บริษัทวิจัย Pear Analytics ในสหรัฐได้ลองเก็บตัวอย่างข้อความใน Twitter แบบสุ่มจำนวน 2,000 ข้อความ แล้วนำมาแยกแยะเป็น 6 หมวด ได้แก่ ข่าว, สแปม, โปรโมทตัวเอง, บ่นไปเรื่อย (ต้นฉบับใช้คำว่า pointless babble), บทสนทนา และอย่างสุดท้ายคือ "tweet ที่มีคุณค่า"
ผลคือหมวด "บ่นไปเรื่อย" (เช่นข้อความว่า "I'm eating a sandwich") มีสัดส่วนสูงถึง 40% (แต่จะว่าไป Twitter ออกแบบมาเพื่อแบบนี้อยู่แล้ว?) ตามมาด้วยบทสนทนาระหว่างผู้ใช้ Twitter กันเอง 37.5% ส่วนข้อความที่มีคุณค่า กลายมาเป็นข่าวได้ อยู่ที่ 8.7%
สแปมคิดเป็น 5.85% และโปรโมทตัวเอง 3.75% แต่สัดส่วนนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเริ่มมีบริษัทห้างร้านต่างๆ หันมาใช้ Twitter เป็นเครื่องมือทางการตลาดมากขึ้น
ที่มา - BBC
Comments
โดน..
เรื่องไร้สาระมาตั้งแต่แรกแล้ว ระบบไม่ได้ออกแบบมาให้ทำอย่างอื่น ประยุกต์ลำบาก
ผม log-in เข้าไม่ได้มาหลายวันแล้วครับเนี่ย
แค่ 40% เองเหรอครับ หุหุ
อยากรู้ว่าเป็น RT ซักกี่ %
pittaya.com
pittaya.com
+1
จาก http://www.pearanalytics.com/wp-content/uploads/2009/08/Twitter-Study-August-2009.pdf
RT จัดว่าอยู่ใน Pass-along value (หรืออันที่จริงคือ pass-along value คือ RT)
ส่วนข้อความที่มีคุณค่า กลายมาเป็นข่าวได้ อยู่ที่ 8.7%
งั้นข่าวดาราฉาวๆ บ้านเราเนี่ย ถือเป็นทวีทมีคุณค่าซินะ
+1
การบ่นไร้สาระกับการสนทนากัน ผมว่ามันก็เหมาะสมกับวัตถุประสงค์แรกเริ่มของ Twitter อยุ่แล้วนะ
ถ้าจะให้มานั่งกั่นกรองบรรจงทวีต ใน 140 ตัวอักษร ผมคงเบื่อตายพอดี
140ตัวอักษร
ยาวพอๆกับ sms ทั่วไป
ถ้าอยากให้มีสาระ ก็คงต้องพิมพ์ sms ข่าวลง twitter ให้คนอื่นอ่านละมั้ง
ที่ใช้ twitter เพราะมันไร้สาระนี่แหละ ผ่อนคลาย ระบาย
ปริมาณการ tweet ที่มหาศาล ดึงตัวอย่างมาแค่ 2000 เอง น้อยไปไหมเนี่ย ^^
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan~
ขอบ้างเถอะ สาระเยอะแล้ว มาลงที่ Twitter เนี่ยแหละ เรื่องที่สาระน้อยหน่อยไปจนถึงไร้สาระ
PanJ's Blog
PanJ's Blog
ขอนิยามคำว่า "เรื่องไร้สาระ" ครับ
ผมไม่รู้สึกว่าไร้สาระนะ
ก็จริงนะที่มันไร้สาระ แต่ส่วนมากก็ใช้บ่นเอาฮา ไม่ได้ใช้บอกสถานะตัวเองแบบเรียลริตี้ (เห็นเพื่อนทำ ไปดูบอลที่สนาม มือหนึ่งถือกล้อง อีกมือพิมพ์ทวีต เหอะๆ)
แต่พักหลัง เวลาอยากจะพิมพ์ดันพิมพ์ไม่ได้ อย่างจะรีบรายงานผลบอลแบบสดๆ ดันติดลูปอยู่นั่นแหละ
มีแต่หื่น :P
แค่ 2000 เองเหรอ ตาม @sugree สัปดาห์นึงก็เกินแล้ว น่าจะมีคนทำของ @sugree มาเทียบกันดู ^^
เดาว่า "ไร้สาระ" (ตามนิยามของข่าว) คงจะเกิน 70%
ก็ทวีตเตอร์ (ไมใ่ช่ทวิสเตอร์ ;P) ทำมาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่รึ?
ว่าแล้วก็ไปเพิ่ม 40% นั่นต่อ lol
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
Twitter ออกแบบมาเพื่อให้เราบ่นระบายความในใจครับ = =/
มาย ทวิตต์เตอร์
อ้าว เพิ่งรู้เหรอ?
What are you doing?
ถูก
"hello world" นี่ถือว่าไร้สาระรึเปล่าหว่า
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ของไทยเต็มไปด้วยมุกแป้กๆ และ Tag #หื่น ที่อ่านแล้วโคตรธรรมดา และบ่นความ Bias, Zealot ของผู้ Tweet อยู่เสมอๆ
ส่วนเรื่องสนุกและน่าสนใจก็มี เยอะอยู่เหมือนกัน
+1 เห็นมีแต่เรื่องหื่นระดับอนุบาลเต็มไปหมด
มันเป็นยังไงหว่า
คือมันหื่นไม่จริงไงล่ะครับ อารมณ์ประมาณเหมือนเด็กมัธยมแค่แอบเห็นร่องอก ญ ก็ทำอย่างกะว่ามันโป๊ซะเต็มประดา
หื่นของจริงมันต้องกระชากอารมณ์มากกว่านั้น ;)
นับ "หื่น" เป็นกี่เปอร์เซ็นล่ะ lolz
:โดนด้วย "หิวข้าวววววววววว"
บทความดีๆ ก็มี ร้ายก็เยอะ ต้องแยกแยะครับ
pwBlog'S
ตัวอย่างข้อความไร้สาระ
"... ดวงตาเห็นธรรม"
ฉันกำลังกินข้าวมันไก่!!!
ผมว่ามันเป็นธรรมชาติของ Internet เลยนะ สาระมีไม่ถึงครึ่ง!!(ที่เราหาใส่ตัวในแต่ละวัน)
ไม่มีทวีตใดไร้สาระ อยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ไป ทวิตเตอร์รับได้ทุกอย่างไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหนคิดอะไร
ลำปางหนาวมาก
แล้วคนทำวิจัยนี้จะตกใน ถ้ารู้ว่า CPU.Hour ทั่วโลกใช้ไปกับ "ความบันเทิง" กี่ %
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ความบันเทิงที่ว่าสีอะไรครับ? ชมพูอ๊ะเปล่า
โดนจัยมาก!!
เค้าทำมาเพื่อสนอง "ความไร้สาระ" อยู่แล้ว..ไม่ใช่เหรอ
ก็ Twitter มันเอาไว้ตอบโจทย์ What are you doing? ไม่ใช่หรอครับ
แล้วจะหวังให้มันทำอะไรได้มากกว่านี้หรอครับ
ปัจจุบันผมดีใจนะครับที่สังเกตุเห็นคนที่นำ Twitter ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่นประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ หรือบอกข่าวสารดีๆ (กรณีไม่ใช่ Spam)
หากพูดกันตรงๆ ก็คือไร้สาระแล้วไง ถ้าคิดว่าไร้สาระก็อย่ามา Follow สิ (ฮาๆ)
(ไม่ได้มีเจตนาผู้เขียนใดๆ ทั้งสิ้น)
Krajung.com
ผู้เขียนเค้าก็ดูออกจะเห็นเหมือนกับ @krajung ออก