Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2025 สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ รายได้ยังคงเติบโตทำสถิติสูงสุดบริษัทอีกไตรมาส เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 5,714 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิ 1,811 ล้านดอลลาร์
Shantanu Narayen ซีอีโอ Adobe บอกว่าบริษัทจะยังสร้างความสำเร็จต่อไปอีกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่ส่งเสริมลูกค้า ครีเอเตอร์ นักการตลาด และมืออาชีพด้านต่าง ๆ บริษัทมีความพร้อมในยุคของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI
Adobe ออกแอป Photoshop สำหรับ iPhone ซึ่งเป็นการยกเครื่องแอปใหม่ทั้งหมด หลังจากออกเวอร์ชัน iPad เมื่อกว่า 5 ปีที่แล้ว โดยบอกว่านำความสามารถของ Photoshop มาปรับให้เข้ากับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน ทำให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์ แก้ไข ตกแต่งคอนเทนต์ได้อย่างสะดวก พร้อมเข้าถึงรูปสต็อกจำนวนมากได้
จุดเด่นของ Photoshop บน iPhone คือหลายฟีเจอร์สามารถใช้งานได้ฟรี เช่น การรวมภาพ-ซ้อนภาพ (Layer, Mask), การตัดบางส่วนของภาพหรือปรับสี, ลบวัตถุส่วนเกินในภาพ, AI Generative Fill และ Generative Expand เพื่อสร้างวัตถุเพิ่มในภาพ
Adobe ประกาศว่า Firefly Video Model บริการสร้างวิดีโอจากอินพุทข้อความหรือรูปภาพด้วย AI เข้าสู่สถานะพับลิกสำหรับผู้ใช้งานแล้ว หลังจาก Adobe เผยแพร่แบบเบต้าจำกัดผู้ใช้งานเมื่อปลายปีที่แล้ว
Firefly Video Model มีจุดเด่นคือการทำงานรวมกับแอพพลิเคชันในตระกูล Creative Cloud จึงสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอยอดนิยมในอุตสาหกรรมอย่าง Premiere Pro ได้ รวมทั้งเป็นโมเดลสร้างวิดีโอด้วย AI ตัวแรกในอุตสาหกรรมที่สามารถใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้
Adobe เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Acrobat AI Assistant ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ใน Acrobat สำหรับเอกสาร PDF โดยสามารถทำความเข้าใจและให้รายละเอียดเอกสารประเภทสัญญาข้อตกลงที่มีความซับซ้อน ให้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน เมื่อต้องลงนามทำข้อตกลงนี้
Adobe ยกตัวอย่างสถานการณ์และความท้าทายที่คนมักพบเมื่อต้องลงนามสัญญา เช่น ไม่อ่านสัญญาแล้วเซ็นเลยเพราะยาวเกินไปอ่านไม่ไหว, จะเซ็นแต่ก็พบข้อความภาษาที่ยากจะเข้าใจ หรือมีความลำบากในการเปรียบเทียบสัญญาเก่าและใหม่เพราะความยาวเนื้อหา ซึ่ง Acrobat AI Assistant สามารถช่วย สรุปเนื้อหา ตอบคำถามที่สงสัย และเปรียบเทียบสัญญาเก่าใหม่พร้อมกันสูงสุด 10 เอกสาร
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2024 สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน รายได้รวมเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 5,606 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่สูงสุดอีกไตรมาส และมีกำไรสุทธิ 1,683 ล้านดอลลาร์
Shantanu Narayen ประธานและซีอีโอ Adobe กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ออกมา สะท้อนความสำคัญและบทบาทของ Creative Cloud, Document Cloud และ Experience Cloud ต่อเศรษฐกิจ AI ด้วยเทคโนโลยีที่แตกต่าง นวัตกรรมที่ออกมาต่อเนื่อง ทำให้ตำแหน่งของบริษัทยังคงยอดเยี่ยมต่อไป
รายได้จากกลุ่ม Digital Media เพิ่มขึ้น 12% เป็น 4.15 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% โดย Document Cloud มีรายได้ 843 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17%, Creative 3.30 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%
Adobe ผลักดันแอปวาดรูปบนอุปกรณ์พกพา Adobe Fresco มากขึ้น โดยประกาศว่า Fresco สามารถใช้งานได้ฟรีแบบเต็มรูปแบบสำหรับผู้ใช้งานทุกคน จากก่อนหน้านี้จำกัดความสามารถบางอย่าง เช่น รูปแบบพู่กัน หรือตัวเลือกฟอนต์ให้เฉพาะลูกค้าที่เสียเงิน
Fresco เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 รองรับบน iPad และ Windows ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีแอปบน Android ใช้โมเดลหาเงินแบบ Subscription รายปี 9.99 ดอลลาร์ เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมด แต่มีราคาสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง Procreate ที่ใช้โมเดลขายขาด 12.99 ดอลลาร์
หนึ่งในไฮไลท์ของงาน Adobe MAX คือเซสชัน Sneaks ที่ Adobe นำเสนอโครงการที่มีสถานะทดลอง โดยมีโอกาสถูกนำมาใส่เป็นผลิตภัณฑ์ในอนาคต เหมือน Project Neo ที่สร้างภาพ 2D ขึ้นจากวัตถุ 3D ตั้งต้น ที่มีใน Illustrator ปีนี้ ซึ่ง Sneaks ของปีนี้มีทั้งหมด 9 โครงการ ดังนี้
เครื่องมือลบแสงสว่าง หรือแสงแฟลชที่ปรากฏในภาพหรือวิดีโอ โดยสามารถตรวจจับแสงแฟลชและลบออกได้อัตโนมัติ เครื่องมือยังสามารถปรับใช้กับกรณีวิดีโอที่มีคนเดินตัดหน้ากล้องได้ด้วย
Adobe ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Illustrator โดยมีไฮไลท์คือเครื่องมือแปลงโมเดลสามมิติ ให้ออกมาเป็นไฟล์เวกเตอร์ ที่สามารถปรับแก้ไขได้ง่าย
ฟีเจอร์แรกคือ Generative Shape Fill (สถานะเบต้า) เป็นความสามารถด้าน AI จาก Firefly โดยสามารถเพิ่มรายละเอียดให้กับภาพวาดได้ด้วยการเขียน Prompt ได้ ตามที่ฝั่ง Firefly ประกาศไว้
Adobe อัปเดต Frame.io V4 แพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกันในการผลิตคอนเทนต์ภาพถ่าย-วิดีโอ (collaboration) บนคลาวด์ ซึ่งเวอร์ชันล่าสุดนี้ นอกจากมีการทำงานที่เร็วขึ้น ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ใหม่ ยังเพิ่มแบรนด์กล้องที่รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลจากกล้องส่งตรงขึ้นคลาวด์ด้วย
ฟีเจอร์ใหม่อย่างแรกคือ metadata ที่ทีมสามารถร่วมกันแท็กข้อมูลในไฟล์ภาพ-วิดีโอ เช่น กำหนดประเภท ผู้รับผิดชอบ กำหนดวัน โซเชียลที่ใช้ และอื่น ๆ และสามารถแยกย่อยดูรายละเอียดของข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้
Adobe ยังปรับปรุงระบบเล่นตัวเล่นวิดีโอ ลดบัฟเฟอร์ แสดงภาพได้ละเอียดขึ้น เพื่อให้ทีมผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบรายละเอียดของวิดีโอได้แม่นยำถูกต้องมากขึ้น
Adobe อัปเดตสถานะของโมเดลปัญญาประดิษฐ์สร้างวิดีโอสั้นจากอินพุทข้อความ (Text-to-Video) Adobe Firefly Video Model ซึ่งพรีวิวเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นพับลิกเบต้าแบบจำกัด (limited public beta) โดย Adobe บอกว่าเป็นโมเดลสร้างวิดีโอตัวแรกที่เผยแพร่ทั่วไป และปลอดภัยสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ เพราะเทรนด้วยคอนเทนต์ที่ซื้อลิขสิทธิ์และได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
ของใหม่ทั้งหมดใน Firefly ที่ Adobe เพิ่มเติมในครั้งนี้ได้แก่
Adobe Lightroom เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่พลัง AI ที่ช่วยให้การปรับแต่งภาพทำได้รวดเร็วในคลิกเดียว ลดขั้นตอนและเวลาในการแก้ไข
ฟีเจอร์ใหม่คือ Quick Actions ซึ่งสามารถแก้ไขปรับแสงให้ภาพได้อย่างรวดเร็ว โดย Lightroom จะตรวจจับส่วนที่สำคัญที่มักใช้รีทัชเช่น วัตถุหลัก ฉากหลัง ฟัน ดวงตา ผิว ซึ่งทำได้ทั้งระบบแนะนำ และการแก้ไขตามพรีเซตที่เคยใช้งาน
ส่วน Generative Remove ฟีเจอร์ลบส่วนเกินในภาพ มีการปรับปรุง โดยออกจากสถานะเบต้า มาเป็นใช้งานกับทุกคน ความสามารถเพิ่มเติมคือลบวัตถุได้ดีมากขึ้น ไม่ต้องแปรงทั้งวัตถุ แต่ใช้การวงรอบวัตถุนั้นได้เช่นกัน
Adobe เปิดตัวความสามารถด้าน Generative AI ในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Premiere Pro ซึ่งบางส่วนเคยสาธิตไปแล้วเมื่อต้นปี
ฟีเจอร์นี้มีชื่อว่า Generative Extend ที่สามารถสร้างคลิปสั้นมาเติมช่องว่างที่ฟุตเทจอาจไม่มีถ่ายไว้ ผลลัพธ์ที่ได้มีความต่อเนื่องลื่นไหลกับคลิปในช่วงต้น และส่วนที่ต้องการนำมาต่อท้าย การสร้างคลิปใหม่ด้วย AI สามารถทำงานแบ็กกราวด์ได้ ผู้ใช้งานจึงสามารถทำงานส่วนอื่นระหว่างรอได้เลย
ความสามารถอื่นใน Generative Extend ได้แก่ การแทรกภาพได้ตามต้องการทั้ง J หรือ L Cut, แก้ไขตำแหน่งดวงตา หากฟุตเทจมีมุมมองหลุด, สร้างเสียงเอฟเฟกต์เพิ่มเติม หากฟุตเทจสั้นเกินไป (ไม่รองรับเสียงพูดและเพลง เนื่องจากปัญหาลิขสิทธิ์)
Adobe ประกาศอัปเดตความสามารถให้กับซอฟต์แวร์ Photoshop เพิ่มเครื่องมือสำหรับการตัดต่อ การขยายภาพ ตลอดจนรองรับการนำวัตถุ 3D มาตกแต่งในภาพ มีรายละเอียดดังนี้
เครื่องมือแรกเป็นความสามารถการลบสิ่งรบกวนในภาพ จากเดิมใช้วิธีวงแนววัตถุ ตอนนี้ Photoshop สามารถระบุสิ่งเหล่านั้นในภาพ ผู้ใช้งานเพียงคลิกเลือกและยืนยันการลบออกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นบุคคล สายไฟ หรือสิ่งอื่น ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะใช้เทคโนโลยีไหนช่วยลบ ทั้งเครื่องมือเดิม หรือใช้ Adobe Firefly ที่เป็น Generative AI
Firefly ใน Photoshop ยังเพิ่มความสามารถในการสร้าง-ขยายภาพเพิ่มเติม ทั้ง Generative Fill, Generative Expand, Generate Similar และ Generate Background เพื่อแก้ไขภาพให้ได้ตามต้องการ
Adobe เปิดตัว Adobe Content Authenticity เว็บแอปที่ให้ใช้งานฟรีสำหรับการใส่ Content Credentials หรือการระบุความเป็นเจ้าของผลงาน ซึ่งปัจจุบัน Adobe มีการใช้งานอยู่แล้วในเนื้อหาที่สร้างบนแอปของ Creative Cloud เช่น Photoshop, Lightroom และ Firefly
จุดเด่นของ Content Credentials นอกจากการระบุความเป็นเจ้าของผลงาน รวมทั้งใส่ข้อมูลเพิ่มเติมแบบ metadata ที่สำคัญแล้ว Content Credentials ยังรองรับการกำหนดค่า "อนุญาตหรือไม่อนุญาต" ให้นำเนื้อหานี้ไปเทรน Generative AI ซึ่ง Adobe เร่งผลักดันมาตรฐานนี้สำหรับการพัฒนาโมเดล AI ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการปกป้องผลงานของผู้สร้างสรรค์ด้วย
Adobe ออกอัปเดต Photoshop Elements 2025 และ Premiere Elements 2025 ซอฟต์แวร์แต่งรูปภาพและวิดีโอแบบขายขาด สำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ หรือคนที่ต้องการฟีเจอร์ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน โดยฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มมาในปีนี้มีหลายรายการเน้นไปทาง AI
ใน Photoshop มีตัวอย่างฟีเจอร์ที่ใช้ AI ช่วยประมวลผลเช่น การลบวัตถุออกจากรูปภาพ, การปรับความลึก-ชัดของภาพ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ เปลี่ยนสีวัตถุ, รวมหลายรูปภาพเข้ามาเป็นภาพเดียวกัน และ Guided Edits แนะนำการแต่งภาพ 59 รูปแบบ
ส่วน Premiere เพิ่มความสามารถใช้ตัวหนังสือเคลื่อนไหวในวิดีโอ, เครื่องปรับสีภาพที่แม่นยำขึ้น, ระบบไทม์ไลน์ให้ตัดต่อวิดีโอง่ายขึ้น, เข้าถึงเทมเพลตจาก Adobe Stock
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินของบริษัท สิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2024 โดยยังเติบโตทำสถิติสูงสุดต่ออีกไตรมาส รายได้เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 5,408 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 1,684 ล้านดอลลาร์
Shantanu Narayen ประธานและซีอีโอ Adobe กล่าวว่าบริษัทยังคงส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้ามาตลอด ล่าสุดด้วย AI ที่มีความก้าวหน้าในบริการทั้ง Creative Cloud, Document Cloud และ Experience Cloud ได้ช่วยเพิ่มพลังให้ผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
รายได้จากกลุ่ม Digital Media 4.00 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% โดย Document Cloud รายได้ 807 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18%, Creative 3.19 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%
Adobe เป็นบริการรายล่าสุดที่เปิดตัวเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์สร้างวิดีโอจากอินพุทข้อความ (Text-to-Video) ในชื่อ Adobe Firefly Video Model ซึ่งมาเสริมกับบริการ AI ก่อนหน้านี้ทั้งการสร้างรูปภาพ งานออกแบบ และไฟล์เวกเตอร์ ให้กับลูกค้า Creative Cloud, Experience Cloud และ Adobe Express
Adobe Firefly Video Model รองรับการสร้างคลิปวิดีโอสั้นจากอินพุทแบบข้อความ ที่สามารถกำหนดรายละเอียดเช่น มุมกล้อง การถ่ายภาพ การซูม เพื่อปรับแต่งให้ได้วิดีโอตามต้องการ นอกจากนี้ยังรองรับการสร้างวิดีโอเคลื่อนไหว ทั้งเพื่อการใช้สร้างวิดีโอแบบ B-Roll หรือการทำให้วัตถุในภาพขยับได้แบบสั้น ๆ สามารถนำไปปรับใช้ในงานอนิเมชัน ใส่เอฟเฟกต์ หรือทำวิดีโอแทรกในฟุตเทจที่ต้องการ
Adobe ประกาศอัปเดตฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Photoshop และ Illustrator ซึ่งมีเครื่องมือใหม่พลัง AI ให้การทำงานสะดวกมากขึ้น
Photoshop เพิ่ม Selection Brush Tool เป็นแปรงกำหนดพื้นที่โดยไม่ต้องใช้โหมด Quick Mask, Adjustment Brush Tool (เบต้า) กำหนดค่าตกแต่งบางส่วนของภาพได้ง่ายขึ้น, Text to Image สร้างรูปภาพด้วยโมเดล Adobe Firefly Image 3
ส่วน Illustrator มีของใหม่คือ Generative Shape Fill (เบต้า) เพียงวาดโครงรูปภาพ แล้ว Prompt กำหนดรายละเอียด จะสร้างภาพวาดขึ้นมาให้ตามที่กำหนด, Text to Pattern (เบต้า) ปรับปรุงความสามารถให้แก้ไขแพทเทิร์นได้แบบเวกเตอร์, Mockup (เบต้า) สร้างตัวอย่างแพ็คเกจสินค้าได้บนรูปสินค้าของจริง
Adobe Acrobat ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Generative AI จาก Adobe Firefly ช่วยแก้ไขรูปภาพในเอกสาร PDF สามารถ "เติมภาพ" (generative fill), ลบภาพพื้นหลัง หรือลบไฟล์ภาพบางส่วนออกจากเอกสาร, สร้างภาพ generative AI ใหม่ทั้งหมดด้วยโมเดล Firefly Image 3 แล้วแทรกลงใน PDF โดยตรงได้ด้วย
เมื่อต้นปี Adobe เพิ่มฟีเจอร์ Acrobat AI Assistant ช่วยสรุปเนื้อหา ตอบคำถาม จากเอกสาร PDF โดยใช้โมเดลภาษา LLM จากพาร์ทเนอร์ ในราคา 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
คณะกรรมการกำกับดูแลการค้าของสหรัฐ หรือ FTC เป็นโจทก์ฟ้อง Adobe โดยระบุว่าบริษัทพยายามปกปิดการให้ข้อมูลกับลูกค้า เกี่ยวกับค่าปรับในการยกเลิกบริการก่อนกำหนด และสร้างขั้นตอนที่ยุ่งยากในการยกเลิก Subscription ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่สำคัญที่ลูกค้าต้องทราบ
ในเอกสารการฟ้องนั้น FTC บอกว่า Adobe พยายามเสนอให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนแบบเหมาล่วงหน้าหนึ่งปี แต่ไม่มีการแจ้งว่าหากจะยกเลิกก่อนกำหนด มีค่าปรับคิดเป็น 50% ของระยะเวลาที่เหลือ ซึ่งอาจสูงถึงหลายร้อยดอลลาร์ ค่าปรับที่สูงนี้จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจใช้งานต่อ
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2024 รายได้เติบโตทำสถิติสูงสุดอีกไตรมาส เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 5,309 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,573 ล้านดอลลาร์
รายได้จากกลุ่ม Digital Media เพิ่มขึ้่น 11% เป็น 3.91 พันล้านดอลลาร์ โดย Creative เพิ่มขึ้น 10% เป็น 3.13 พันล้านดอลลาร์ และ Document Cloud เพิ่มขึ้น 19% เป็น 782 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขสำคัญคือรายรับต่อเนื่อง 1 ปี (ARR) เพิ่มขึ้นเป็น 16.25 พันล้านดอลลาร์ เป็นรายได้ใหม่สุทธิ 487 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจ Digital Experience รายได้เพิ่มขึ้น 9% เป็น 1.33 พันล้านดอลลาร์ รายได้ส่วน Subscription เพิ่มขึ้น 13% เป็น 1.20 พันล้านดอลลาร์
Adobe ประกาศปรับปรุงเงื่อนไขการใช้งานหรือ Terms of Service (ToS) ใหม่อีกครั้ง หลังจากเนื้อหาที่อัปเดตให้ผู้ใช้งานยอมรับเพื่อให้ใช้งานซอฟต์แวร์ต่อได้ก่อนหน้านี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากมีข้อความที่ทำให้ตีความได้ว่า Adobe อาจเข้าถึงข้อมูลลูกค้า และสามารถนำไปใช้เทรน AI ได้ ซึ่งแม้ Adobe ชี้แจงและยืนยันว่าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ดูเหมือนยังไม่พอ
Adobe บอกว่า ToS ใหม่จะออกมาในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะปรับปรุงภาษาข้อความที่ใช้ และแสดงความชัดเจนต่อลูกค้าว่าไม่มีการนำข้อมูลไปใช้เทรน AI โดยประเด็นหลักที่ Adobe จะปรับปรุงใน ToS นี้ได้แก่
มีประเด็นจากกลุ่มผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ของ Adode เมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน โดยพบว่า Adobe ได้แจ้งการปรับปรุงเงื่อนไขการใช้งาน (Terms of Use - ToS) ซึ่งทางเลือกเดียวคือต้องกดยอมรับ เพราะถ้าไม่ยอมรับก็ไม่สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ต่อได้
ใน ToS ใหม่นี้ Adobe ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงหนึ่งคือ "ชี้แจงว่าเราอาจเข้าถึงคอนเทนต์ของคุณผ่านวิธีการอัตโนมัติและแบบ manual เพื่อการตรวจสอบคอนเทนต์ได้" ซึ่งด้วยข้อความดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยมองว่า Adobe พยายามเข้าถึงคอนเทนต์เพื่อนำไปเทรนโมเดล AI จึงเรียกร้องให้ Adobe ชี้แจง หรือรณรงค์เลิกใช้ผลิตภัณฑ์
Adobe ประกาศข่าวในงาน Copilot+ PC ของไมโครซอฟท์ ว่าจะออกแอพในกลุ่ม Creative Cloud ชุดใหญ่บน Copilot+ PC ที่ใช้หน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Arm
แอพที่ใช้งานได้แล้ววันนี้คือ Photoshop, Lightroom, Express, Firefly, Acrobat ส่วนแอพที่จะตามมาในช่วงกลางปีนี้คือ Illustrator, Premier Pro, After Effects
กรณีของ Photoshop, Acrobat และ Lightroom มีเวอร์ชัน Windows on Arm มาสักพักแล้ว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการรองรับ NPU ให้ประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ก่อนหน้านี้แอปเปิลประกาศว่า App Store จะเปิดให้แอปอีมูเลเตอร์ลงสโตร์ได้ ซึ่งนักพัฒนาต้องรับผิดชอบส่วนซอฟต์แวร์เกมที่ให้ดาวน์โหลดทั้งหมด จึงคาดเดาว่านินเทนโดน่าจะดำเนินการฟ้องแอปอีมูเลเตอร์ที่มีอยู่บ้าง
ล่าสุดมีกรณีการเกือบถูกฟ้องร้องของผู้พัฒนาแอปอีมูเลเตอร์แล้ว แต่คนฟ้องไม่ใช่นินเทนโด โดย Delta แอปอีมูเลเตอร์ยอดนิยมตัวหนึ่งบน App Store ตอนนี้ ถูกทนายของ Adobe ยื่นคำเตือน ว่าโลโก้แอปนั้นคล้ายกับโลโก้ตัว A ของ Adobe และให้เปลี่ยนโลโก้ นอกจากนี้ Delta ก็ได้รับคำเตือนจากแอปเปิล ซึ่งอ้างเหตุผลของ Adobe เช่นเดียวกัน