มีรายงานว่าศาลได้อนุมัติคำสั่งขอปิดเว็บประมาณ 400 รายการที่ทำผิดต่อกฏหมาย โดยมี 344 รายการที่เป็นความผิดในเรื่องที่เกี่ยวกับราชวงศ์ของไทย, สองเว็บเป็นประเด็นทางศาสนา, หนึ่งเว็บเป็นเกมที่มีเนื้อหาทางเพศ, และเว็บที่มีเนื้อหาลามกอีกสองเว็บ
นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้อำนาจตามกฏหมายกับเว็บจำนวนมาก เช่นนี้ โดยก่อนหน้านี้รัฐมนตรีมั่นได้อาศัยการกดดัน และเคยยอมรับกับนักข่าวว่าไม่ต้องการใช้อำนาจทางกฎหมายเนื่องจากต้องผ่านศาล
แต่ขณะที่มีเว็บจำนวนมากได้รับการอนุมัติคำสั่งจากศาลแบ่งออกเป็นคำสั่งสามฉบับตามที่กล่าวมาแล้วนั้น รัฐมนตรีมั่นยังพูดในเชิงกดดันต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตให้บล็อคเว็บกว่า 1,200 รายการที่อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคง
คราวก่อนไม่มองกฏหมายเลย คราวนี้เลยมองกฏหมายมาตั้งหนึ่งในสี่ (400 จาก 1,600) ว่างั้น
ที่มา - Bangkok Post
Comments
เฮ้อ - -" .....
หน้าที่หลักของกระทรวงนี้?
344 รายการที่เป็นความผิดในเรื่องที่เกี่ยวกับราชวงศ์ของไทย ... มันหมายถึงหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวนะ
2 ประเด็นทางศาสนา ... ก็มีเหตุผล (ดับไฟใต้) สมควรบลอคใด้นิ
1 เกมที่มีเนื้อหาทางเพศ ... กระแส gta ... ยังไม่หมด -*-
2 เว็บที่มีเนื้อหาลามก ... เวปโป้หายไปอีกแล้ว
สรุป 349 เวป ที่จะบลอคก็ไม่แปลกหรอก เพราะไม่ใด้บลอคด้วยข้ออ้างเนื้อหาการเมือง
อย่าเพิง bias รอดูรายชื่อเวปอื่นๆนอกจากนั้นก่อน ถ้าปิดผู้จัดการค่อยคิดเป็นอีกเรื่อง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อ่านที่ผมเขียนดีรึยังครับ
ผมไม่ได้มีปัญหากับ 400 เว็บที่ว่าเลยนะ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมว่าคุณ put4558350 ก็ไม่ได้เจาะจงใครนะครับ หรือว่า...
ปล. แต่อารมณ์ของเนื้อหาข่าวออกไปในเชิงลบนิดๆ นะ
ผมอ่านความเห็นข้างบนแล้วผมเข้าใจว่าคุณ put4558350 เข้าใจผิดครับ ว่าผมไม่พอใจที่มีบล็อก 400 เว็บนั้น
เรื่องอารมณ์ข่าวนี่ไม่นิดนะครับ ผมลบมากๆ เลย แค่ภาษาอยู่ในระดับที่สุภาพเท่านั้น ผมไม่เชื่อว่าเราเห็นดีเห็นงามกับการใช้อำนาจนอกขอบเขตกฏหมาย และผมพยายามแสดงออก "อย่างชัดเจน" ครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
พูดไปเฉิยๆ กันการเป็นประเด็นการเมืองครับ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
บล็อคอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นเรื่องผ่านทางศาล ก็ไม่มีใครว่าอะไรนี่ครับ
แต่ละคนมีมาตรฐานของเว็บที่ตัวเองรับไม่ได้ต่างกัน เลยต้องมีคนกลาง (ศาลและกฎหมาย) ถ้าศาลตัดสินว่าอะไร ทุกคนก็ควรยอมรับไม่ว่าเห็นด้วยหรือไม่
แต่พวกบล็อคเองไม่ผ่านศาล คิดว่าเราควรแสดงความเห็นอย่างไรดีครับ?
อ่อ เสริมอีกหน่อย ต่อให้บล็อกผู้จัดการหรือสนุก ถ้ามีเหตุผล ผ่านกระบวนการอันถูกต้อง ตัวผมเองก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
รัฐบาลที่ประชาชนเลือกยอมให้กระทรวงนี้ดำเนินการครับ อย่าเถียงกันเลยครับ ;P ตามที่คุณ ลิ่วบอกแหละ...เว็บลามก ปิดๆไปเถอะ เสื่อม
ผมเห็นด้วย กับระบบนี้
อย่าง block ทำได้ แต่ขอหมายศาลนะ เหมือน หมายค้น หมายปิด
ผมว่ามันเป็น fashion ละแบบว่า ถ้ามีข่ายเรื่อง block ปิด เซนเซอร์ อะไร
จะต้องมีคนต่อต้านไว้ก่อน เหมือนมันเป็นเทรน freedom แบบสมองกลวงๆ
ผมเห็นด้วยกับการใช้กระบวนการทางกฏหมาย แต่ผมไม่เห็นด้วยกับหลักการที่ใช้ในการบล็อก เพราะผมเห็นว่า การบล็อกนั้น (ไม่ใช่ blognone นะ) เป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ขอลงในรายละเอียดในเนื้อหา เพราะมันไม่เกี่ยวกัน สิทธิในการแสดงความคิดเห็นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนแสดงความคิดเห็นออกมาแล้วจะไปกระทบใครเข้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ซึ่งตรงนั้นมีกระบวนการทางกฏหมาย และสังคมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคนมาชี้แนะแนวทาง ว่าข้อมูลไหนคนควรรับ ข้อมูลไหนคนไม่ควรรับ
หากข้อมูลที่ต้องการบล็อกมันไม่ดีจริง ผมก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องบล็อก หรือตีโพยตีพาย เพราะความไม่ดีของตัวข้อมูลย่อมได้รับการต่อต้าน หรือคำตัดสินจากสังคมเอง แต่ที่สิ่งเกิดขึ้น คือ การไม่เชื่อใจสังคม ไม่ยอมให้สังคมตัดสินด้วยตัวเอง ICT ไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ดูแลเด็ก เพราะผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่ใช่เด็กที่ให้ใครมาดูแล ข้อมูลใดถูกหรือผิด ควรรับไม่ควรรับ รับแล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ เชื่อแล้วทำตามหรือไม่ทำตาม ผมคิดว่าผมมีวุฒิภาวะพอที่จะตัดสินใจเองได้ และเชื่อว่าวิญญูชนทั่วไป ก็ต้องการสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองเช่นกัน
ความแยบคายในการกระทำของ ICT ที่เกิดขึ้นคือ การบ่ายเบียงประเด็นในการบล็อกเวบไซท์ ด้วยการอ้างอิงเรื่องเนื้อหา (จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) แล้วละเลยเรื่องสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งอย่างที่บอก ว่ามันไม่เกี่ยวกัน หากเนื้อหาในนั้นไปละเมิดสิทธิ์ หรือผิดกฏหมายเข้า ก็ไปเล่นกันตรงนั้นก่อน พอได้ข้อยุติที่ชัดเจนแล้ว ค่อยดำเนินการนำเนื้อหาที่ละเมิดนั้นออกจากอินเตอร์เนตกันอีกที ไม่ใช่บล็อกไว้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน เข้าข่าย ยิงก่อนถามทีหลัง
อ้อ ... เผื่อมีคนถามว่า สิทธิในการแสดงความคิดเห็นมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ? ก็ต้องตอบด้วยคำถามว่า หากไม่สำคัญคนจะรบกันไปทำไม หากไม่ใช่เพื่ออิสระภาพ เสรีภาพ ? หากไม่สำคัญ ทำไมต้องมีการเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ ? หากไม่สำคัญ ทำไมสิทธิเสรีภาพ จึงเป็นสิ่งแรกที่ประชาธิปไตยรองรับ ? หากไม่สำคัญ ทำไมนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐษศาสตร์ การเมือง สมัยใหม่ทั่วโลก จึงมีรากฐานมาจากเรื่องสิทธิพลเมือง ? จะว่าผมสมองกลวงก็ได้ครับ แต่ผมขออยู่อย่างคนสมองกลวง ดีกว่าคนถูกจำกัดสิทธิ
BioLawCom.De
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่สนับสนุนการบล็อคเว็บ "ในทุกๆ กรณีเช่นกันครับ" แต่ทำใจยอมรับได้กับการบล็อค "ในบางกรณี"
ตรงนี้ผมเองเชื่อว่าภายในชั่วชีวิตผมเองสงสัยว่าสังคมเราจะเติบโตพอที่จะรับแนวคิดไม่บล็อคเลยแม้แต่น้อยหรือไม่ อย่างในเมืองนอกเองก็ยังไม่กรณีเช่นภาพลามกเด็ก, Hate Speech อะไรอย่างนั้นอยู่
แต่เมืองไทยนี่ตรรกะแปลกๆ ครับ พอทำถูกใจแล้วไม่ว่ามันจะนอกกติกาแค่ไหนก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย ไม่ถูกใจนี่ให้ทำตามกติกาให้ตายก็จะต้านให้ได้
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ประโยคหลังเห็นด้วยอย่างยิ่ง ฮาาาา
สิ่งที่ทำให้ ict ต้อง block web เพราะว่าไม่สามารถปิดได้เนื่องจากมี server อยู่ในต่างประเทศ เพราะเรื่องบางเรื่องเห็นอยู่ชัดเจนว่าเป็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่นยาเสพติดที่ไม่ดี คนก็รู้ว่าไม่ดีแต่ก็ยังเสพ เพราะคนแต่ละคนมีวุฒิภาวะไม่เท่ากัน ก็เลยต้องมีกฎหมายห้ามเสพห้ามค้า เป็นต้น
ประเด็นนี้น่าสนใจครับ แต่ผมว่ามีจุดอ่อนอยู่คือยาเสพติดนั้นมีรายงานทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลในเชิง "ปริมาณ" ที่บอกได้ชัดเจนว่ามันเป็นโทษ ยาเสพติดหลายๆ ตัวช่วงแรกๆ นั้นเป็นยารักษาโรคด้วยซ้ำไป ต่อเมื่อมีข้อมูลว่ามันมีโทษแล้วจึงมีการประกาศเป็นยาเสพติด
แต่กับข้อมูลแล้ว เราใช้อะไรวัดครับ ว่าอะไรอันตราย อะไรไม่อันตราย ต้องใช้วุฒิภาวะแค่ไหนถึงจะเสพข้อมูลอะไรได้
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเราคุ้มครองใครครับ อย่างเรื่องยาเสพติดมันชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องการคุ้มครองพลเมือง ส่วนเรื่องภาพลามกเด็ก เป็นการคุ้มครองเด็ก แต่สิ่งที่ ICT ทำอยู่คุ้มครองใคร ? การที่คนใช้อินเตอร์เนตอ่าน "เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม" ใครได้รับผลกระทบ ?
ในกรณีส่วนใหญ่ไม่มีคนได้รับผลกระทบที่ชัดเจน ข้ออ้างของ ICT มักจะเป็น "ทำร้ายจิตใจประชาชนส่วนใหญ่" อย่างนี้ต่อไป ใครอกหักก็คงไปฟ้องศาลกันได้สิครับ
หลักการตัดสินบล็อคหรือไม่บล็อกเวบไซท์ด้วยเหตุผล "เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม" มันผิดมาตั้งแต่แรกครับ เพราะมันกว้างไป มันหาบรรทัดฐานในการตัดสินไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้มีอำนาจในขณะนั้น จะชอบหรือไม่ชอบอะไร
อีกประเด็นคือ เรื่องวุฒิภาวะ ถามว่าควรจะใช้วิธีไหนแก้ปัญหาเรื่องคนวุฒิภาวะต่ำในประเทศไทยครับ
1) หาคนที่มีวุฒิภาวะสูงกว่า มาตัดสินใจให้คนมีวุฒิภาวะต่ำกว่า
2) เพิ่มวุฒิภาวะให้กับประชาชน
หากเลือกข้อหนึ่ง ถามว่าเราใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสิน ว่าใครวุฒิภาวะสูง หรือต่ำ และ เป็นการจำกัดสิทธิในการตัดสินใจ ของคนที่เราตัดสินว่าเขาวุฒิภาวะต่ำหรือไม่ ?
รู้สึกจะถามเยอะนะนี่นะ
BioLawCom.De
นี่พูดถึง ICT block เอง
หรือ
ศาลตัดสินว่า จะ block ละคับ โอเคมั้ย?
ผมก็ตอบไปแล้วไงครับ ว่าศาลตัดสินน่ะดีกว่า ICT บล็อกเองอยู่แล้ว แต่ผมมองก้าวข้ามตรงนั้นไปอีกระดับนึง โดยมองในเรื่องจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยผ่านกระบวนการศาล หรือจะให้มองข้ามไปอีกชั้นนึง ก็ต้องมาตั้งคำถามว่า กฏหมายที่ใช้บล็อกผิดรัฐธรรมนูญ อันว่าด้วยเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ ซึ่งตรงนี้มีคนพยายามพูดถึงอยู่เหมือนกัน แต่ ICT และสภานิติบัญญัติไม่สนใจกันเอง เพราะ ICT มีธงอยู่แล้วคือว่า ทำยังไงถึงจะปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างถูกกฏหมาย
BioLawCom.De
ใครอกหักจะไปฟ้องศาลก็ได้นี่ ผิดตรงไหน
คนเดินไปแล้วเหยียบหัวแม่เท้าอีกคน คนโดนเหยียบจะไปฟ้องศาลก็ไม่ผิด
ดีกว่าควักปืนมายิงกัน
มันขึ้นอยู่กับศาลจะรับฟ้องหรือไม่เท่านั้นเอง ไม่ใช่เหรอ
มันถูกแล้วถ้า นายมั่นจะไปฟ้องศาล เพราะเห็นว่าบางเว็บไม่ถูกต้อง
เสร็จแล้วศาลก็กางตำรา คู่มือ หรืออะไรก็แล้วแต่พิจารณาว่าที่นายมั่น
ฟ้องมามันจริงหรือเปล่า แล้วทำอย่างที่นายมั่นร้องขอได้หรือไม่
ก็ถูกต้องดีแล้ว เรามีสิทธิในการคิดต่าง ถ้ายอมกันไม่ได้ก็ฟ้องศาล
ศาลตัดสินก็จบ
ถ้าเห็นว่ากฎหมายที่ศาลใช้มันไม่ดี ก็แก้กฎหมาย ถ้าเห็นว่าคนแก้กฎหมาย
ไม่ดี ก็อาสาเข้าไปแก้ ไม่อยากเล่นการเมืองก็ สส. บัญชีรายชื่อ อาสา
เข้าไปเลย ถ้าตัวเองไม่ดีพอก็หาคนที่ดีพอ สนับสนุนเสนอเข้าไป
ผมว่ามันชัดเจนตามวิถีทางนะ (ข้างบนเป็นวิถีทางปกติ ไม่ใช่บอกให้คุณโบว์ ทำนะ)
เห็นด้วยเกือบทุกอย่างครับ ยกเว้นอกหักแล้วไปฟ้องศาล
จุดประสงค์ที่ผมเขียนทั้งหมดคือ ชี้ให้เห็นปัญหา และพยายามนำเสนอวิธีการแก้ไขครับ ให้คนที่เกี่ยวข้องโดยตรง (อย่างคนที่อ่าน blognone) ได้รู้ว่า แม้ว่าจะทำถูกต้องตามกฏหมายแล้ว แต่ยังมีปัญหาอะไรอยู่อีกบ้าง ซึ่งมันเป็นกระบวนการแรก ๆ กว่าจะไปสู่การแก้กฏหมาย หากไม่เริ่มจากตรงนี้ กฏหมายก็ไม่มีวันถูกแก้ครับ
BioLawCom.De
พวกเว็บที่จั่วว่า "ทำร้ายจิตใจประชาชนชาวไทย" ส่วนใหญ่ก็ผิดกฏหมายนี่ครับ ถ้ามันผิด-ก็ฟ้องศาล-ศาลสั่งปิด ไม่มีอะไรมาก
แต่ถ้าจะพูดกันประเด็นที่ว่า "กฏหมายเขียนไว้ดีแล้วหรือไม่" อันนี้ไม่ออกความเห็นครับ
ป.ล. ถ้ามันไม่ผิดก็ช่วยบอกผมด้วยครับว่าเว็บไหน เพราะผมเองก็คงดูไม่ทั่วถึงทั้งหมด
ส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบการบล็อค แต่ผมก็พอเข้าใจว่าทำไมถึงมีการบล็อค คือผมสังเกตุจากรอบๆ ตัวนะครับ (ออกตัวไว้ก่อน) ก็อยู่กับชาวบ้านบ่อยๆ เพราะต้องไปอาศัยซื้อข้าวประทังหิว เลยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเค้าตลอด ชาวบ้านเค้าเวลาดูข่าวเค้าเชื่อจริงๆ ครับ พูดอะไรมาก็เชื่อ แล้วยิ่งข่าวลือนี่เชื่อเป็นจริงเป็นจังเลยก็มี (แต่เรื่องน้ำใจนี่เค้าใจดีครับ) คงเป็นเพราะว่าคนของเราส่วนใหญ่เสพสื่อกันโดยที่ไม่มีการกรั่นกรองข้อมูลพอได้ยินแล้วก็พร้อมที่จะเชื่อโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีว่าอะไรควรไม่ควร แล้วยิ่งเด็กๆ ยิ่งน่าเป็นห่วงครับ อายุน้อยกว่าผมติดยาหรือมีเมียก็มีไม่น้อยเลย ผมก็ย้อนกลับมาคิดว่าอย่างผมนี่ที่ไม่ไปต่อยตี เล่นยา ติดการพนัน ฯลฯ นี่คิดเป็นกี่ % ของเยาวชนที่อายุเท่ากัน แล้ว % ที่เหลือนี้ (ซึ่งก็มีไม่เยอะ) กี่ % ที่สามารถเสพสื่ออย่างมีวิจารณญาณได้เหมาะสมกับคุณวุฒิวัยวุฒิ
ก็ต้องยอมรับแหละครับว่าเราอยู่ในประเทศ "กำลังพัฒนา" (ตั้งแต่ประถมก็บอกว่ากำลังพัฒนา - -")
Freedom Initiative
Bentino.me
ก็จริง
ปัญหาคือ แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนไทยมีวิจารณญาณเพิ่มขึ้นได้?
พี่ผมเพิ่งได้ทุนต่างประเทศไปเรียนถึง ป.เอก
ทุนนั้นคือทุนสำหรับประเทศ"ยัง"ไม่พัฒนา ครับ
เราถูกยัดลงกลุ่มนี้มานานแล้วพอควร (แต่กี่วันเดือนปี ไม่ทราบเหมือนกัน)
ตอนแรกก็กะใช้คำนี้เหมือนกันแต่ความรู้สึกมันรับไม่ค่อยได้เลยขอซะหน่อยแล้วกันเผื่อว่าวันนึงไม่ไกลจากนี้มันจะพัฒนาแล้ว ^^
Freedom Initiative
Bentino.me
ปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อการถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว นั่นก็คือคุณภาพของ "คน" ในประเทศนั้นๆ นั่นเองครับ
แม้ผมจะมองว่าสำหรับประเทศไทยแล้วคงยังต้องสู้อีกยาวไกล แต่ของอย่างนี้คนไทยต้องช่วยกันเองจริงๆ โดยไม่หวังพึ่งพารัฐแต่เพียงฝ่ายเดียวล่ะครับ
เฮ้อ...กว่าจะยอม บล๊อก...
รอจนเหงือกแห้งแล้ว...
ที่แน่ๆ ขอให้มีเว็บ "ฟ้าเดียวกัน" ที่โดนบล๊อกทีเถอะ...
อ่านทีไร เครียด ทีเดียว....
เกลียดมาก มันน่าจะบล๊อกตั้งแต่ 1 ปีก่อนแล้ว!
เอ...แต่สงสัย ทีบล๊อก ยูทูป ไม่เห็นขออำนาจศาลเยอะ = ="
เครียดมากลองหาทางฟ้องศาลขอคำสั่งปิดน่าจะได้นะครับ
ผมไม่แน่ใจ แต่มันน่าจะมีกระบวนการของมันอยู่
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
นี่ล่ะครับคือเว็บที่เป็น "เสรีทางความคิด"
ถึงแม้ข้อมูลที่มีการพูดคุยกันนั้น ไม่ว่าจะถูกหรือจะผิดนั่นก็อีกเรื่องนึง แต่ที่แน่ๆ คือไม่ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลจากสื่อแกนหลักเพียงด้านเดียว (ที่ก็ไม่รู้จะถูกจะผิดรึเปล่าเหมือนกัน)
ว่าแต่ลองตั้งคำถามดูสิครับ ว่าถ้าคุณเครียด คุณเกลียด แล้วทำไมจึงยังมีคนที่มากมายที่พอใจจะสนทนากันอยู่ คำตอบของผมคือ "เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน" ไงครับ การบังคับให้คิดอยู่แต่ในกรอบก็ไม่ต่างอะไรกับกบในกะลาดีๆ นี่เอง
ผมสนับสนุน Free speech ครับ ถึงครั้งนี้การบล็อกส่วนหนึ่งจะผ่านกระบวนการถูกต้องทางศาล แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะให้ประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืน การแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีพร้อมๆ ไปกับการรับข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณเป็นสิ่งที่จำเป็นครับ
ที่แน่ๆ ให้คำตอบผมได้ไหมครับ ว่าเรื่องบางเรื่อง มันเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศได้อย่างไร
หรือเป็นความมั่นคงของคนเฉพาะกลุ่ม?...ซึ่งผมไม่ได้หมายถึงกลุ่มใดนะครับ
ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่ข้าพเจ้าจะปกป้องสิทธิของท่านที่จะพูด
เคยได้ยินคำกล่าวนี้ไหมครับ
เพื่อนของวอล์แตร์ว่าไว้ครับ
คนชอบเข้าใจผิดว่าวอล์แตร์พูด อาจารย์ผมเรียกว่าคนดังมักถูกเอาคำพูดยัดปาก - -"
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
เรื่องธรรมชาติครับ
เท่าที่เคยอ่านมา รู้สึกจะไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นคนเขียนหนังสือยุคหลังวอลแตร์ ที่ใช้ประโยคนี้ในการสรุปความคิดของวอลแตร์ ไปๆ โดน misquote ไปให้วอลแตร์ซะอย่างนั้น
อันนี้อ่านจาก wikiquote ครับ ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้แค่ไหน
น่าแปลกใจนะคับที่เยอะขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรน่าสนใจ
เรามาถึงช่วงอาทิตย์อัสดงแล้วนะ คนคงห่วงรุ่งอรุณจะเกิดอะไร
แปลกใจเช่นกัน
ที่แน่ๆ โบราณว่ากันว่า ความลับไม่มีในโลกนี้
อาจจะเป็นแค่ text ในภาษาอื่นๆ ก็ใด้ครับ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขอยืมเพลง bigass ได้มั้ย
block ได้ block ไป อยาก block กันหนักใช่มั้ย เอาเลยถ้าเธอต้องการ
เรื่องนี้จะถกกันจริงๆมันก็ยาวนะผมว่า เหมือนวัวหายล้อมคอกยังไงไม่รู้ ส่วนตัวนะ
แสวงหามิใช่เพราะรอคอย เชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส ชำนาญมิใช่เพราะโชคช่วย
"ดังนี้แล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
เว็บโป๊มันมีให้บล็อคน้อยขนาดนี้เลยหรือเนี่ย? แต่ทำไมเว็บที่ส่อเค้าว่าหมิ่นมันเยอะกว่าเว็บโป๊ได้ขนาดนั้น?
PoomK
ตามที่ว่าแหละครับ ที่ว่าหมิ่นฯ อาจจะเป็นแค่ text ในภาษาอื่นๆ
แต่เวปโป้มันจะม๊รูป ดูใด้ง่าย ก็คงโดนบลอคไปมากแล้ว
แถมจริงๆ ยังมีอีกตั้ง 1200 เวป
ปล. ถ้้า/ไม่ใด้ปิดกันเพราะเรื่องการเมือง และบลอคแบบมีเหตุผลพอ ผมว่าก็ ok นะ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ตายสิบ เกิดแสน...
ตายสี่ร้อย เกิดสี่ล้าน....
:)
block ดีแล้วครับ
เพราะมันจะก่อให้เกิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของเหล่า user ครับ
ต่อไป user ก็จะเริ่มใช้ tor, proxy, ... เป็น
การปิดกั้นเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารก็จะยากขึ้น
Noyzi!!a's Blog
+100 ครับ กล่าวได้ถูกใจ
เกือบทั้งหมดเกี่ยวกับหมิ่นราชวงศ์ น่าคิดนะครับ!
ไม่อยากอธิบายเลยครับ ... เห็นด้วยที่จะใช้อำนาจของศาลในการสั่งครับ
ตามหลักกฏหมายแล้ว ... พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศ เป็นศูนย์รวมของคนไทยทั้งชาติ ... นั่นหมายถึง Unity อันทำให้ประเทศสามารถเป็นอันหนึ่งอันเดีัยวกันได้(ซึ่งส่วนใหญ่คนมี "วุฒิภาวะ" ในเน็ตนั้นไม่เห็นด้วยกับผมตรงนี้ครับ) ดังนั้นการที่จะต้องปกป้องสถาบันนี้จึงเป็นเหมือนการปกป้องสถาบันชาติไปในตัว
เหมือนกับท่านนายกในปัจจุบันซึ่งไม่สามารถเป็น Unity ของชาติได้ ทั้งๆที่ประชาชนส่วนใหญ่ในชาติเลือกเขาเข้ามาบริหารประเทศ (จะด้วยประการใดก็แล้วแต่ แต่เสียงนั้นเป็นเสียงของเราทุกคน ซึ่งมีสิทธิเลือกได้) ดังนั้น Unity ของชาติก็หมายถึงชาติเช่นกัน และการทำลาย Unity นั้นไม่ได้ส่งผลอะไรเลยต่อผู้คน ณ ปัจจุบันนอกจากความสูญเสียที่เกิดแก่ตัวประเทศชาติเองมากขึ้น ดังนั้นตามหลักแล้ว จึงไม่น่าแปลกที่ผมจะสามารถปกป้องชาติได้โดยการฟ้องเว็บที่เห็นสมควรว่าทำลาย Unity ของชาติเราโดยเป็นไปตามกระบวนการกฏหมาย ผ่านศาลและการพิจารณาตามหลักขั้นตอนอย่างชอบธรรม
หากเราเองไม่เชื่อกฏหมายแล้ว ... เราจะยังคงอยู่ได้อย่างไรอย่างสงบสุขล่ะครับ ?
แต่ประชาธิปไตยของหลายคนนั้นมักสำคัญผิดที่ว่า "ทุกคนมีอิสรภาพ"
ไม่ใช่ครับ
"ทุกคนมีอิสรภาพเท่าที่มี" ต่างหากที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะถ้าหากวันหนึ่งผมอยากรบกวนใครขึ้นมา ตั้งแต่จะเอากาแฟเค้าไปกินจนกระทั่งจะเจื๋อนกระเดือกเขาจนห้อยรุ่งริ่ง ... นั่นหมายความว่าผมได้ละเมิด "อิสรภาพ" ของคนอื่นแล้ว
ดังนั้นการทำลาย Unity ของชาตินั่นหมายความว่าเรากำลังละเมิด "อิสรภาพโดยรวม" ของผู้คนเกือบทั้งประเทศ
และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่อิสรภาพครับ .... แต่กลายเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวโดยการใช้ "อิสรภาพ" เป็นฉากบังหน้าเพื่อทำสิ่งที่ตนอยากทำ
ดังนั้นประชาธิปไตยไม่ใช่อิสรภาพ ... แต่เป็นกรอบที่สร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มอิสรภาพของเราให้มีอยู่มากที่สุดโดยไม่รบกวนใคร ... แต่เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในโลกที่มี Function ในการทำลายเผ่าพันธ์ตัวเอง ... นั่นหมายความว่าวิธีการริดรอนอิสรภาพของคนอื่นก็ยิ่งมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ... นั่นทำให้ประชาธิปไตยยิ่งผูกรัดเรายิ่งขึ้น และอิสรภาพส่วนตัวของเรายิ่งถูกจำกัดมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่ง ชีวิต ร่างกาย ทรัำพย์สิน และเกียรติยศ ของตนอยู่นั่นเอง
ส่วนเรื่องสื่อนั้น ... ในฐานะที่ผมเป็นคนทำสื่อเอง (ทั้งทีวี ทั้งออนไลน์ ทั้งภาพยนตร์) และมีส่วนร่วมในการใช้ความเห็นในกรอบของสื่อตามหลักประชาธิปไตยแล้ว ... ผมคิดว่าสื่อนั้นเป็นพลังของมวลชนในปัจจุับันและมีอำนาจมากครับ มีคำกล่าวที่ว่า "Pen is mightier than sword" ซึ่งผมเองก็เห็นพ้องต้องกันด้วย เพราะเหตุที่ว่าไม่มีสื่อไหนบนโลกนี้เป็นกลาง ... เพราะกลางของทุกคนนั้นต่างกันทั้งสิ้น ... ดังนั้นการตัดสินว่าสื่อไหนจะเป็นสื่อที่ถูกต้องนั้นผมคิดว่าจึงต้องอิงกับ "อิสรภาพ" ของสังคม ณ ปัจจุบัน การโอนอ่อนผ่อนตามจนเกินไปก็จะทำให้สื่อนั้นมีอำนาจในการทำให้ผู้คนเชื่อว่าตนนั้นอยู่เหนือ "อิสรภาพของผู้อื่น" ได้เช่นกัน เพราะหน้าที่ของสื่อคือการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นเพียงจดหมายหนึ่งฉบับ จนกระทั่งช่อง 3 5 7 9 หรือภาพยนตร์ ดนตรี และจินตลีลาต่างๆ
ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้นั้นผมไม่เห็นด้วยที่ใครก็ตามจะมีสิทธิ์ที่จะตัดสินสื่อ เพราะคนเหล่านั้นมีความเป็นกลางของตนเอง ดังนั้นกฏหมาย ... ซึ่งเ้็ป็นตัวแทนของ "อิสรภาพ" ของคนไทยทั้งชาติจึงกระทำหน้าที่นี้แทน ... ซึ่งคนที่บังคับใช้กฏหมายนั้นก็ไม่ีควรที่จะถือเป็นความผิด ... คนที่ใช้กฏหมายนั้นก็ไม่ถือเป็นความผิด ... ตราบใดที่สื่อของเรานั้นยังคงสถานะของการไม่ไปยืนอยู่บน "อิสรภาพ" ของใครเข้าครับ
ดังนั้นเว็บหมิ่นเหล่านี้กำลังยืนอยู่บน "อิสรภาพ" ของคนไทยทั้งชาติ นั่นก็คือการทำลาย Unity ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองครับ
คงพอจะเข้าใจนะครับ ... เขียนเอง งง เอง ไปบ้างครับ ฮาๆ
ก็เป็นความเห็นหนึ่งจากประชาชนที่มี "สิทธิ์" เช่นกัน เป็น "สื่อ" เช่นกัน เป็น "ผู้อยู่ในการบังคับใช้ของกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับบทความ ทั้งสื่อ ทั้งเว็บไซต์ ทั้งภาพยนตร์ ทั้งเกมส์" และเป็น "เชื้อพระวงศ์" เช่นกันครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
ช่วยตอบผมที่ครับ ว่าการมี "กฏหมายหมิ่-ฯ" นั้น ทำให้ประเทศเราเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้อย่างนั้นหรือครับ?
เชื่อผมเถอะครับ มีหลายคนไม่น้อยที่อึดอัดกับ "กฏหมายหมิ่-ฯ" พอสมควรทีเดียว แต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
เพราะว่าเราทุกคนนั้นก็ต่างเป็นมนุษย์เหมือนๆ กันทุกคน เราทุกคนมีสิทธิ์คิดดี-คิดร้าย กระทำดี-กระทำร้าย กระทำถูกต้อง-กระทำไม่ถูกต้องได้เหมือนกันทุกคน แต่ถ้าบุคคลบางกลุ่มที่ตรวจสอบไม่ได้ พูดถึงไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย ผมว่าเป็นอะไรที่มันน่ากลัวมากเลยครับผม
เป็น Check and Balance อีกแขนงหนึ่งครับ เช่นเดียวกับ ศาล และ รัฐสภา ครับ ถ้าหากศาลและรัฐสภามีทิศทางที่ตรงกันนั้นก็หมายถึงประเทศก็เห็นด้วยอย่างนั้นครับ แต่ประชาชนไม่ควรที่จะก้าวข้ามการปกครองขึ้นมาทำลายสถาบันโดยตรงครับ ... เพราะ Check and Balance ได้ทำหน้าที่ของระบบการปกครองอย่างสมบูรณ์ด้วยรูปแบบของตัวมันเองอยู่แล้วครับ ... เราสามารถทำได้โดยการใช้เสียงของเราเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองนี่ครับ ? ถ้าหากอยู่ดีๆผมอยากล้มนายก ... ผมก็บอกเขาว่าเขาไปนอนกับคนอื่นมา หรือผมบอกว่าศาลผิดโดยการบอกว่า ตุลาการศาลไปรับสินบน ผมคงไม่ไปไล่คนเหล่านั้นออก ... แต่ผมจะใช้วิธีการของหลักประชาธิปไตยเพื่อเลือกในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเรา
หากคุณคิดว่าสิ่งใดควรมิควรต่อประเทศ ... ก็ควรจะใช้ระบอบประชาธิปไตยในการคานอำนาจตรงจุดนั้นครับ เพราะทุกๆคนก็เป็นส่วนหนึ่งของกฏหมายและระบบอยู่แล้วมิใช่หรือครับผม ?
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
Check & Balance นั่นหมายความว่าเราตรวจสอบสถาบันได้ ?
BioLawCom.De
ก็ลองขอร้อง "รัฐบาลที่ประชาชนเลือก" ให้เอากฎหมายที่คุณไม่ชอบออกทีสิครับ....
ไม่อยากพูดมากกว่านี้ หึๆๆ
นั่นคือปัญหาครับ ... เพราะประชาชนไม่ใช้สิทธิ์ของตัวเองอย่างจริงจังเสียที ... จึงกลายเป็นความคิดที่ว่ากฏหมายหมิ่นริดรอนอำนาจของเขาลง ... ถ้าเกิดกำลังของทั้งประเทศมีอยู่เกินครึ่ง ... นั่นหมายถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนที่สุดครับ
และส่วนเรื่องของ Check and Balance ... ใช่ครับ ... ถุกสถาบันสามารถตรวจสอบกันเองได้ครับ ... สถาบันไหนที่บกพร่องก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงครับ
ลองดูตัวอย่างได้เช่นที่ อังกฤษ หรือฝรั่งเศษ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกจำกัดให้แคบลงหรือสูญหายไปเลย ... เพราะเหตุที่ว่าประชาชน (ตอนนั้นยังไม่ผ่านกฏหมายหรือรัฐสภานะครับ) Check & Balance กษัตริย์ ทำให้เกิดการนองเลือดย่อมๆในปารีสขึ้นครับ
เช่นเดียวกันกับในประเทศไทยครับ ... Check & Balance เกิดขึ้นอยู่โดยตลอดครับ ... เราอาจจะรับรู้ได้เช่นการประกาศผลประกอบการของพระคลังข้างที่ หรือใบแจ้งทั้งหมดของทุกๆมูลนิธิ รวมถึงเรื่องที่เราไม่รู้ซึ่งทางรัฐสภา ทหาร หรือ ศาลได้รับทราบอยู่แล้ว
เพียงแต่เราตาสีตาสาอาจจะไม่รู้ครับว่ามีอยู่และเข้าใจทุกอย่างตามที่ "สื่อ" เสริมให้ครับ
สถาบันนี้มีความเสี่ยงในการดำรงอยู่ทุกวันอยู่แล้วครับ ... ไม่ได้เป็นข้อกังขาครับ ... หากแต่ ณ ปัจจุบันนั้นประชาชนไทยยังยึดถือความเป็นพระมหากษัตริย์ว่าเป็นประมุข ... เป็น Unity ของชาติ ... และไม่เชื่อในตัวตนของตัวเอง (ที่ว่าเราเลือกคนที่ถูกเข้าสภาหรือเปล่า ... หรือซักวันหนึ่งทหารจะไม่ออกมาไล่ยิงเรา) และอีกอย่างคือชาติเองก็ไม่ต้องการเผด็จการเช่นฮิตเลอร์หรือซัดดัมที่จะมาเป็นผู้ตัดสินขาดว่าเราจะเป็นอย่างไร หรือก็ไม่อยากให้ชาติไร้กลไกการปกครองหรือเป็นไปในรูปแบบของคอมมิวนิสต์ (เพราะแต่ละบุคคลยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่ ยังมีความอยากแตกต่าง และวัฒนธรรมของไทยยังเคารพความแตกต่างของชนชั้นเช่นการไหว้ผู้ใหญ่และสุภาพอ่อนน้อมต่อผู้ที่อุปภัมป์เรา) ดังนั้นคอมมิวนิสต์ก็จึงไม่เหมาะกับสังคมไทยด้วยประการทั้งมวลครับ
ปัญหาใหญ่ของเมืองไทยน่าจะเป็นที่ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจในตัวเองครับ ... เช่นการเลือกรัฐบาลที่ถูกต้องกับตน และการใช้อำนาจตามขอบเขตุของตนอย่างถูกต้อง และการไม่หลงเชื่อในสื่อซึ่งมีอิทธิพลสูงในโลกปัจจุบัน
นั่นอาจจะมาจากการศึกษาที่ยังคงไม่แสดงประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ได้ครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
ขอโทษนะครับ ไม่ได้พยายามดิสเครดิต แต่ยิ่งอ่านยิ่งงง เพราะความคิดเห็นของคุณขัดแย้งกันเอง ประโยคต่อประโยคเลยครับ
หากคุณบอกว่า สถาบันเป็นสิ่งที่ทำให้เกิด Unity ของ "ชาติ" (ชาติคืออะไร ภูมิศาสตร์ ? รัฐบาล ? ประชาชน ?) แล้วการวิจารณ์สถาบันเป็นสิ่งผิด
แต่อีกย่อหน้าคุณกลับบอกว่า check & balance เป็นสิ่งดี แล้วการวิจารณ์สถาบันไม่ใช่ check & balance เหรอครับ ?
หรือว่า check & balance จะเกิดขึ้นได้จากคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น (ในที่นี้คือ "พระคลังข้างที่" ) แล้วความเท่าเทียมกันของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยอยู่ไหน ?
ตกลงคุณเห็นด้วยกับ check & balance หรือเปล่าครับ (ประโยคนึงคุณบอกว่า check & balance เป็นสิ่งดี แต่อีกประโยคกลับบอกว่า check & balance ทำให้เกิดการนองเลือดที่ปารีส) ?
หากเห็นด้วย ก็แสดงว่าเราวิจารณ์สถาบันได้ หากคุณเห็นว่าเราควรใช้วิธี check & balance แต่เราวิจารณ์สถาบันไม่ได้ แล้วเราควรใช้วิธีไหนครับ ?
หากจะ check & balance แบบให้ตรวจสอบกันเอง นั่นหมาความว่า เรามีรัฐบาลไม่ต้องมีฝ่ายค้าน แล้วมันเป็น check & balance ตรงไหน? เพราะ check & balance ในความเข้าใจของผมคือให้คนอื่นตรวจสอบ
BioLawCom.De
แจ้งไปแล้วนะครับผม ... รู้สึกว่าจะอ่านไม่ครบถ้วนครับ
Check & Balance นั้นเป็นไปตามกลไกของกฏหมายครับ แต่เนื่องจากว่าทุกคนพยายามที่จะเข้าไปล้มสถาบันต่างๆโดยตรง (โดยไม่ผ่านความเห็นชอบตามครรลองของรัฐธรรมนูญทั่วไป นั่นคือการเลือกผู้แทนเข้าสภา หากผู้แทนทั้งหมดเห็นชอบในการไม่้มีกษัตริย์ ... นั่นหมายความว่าประชาชนเห็นชอบครับ) ไม่ใช่ว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งจะเข้าไปทำอะไรก็ตามแต่ตามอำเภอใจได้ครับ ไม่ใช่เพียงแค่กษัตริย์หรอกนะครับ ยังมีส่วนของ รัฐบาล ศาล ฯลฯ ที่ประชาชนเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเช่นกันครับ
ถ้าหากว่าทุกคนมีสิทธิในการมีอำนาจเท่ากษัตริย์ รัฐ และศาลได้ นั่นคงหมายความว่าบ้านเมืองก็จะคงอยู่ในรูปแบบของ Anarchy ครับ ... หาใ่ช่การอยู่ร่วมกันในสังคมตามระบอบประชาธิปไตยครับผม
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
ก็ยังไม่ตอบคำถามที่ผมสงสัยอยู่ดีครับ อาจเป็นเพราะว่าเราพูดกันคนละภาษา เพราะในความเข้าใจของผม
"สิทธิ" != "อำนาจ" ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ authority ต่างกัน (พอดีไม่ชอบคำว่าอำนาจครับ เลยขอเลี่ยงใช้ภาษาอังกฤษ) การที่นาย ก. มีสิทธิเท่าผู้พิภากษาตาม รธน. หมายความว่า นาย ก. มีสิทธิ เสรีภาพในชีวิต ทรัพย์สิน และการแสดงความคิดเห็นเท่าผู้พิภากษา แต่ไม่ได้หมายความว่านาย ก. มี authority ในการนั่งบรรลังก์ตัดสินคดี
"ตรวจสอบ" != "ล้มล้าง" การวิจารณ์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบ และไม่ได้หมายความว่าคนที่วิจารณ์ต้องการล้มล้าง ซึ่งผมเข้าใจว่าใน 400 เวบที่ถูกปิด ส่วนหนึ่งเข้าข่าย วิจารณ์แต่ไม่ล้มล้าง
"แก้กฏหมาย" != "ไม่เชื่อในระบบกฏหมาย" อันเนื่องมาจากความคิดเห็น #63793 ผมคิดว่าความแตกต่างในข้อนี้คงชัดเจน
BioLawCom.De
ณ จุดนี้ผมว่าเข้าใจตรงกันนะครับ ในส่วนของสิทธิ และ อำนาจ แต่พระมหากษัตรย์สำหรับผมแล้วนั่นเป็นสถาบันที่คนเข้าใจว่าเป็นคนๆเดียวครับ เลยใช้ว่าเป็นเช่นนั้น ... แต่ความจริงแล้วยังมี องค์มนตรี อีกด้วยในการถวายงานครับ
แต่ในข้อของการตรวจสอบนั้น ... ผมเชื่อว่าเว็บเหล่านั้นหรือเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบครับ แต่เป็นการมุ่งโจมตีเพื่อหวังผลของการเข้าสู่ประชาธิปไตยผ่านทางสื่อมากกว่าจะเป็นการตรวจสอบถึงข้อผิดพลาดในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัีตริย์ทรงเ็ป็นประมุขมากกว่าครับ แต่นั่นเองก็ควรจะเป็นคำตัดสินของศาล และ ประชาชน (ผ่านทางรัฐ) ครับว่าเป็นอย่างไร ซึ่งใน 400 เว็บนั้นผมเองก็มีความเชื่อว่าจะต้องมีส่วนหนึ่งที่จะผ่านศาลมาได้ครับ ซึ่ง ณ จุดนั้นเองก็เป็นวิจารณญาณของศาลที่จะเป็นผู้ตัดสินครับผม
คิดว่าคงหมดความคิดเห็นแต่เพียงเท่านี้แล้วกันครับ ... เพราะคิดว่าได้แจงความคิดเห็นได้ครบถ้วนแล้วครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นขัดแย้งที่มีเหตุผลครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
เสริมเล็กน้อยครับ
ส่วนเรื่องของการบังคับกีดกันเว็บไซต์นั้น ... ผมเห็นว่าควรจะเป็นอำนาจของศาลและกฏหมายครับ ไม่ควรจะเป็นการทำโดยพลการหรือโดยความเป็น "กลาง" ของผู้ใดครับ
ปล.หากกฏหมายไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ ... คุณจะเชื่ออะไรหรือครับในการอยู่ร่วมกันในสังคม ?
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
คุณ adamy อธิบายได้ดีครับ อ่านซะเคลิ้มเลย
การวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็น check & balance อย่างหนึ่งนี่ครับ ผมเห็นว่าการเผยแพร่แนวความคิด ไม่น่าจะขัดการแนวคิดประชาธิปไตยนะครับ
ไม่อย่างนั้นแล้ว เว็บไซต์วิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ตาม ก็ถือเป็นแนวคิดที่ไม่ประชาธิปไตยเหรอครับ
แน่นอนว่าขั้นสุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน แต่ไม่น่าจะแปลว่า การพยายามโน้มน้าวประชาชน เป็นความพยายามนอกระบอบประชาธิปไตยครับ
เห็นด้วยครับผม
การวิจารณ์ก็ถือว่าเป็น check & balance อย่างหนึ่งเลยนะครับ
ที่อังกฤษทำได้ แต่ที่ประเทศสารขัณฑ์ไม่สามารถทำได้
กฎหมายหมิ่นฯ มิใช่กฎหมายเพียงแค่ปกป้องชื่อเสียงของคนที่ถูกหมิ่น แต่มันคือกฎหมายจากคนส่วนใหญ่ (ตามหลัก) ที่ไม่อยากให้เราพูดถึงในสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน
แต่พื้นฐานของประชาธิปไตยคือการพูด
มันก็เลยเป็นปัญหา ประชาธิปไตยคือเผด็จการของคนส่วนใหญ่ ซึ่งในกรณีนี้สิทธิและเสรีภาพก็ช่วยอะไรไม่ได้
เห็นด้วยครับผม
แต่แปลกใจว่าพักหลังๆ ทำไมเรื่องบางเรื่อง จึงเป็นเรื่องที่พูดกันได้อย่างไม่ขัดคอหลังมื้ออาหาร (she อย่างโน่น เค้าอย่างนี้) กันเป็นเรื่องปกติของคนไทย โดยเฉพาะในระดับที่มีการศึกษาแล้ว
แน่นอนครับว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป แต่อย่างที่ทราบกันดีกว่ากฏหมายก็ยังเป็นของโบราณอยู่วันยันค่ำนั่นเอง
ที่อยากฝากไว้คือ "เรื่องบางเรื่อง" Wikipedia ภาคภาษาอังกฤษ กับภาคภาษาไทย ยังเขียนไม่ตรงกันเลยครับ หรือไม่...ภาคภาษาไทย (ซึ่งเขียนโดยคนไทยเอง) ก็จงใจที่จะตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งออกอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ควรจะมีเนื้อหา "ครบถ้วน" มากกว่าหรือเทียบเท่าภาคภาษาอังกฤษเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยโดยตรง
น่าคิดนะครับ...
หลายคนก็อาจจะเคยสังเกตนะครับใน wikipedia ถ้ายัง แนะนำให้ลองดูครับ อาจจะได้แง่คิดอะไรใหม่ๆ ก็ได้ครับ..