นิตยสาร BusinessWeek ตีพิมพ์เบื้องลึกเบื้องหลังของการเปลี่ยนผ่านซีอีโอจาก Steve Ballmer เป็น Satya Nadella โดยอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายราย ขอเรียบเรียงสิ่งที่น่าสนใจตามลำดับเวลา ดังนี้

แหล่งข่าวระบุว่า Ballmer เป็นคนที่ "พูดมากกว่าฟัง" และตลอดทศวรรษที่ผ่าน บอร์ดก็ยอมตามที่อดีตซีอีโอขอทุกอย่าง จนกระทั่งเมื่อมีบุคคลนอกบริษัทคือ John Thompson และ Steve Luczo (ซีอีโอของซีเกต) เข้ามาเป็นบอร์ดด้วย ทั้งสองก็เริ่มรวมตัวกับบอร์ดท่านอื่นท้าทาย Ballmer รวมถึงกดดันให้อดีตซีอีโอผลักดันบริษัทให้เดินเร็วขึ้นเพื่อแข่งกับแอปเปิล กูเกิล และบริษัทอื่นที่ครอบงำเทคโนโลยีด้านโมบายอยู่

เว็บไซต์ The Verge ได้สอบถามและรวบรวมความคิดเห็นของคู่ค้าด้านฮาร์ดแวร์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ของไมโครซอฟท์ที่มีต่อ Satya Nadella ซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์ ส่วนหนึ่งของความเห็นมีดังนี้

หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศให้ Satya Nadella เป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัท ตำแหน่งรองประธานฝ่ายกลุ่ม cloud และตลาดองค์กรก็ว่างลงชั่วขณะ ล่าสุดบริษัทก็แต่งตั้งให้ Scott Guthrie ซึ่งเป็นรองผู้บริหารระดับสูงที่ดูแล Windows Azure มารับหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว

Scott Guthrie หรือที่หลายคนรู้จักในนาม ScottGu ผู้ซึ่งใส่เสื้อโปโลสีแดงในงานนำเสนอของไมโครซอฟท์เป็นประจำ เคยทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายเครื่องมือพัฒนาแพลตฟอร์ม .NET ก่อนที่จะย้ายมาคุมทีม Windows Azure Application Platform ในเดือนพฤษภาคมปี 2011 เขาเป็นผู้ให้การสนับสนุนนักพัฒนาอย่างต่อเนื่องและดูแลการบูรณาการเครื่องมือพัฒนาและเทคโนโลยีที่โอเพนซอร์สเข้ากับผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์

ประวัติสั้นๆ ของ Satya Nadella ซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์ ซึ่งถือเป็นคนที่สามในประวัติศาสตร์อันยาวนานของบริษัท (คนแรกคือเกตส์ คนที่สองคือบัลเมอร์)

Satya (ชื่อตามภาษาอินเดีย ถอดเป็นภาษาไทยก็น่าจะ "สัตยะ") มาจากเมือง Hyderabad ในอินเดีย เขาจบการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัย Mangalore (ไม่ใช่บังกะลอร์นะครับ คนละเมืองกัน) จากนั้นก็ย้ายมาเรียนโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซินในอเมริกา นอกจากนี้เขายังจบปริญญาโทอีกใบในสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชิคาโก

ปัจจุบันเขาอายุ 46 ปี (เกิดปี 1967) แต่งงานแล้วและมีบุตร 3 คน

ไมโครซอฟท์ประกาศแต่งตั้งให้ Satya Nadella รองประธานฝ่ายกลุ่ม cloud และตลาดองค์กรของไมโครซอฟท์ขึ้นมาเป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัทโดยมีผลทันทีที่ไมโครซอฟท์ประกาศ

Satya Nadella เป็นบุคคลที่เข้ามาทำงานในไมโครซอฟท์ตั้งแต่ปี 1992 มีประสบการณ์ในการทำงานกับโครงการสำคัญต่าง ๆ ของไมโครซอฟท์ โดยเฉพาะทางด้าน cloud computing เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ช่วยพัฒนาด้านโครงสร้างบนระบบ cloud ขนาดใหญ่ (the large cloud infrastructures) อย่างเช่น Bing, Xbox, Office ฯลฯ

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้แต่งตั้งให้ Bill Gates เป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือ Nadella ขณะที่ John Thompson ได้ขึ้นมาเป็นประธานบอร์ดของไมโครซอฟท์ครับ

Ravi Venkatesan อดีตผู้บริหารของไมโครซอฟท์อินเดีย และอดีตเพื่อนร่วมงานของ Satya Nadella เป็นเวลา 7 ปี ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal สนับสนุนให้ Nadella ขึ้นเป็นซีอีโอของไมโครซอฟท์

Venkatesan บอกว่า Nadella มีบุคลิกที่ทำงานกับคนอื่นได้ดี ซึ่งเหมาะมากสำหรับไมโครซอฟท์ยุคเปลี่ยนผ่าน เพราะในอดีตแต่ละฝ่ายของไมโครซอฟท์มักไม่ค่อยประสานงานกันเท่าไรนัก นอกจากนี้คนในบริษัทที่ไม่ชื่นชมหรือรู้สึกดีๆ กับเขายังมีน้อยมาก ซึ่งต่างไปจากสตีฟ บัลเมอร์ ที่มีบุคลิกค่อนข้างดื้อดึง (opinionate)

Venkatesan ยังให้ความเห็นว่าถ้าไมโครซอฟท์เลือกซีอีโอคนนอก ก็อาจมีปัญหากับทีมบริหารเดิมได้ เพราะไมโครซอฟท์มีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่าไมโครซอฟท์กำลังเจรจาเรื่องสัญญาค่าตอบแทนกับ Satya Nadella ว่าที่ซีอีโอคนใหม่อยู่ในตอนนี้ และบอร์ดของไมโครซอฟท์จะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่ออนุมัติซีอีโอคนใหม่อย่างเป็นทางการ

แหล่งข่าวยังบอกด้วยว่า Satya Nadella จะขอให้บิล เกตส์ กลับมาทำงานที่ไมโครซอฟท์มากขึ้นในฐานะที่ปรึกษาใกล้ชิดของซีอีโอ โดยเกตส์จะทำหน้าที่แนะนำในแง่เทคโนโลยีและยุทธศาสตร์ของบริษัท ประเด็นนี้ถูกตั้งคำถามว่าเกตส์จะมีเวลาแค่ไหน เพราะปัจจุบันเขามีงานทั้งที่มูลนิธิ และงานในฐานะประธานบอร์ดของไมโครซอฟท์ (จึงมีข่าวลือออกมาว่า เกตส์จะลงจากตำแหน่งประธานบอร์ด)

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าววงในว่ากระบวนการสรรหาซีอีโอของไมโครซอฟท์ใกล้เสร็จสิ้น โดย Satya Nadella ผู้บริหารคนใน (ตำแหน่งปัจจุบันคือ Executive Vice President, Cloud and Enterprise) น่าจะเป็นตัวเต็งในตำแหน่งซีอีโอ

นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า บิล เกตส์ จะลงจากตำแหน่งประธานบอร์ด และ John Thompson หนึ่งในบอร์ดชุดปัจจุบันจะขึ้นมาเป็นแทน อย่างไรก็ตาม มีข่าวออกมาว่าเกตส์อาจกลับมามีส่วนร่วมกับไมโครซอฟท์มากขึ้นในสายงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ ถ้าหากเขาหมดภาระในฐานะประธานบอร์ดแล้ว

ที่มา - Bloomberg