นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ระบุว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง โดยจะยกเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าหรือเรือไฟฟ้าจำนวน 9 รายการ ดังนี้
เงื่อนไขของการยกเว้นภาษีดังกล่าว คือต้องนำเข้าชิ้นส่วนที่เข้าข่ายไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568 หรือมีเวลาไม่ถึง 3 ปีที่จะได้รับการยกเว้นตามมาตรการนี้ โดยต้องนำเข้ามาเพื่อประกอบหรือผลิตเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือเรือไฟฟ้า (BEV) เท่านั้น และต้องนำไปประกอบหรือผลิตให้เสร็จภายใน 1 ปีนับจากวันที่นำเข้ามาในประเทศไทย และหากนำเข้ามาแล้วไม่ได้ใช้ผลิต ต้องส่งชิ้นส่วนนั้นออกนอกประเทศหรือชำระภาษีย้อนหลัง
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่าชิ้นส่วนที่นำเข้ามาเพื่อเป็นอะไหล่สำหรับให้ศูนย์บริการเปลี่ยนในรถที่มีปัญหา จะได้รับการยกเว้นภาษีด้วยหรือไม่ เพราะปัจจุบันมีราคาค่อนข้างสูง
ที่มา - สรุปการประชุม ครม.
แบตเตอรี่แบบ 4680 ของ Tesla
Comments
ถ้าแบตที่ใช้เป็นอะไหล่ได้ส่วนลดด้วยนี่ดีมาก ๆ จะได้ไม่เครียดกันตอนเปลี่ยนแบต
ช่วยจ่ายเงินหน่อยเถอะครับ ประเทศชาติตอนนี้หนี้สินจะท่วมหัวละ มีเงินมีทองจ่ายออกมาบ้างเถอะนะขอร้อง คนไทยจะเอาเงินแจกเรื่อยๆชักติดนิสัย
ไปบอก 1% ของประเทศเลยครับ Landlord ก็ได้ คนทั่วไปเงินเดือนไม่โตมานานแล้ว
ลดภาษี ไม่ได้ขอให้งดภาษีนะครับ ของพวกนี้ ทุกอย่างมี VAT ด้วยนะครับ
การลดภาษีซ้ำซ้อน ช่วยให้คนมีเงินมาใช้จ่ายมากขึ้นครับ
ส่วนลดไม่ใช่ภาษี
ขอเสริมครับ ถ้าเข้าใจผิดขออภัย
คือการทำส่วนลดทางภาษีมัน
ต้องตั้งงบประมาณมาชดเชยทางบัญชีครับ
เหมือนทำการตลาดดั๊มพ์ราคาสุดท้าย
มันต้องมีที่มาของเงิน
สมมติ
รัฐหวังว่าจะได้ภาษี 100 บาท จาก กรมสรรพสามิตร
แต่รัฐออกมาตรการมา ลดภาษี 10 บาท
รัฐต้องตั้งบัญชีมาจ่ายให้ สรรพ 10 บาทนะครับ
แล้ว 10 บาทมาจากไหน ถ้าไม่มี Sur Plus = กู้
แล้วเงินจ่ายหนี้มันก็มาจากภาษีนี่หละครับ
ประเทศไทยทำงบประมาณขาดดุลมานานแล้วนะครับ
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (แต่เอาจริงๆคือหารายได้ไม่มากพอในความคิดผม)
สรุป
การออกระเบียบลดหย่อนภาษีคือการ
อาศัยเครดิตทางบัญชีครับ ตามที่ผมเข้าใจ
ไม่ต่าจากกู้ตัวเองล่วงหน้าเลย
ตัวอย่างแบบเร็วๆ
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/58076
ประเทศชาติหนี้สินท่วมเป็นความผิดของประชาชนหรือครับ แล้วประชานิยมเป็นความผิดของประชาชนด้วยไหมลองคิดอีกที
ญี่ปุ่น หนี้สิน 120ล้านล้าน คนไทยบอก เขาเอาเงินไป พระ ทำ นา ประเทศ มัยตองห่วงชั้น
ประเทศไทย หนี้ เท่าไรไม่รู้ คนไทยบอก มันใช่ความผิดของประชาชนหรอครับ
หนี้ประเทศไหนก็ไม่ใช่ความผิดประชาชนครับ ประชาชนไม่มีอำนาจออกนโยบาย ไม่มีอำนาจใช้เงินภาษี
ทรัพยากรและเงินของประเทศอยู่ในอำนาจรัฐบาลทั้งหมดเวลาล้มเหลวโทษปชชได้หรอ ความผิดปชชมีอย่างเดียวคือเลือกคนไม่เก่งมาทำงาน
หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งทะลุ 31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.16 พันล้านล้านบาท) ไม่ใช่ความผิดของประชาชน
ใช่ครับ เป็นความผิดของประชาชนครับ
เพราะประชาชนเห็นแก่ได้ นักการเมืองก็เลยต้องแข่งกันด้วยประชานิยม
ถ้าเกิดประชาชนทุกคนมีความคิด
ไม่เลือกคนที่ใช้ประชานิยม นักการเมือง ก็จะไม่ทำไปเอง
นักการเมืองคือ set ของคนที่เลวร้ายที่สุดในโลกใบนี้
การที่จะไม่คาดหวังในความคิดที่ดีจากนักการเมือง
น่าจะเป็นทางที่ง่ายที่สุด
การเห็นแก่ได้มันไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ ทุกคนบนโลกต้องการรัฐสวัสดิการที่ดี
ถ้ารัฐหาเงินเก่ง+บริหารจัดการได้ดีประชานิยมไม่ใช่สิ่งที่แย่นะครับ
ตอนผลงานดีเป็นเครดิตพรรคตัวเอง แต่ตอนเป็นหนี้เป็นความผิดประชน แล้วจะมีรัฐบาลไปทำไม
การที่รัฐหาเงินเก่ง มาจากประชาชนจ่ายภาษีเยอะ
และการบริหารจัดการภาษีไปเป็นสวัสดิการ เป็นเรื่องที่เห็นด้วยครับ
แต่ในไทยไม่ใช่แบบนั้น
นอกจากพยายามหลบภาษีกัน ยังเรียกหาสวัสดิการเยอะ ๆ กันอีก
พอจะเพิ่มการเก็บภาษีก็โวยวาย
ให้ซื้อประกันเพิ่มกันเอง ก็งอแง จะให้รัฐจ่ายให้หมด
โดยตัวเองจะไม่ยอมเสียอะไร
ไม่มีความละอายใจกันบ้างเลย
พูดแล้วก็ขึ้น
ทุกคนควรเรียนรู้ที่จะพึ่งตัวเอง ไม่เห็นแก่ตัว และไม่เห็นแก่ได้
และทุกคนควรเข้าใจว่า สวัสดิการที่จะได้ ควรต้องแลกด้วยอะไร
ทุกคนมีสิทธิเรียกร้องนะครับ คนเรามีพื้นฐานสังคมแตกต่างกันแล้วท่านเอาแค่โลกของตัวเองไปตัดสินคนอื่นได้หรอ
ทุกประเทศประชาธิปไตยก็มีกลุ่มคนเรียกร้องงอแงทั้งนั้นถ้านักการเมืองให้สิ่งที่เขาเรียกร้องไม่ได้สมัยหน้าเขาก็เลือกคนอื่นแค่นั้น
ส่วนเรื่องภาษีก็บังคับใช้กฏหมายไปสิ
คือรัฐบาลมีทุกอย่างครับทั้งกฏหมาย งบประมาณแผ่นดิน อำนาจในมือ ผมจึงไม่เห็นด้วยที่เวลาล้มเหลวแล้วมาโทษประชาชน
แล้วทราบไหมครับว่าใครเลี่ยงภาษีเก่งกว่ากันระหว่างคนมีเงินกับคนทั่วไป
คุณเลือกสส.จากพรรคในรบ.ปัจจุบันมั้ยครับ
ตั้งแต่เกิดมา ผมเลือกตั้งครั้งแรกครั้งเดียว (เพราะเป็นครั้งแรก เลยไม่เข้าใจ)
หลังจากนั้นมา ก็ไม่เคยเลือกเลยสักครั้งครับ
สำหรับผม นักการเมืองไม่ว่ามาจากไหน
ก็มีแต่คนเลว ไม่มีใครดีพอให้เสียเวลาไปเลือกเลยสักคน
ผมเลือกที่จะพึ่งพาตัวเองแบบ 100%
555
ทำไมถึงหัวเราะล่ะครับ?
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
การไม่เลือกเลยสักคนช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ตรงไหนบ้าง และเป็นการพึ่งพาตัวเองแบบ 100% อย่างไรนะครับ?
ไม่คาดหวังว่านักการเมืองคนไหนจะมาช่วย หรือ ให้อะไรเรา ยังไงล่ะครับ
พยายามสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะลำบาก หรือ จะเกิดอะไรขึ้น
ส่วนการไม่เลือก ผมไมไ่ด้คิดว่ามันเป็นการแก้ปัญหานะ
เพราะผมคิดว่าไม่มีนักการเมืองหน้าไหนจะมาเพื่อแก้ปัญหาอะไรอยู่แล้ว
แต่มีคนถามมา ผมก็ตอบแค่นั้น
ถ้าคุณแทบไม่ได้เลือกตั้ง แต่คุณเองก็เป็นประชาชน และมีประชาชนอีกหลายส่วนที่ไม่ได้เลือกรัฐบาลนี้
ทำไมถึงกลายเป็นความผิดของประชาชนล่ะครับ ผมเองก็ไม่เห็นแก่ได้ คุณเองก็ไม่ได้เห็นแก่ได้ และต่อให้เป็นรัฐบาล หรือระบอบที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลเป็นแบบประชาชนนิยม หรือใช้เงินฟุ่มเฟือย มันก็ไม่เกี่ยวกับประชาชนใช่มั้ยครับ
นโยบายประชานิยมเป็นสาเหตุแค่บางส่วนของการกู้ยืมเงินในนามรัฐบาลด้วยซ้ำนะครับ
ทุกคนในระบอบบนี้ของประเทศนี้มีส่วนรับผิดชอบเท่าๆ กัน (แม้จะมีคนกลุ่มนึงที่เท่ากว่าคนอื่นเสมอ) แม้แต่คนที่ไม่ออกไปเลือกตั้งจะลอยตัวเหนือปัญหาแล้วคอยชี้นิ้วว่าใครผิดไม่ได้นะครับ
ผมด่าทุกรัฐบาลที่ทำประชานิยมนะครับ รัฐบาลนี้ผมก็ด่าตอนที่แจกเงินรัว ๆ
ทำไมถึงคิดว่าผมอวยรัฐบาลนี้ในเรื่องนี้ไปได้ล่ะ
และการที่นักการเมืองมาทางนี้กันหมด
ก็เพราะผู้คนเลือกแต่คนที่ใช้ประชานิยม
เพราะงั้น ผมจึงตัดสินว่า มันคือคือความผิดของคนที่เลือกไง
ผมมองว่ามันเป็นการไม่แฟร์
ทั้ง ๆ ที่ผมพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์แบบที่สุด
ทั้งการจ่ายภาษี และ การเคารพกฎหมาย
รวมถึงหน้าที่ส่วนอื่น ๆ ที่รับผิดชอบ
แต่กลับต้องมาเจอกับรัฐบาลที่มั่วซั่วมาตลอด
เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่สนใจที่จะทำหน้าที่ส่วนอื่น
นอกจากรอจังหวะไปเลือกคนที่เขาแจกเงินตัวเอง
ทุกคนในสังคม ไม่ได้รับผิดชอบเท่ากันจริง ๆ หรอกนะครับ
มันเป็นแค่นิยาม มันไม่ใช่ความจริง
ในความจริง
มันมีคนกลุ่ม ๆ หนึ่งแบกรับทุกสิ่งอย่าง
แล้วก็มีคนกลุ่มที่ใหญ่กว่ามาก ๆ คอยกอบโกยและเอาเปรียบทุกสิ่งอย่างอยู่เสมอ
แต่เพราะ 1 เสียงเท่ากันหมด
เพราะงั้น ไม่ว่ายังไง กลุ่มที่ใหญ่กว่า ก็จะชนะเสมอ
จะว่าพาลก็ได้ แต่เพราะสิ่งที่ว่ามา
ทำให้ผมไม่ไปเลือกใครสักคน เพราะคิดว่ามันไม่มีประโยชน์
:: นานๆ ได้ระบายก็ดีเหมือนกันนะ ... อ้า ~~ ( 〃▽〃)
:: fyi ถ้ามีนักการเมืองคนไหน หาเสียงด้วยการบอกว่า จะบังคับการใช้กฎหมายจริงจัง กับทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น วันนั้นแหละ จะไปเลือกด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
เดี๋ยวๆๆๆ ผมพยายามระวังการใช้คำมากนะ ผมว่าผมระวังมากเพื่อจะไม่ยัดเยียดฝั่งให้คุณ แล้วก็ระวังมากที่จะไม่ตำหนิคุณที่ไม่เลือกตั้งด้วย
แต่ถามว่าโดยรวมผมเห็นด้วยมั้ยกับที่คุณบอกว่ารัฐบาลมันมั่วซั่วมาตลอด อันนี้เห็นด้วย ฝั่งนึงด่าประชานิยม พอตัวเองได้เป็นก็ทำ อีกฝั่งด่าเรื่องเผด็จการเสียงข้างมาก แต่ตัวเองก็เคยทำมาก่อนนั่นแหละ
ฟีลเดียวกับผมเลย
ช่วงแรกของชีวิตเคยหลงเชื่อเลือกทักษิณ
ตอนนี้คือ ไปกาไม่ลงคะแนน
เพราะเห็นว่าเลือกตั้งเป็นหน้าที่ แต่ไม่เห็นว่ามีใครดีพอจะให้คะแนนเลย
ประชาธิปไตย โฆษณาว่าเลือกคนดีเข้าสภา
แต่ภาคปฏิบัติคือ ต้องมาเลือกคนที่เลวน้อยที่สุด
มันคือระบบที่รับประกันว่าประเทศชาติสาละวันเตี้ยลงอย่างแน่นอน
จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
อันนี้อยู่ที่คนโฆษณาแหละครับ ซึ่ง
- ก็ไม่ใช่อย่างที่รู้กันอยู่
- ดีเลวไม่มีเส้นขีดแบ่งได้ชัดเจน ดีเราก็เลวในสายตาคนอื่น เลวเราก็ดีในสายตาคนอื่นได้
ก่อนอื่น.. ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าประชาธิปไตยที่หลายๆประเทศใช้รวมถึงไทยด้วย มันห่างไกลจากประชาธิปไตย "ในอุดมคติ" มากๆครับ
ประชาธิปไตยในอุดมคติไม่มีเรื่องของการเลือกตั้ง การโหวต หรือเสียงข้างมากด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน ของพวกนั้นมันลดความเป็นประชาธิปไตยในอุดมคติลงเสียอีกครับ (แต่มันจำเป็นต้องใช้ เพื่อให้ประชาธิปไตยสามารถปฏิบัติได้จริง)
เพราะงั้นถ้าคุณพูดถึงประชาธิปไตย "ในประเทศไทย" มันก็อาจจะเป็นอย่างที่คุณว่าก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงประชาธิปไตย "ในอุดมคติ" มันคือระบบที่รับประกันว่าทุกคนจะพึงพอใจครับ (ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ตาม) และอย่างที่ทุกคนรู้ว่าในทางปฏิบัติมันไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจได้อยู่แล้ว เพราะงั้นมันถึงเป็นแค่อุดมคตินั่นแหละครับ
สรุปก็คือ... ระบบที่คุณไม่ชอบ ไม่ใช่ ประชาธิปไตย แต่มันคือ ประชาธิปไตยในไทย ครับ
สุดยอดครับ ผมเห็นด้วย 100% ประเทศไทยเจริญมาได้ขนาดนี้ก็นับว่ามหัศจรรย์แล้วล่ะ จริงๆประเทศไทยควรจะอยู่ระดับเดียวกับประเทศกัมพูชาและประเทศพม่าและประเทศลาว
ไปขอกับคนที่เขาไม่เครียดตอนเปลี่ยนแบตเถอะครับ
กับคนที่ต้องเครียดตอนเปลี่ยนแบตเนี่ย... ยังไงเขาก็จ่ายเงินอยู่ดีครับ อยู่ที่ว่าจะจ่ายให้บริษัทนำเข้าก้อนใหญ่จากนั้นก็ลดค่าจ่ายทุกอย่างลง หรือจ่ายก้อนไม่ใหญ่มากแล้วเอาเงินที่เหลือไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่อเท่านั้นเอง และผมคิดว่าอย่างหลังมันส่งผลดีกับประเทศมากกว่านะครับ
ใดๆก็แล้วแต่ คนที่ยังเอาตัวเองไม่ค่อยรอด เขาแทบไม่มีเวลามาคิดถึงประเทศชาติหรอกครับ (แต่ใครที่ยอมสละมาทำเพื่อชาติจริงๆผมก็ยกย่องนะ) เพราะงั้นถ้าอยากให้ทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ มันก็ต้องเริ่มจากทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีก่อนครับ
๕๕๕+
โดยปรกติเขาจะพยายามไม่ยุ่งกับสินค้าที่เป็นอะไหล่ เหตุผลคือ เมื่อสินค้าอะไหล่มีราคาถูกลงจะทำให้ผู้ใช้ขาดความระมัดระวังในการใช้งานเนื่องจากรู้ว่าอะไหล่มีราคาถูก รวมถึงใช้สินค้ายาวนานขึ้น และที่สำคัญสินค้าอะไหล่มันต้องสต็อก ซึ่งความต้องการไม่แน่นอนเพราะอุบัติเหตุมันคาดคะเนไม่ได้ทำให้เงินจม รวมไปถึงทำให้วงจร life cycle ของสินค้าใหม่สะดุด ดังนั้นทางเลือกที่จะได้รับคือ สินค้าใหม่ราคาถูก อะไหล่แพง อันนี้มองมุมผู้ผลิตล้วนๆ ไม่ได้มองในมุมผู้บริโภคนะครับ เพราะในมุมผู้บริโภคมันไม่ดีหรอก เพียงแต่ผู้ผลิตเขาก็มีทริกที่ลดการต่อต้านจากผู้บริโภคอยู่แล้วโดยใช้งบการตลาดเข้าช่วย
ผลิตแบตเตอรี่ในประเทศเสียภาษี แต่นำเข้ามาไม่เสียภาษี
ยกเว้นภาษีนำเข้า
ภาษีมีมากมายเนอะ ควรแยกให้ออก
ภาษีมีหลายประเภท
อย่างน้อยต้องมี VAT 7% ในทุกรายการสินค้า
สนใจตรงจะมีบริษัทไหนสั่งเข้ามาเพื่อรีเอนจิเนีย มาผลิตเอง(เป็นอะไหล่ราคาถูก) ได้บ้าง
Promotion ดึงดูดการลงทุน แต่มาหลัง เทสล่า เลือกประเทศที่เป็นฐานการผลิตแล้ว ช้าแบบนี้มันเสียหายอยู่นะ หรือ รถจีนก็ได้ hi-tech เหมือน ๆ กัน
มาช้าแหละ แต่ถ้าดูเหตุผลที่ Tesla เลือกอินโดนีเซีย ผมว่าต่อให้มาเร็ว มาก่อนที่เค้าจะเลือก มันก็มีโอกาสน้อยที่เค้าจะเลือกเราครับ
เจ้าถิ่น (อุตสาหกรรมรถยนต์) เราคับที่ใช่มั้ยครับ
ถูกครับเพราะจำได้ว่า อินโดมีแหล่งแร่ด้วยไม่เหมือนไทยที่ต้องนำเข้าเพื่อผลิตแบตเตอรี่
ผมว่าไทยอยู่ในตัวเลือกนะ ตัวเลือกต้นๆเลยด้วย
..ตอนหมูป่า นี่ลงทุนมาเองเลย
..แต่เหตุการณ์นี่เอง ทำให้เจออะไรๆหลายอย่าง ..เลยไปเลือกอินโดแทน
เทสล่าไม่ได้เลือกอินโดนะครับ มีแต่รง.แบต ข่าวล่าสุดคือปธน.พยามดีลแข่งกับไทยอยู่เลย เพราะเขามองว่าให้มากกว่าอินโดตอนนี้ อินโดเลยต้องให้มากกว่าเพื่อแข่วให้ได้
ที่เขาเลือกที่อื่นเพราะที่นั่นมีทรัพยากรในการผลิตแบตลิเทียมเหลือเฟือนี่นา? ถ้าไทยมีทรัพยากรสำหรับผลิตแบตลิเทียมเหลือเฟือ ยังไงเขาก็มา แต่เราไม่ค่อยมีไง :'(
หวังว่าไทยเราตั้งโรงงานผลิตแบตเกลือได้แล้วเขาจะหันมาสนใจบ้างนะ
เรื่องแร่ที่ใช้ในการผลิตแบต ก็เป็นแค่ปัจจัยหนึ่งอาจไม่ได้สำคัญมาก ลองคิดเล่นถ้าเราเป็น tesla จะมาลงทุนต้องมีปัจจัยอะไรบ้าง
1. จำนวนประชากร ไทยแพ้อินโด
2. แร่ที่ใช้ในการผลิตแบต ไทยแพ้อินโด แต่ถ้าจะผลิตจริง นำเข้าแร่พวกนี้ได้ ส่วนแบตเกลือต้องพัฒนาอีกเยอะกว่าจะเหมาะจะเอามาใช้กับรถไฟฟ้าได้
2. รายได้ต่อประชกร ไทยสูงกว่าอินโด 1.8 เท่า ดังนั้น ev น่าจะขายดีกว่า
3. ราคาน้ำมันในประเทศ ไทยสูงกว่าอินโด 1.3 เท่า ดังนั้นใช้ ev ในไทยคืนุทนเร็วกว่า รถ ev น่าจะขายดีกว่า
4. ราคาขายรถยนต์น้ำมันในประเทศ ไทยสูงกว่าอินโดมาก ทำให้คนไทยมีแนวโน้มใช้ ev มากกว่า
5. ความพร้อมอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ ไทยดีกว่าอินโด งานประกอบดีกว่า บุคลากรเก่งกว่า
6. ความพร้อมของสถานีชาร์จ ไทยพร้อมกว่ามาก ปลายปีนี้ไทยน่าจะมีเกือบ 2000 สถานีแล้ว
7. ความพร้อมของระบบไฟฟ้าการไฟฟ้า ไทยพร้อมกว่ามาก ระบบไฟฟ้าดีกว่า ไฟฟ้าเหลือเฟือ
8. ราคาค่าไฟฟ้า ของไทยสูงกว่าอินโดนิดหน่อย
9. การยอมรับใน EV ไทยมีรถ EV แล้ว หมื่นกว่าคัน อินโด 600 คัน
ผมว่าไทยได้เปรียบหลายข้อนะ
ซัพพลายเชนเดิมๆอาจจะเหลือประโยชน์ไม่มากนักที่จะไปต่อในการผลิต EV (ไหนๆก็เกือบจะเริ่มใหม่เหมือนๆกัน) ถ้ามองขนาดตลาดรถยนต์ทางอินโดนิเซียมีศักยภาพมากกว่าของไทย การไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศนั้นๆ ก็ได้ประโยชน์เรื่องภาษีเต็มๆ แถมทางโน้นก็มีแหล่งแร่ที่จะไปทำแบตฯซึ่งเป็นหัวใจของ EV และผู้นำรัฐบาลเค้าก็ขยับตัวไวกว่าเยอะ
อินโดนี้ประกาศชัดเจนว่า ไทยให้เท่าไหร อินโดพร้อมให้มากกว่า https://asia.nikkei.com/Business/Transportation/Indonesia-unveils-EV-subsidies-to-woo-Tesla-BYD
แล้วของเราถ้าให้มากไปเดี๋ยวจะโดนประชาชนแซะด่าเอาตามกระทู้ข่าวนี้ก็ใกล้ล่ะ
ของไทยเราถัดจาก BYD ต่อไป ฮุนได อาจมาลงทุน EV ในไทยด้วย เรียกได้ว่าอัดกันแน่น จนเทสล่าอาจไม่จำเป็นต้องให้สิทธิพิเศษมากกว่าใครก็ได้ อย่างน้อยอย่าบ้าแบบ Vinfast ก็พอ
ผมเชื่อมั่นในบ.แอปเปิ้ลครับ ถ้าเราดึงบ.แอปเปิ้ลมาเป็นพันธมิตรได้ เทสล่าก็เทสล่าเถอะ