By: Blltz 
on 7 January 2016 - 17:52
Tags:
Sanfrancisco Examiner เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นในเมืองซานฟรานซิสโก รายงานว่า Yellow Cab Co-Op บริษัทผู้ให้บริการเรียกแท็กซี่รายใหญ่ที่สุดของเมืองกำลังจะยื่นล้มละลายตามบทบัญญัติที่ 11 ในเร็ววันแล้ว
ในจดหมายที่ Yellow Cab Co-Op ส่งให้กับผู้ถือหุ้นระบุว่าบริษัทกำลังประสบความล้มเหลวการเงินอย่างหนัก จึงต้องยื่นขอล้มละลายเพื่อความอยู่รอด โดยหนึ่งในปัญหาที่ว่ามาจากการใช้เงินเพื่อแย่งชิงลูกค้าในตลาด ซึ่งมีคนมาชี้รายละเอียดให้ชัดๆ ว่า Yellow Cap Co-Op น่าจะหมายถึงการแข่งขันกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นของบริการเรียกรถรับส่งผ่านแอพอย่าง Uber และ Lyft
ความปราชัยของบริการแท็กซี่แบบดั้งเดิม แม้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่การทำให้รายใหญ่ของตลาดล้มได้ก็เป็นตัวแปรที่บอกว่าการมาของบริการเรียกรถรับส่งผ่านแอพนั้นเป็นของจริง โดยเฉพาะกับเมืองซานฟรานซิสโกที่เป็นแหล่งกำเนิดของทั้งสองแอพที่ว่ามา มีรถที่ให้บริการอยู่มากกว่า 16,000 คัน มากกว่า Yellow Cap Co-Op ที่เป็นรายใหญ่สุดหลายสิบเท่าตัว
ที่มา - Sanfrancisco Examiner
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
อยากรู้เหตุผลว่าทำไมต่างชาติถึงเรียกผ่านพวก Uber มากกว่าเรียก Taxi ปกติ
ถ้าอย่างไทยยังพอเข้าใจว่า ต้องมาวัดดวงว่ามันจะไปมั้ย รถจะเน่ามั้ย คนขับจะไหวมั้ย
ก็เลยกด app เรียกซะเลย แพงกว่าไม่เป็น มารับช้ากว่านิดหน่อยแต่ไปชัว
มันสะดวกครับ ไม่ต้องไปยืนรอโบก
อย่าลืมนะครับแทกซี่บ้านเรามีเป็นแสน ออกไปก็เจอได้ไม่ยาก แต่มันจะรับเรามั้ยนี่อีกเรื่อง
เมืองนอกแทกซี่เขามีเต็มที่แค่หมื่นกว่าเองครับ ผิดกับบ้านเรามีเป็นแสนออกไปเมื่อไหร่ก็เจอ(แต่จะไปรึเปล่าอีกเรื่อง) ทำให้เขาหาโบกยาก ใช้แอพเรียกสะดวกกว่าเยอะ แถมอูเบอร์มีเก็บสถิติการเรียกรถและตำแหน่ง+เวลาที่คนชอบเรียกใช้ด้วยทำให้รถน่าจะกระจายตัวดีกว่าแทกซี่ปกติ คนใช้เรียกได้สะดวกกว่าแทกซี่ธรรมดาที่วิ่งไปทั่วมั่วๆหรือจอดแช่รอรับคนในสถานที่สำคัญ
ถูก และดีครับ ถ้ามีเพื่อนไปด้วยอีกคน เรียก Uber แล้ว pool กับอีกคนถูกมาก ๆ
Lyft ก็ทุ่ม สมัครใหม่ ให้นั่งฟรีตั้งห้าครั้ง (ต่ำกว่า $10) อีกอันที่กำลังฮิตคือ instacart สำหรับคนขี้เกียจ ฮาาาาา
ข่าวที่ซานฟรานฯ , ส่วนภาพจากนิวยอรคฯ .. @_@
มีคนจับได้ด้วย >_<
ป้ายทะเบียน Taxi ซินะ 555
เรียกรถที่อเมริกาหลายเมืองเรียกยากครับ ส่วนมากต้องโทรไปจองเอา เวลาไปต่างเมืองก็ต้องเสียเวลามาหาว่าเบอร์ไหนโทรเรียกได้บ้าง บางพื้นที่ก็หารถไม่ได้เลยถ้าไม่โทรเรียก (แพงแล้วไม่พอ ยังเรียกยากอีก)
ผมว่าเมืองไหนที่ uber เรียกรถได้สะดวกกว่าครับ แถมดูได้ด้วยว่ารถอยู่ไหนจะมาถึงกี่โมง
taxi พี่ไทยคงจะเจ๊งยาก เพราะขนาดมี uber ยังปฏิเสธผู้โดยสารกันเป็นว่าเล่น
กลับมาที่ไทยไม่แน่ใจว่าเพราะระบบหรือคนที่ทำให้ไม่อยากใช้บริการถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ
สำหรับเมืองไทย การบริหารจัดการขนส่งสาธารณะของภาครัฐทำได้แย่มากๆ ทำให้คนยอมเหนื่อยขับรถเองกันซะมากกว่า
ถ้ามีรถเมล์ รถไฟ รถแท็กซี่ดีๆ คนส่วนใหญ่ไม่อยากเอารถมาหรอก เสียค่าจอดเดือนละหลายพันอีกต่างหาก
..: เรื่อยไป
งั้นเหรอ
ผมเป็นคนนึงครับ ที่ยอมขับรถมาทำงาน ทั้งๆที่ถ้านั่งรถโดยสารสาธารณะจะใช้ระยะเวลาเดินทางที่สั้นกว่า ทั้งๆที่ขับรถส่วนตัวไปทำงานเองจะใช้เวลานานกว่า และรถติดด้วย
ลักษณะการเดินทางจากบ้านไปทำงานของผมคือ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง(50) > BTS(5x) > มอเตอร์ไซด์รับจ้าง(30)
*ในวงเล็บคือราคาค่าใช้บริการครับ
ไปกลับก็คูณ2เอา ค่าใช้จ่ายเฉพาะเดินทางใน 1 วันก็ประมาณ270บาทแล้วครับ ซึ่งรถผมเติมเต็มถัง(E20)ก็ประมาณ800-900 บาท
มาคำนวณดูแล้ว ค่าบริการรถสาธารณะ3วัน เท่ากับน้ำมันรถผม 1 ถัง ซึ่งวิ่งได้ประมาณ1.5สัปดาห์สำหรับในตัวเมือง
แถมไม่ต้องไม่โดนคนแซงขึ้นBTS ทั้งๆที่เราต่อแถวอยู่แท้ๆ แต่โดนคนมีทีหลังเสียบระหว่างแถวซะงั้น
แล้วเวลาจะออกจากขบวนก็โดนคนข้างนอกดันเข้ามาไม่ให้เราออกอีก บอกตรงๆ สุขภาพจิตแย่มาก
แถวบ้านผมคนชอบขับรถกันแฮะ ยิ่งน้ำมันราคาลง ผมมานั่งคิดดูนะน้ำมันลงขายได้เยอะ ขายรถได้เยอะ ตัดถนนเพิ่ม ซ่อมถนนบ่อยมีความสุขทุกฝ่าย มันควรเป็นแบบนี้?