สำนักข่าวหลายสำนักได้ออกมากล่าวว่าการเลือกใช้สถาปัตยกรรม ARMv8 64-bit ของแอปเปิลไม่ได้มีประโยชน์อะไร และเป็นการใส่เข้ามาเพื่อเหตุผลทางการตลาดเท่านั้น โดย Patrick Moorhead ประธานและนักวิจัยตลาดของ Moor Insights and Strategy ได้ออกมาบอกว่า ณ เวลานี้ 64-bit จะไม่สร้างผลดีและผลเสียต่ออุปกรณ์ที่ยังไม่ต้องการใช้ RAM มากกว่า 4GB
อย่างไรก็ตามคิดว่าในอนาคตอันใกล้ มือถือทั้งของแอปเปิลและซัมซุงเอง ก็จะมี RAM มากถึงจุดเปลี่ยนอยู่ดี โดยทุกวันนี้ iPhone 5s มาพร้อมกับ RAM ที่ 2GB (อ้างตามข่าวลือ) ในขณะที่ Galaxy Note 3 ตอนนี้ก็มี RAM อยู่ที่ 3GB แล้ว และการเปลี่ยนมาเป็นสถาปัตยกรรม 64-bit เมื่อถึงเวลานั้นก็กลายเป็นสิ่งจำเป็น
สำหรับ iPhone 5s แล้ว หน่วยประมวลผลใหม่นี้จะมาพร้อมกับ register ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ A7 สามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการเข้าและถอดรหัสวีดีโอ และส่วนนี้ประกอบกับจำนวนคอร์และ GPU ที่ดีขึ้น ผู้ใช้ iPhone 5s จะเห็นว่าทุกอย่างเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ข้อเสียที่ตามมาของ 64-bit ก็คือขนาดแอพพลิเคชั่นที่จะกินเนื้อที่มากขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะต้องการ RAM ที่มากขึ้นตามไป
การเปลี่ยนมาเป็น 64-bit ก่อนถึงเวลาที่จำเป็น จะทำให้การช่วงเปลี่ยนผ่านจาก 32-bit มาเป็น 64-bit ของแอปเปิลเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่า และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เร็วกว่าแพลตฟอร์มอื่นเพราะ iOS เป็นแพลตฟอร์มที่แอปเปิลควบคุมทุกอย่าง (เช่น Xcode จะทำให้ 64-bit เป็นโหมดเริ่มต้นสำหรับนักพัฒนา)
หากมองการณ์ไกล การที่เราอยู่ในยุค Post-PC ผู้ใช้ในอนาคตก็คงจะเริ่มหันมาใช้งานอุปกรณ์พกพาเพื่องานประเภท Productivity มากขึ้น และการทำชิป 64-bit อาจจะเป็นการวางแผนระยะไกลของแอปเปิล จากที่เห็นได้ชัดคือการปล่อยให้ดาวน์โหลดชุดแอพพลิเคชั่น iWork ได้ฟรี และการเริ่มวางขาย iPad ขนาดความจุ 128GB ที่แอปเปิลได้บอกว่าเหมาะสมสำหรับการใช้งานคู่กับ AutoCAD
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่แอปเปิลได้เลือกใช้คำว่า "Forward Thinking" ในการอธิบาย iPhone 5s
ข้อดีสุดท้ายของการที่แอปเปิลเปลี่ยนมาใช้ชิป 64-bit คือการเร่งการแข่งขันในอุตสาหกรรมมือถือไปอีกขั้นให้เร็วกว่าเดิม โดยนักวิจัยตลาดจาก Insight 64 ได้ออกมาบอกว่าภายใน 9-12 เดือนต่อจากนี้ เราจะได้เห็นมือถือ Android ที่เริ่มนำชิป 64-bit มาใช้อีกเช่นกัน ซึ่งเห็นได้ชัดจากข่าวก่อนหน้า
ที่มา - The Verge
Comments
เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะการเปลี่ยนผ่าน application 32 bit -> 64 bit ไม่ได้ทำได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ส่วนตัวเชื่อว่า apple จะเปลี่ยนเป็น 64 bit ทั้งหมดได้ภายใน สามปี
Android ยิ่งใช้เวลานานเพราะ hardware หลากหลาย มากเกินไป
10 ปี+ ผมว่าก็ยังคงเห็น 32bit เกลื่อนครับ เพราะผมว่า app บางตัวมันก็ไม่จำเป็นขนาดต้องเปลี่ยนไปใช้ 64bit นะ
ผมเชื่อว่า apple บังคับให้ xcode ในอีก สองปีข้างหน้า compile code เป็น 64 bit ก็เป็น 64 bit หมดแล้วครับ ที่ยังต้องมี 32 bit ก็เพราะ hardware เท่านั้นแหละครับ
+1 เห็นด้วยทุกประเด็น แต่เรื่อง app บน android นอกจากเกมที่้เป็น natine แล้ว ผมยังไม่เห็นปัญหาเลย เพราะ app บน android เป็น bytecode ไม่ได้เป็นภาษาเครื่อง เอาไปรันบน dalvik vm ได้ก็จบ แทบไม่ต้องรับรู้เลยว่าเป็น 32 หรือ 64 x86 หรืออะไร มันก็เหมือนกันหมด เรื่องนี้ android ล้ำหน้าไปไกลแล้ว แลกมาด้วยการอืดเป็นรถบรรทุกไง ในเรื่อง การเปลี่ยน cpu เห็นจะมีแต่ apple เนี่ยแหละมีปัญหาอยู่เจ้าเดียว
ซัมซุงประกาศ S8 ออกพร้อม 128 บิท! #ห๊ะ?!
my blog
ผมเห็นแบรนด์จีนจะออก 256 บิท !!! ขอโทษครับโพสเร็วไปหลายปี ^^"
คนประกาศควรเป็นกูเกิลครับ!! 555 ถ้าซัมซุงทำ chip ออกมาแล้ว android ยัง 32bit จะฮากว่า
positivity
ผมว่าน่าจะเปลี่ยนได้เร็วกว่า PC กับ SUN นะครับ เห็นว่า SUN ใช้เวลา 10 กว่าปี PC ก็ยังลูกผีลูกคนอยู่
เมื่อไหร่ที่ iOS 8 9 10 มีแต่ 64bit แล้วรุ่นเก่าๆ อัพไม่ได้ เหมือน iPhone3G ที่โดนทิ้งที่ 4.2.1 apple ก็สามารถเปลี่ยนไปเป็น 64bit ได้เต็มตัว
จะลำบากก็คนพัฒนาโปรแกรมแหละ คล้ายๆ กับตอนเปลี่ยนจาก power pc เป็น intel แหละ
รอดูกันต่อไป
ที่แน่ ๆ iPhone 5s เร็วขึ้นเท่าตัว ครับ
http://www.techxcite.com/topics/14388/filemanager/iphone_5s_5_gfxbench.jpg
การ Compile จาก 32 Bit ย้ายไปเป็น 64 Bit ไม่ได้ทำให้โปรแกรท ทำงานเร็วขึ้นเท่าตัว
ยกเว้น Data Type ของ การประมวลผลหลัก ๆ เป็น 64 Bit อยู่แล้ว เพียงแต่เดิมประมวลผลบน 32 Bit เมื่อ Compile ใหม่ ...เป็น 64 Bit ถึงจะได้พลังการประมวลผลของ CPU 64 Bit อย่างแท้จริง
ดังนั้น หมายความว่า iOS เดิม มี Data Type หลาย ๆ ส่วน เป็น 64 Bit อยู่แล้ว จึงทำให้ การประมวลผลโดยรวม บน iPhone 5s เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว ครับ
พูดถึง CPU แต่ไปเอารูป GPU benchmark มา?
ไม่ได้หมายถึง CPU ไม่ได้เร็วขึ้น 2 เท่าจริงๆนะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ส่วน RAM ไม่มีผล ...อะไรกับ 32 Bit หรือ 64 Bit
App บน iOS เป็นแบบ Native แต่ละ App มีการขอและคืน Memory โดยทันที ทำให้ไม่ต้องใช้ RAM มาก ต่างจาก Java App บน Android หรือ .NET App บน Windows Phone ไม่มีการคืน Memroy จริง ๆ ทำให้ต้องมี RAM มากกว่า iOS 1 - 2 เท่าตัว
ปล. ยิ่งมี RAM มาก ๆ ยิ่งกิน Battery มากขึ้นด้วยครับ Apple จึงเน้น ศาสตร์ และ ศิลป์ เพื่อ Mix ผสมทั้ง Software และ Hardware วิธีคิดจึงไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่อง จำนวน Core, Memory และ รูปแบบ ของ Software
โครตมั่วได้ใจ
ไม่ว่า Platform ไหนๆมันก็ไม่มีการคืน RAM โดยทันทีทั้งนั้นแหละอย่าง iOS App ต่างๆยังอยู่ใน RAM(Suspended/Background) เพื่อให้การเปิด App ครั้งต่อไปเร็วขึ้นจนกว่าจะ RAM ไม่พอแล้วค่อย Kill ทิ้ง > (Not running)
Android ก็เหมือนกัน ถ้าถูก kill มันก็คืนแรมหมด ที่มันต้องมี RAM เยอะๆไม่ใช่มันคืนไม่หมดแต่มันมี App ที่จำเป็นต้องอยู่ใน RAM เยอะเพื่อความลื่นไหล เช่น UI/Widget/Services ต่างๆ ยิ่ง Android ของบางราย Service กระจุย และสำหรับ Android RAM ยิ่งเยอะยิ่งดี เพราะโปรแกรมบน Android เป็นแบบ Java ทำให้ Start ช้า(แต่ไม่ได้หมายความว่า performance หลัง run แล้วจะช้า) การให้มันอยู่ใน RAM ทำให้มันไม่จำเป็นต้อง start ใหม่ ทุกครั้ง และการมี RAM มากทำให้มี App ค้างอยู่ใน RAM ได้มาก และไม่จำเป็นต้อง Start ใหม่บ่อยๆ ซึ่งทำให้ช้า + กินแบตจาก CPU เพิ่มเพราะต้องโหลด App ใหม่
WP ก็เหมือนกัน
RAM เยอะขึ้นยังช่วยเพิ่ม responsive ให้กับเครื่องโดยการ cache 'file'(read/defer write cache) ที่เคยถูกเรียกใช้เข้าไปใน RAM ทำให้ไม่ต้องไปอ่าน/เขียนจาก eMMC ตลอดเวลา(ซึ่งกินไฟสูงกว่า ช้ากว่า I/O น้อยกว่า กิน CPU Time มากกว่า) และ RAM ที่เพิ่มขึ้นมาก็ไม่ได้กินไฟเพิ่มจนมีนัยยะสำคัญอะไร
More RAM = More Power Usage --- Negatable
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
นั่นทำให้ Androids ทำ multitasking ได้ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ iOS ยังทำไม่ได้ที่ผมมองว่าสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับผมที่เลือกใช้ iPad mini หรือ note8
ปล.1 ขอบคุณสรุปสั้นๆ ที่ทำให้แก้ความเข้าใจ(จากคนนอกวงit)
ปล.2 รู้สึกถึงติ่งชงมาม่า
Multitasking ...กระจอก ครับ
Android ใช้ Multi-Core แต่ยังงมงายอยู่กับ Multitasking หรือ Multi-thread ซึ่งเป็นเทคนิกการเขียน Software สำหรับ Single Core ถ้าหากยังพัฒนา Software แบบ Concurrency ไม่ได้ สาวก Android ก็ยังโง่ซื้อ Multi-Core ต่อไปแบบไร้ประโยชน์ื ยังไม่รวมปัญหา คอขวด เกี่ยวกับ Bus ทั้ง Memory, Storage & IOS ของ Multi-Core เหมือน คนหลายหัว แต่มี ตา ปาก แขน ขา เท่าเดิม
ปล. โลกของ Smart Device ต่างจาก Desktop ครับ ( ไม่จำเป็น ต้องยึด Style ในอดีต แต่ต้องคำนึกถึงประโยขน์ @ Customer จะได้ประโยขน์สูงสุด จากรูปแบบ หรือ Style ที่เปลี่ยนไป ซึ่งต้องใช้ ศาสตร์ และ ศิลป์ ในการ Mix ทั้ง Hardware และ Software นี่ละที่เป็นปัญหา ทำให้หลาย ๆ App บน Desktop ย้ายมายัง Smart Device ไม่ได้ )
Android ไม่ได้เอามาใช้เพื่องาน high performance/server แล้วจะเอา parallel processing มาทำไม? คิดเองเออเองไปหรือเปล่าว่าจะต้องเป็นแบบนู้นแบบนี้?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ถ้าสาวก Android ยังแข่งขันกันเรื่อง Multi-Core แต่ไม่สนใจ Parallel Processing ก็แสดงว่า วงการนี้ โง่ จริง ๆ ครับ มีแต่ดูถูกคนอื่น แต่เรื่องของตนเอง กลับไม่รู้จักอะไรเลย ก็ถูก SS หลอกอยู่ร่ำไป
รวมทั้ง GC ของ Java และ .NET นี่ละ @ ทำให้ Android และ Windows Phone ต้องการ Memory มากกว่า 1 GB โดยเฉพาะการเรียบแบบ Multitasking และ Multi-View เหมือน Desktop สุดท้าย ก็กิน Battery และ ใช้เวลา Charge นานมากขึ้น จะไม่เรียกว่า ...โง่ ได้อย่างไร ครับ
Windows Phone แรม 512 MB ก็มีอะนะ ไม่เห็นจำเป็นต้อง 1GB เลย
นี่คุณคงไม่รู้ใช่ไหมเนี่ยว่า Multithreading กับ Parallel ใช้งานต่างกันยังไง
แค่ออกมาบ่นมั่วๆเล่นๆเหรอครับเนี่ย
แบนฐานก่อกวนนะครับ
ถ้าจะคุยกันเรื่องเทคนิคก็เรียนรู้ที่จะคุยกันด้วยข้อเท็จจริงก่อนอารมณ์มาก่อนครับ
lewcpe.com, @wasonliw
และแล้วก็ปลิวไปอีกหนึ่งท่าน ...จนได้
เอาความต้องการของอีกตลาดนึง มาบอกว่าอีกตลาดก็ต้องการแบบนี้ก็ฉลาดดีเหมือนกันครับ
ผมว่าตลาด Mobile เค้ารู้ดีนะว่าตอนนี้ควรทำยังไง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ก่อนคุณ edit :
เรื่องที่ว่า Android ใช้ Multi-Core แต่ยังงมงายอยู่กับ Multitasking หรือ Multi-thread ซึ่งเป็นเทคนิกการเขียน Software สำหรับ Single Core นั้น ... ไม่ถูกนะครับ
อีกนิด มันมีความเข้าใจผิด ในช่วง Android 2.x ที่ hardware เป็น 2 core แต่ software ยังไม่รองรับเต็มที่ ตอนนี้ปรับปรุงไปหมดแล้ว
หลังคุณ edit :
Parallel Processing ก็คือ Multi-thread เนี่ยแหละครับ แต่ cpu มือถือสมัยนี้ค่อนข้างระวังการไช้ทรัพยากรณ์ หลายเจ้าปิดการทำงานของ cpu บาง core ถ้า workload ต่ำ ซึ่งเป็นการประหยัดพลังงาน
ย้ำว่าที่อยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นโปรแกรมเมอร์ ระวังด้วยนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Multi-Core ผมว่าสำหรับ android ที่เปิดได้หลาย app มันก็ดีนะครับ ไม่จะเป็นต้องเขียน multi-thread ก็ได้ ให้ core 1 สำหรับ background app อีก core เป็น app ที่ใช้อยู่ผมว่ามันก็ลื่นกว่า core เดียวทำทั้งคู่นะครับ
"สาวกandroid ก็ยังโง่ซื้อ"
เงินเค้าซื้อไม่ได้ขอเงินคุณซื้อครับ
ความรู้ ...แค่หางอึ่ง
แสดงว่า ไม่เคยเขียน System Call หรือ C/C++ รวมถึง Objective-C ในแบบ Native ทั้ง OS X, Linux หรือ Windows ซึ่งสามารถขอและคืน Memory ได้ทันทีจริง ๆ
หรือ แม้แต่ GC ของ Java หรือ .NET ก็สามารถเขียนโปรแกรมสั่งให้ GC คืน Memory คล้ายจริง ๆ ได้ แต่ Process ช้ามาก ๆ สู้คืนทั้งก้อนของทั้ง App ไม่ได้ เพราะมันเป็นการคืนบางส่วน ที่เคยใช้ไปแล้ว ...ปัจจุบันไม่ได้ใช้อยู่ และ ไม่ได้คืนกลับไปยังระบบ เหมือนพวก Native แต่สำคัญมาก ๆ เพราะ คืน ...เพื่อจะได้ใช้ Memory ที่เคยขอมาแล้ว จะได้ไม่ต้องขอเพิ่มใหม่ ซึ่งจะทำให้ Memoery ของทั้งระบบน้อยลง
โดยเฉพาะข้อมูลมหาศาล ซึ่งมากกว่า RAM 10 - 1,0000 เท่า ถ้ารอปิด App แล้วจึง ขอ และ คืน Memory จริง ๆ โลก IT คงมีแต่คน โง่ ๆ กว่านี้อีกเยอะ
อืม...ครับ ผมก็โง่ประจำเพราะใช้ ipad3 ทีไรชอบกดดับเบิ้ลปุ่ม home แล้วกดสั่งปิดทีละแอพประจำ
ผมปิดแอพใน ipad ไม่เป็นครับ อาศัยวิธีขยุ้มนิ้วปิดหน้าต่างแอพ แล้วมาสั่ง kill ทีหลัง
ทั้งๆที่รู้ว่ามันอยู่ในแรมก็ไม่ได้เปลืองไฟมากมาย
พอเจอ multitasking iOS7 style ก็เงิบอีก...
ตอนนี้เริ่มหัดใช้ Mac OSX ก็ใช้ desktop environment ไม่ค่อยถนัด ต้องเข้า console สั่งด้วย command line เป็นระยะๆ
I'M... , NOT A CLONE.
เห็นโพสว่าคนอื่นว่าโง่ตลอดเลยนะครับ ยังไงทางแอดมินช่วยตักเตือนด้วยครับ
ถ้ารู้ระดับความรู้ของตนเอง ...ก่อนว่าคนอื่น ผมก็ไม่เคยว่าอะไรใครครับ
การที่มีคนมาแย้งว่าข้อมูลของคุณมั่ว ไม่ได้หมายความว่า คุณมีสิทธิ์ว่าเค้าว่าโง่นะครับ
ยังไม่รวมถึงที่ คุณไปว่ากราดว่า "สาวก Android ก็ยังโง่" ทั้งที่ยังไม่มีใครไปว่าอะไรคุณเลย
ระดับความรู้ไม่ใช่สิ่งสำคัญมากว่าการมาถกเถียงกันอย่างมีมารยาทนะครับ
คุณเก่งมากครับในการดูถูกคนอื่นเห็นมาหลายทีละ ข่าว CTH ก็แบบนี้
ย้อนขึ้นไปอ่านที่คุณเม้นไว้ซิครับ ลงท้ายด้วยโง่ทั้งหมด จริงครับคนฉลาดมีน้อย แต่ฉลาดแล้วทำอะไรไม่ได้มีเยอะมากๆๆๆๆ
เค้าว่ากันว่า "คนโง่" ชอบอวดฉลาดนะครับ :-)
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
555+
ผมคงเข้าผิด Blog นึกว่า ด้าน IT หรือ Computer
ถ้าอ่านให้ดี ๆ ผมไม่เคยสรุปอะไรง่าย ๆ มี ตรรกะ หรือ Logic ( ถ้า... แล้ว... ) เสมอ
ใช้ครับคุณมีหลักการ แต่คุณมักจะเหมารวมวงการไอที มีแต่คนโง่
คนแบบคุณน่าจะเผยตัวจริงนะครับ นำความสามารถของคุณออกไปพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า พวกคน it ส่วนใหญ่นั้นโง่
ถ้าหากคุณไม่ได้ทำตามที่ผมแนะนำ คุณก็จะต้องเสียเวลาอธิบายเหตุผลร้อยพันประการ เพื่อพิสูจน์ว่าคนส่วนใหญ่นั้นโง่จริง และต้องต่อสู้กับความถือตนของมนุษย์อย่างเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส แต่ผลที่ได้จะว่างเปล่าเพราะคุณยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าคุณนั้นถูก
ผมขอสรุปคุณไว้ก่อนนะ ว่าคุณนั้นโง่ เพราะคุณยังไม่ได้แสดงผลงานว่าคุณนั้นถูก
ส่วนตัวผมนั้นก็โง่ครับ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน
Garbage Collection เกี่ยวอะไรกับ Process Kill ครับ?
อย่าเอาเรื่องคนละเรื่องมาเป็นเรื่องเดียวกันครับ เห็นบ่อยแล้ว มั่วตลอด
Java ก็มี GC .Net ก็มี GC ถ้าไม่มีป่านนี้รันแอพทีคงพุ่งไป 1GB+ โดยลดไม่ได้แล้ว
Native คืนแรมได้โดยไม่ใช้แรม? เหอะๆ มันเอาส่วนไหนมาคืน? หรือมันแค่ flush ลง Page/Swap แล้วบอกว่าคืนแล้ว? หรือมันปิด(Kill) Process แล้วบอกว่าคืนแล้ว? หรือถ้ามันคืนธรรมดามันต่างจาก GC ยังไง?
แล้วไปเอามาจากไหนว่า GC คืนแล้วไม่คืนให้ระบบ? ถ้าไม่คืนให้ระบบ Commit Page จะต้องเท่ากับ Current Usage ซึ่งมันไม่เท่ากันแน่ๆ
หรือถ้าคุณจะบอกว่า Native memory vs Heap ดีกว่าเพราะไม่มี leak เอา proof มาสิครับว่ามันไม่มี? เราเห็นๆกันอยู่ตั้งแต่ในอดีตตั้งแต่ว่ามันก็ leak กันมาทั้งนั้นไม่ว่าโปรแกรมอะไร
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คำถาม คุณรู้หรือไม่ว่าการขอจอง memory จาก os มันช้ามาก
ดังนั้นโปรแกรมที่ต้องเน้นการจัดการ memory มากๆจึงต้องขอจอง memory มาเป็นก้อนใหญ่แล้วมาจัดการเอง
ไอ้การที่อยากจอง memory แล้วก็ขอทีนึงใช้เสร็จแล้วคืน แล้วขอจองใหม่ ใครมันจะทำครับ หาาาา?
ยังไงก็ขออย่าให้จบโดยคำพูดว่า "ผมไม่ขอเถียงด้วยแล้ว กับพวกโง่ๆ" ก็พอครับ เพราะดูเหมือนสิ่งที่ท่านด่าคนอื่นที่เค้ามาความเห็นและข้อมูลต่างจากท่านโดนหาว่าโง่ ถ้าท่านด่าเค้าท่านต้องชีแจ้งได้ว่าสิ่งที่ท่านรู้อะมันลบล้างขอเค้าได้ ไม่งั้นก็เหมือนเกรียนที่คิดว่าตัวเองมีความรู้สูง คิดว่าสิ่งที่ตนเองรู้ถูกเสมอ ผมผู้มีความรู้น้อยรู้เยอะขึ้นจากการโต้ตอบกันด้วยข้อมูลแบบนี้แหละครับ รอคอยท่านตอบเค้าอยู่นะ
ความรู้พื้นฐานสำหรับคนเขียน Java นะครับ: เรามีสิทธิสั่งให้ GC ทำงานได้ แต่ GC ไม่จำเป็นต้องทำงานตามที่เราสั่ง ถ้ามันเห็นว่ามันไม่จำเป็นจะต้องทำงานมันก็จะอู้ครับ และเมื่อ GC ทำงานมันจะควานหาทั้งโปรเซสเลย ใ้ช้วิธีการ mark-and-sweep ดังนั้นมันจะช้ากว่าไอ้พวกภาษา C/C++ ที่ต้องฟรีเองแน่นอน แต่ข้อดีคือเราไม่ต้องกังวงว่าจะลืมหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ทั้งนี้บน .NET ก็เหมือนกันครับ
สำหรับภาษา C การเรียกฟังก์ชัน free() เพื่อคืนแรมที่มาจากการสั่ง malloc() นั้น libc ก็ไม่ได้คืนแรมส่วนนั้นให้ OS ทันทีหรอกครับ พื้นที่ส่วนนี้ libc จะเก็บไว้เผื่อว่าจะมีการสั่ง malloc() อีก ก็เหมือนอย่างความเห็นบนนั่นแหละครับเพราะการขอแรมจาก OS โดยตรงนั้นช้ามาก
สำหรับกรณีของ Objective-C แน่นอนว่าการขอแรมให้ออบเจ็กต์และการคืนแรม (โดย GC) ใช้การสั่ง malloc()/free() ซึ่ง Obj-C runtime จะสั่ง free() เมื่อ reference count เป็น 0 และ libc ก็ไม่ได้คืนแรมส่วนนั้นให้ OS ทันที
ในกรณีของ Java ก็เช่นเดียวกัน เมื่อออบเจ็กต์ไม่มีการอ้างถึง แม้พื้นที่ส่วนนี้จะไม่ถูกจัดการในทันที แต่ครั้งถัดไปที่ GC มีการทำงาน (อาจจะเป็นเมื่อพื้นที่ของ Heap เหลือน้อย - ซึ่งพื้นที่นี้จะถูกขอเพิ่มเมื่อจำเป็นจริงๆ) พื้นที่ตรงนี้จะถูกทำเครื่องหมายว่า "ว่าง" และการขอแรมให้ออบเจ็กต์ครั้งต่อไปก็สามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ได้
สำหรับ .NET ผมไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่าวีธีการจัดการก็ไม่ได้ต่างกับ Java นักหรอกครับ
ฉะนั้น ไม่ว่าจะภาษาใด ก็ไม่มีการคืนแรมทันทีที่หรอก ไม่ว่าภาษาไหนก็ต้องทำตาม best practice ของการใช้แรมอยู่ดีครับ
http://www.gnu.org/software/libc/manual/html_node/Freeing-after-Malloc.html
http://stackoverflow.com/a/1150665
http://stackoverflow.com/a/3321607
ถูกต้องครับ
ขอโต้ roongroj หน่อยนะ ทั้งที่โดนแบนไปแล้วก็ตาม เพราะมันตอบต่อจากที่ผมเขียน
1. ผมเข้าใจถูกเรื่องติ่งต้มมาม่า
2. ผมโง่เรื่องโปรแกรมจริงครับ(แต่เขียนบอกไว้แล้วว่านอกวงการคงไม่ได้อ่าน ผมว่าเขียนไม่เกิน7บรรทัดนะ) จบเคมีครับแต่สนใจIT และชอบที่จะอ่านและทำความเข้าใจให้มากขึ้นเรื่อยๆ commentบ้าง โดนบ้าง แป็กบ้าง ว่าไป
3. ผมมีใช้ทั้ง 2ตัว(iPad และ Note8) แต่หยิบเลือกใช้งานที่เหมาะกับการใช้งานแต่ละครั้ง ซึ่งMultitaskingมันเหมาะกว่า iPadไว้ดูหนัง เล่นเกม
4. ผมไม่สนใจcoreครับ ผมดูSpecกับราคาเวลาซื้อ และการใช้งานดูงานจริงเป็นหลัก
ปล. ผมรู้ว่ารักApple แต่มันไม่ใข่ศุนย์กลางของโลก มันจะยิ่งทำให้สาวกดูแย่ไปเรื่อยๆ
เรื่องคืน memory ทันทีน่าจะหมายถึง
java
{
Object a = new Object();
a.use();
}
a ในที่นี้ต้องรอ GC วิ่งมาถึงจะเก็บให้
แต่ว่าใน Objective-C ใน iOS (เท่านั้น ใน OSX ไม่เกี่ยว)
{
Object a = [[Object alloc] init];
[a use];
[a release]; // ถ้าเป็น ARC บรรทัดนี้จะถูก compiler เติมมาให้
}
a ใน Objective-C หลังจาก release
แล้วก็จะโดน free ทันทีไม่ต้องรอ GC มาเก็บจน retain count เป็น 0 แล้วก็จะคืน Memory ทันทีไม่ต้องรอ GC มาเก็บObject-C ถ้าเขียนแบบ ARC แล้วรันบน background thread
จะอาการหนักกว่า ต้องวนลูปหา object แล้ว remove เอาเอง -*-)a
เวทย์มนต์เรียก gc ให้ทำงานทันที
public void freeMemory(){
System.runFinalization();
Runtime.getRuntime().gc();
System.gc();
}
... ไม่ใด้คิดเอง google ให้มา http://www.coderzheaven.com/2012/04/24/explicitly-free-memory-android-release-unwanted-memory-android/
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมก็เคยทำครับ แต่มันก็จะมีปัญหาตรงที่ GC มันวิ่งตอน runtime (พวกทำการ mark-and-sweep) แม้จะสั่ง System.gc() ก็ตาม
แต่ว่า Objective-C คล้ายๆ กับว่าทำการ mark-and-sweep ไว้ตั้งแต่ compile time พอถึง runtime ก็ทำงานได้ทันที
แต่ว่า.... ยังไงก็ตาม
{
Object a = [[Object alloc] init];
[a use]; // โดยไม่มี [a release]; ใน mode ที่ไม่ใช่ ARC
}
มีอยู่ถมไปใน Code มือใหม่ ดังนั้น memory ของ a จะไม่มีใครมาเก็บกวาดไปเลย
เพราะว่า
เพราะฉะนั้น Objective-C ที่เขียนด้วย code ลักษณะแบบนี้มีสิทธิ์ สูงกว่า Java มากมายนักที่จะ Memory leak
ขอบคุณครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
register = transistor หลือเปล่าครับ
register ถูกแล้วครับ
register เป็นตัวเก็บข้อมูลขนาดเล็กๆ ในตัวซีพียู (tiny units of storage inside the processor)
^
^
that's just my two cents.
register ≠ transistor
แต่ register สร้างขึ้นมาจาก transistor
แต่ที่แน่ในตอนนี้ 64bit ดีสำหรับเครื่องที่เป็นเครื่อง Server เพียงอย่างเดียวเท่านนั้น เพราะขีดจำกัด 4 Gb
แต่ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่กินแรมไม่แพ้กัน
ปกติแล้วผมจะใช้คอมอยู่ 2 เครื่องเข้าเน็ทผ่านแอรืการ์ด เครื่องแรก เป็น DDR I 768 MB กับอีกเครื่อง เป็น DDR II 8 GB
เครื่องแรกเปิด Chrome ได้ไม่เกิน 5 แท็บเรื่มมีอาการ อีกเครื่องไม่มีปัญหา แม้ว่ามันจะเกี่ยวกับรุ่นของเครื่องคนละระดับ
แต่เครื่องที่ใช้อยู่เป็นเครื่องที่ 3 เป็น วูดู 5500 ผมเขาใจความต่างครับ และรู้ถึงรสความต่างด้วย
ในฐานะคนที่อนุรักษ์ของเก่า ก็อยากให้มือถือที่เลิกใช้และสามารถเอากลับมาทำเป็นคลัสเตอร์ของ web server ได้
การเริ่มมี arm 64bit เข้ามาในตลาด ก็เป็นนิมิตที่ดีในความคุ้มค่า
แบบนี้แล้ว iPhone รุ่น 32 bit อย่าง iPhone 5 ของผมจะอยู่ได้อีกกี่ปีละครับ ผมกระว่าจะใช้มันต่อไปอีกสัก 2 - 3 ปีครับ
Iphone4ยังได้ios7เลยคับ
ตามอายุios7 ครับ ios7ทำแบบเรียบมาเพื่อความเร็ว น่าจะเป็นอะไรที่ใช้ปรับตัวสำหรับทั้ง32และ64 มันก็หลายปีอยู่นะ
เชื่อว่าไม่น่าเกิน iOS 9 จะกลายเป็น pure 64 bit
ผมเชื่อว่า 3-4 ปีนั้นแหละครับ pure iOS 64 bit ถึงจะออกมา คิดว่าเป็นการคาดการอนาคตของ Apple ที่จะพยายามอัพเกรดระบบให้ได้หลายรุ่นที่สุด เลยเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ถึงตอนนั้นท่านก็คงเปลี่ยนโทรศัพท์ไปแล้วครับ
มันเป็นการตลาด+กดดันคู่แข่งให้รีบเดินตาม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้แป๊บก็ตามทันแต่เรื่อง secutiry พวก Touch ID นี่สิน่าสนใจกว่าว่าคู่แข่งจะทำออกมาในรูปแบบไหน
+1
ไม่ได้ช่วยอะไร แต่เพียงแค่เห็นว่าแอนดรอยรุ่นใหม่ คงต้องเอา 64bit กับ touch ID ไปคิดแล้วก็เดินตามแน่ๆ ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมของ Apple ต่อไป ไม่อย่างนั้นคนใช้แอนดรอยด์ก็ยื่นหน้าปลดล๊อคกันต่อไป
ปล.2 นวัตกรรมของ Google มันใช้ได้จริงไหม ทุกวันนี้มีใครยื่นหน้าปลดล๊อคบ้าง อยากรู้จริงๆนะนี่
เจ็บ แต่จบ - -
ยอมรับว่าตอนแรก ๆ ทำ ตอนนี้เลิก น่ารำคาญมาก
+1 เรื่อง Face Unlock เคยลองเทส 1 ที แล้วก็ปิดไป = ='
:: DigiKin8 ::
ความคิดเห็นอื่นเถียงกันยืดยาวงั้นงี้ เจอความเห็นนี้ทีเดียวจบ
เอาจริงๆพอแอ๊ปเปิ้ลออก64 ฝั่งแอนดรอยด์เค้าก็เริ่มเคลื่อนไหวไปในแนวนี้
พอแอนดรอยด์เสร็จ พวกโทรศัพท์ก็ออก 64กันมาเอง
ไม่รู้บนๆจะพูดทำไมมัลตินั้นนู้นนี้อารมณ์แบบสาวก
แตะไม่ได้ ทั้งๆที่มันจะเดินไปในแนวเดียวกันอยู่ดี
touchID ผมถือว่าเป็นนวัตกรรม
แต่ 64bit เป็นนวัตกรรมที่ android ต้องเดินตามเหรอ อันนี้ไม่แน่ใจ ยังไง android ก็ต้องเปลี่ยนเป็น 64ใกล้ๆนี้อยู่แล้ว ซดแรมไป3GBแล้ว
ถูกครับ ก็ในเมื่อมันเป็นแนวทางที่มุ่งไปอยู่แล้ว การชิงออกมาก่อนเลยเป็นการแสดงความเป็นผู้นำไงครับ
ทั้ง TouchID และ 64bit เป็นกลยุทธิ์ที่ได้ผลในทางจิตวิทยาว่า Apple ยังคง (ดูเหมือน) เป็นผู้นำทางนวัตกรรมอยู่ต่อไป
Apple กล้าพูดเรื่อง 64 bit ทั้งๆที่แรม iphone พึ่งเดินทางมาถึง 2gb เองนะครับ แล้วอีกอย่าง แรมแอนดรอยพุ่งไปถึง 3gb จะเข้า 4 อยู่แล้ว ยังไม่พูดเรื่อง 64bit เป็นเรื่องเป็นราวสักที apple ชิงเปิดก่อน ตรงนี้ apple ได้เครดิตไปเต็มๆอยู่แล้วล่ะครับ
เฮือก
ทำไมถึงคิดว่า 32bit-64bit มีดีแค่การอ้างอิง memory ได้มากขึ้นเนี่ย งงครับ
positivity
จริงๆพวกencoder decoderก็ดีขึ้นกว่าเดิมขึ้นด้วยนะเพราะregisterใหญ่กว่าเดิม ดูพวกvideoได้ดีกว่าเดิม แต่นั่นแหละหลักๆก็เกี่ยวกับmemoryอยู่ดี แต่ที่ผมสงสัยคือตกลงA7 มันramเท่าไรกันแน่ 1Gหรือ2G
มีข่าวลือว่า 2 GB ครับแต่รอดูอีกทีหลังวางขายคงมีคนแกะได้ว่ามีจริง ๆ เท่าไหร่
ใช่ครับถ้าชุดคำสั่งที่ส่งเข้าไปให้ CPU ประมวลผลเป็น 64 บิททั้งหมดความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะส่วนที่ประมวลผลทางตรรกะและคณิตศาสตร์ สามารถที่จะ + - * / and or กับตัวเลขที่มีจำนวนบิทได้มากขึ้น
ต้องดูว่าแอบเปิลเขียน OS ไหม่มากน้อยแค่ไหน และจะเลิกใช้ชุดคำสั่ง ที่เป็น 32 บิททั้งหมดเมื่อไร จุดนี้แอปเปิลได้เปรียบเพราะควบคุมได้ทั้งหมด แม้แต่นักพัฒนา (ให้นึกถึงเครื่องเกมส์คอนโซลยุคที่นักพัฒนาจะต้องซื้อชุดคิทราคาแพงมากๆ ครับ)
32 bit สามารถระบุตำแหน่งบนหน่วยความจำโดยตรงได้แค่ 4 gigabytes ในการทำงานของ CPU 1 รอบครับ
64 bit สามารถระบุตำแหน่งบนหน่วยความจำโดยตรงได้ 16 exabytes
ใหญ่แค่ไหนอธิบายไม่ถูก mega -> giga -> tera -> peta -> exa
ระบุตำแหน่งได้เร็ว ประสิทธิภาพโดยรวมก็น่าจะเร็วขึ้น คิดว่าครับ
ผมว่า instruction set ที่เพิ่มขึ้นน่าจะมีส่วนช่วยให้เร็วขึ้นครับ ในตนอนนี้ที่แรมยังไม่เกิน 4gb อ่ะนะครับ
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
เพราะว่าเราไม่ค่อยมี integer operation ที่ใช้ Operation ใหญ่ขนาดนั้นไงครับ (64bit)
Galaxy S V
16 core
128bit
S5 กับ note 4
ได้ 64 bit แน่ๆ ผมจะไปจองเครื่องนึง
นวัตกรรมของ Google มันใช้ได้จริงไหม ทุกวันนี้มีใครยื่นหน้าปลดล๊อคบ้าง <<<< โดนมากกก !!
ARM v8 น่าสนใจไม่น้อยนะ แต่ผมมองว่าการที่ออก 64บิทพร้อมกับ iOS7 รวดเดียวเลยเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก ดีกว่ามาออก update ทีหลังแล้วมีปัญหากับแอพ แบบนั้นโดน dev ด่าอีกรอบก็คงแย่แน่