี่ยวกับ Value ของมันในอนาคตที่ประเมินได้ยากต่างหาก
ความยากเป็นความท้าทายครับ อย่าไปกลัว อิอ
บริษัท IT ไม่ค่อยยั่งยืนนะผมว่า มีบริษัทใหม่ๆที่มี idea เข้ามาแข่งได้มากมาย ประเด็นคือพวกบริษัทเทคโนโลยีถ้าอยากอยู่รอดก็ต้องทำวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ ซึ่งต้องใช้เงินมากมาย ต่างจากบริษัท coca cola ซึ่งมีแบรนด์เนมติดตลาดไม่ต้องทำวิจัยอะไรใหม่เลย
+1
แต่ถ้าผมเป็น CEO ของบริษัทที่กำลัง boom แบบ Facebook ผมจะขายหุ้นให้แมงเม่าทั้งหลายจนเหลือแค่ทำให้ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดก็พอนะ ส่วนเงินที่ได้ไว้ทำทุนบริษัทใหม่ดีกว่า ใครจะรู้อยู่ดีๆ อาจมีคู่แข่งเกิดมาเพื่อล้ม Facebook ก็ได้
คนแก่ก็อย่างเงี้ยไม่ค่อยเข้าใจเทคโนโลยี
แถมยังเป็นคนแก่ที่รวยติดอันดับ 3 ของโลกซะด้วยซิ
เหอะๆ
ลุงคนนี้เค้าลงทุนในหุ้นครับ และในสายตาของผม ลุงคนนี้เป็น Idol ในการลงทุนแบบห่านทองคำ เน้นพื้นฐานดี ถือยาว เล็งปันผล ไม่เก็งกำไรระยะสั้น
ดังนั้น ในสไตล์การลงทุนของแก แกไม่สนเรื่องเทคโนโลยี เพราะมันลำบากในการตีมูลค่า ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ประเมินได้ยาก และมีความไม่แน่นอนในเทคโนโลยีสูงมากๆ สำหรับทาง IT เวลาแค่ 5 ปี แถบจะเรียกว่าชั่วชีวิตก็ว่าได้ (บริษัทเกิด/ดับได้)
ฟ้องกันจนรวย กับฟ้องกันจนล้ม (สิทธิบัตรตัวเดียว)
ถ้าคนคนนี้พูด ไงๆ ก็ "ต้อง" ฟังไว้นะครับ
ถูกครับ ตลาด IT มันไม่ยั่งยืนจริงๆ
ยั่งยืนในสายตาของเขาต้องระดับ 10 ปีอัพ มองยาวๆ
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
เห็นด้วยซะส่วนใหญ่เลย
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
พืชที่โตเร็ว มัักเป็นแค่พืชล้มลุก
+1
+10
บางทีก็ 'ล้มแล้วไม่ลุก'
ไวอากร้าเลยครับ หรือม้ากระทืบโรงดี :D
คมกริบ +1
+1
+1 ครับ เป็นเท่าไรละนะ 1+10+1+1 = 13 ครับ คนต่อไปถ้า+คิดด้วยนะครับว่าเป็นเท่าไรแล้ว อิอิ
ผมว่าเขาพูดจริงนะ เครื่องติดตามตัวเอย มือถือเอย
บางอย่างเราพยากรณ์อะไรสักอย่างแล้วพูดออกมาคนที่เห็นตรงข้ามอาจจะค้าน ที่เห็นชัดตอนนี้เน็ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ต้องพิสูจน์ว่าใครจะอยู่อย่างยั่งยืน ต้องรอให้เวลาพิสูจน์
Apple เป็นหุ้น turnaround สิบกว่าปีก่อนที่บริษัทเกือบจะเจ๊งก่อนที่จ๊อบส์จะกลับเข้ามา หุ้นราคา $3-4 ถ้าใครลงไปช้อนตอนนั้น ตอนนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรละ (ขึ้นมาร้อยเท่า)
ผมว่า Buffett ตกรถไปสิบกว่าปีแล้ว
แต่ใครจะเข้าตอนนี้ก็เสี่ยงสูง Buffet ออกมาพูดตอนนี้ยังไงก็ถูก
ไม่แปลกตอนนี้ส่วนหนึ่งขายได้เพราะกระแส แฟชั่น
วันดีคืนดีอาจจะมีกระแสตกหรือกระแสเปลี่ยนเอาได้
coke ทำให้รสชาติเหมือนเดิม
technology งานวิจัยที่ทำขึ้นมา ใช่ได้แค่ระยะเวลาสั้นๆ ต้องสร้างใหม่ตลอด
ตรงที่มีแสง
แล้วก็ใช่ว่าสร้างใหม่แล้วจะขายดีด้วยเนอะ ใช่มั้ยครับ >.<
ยิ่งยากยิ่งซับซ้อนผมว่ามันน่าสนุกกว่า การลงทุนด้านพลังงานหรืออะไรที่ค่อนข้างผูกขาด อันนี้แล้วแต่คนอ่านเกมธุรกิจที่ชิงไหวชิงพริบออกด้วย แต่ถ้าว่ากันตามวัยแล้วยิ่งอายุมากก็ควรลงทุนที่เสี่ยงน้อยมาก ๆ จะดีกว่า อิอ
ปัญหาอย่างหนึ่งของ Buffett คือเงินเขามีปริมาณมหาศาลมากครับ เมื่อเลือกเคลื่อนไหวไปลงทุนอะไรจึงต้องควบคุมความเสี่ยงได้ค่อนข้างเยอะ การลงทุนที่มีรูปแบบซัับซ้อนหลายครั้งใช้ต้นทุนที่ไม่สูงมากขนาดนั้นแต่ผู้ลงทุนไปเน้นที่ % Return อันล่อตาล่อใจในระยะสั้นมากกว่า แล้วแต่มุมมองจริงๆครับ
Values Investors ที่ลงทุนในกิจการ hi tech ก็มีเหมือนกันนะ ที่เคยได้อ่านมาก็เช่น Bill Miller และ Philip Fisher
aka ohmohm
แต่ธุรกิจที่เข้าใจง่ายไม่ hi tech บางอย่าง อาจถูกธุรกิจ hi tech คุกคามได้เหมือนกัน เช่นหนังสือพิมพ์แบบดังเดิม
http://finance.yahoo.com/career-work/article/112438/5-industries-on-life-support
http://www.thestreet.com/story/11059439/4/10-industries-on-life-support.html
aka ohmohm
ใช่ครับ เทคโนโลยีนับเป็นปัจจัยนึงที่ส่งผลเป็นภัยคุกคามได้ ในทางธุรกิจต้องอย่าลืมมองปัจจัยนี้ด้วย