และแล้วก็ถึงเวลาที่เซเว่น อีเลฟเว่นได้ลงมาเล่นในศึกส่งของอย่างเป็นทางการ
ล่าสุด บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL ได้ร่วมกับ บริษัทไดนามิค ลอจิสติกส์ จำกัด ส่งบริการขนส่งพัสดุในช่ือ “SPEED-D (สปีด-ดี)”
จากข้อมูลระบุว่า จุดเด่นของ สปีด-ดีคือ การส่งของอันรวดเร็วถึงจุดหมายปลายทางภายใน 1 วัน โดยหากส่งของก่อนสามทุ่ม (21.00 น.) ของวันนี้ สินค้าจะส่งไปถึงปลายทางในวันรุ่งขึ้นก่อนหกโมงเย็น (18.00 น.) นอกจากนั้นยังมีระบบติดตามสินค้า (tracking) ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อซองหรือกล่องใส่สินค้าเพื่อส่งได้ที่ร้านสะดวกซื้อของเซเว่น อีเลฟเว่นในสาขาที่ให้บริการ
ความร่วมมือของเซเว่นครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะไดนามิค ลอจิสติกส์ เพราะมีผู้ให้บริการเครือข่ายขนส่งกว่า 800 รายทั่วประเทศ โดยอยู่ตามภูมิภาคกว่า 21 จุด ส่วนด้านของเซเว่นก็มีความแกร่งในด้านสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่สามารถรับ-ส่งได้ เซเว่นบอกว่ามีตั้งแต่ สินค้าแห้ง, สินค้าแช่เย็น, สินค้าแช่แข็ง, สินค้าปิโตรเคมี, สินค้าอุปโภค-บริโภคในรูปแบบต่างๆ ทั้งเนื้อสัตว์ อาหารแปรรูป ผัก ผลไม้ นมเบเกอรี่ และอาหารสัตว์
อัตราค่าบริการการเปิดศึกสู้อย่างชัดเจนของเซเว่นในครั้งนี้ นับว่าเป็นการประกาศศึกกับโลจิสติกส์รายอื่นๆ ในตลาด ทั้ง DHL eCommerce และ KERRY EXPRESS ที่มีบริการรับ-ส่งของใน Family Mart บอกได้เลยว่า ศึกส่งของในไทยจะดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน
ที่มา – เอกสารสำหรับนักลงทุน CP ALL
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
หลังจากที่แอปเปิลเริ่มวางจำหน่าย iPhone XS, XS Max และ XR อย่างเป็นทางการ ซึ่งบางฟีเจอร์จะยังไม่สามารถใช้งานได้ แต่ล่าสุดแอปเปิลได้ปล่อยคู่มือการใช้งานสำหรับ iOS 12.1 ให้โหลดไปอ่านกันฟรี ๆ บน Books Store แล้ว
ซึ่งในคู่มือระบุว่าฟีเจอร์อย่าง Group FaceTime ที่สามารถคุยแบบเห็นหน้าได้สูงสุด หรือโทรปกติ ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 32 คน และระบบ Dual SIM บน iPhone XS, XS Max และ XR จะสามารถใช้งานได้หลังอัปเดตเป็น iOS 12.1
ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ อย่างด้านกล้อง จะสามารถปรับความชัดลึกชัดตื้น และแก้ไขปัญหา BeautyGate บน iPhone XS, XS Max และ XR และ Apple Music จะสามารถค้นหาเพลงได้ง่ายขึ้น มีเพลงฮิต Top 100 ในประเทศแต่ละประเทศที่อัปเดตทุกวันให้ฟังกัน
ส่วนวันที่อัปเดตนั้นคาดว่าน่าจะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปได้อัปเดตกันหลังงานเปิดตัววันที่ 30 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ถ้าใครสนใจอยากดาวน์โหลดคู่มือการใช้งาน iOS 12.1 ไปลองอ่านสามารถเข้าไปโหลดได้จากลิงก์ด้านล่างนี้เลย
iPhone User Guide for iOS 12.1
ที่มา – iClarfied
The post Apple ปล่อยคู่มือ iOS 12.1 ให้โหลดฟรี เผยเตรียมรองรับ Group FaceTime, Dual SIM และอื่น ๆ appeared first on Macthai.com.
ในที่สุดเรื่องอื้อฉาวของ “การบินไทย” เกี่ยวกับเรื่องกัปตันต้องการนั่งที่นั่งระดับ First Class จนทำให้เครื่องอออกช้าไปหลายชม. ก็ได้ผลสรุปออกมาแล้ว โดยนักบิน กับนายสถานีซูริกที่มีความผิด และต้องถูกลงโทษ
สุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย ยอมรับว่า หลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่ายในเหตุการณ์เที่ยวบินที่ TG971 เส้นทาง ซูริก-กรุงเทพฯ ล่าช้า มาให้ถ้อยคำแล้วนั้น
คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้สรุปว่า นักบินและผู้จัดการการบริการสนามบินซูริกหรือนายสถานีซูริกได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานและระเบียบที่เกี่ยวข้อง แต่ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างกันเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องที่นั่งของ Passive Crew (นักบินที่โดยสารมากับเที่ยวบินนั้น เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินอื่นหลังจากนี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินก่อนหน้านี้)
ส่งผลให้เกิดความล่าช้าของเที่ยวบินและส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร รวมทั้งทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ขององค์กร นอกจากนี้ ผลการสอบสวนยังระบุอีกว่า ผู้ปฏิบัติงานทั้งสองคนไม่ได้คำนึงถึงการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้โดยสารเป็นลำดับแรก
จึงสรุปได้ว่า ผู้ปฏิบัติงานทั้งสองคนมีข้อบกพร่องด้านจริยธรรมตามคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทฯ ที่กำหนดให้พนักงานยึดมั่นและปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ ความบกพร่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการบริการผู้โดยสารและสร้างความเสียหายให้แก่บริษัทฯ
ดังนั้น บริษัทฯ จะดำเนินการทางวินัยและพิจารณาบทลงโทษกับผู้ปฏิบัติงานทั้งสองคนตามระเบียบของบริษัทฯ ต่อไปนอกจากนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการเยียวยาผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวตามมาตรฐานสากล ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว
“ผมในฐานะผู้บริหารสูงสุดของการบินไทยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอน้อมรับความผิดพลาดและขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมขอให้ความมั่นใจว่า บริษัทฯ คำนึงถึงการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดและการให้บริการลูกค้าควบคู่กันไป ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีการประสานงานที่เป็นหนึ่งเดียวโดยใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต และเพื่อให้การบินไทยกลับมาทะยานสู่ฟ้าสมดั่งที่ทุกคนตั้งใจอีกครั้งหนึ่ง” นายสุเมธฯ กล่าว
TG207 การบินไทยแถลงผลสอบสวนข้อเท็จจริงและการแก้ไขกรณีเที่ยวบิน TG971
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ช่วงนี้หลายคนกำลังมองหาโปรโมชั่นดีๆ สำหรับซื้อ iPhone XS, XS Max และ XR กันอยู่ ซึ่งไม่ว่าจะซื้อที่ไหน ประกันไอโฟนก็จะอยู่ที่ 1 ปีเท่านั้น หากมีปัญหาหลังจากนั้นต้องจ่ายค่าซ่อมแสนแพง
ตอนนี้มีโปรที่น่าสนใจมาแนะนำของเจมาร์ท ที่เดียวที่ขยายเวลารับประกันเป็น 3 ปี ซึ่งไม่ต้องซื้อประกันของที่ไหนเพิ่มอีกให้ยุ่งยาก โดยมีรายละเอียดตามนี้เลย
อ่านรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ -> www.jaymart.co.th/iphone3years
The post Jaymart จัดโปรโมชั่น iPhone XS, XS Max, XR ที่เดียว รับประกันนาน 3 ปีเต็ม !! appeared first on Macthai.com.
หลังจากที่ iFixit ได้ชำแหละ iPhone XS และ XS Max ไปเมื่อเดือนก่อน ล่าสุดมาถึงตาของ iPhone XR แล้ว โดยการชำแหละเครื่องครั้งนี้ พบสิ่งที่น่าสนใจหลาย ๆ อย่าง ดังนี้
หลังจากที่แกะ iPhone XR มา iFixit ให้ความเห็นว่า มีความคล้ายคลึงกับ iPhone X รุ่นก่อนหน้า ทั้งส่วนของน็อต 5 แฉก แต่สีของน็อตไม่ได้เหมือนกับสีของตัวเครื่อง ผิดกับ iPhone XS ที่ตัวเครื่องสีทอง ก็จะมีน็อตสีทองด้วย ส่วนถาดใส่ซิมยังคงมีสีตามตัวเครื่องทั้งหมด
ตัวเครื่องรอบรับ Dual SIM ที่เป็น Nano-SIM และ eSIM สำหรับทุกโมเดลที่ไม่ได้ขายในประเทศจีน นอกจากนี้ระดับกันน้ำรองรับแค่ IP67 เท่ากับ iPhone X ไม่ได้กันน้ำระดับ IP68 เหมือน iPhone XS และ XS Max
สำหรับแบตเตอรี่ของ iPhone XR นั้นเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้าความจุ 2,942 mAh ไม่ได้เป็นรูปตัว L เหมือนกับ iPhone XS และ XS Max ที่มีความจุ 2,659 และ 3,179 mAh ตามลำดับ ส่วน RAM ให้มาทั้งหมด 3 GB ในขณะที่ iPhone XS และ XS Max ให้มา 4 GB
ส่วนหน้าจอของ iPhone XR นั้นเป็นจอ LCD ธรรมดา และไม่รองรับ 3D Touch ซึ่งการทำงานจะใช้การกดแช่และทำงานร่วมกับ Haptic Feedback แทน ซึ่งมีข่าวลือมาว่าแอปเปิลจะตัดฟีเจอร์ 3D Touch ออกสำหรับไอโฟนรุ่นใหม่ ๆ ทุกรุ่น และไปพัฒนา Haptic Feedback ให้สามารถใช้งานได้เหมือน 3D Touch แทน
สุดท้าย iFixit ได้ให้คะแนนความง่ายในการซ่อมแซมเท่ากับ iPhone XS และ XS Max คือ 6/10 คะแนน พร้อมกับให้ความเห็นว่า หน้าจอและแบตเตอรี่ สามารถถอดและเปลี่ยนใหม่ได้ง่าย เพราะไม่จำเป็นต้องถอดชิ้นส่วนอื่น ๆ ออกมาก่อน และถ้าเปลี่ยนหน้าจอสามารถทำได้ โดยไม่ส่งผลต่อระบบ Face ID
แอปเปิลใช้น็อตพิเศษเพื่อให้ยากต่อการซ่อมแซม แต่ก็มีการยึดติดด้วยกาวในบางส่วนอยู่บ้าง และถ้าใครทำกระจกด้านหลังแตก จะต้องทำการนำชิ้นส่วนด้านในออกมาทั้งหมดก่อนถึงจะเปลี่ยนกระจกด้านหลังได้ ซึ่งทำให้มีความยากในการแกะเพิ่มมากขึ้น
ที่มา – iFixit
The post iFixit ชำแหละ iPhone XR พบมีแบต 2,942 mAh, RAM 3GB, เปลี่ยนแบต, เปลี่ยนจอได้ง่าย appeared first on Macthai.com.
หน่วยงานด้านการต่อต้านการผูกขาดของอิตาลี ได้กล่าวว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับเงิน Apple และ Samsung เป็นมูลค่า 5 ล้านยูโร (ประมาณ 188 ล้านบาท) ข้อหาการปล่อยอัปเดตแล้วทำให้อุปกรณ์ช้าลงอย่างจงใจ เพื่อเป็นการบีบบังคับให้ผู้บริโภคจำยอมต้องซื้อเครื่องใหม่ในทางอ้อม
ก่อนหน้านี้ Apple ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการทำให้ iPhone รุ่นเก่าช้า โดยให้เหตุผลว่าข้อจำกัดทางด้านอายุทางเคมีของแบตเตอรี่ มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการจ่ายไฟและความต้านทานแบตเตอรี่ การปรับลดการจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์ภายในนั้น (อุปกรณ์ที่แบตเตอรี่เสื่อมสภาพมากแล้ว) จะช่วยป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ภายใน และการปิดเครื่องโดยไม่คาดคิด พร้อมทั้งเสนอทางออกด้วยการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในราคา 1,000 บาท
สำหรับทางอิตาลีได้ทำการปรับ Samsung และ Apple ในข้อหาการปล่อยอัปเดตแล้วเครื่องช้าลง ซึ่งในกรณีของ Samsung เป็นเรื่องตั้งแต่สมัย Galaxy Note 4 ส่งผลให้ทั้งสองรายโดนปรับไปบริษัทละ 5 ล้านยูโร (ประมาณ 188 ล้านบาท) ส่วนทาง Apple พิเศษขึ้นอีกเล็กน้อยเพราะโดนเพิ่มอีก 5 ล้านยูโรในข้อหาเรื่องการไม่เปิดเผยข้อมูลสู่ผู้บริโภค
ที่มา – reuters.com
The post Samsung และ Apple โดนปรับที่อิตาลีฐานอัปเดตแล้วเครื่องช้าลง appeared first on iPhoneMod.
นักพัฒนาพบภาพไอคอนของ iPad Pro ใหม่ 2018 ใน iOS ยืนยันว่าตัวเครื่องจะใช้จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home มาพร้อม Face ID เหมือน iPhone XS
ภาพไอคอนยืนยันถึง Design ของ iPad Pro ใหม่ 2018Guilherme Rambo นักพัฒนาได้พบภาพไอคอนของ iPad Pro ใหม่ โดยเป็นจอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home เหมือนกับที่พบใน iOS 12 beta ก่อนหน้านี้
จากภาพเราจะเห็นว่า iPad Pro ใหม่จะใช้จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home, มี Face ID และขอบจอนั้นจะเป็นแบบโค้งมนเหมือน iPhone XS คาดการณ์สเปคของ iPad Pro ใหม่ 2018 สามารถชมได้ ที่นี่
Apple ประกาศจัดงาน Event วันที่ 30 ต.ค. 2018 นี้ โดยในงานคาดว่าจะมีการเปิดตัว iPad Pro ใหม่, Apple Pencil ใหม่, MacBook ใหม่, Mac mini อัปสเปคใหม่, iMac อัปสเปคใหม่ รวมไปถึงเปิดขาย AirPower และ AirPods ด้วย รอติดตามกันได้เลยวันงาน
ที่มา – iclarified
The post ภาพไอคอนยืนยันถึง Design ของ iPad Pro ใหม่ 2018 appeared first on iPhoneMod.
กรณีที่ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ค้าง ไม่ตอบสนอง ไม่สามารถแตะหน้าจอได้ หน้าจอมืด หรือเครื่องทำงานผิดปกติ เราสามารถทำการบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) เครื่องเพื่อเริ่มการทำงานใหม่
วิธีการบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) หรือการทำ Hard Reset ของ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR จะทำเหมือนกับการบังคับรีสตาร์ท iPhone X และ iPhone 8/8 Plus แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ iPhone ตระกูล X ใหม่ และยังไม่ทราบวิธีก็สามารถรับชมวิธีกันได้เลย
วิธีบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XRจากนั้นก็รอให้เครื่องทำการรีสตาร์ทตนเองและเริ่มต้นใช้งานใหม่ได้เลย การบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) จะไม่มีการลบข้อมูลใดๆ ออกจากเครื่องทั้งสิ้น ดังนั้นหากเครื่องรวนหรือค้าง ก็สามารถทำการบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นก่อน
ชมคลิปวิธีบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR
การบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) สำหรับ iPhone รุ่นอื่นThe post วิธีบังคับรีสตาร์ท (Force Restart) สำหรับ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR appeared first on iPhoneMod.
iFixit ได้แกะเครื่อง iPhone XR พบว่า iPhone XR มีแบตเตอรี่ความจุสูงกว่า iPhone XS, iPhone 8, iPhone 8 Plus เป็นเหตุว่าทำไมเครื่องใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานที่สุด
iPhone XR แบตเตอรี่ความจุสูงกว่า iPhone XSApple เคลมว่า iPhone XR เป็น iPhone ที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานที่สุด โดย iFixit ยืนยันข้อมูลนี้จากการแกะเครื่องพบว่า iPhone XR มีแบตเตอรี่ความจุสูงมาก
iPhone XR แบตเตอรี่มีความจุ 11.12Wh สูงกว่า iPhone XS ที่มีความจุ 10.13Wh และแน่นอนว่าสูงกว่า iPhone 8 Plus 10.28Wh, iPhone 8 6.96Wh แต่น้อยกว่า iPhone XS Max เครื่องใหญ่ที่มีความจุ 12.08Wh
การที่ iPhone XR นั้นจะใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานนอกจากแบตเตอรี่แล้วก็ต้องอาศัยการจัดการประมวลผลและการจัดการพลังงานจากชิพ A12 Bionic ด้วย
iPhone XR คะแนนซ่อมง่าย 6/10 คะแนนสำหรับการแกะ iPhone XR โดย iFixit นั้นมีข้อมูลน่าสนใจเพิ่มเติมดังนี้
ที่มา – cultofmac, iclarified, ifixit
The post iFixit แกะ iPhone XR พบว่าแบตเตอรี่ความจุสูงกว่า iPhone XS, iPhone 8, iPhone 8 Plus appeared first on iPhoneMod.
ศึกระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่ E-commerce อย่าง Amazon และยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่าง Walmart ในประเทศอินเดียที่มีลูกค้าระดับพันล้านคนเป็นเดิมพันการเติบโตครั้งใหม่ ย่อมไม่มีใครยอมใครแน่นอน
อย่างที่รู้ๆ กันว่าประเทศอินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอีกประเทศในโลก ซึ่งรองจากจีน นอกจากนี้อินเดียยังเป็นประเทศที่ยังมีโอกาสเติบโตสูงมากๆ ย่อมทำให้ไม่มีใครยอมใคร
เว็บไซต์ Quarz เคยรายงานว่า ตลาด E-commerce ในปี 2022 ของประเทศอินเดียมูลค่าของตลาดนี้จะอยู่ประมาณ 73,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตประมาณ 29.2% ทำให้ไม่ว่าบริษัทลงทุนหรือแม้แต่บริษัทเทคโนโลยีสนใจในตลาดอินเดียไม่น้อย
สำหรับสัดส่วนตลาด E-commerce ในประเทศอินเดีย ข้อมูลล่าสุดจาก Forrester เผยแพร่โดย Bloomberg Quint นั้น
สำหรับความพึงพอใจลูกค้าในประเทศอินเดียนั้นอันดับ 1 และ 2 ตามมาติดๆ เลยทีเดียว โดย Flipkart ลูกค้าพอใจถึง 97% ขณะที่ Amazon ลูกค้าพึงพอใจ 93% ซึ่งอันดับรองลงมาอยู่สูงสุดเพียงแค่ 82% แสดงให้เห็นถึงสงครามนี้อย่างเห็นได้ชัด
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ E-commerce ของประเทศอินเดียมาได้ไกลขนาดนี้คือประชาชนเริ่มมีโทรศัพท์มือถือเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ Smartphone ทั้งหลาย และแน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นมือถือ android ราคาถูก ซึ่งบริษัทผลิตมือถือหลายรายพยายามเจาะตลาดนี้
นอกจากนี้ยังมีตัวเร่งอย่างผู้ให้บริการมือถือเจ้าใหม่อย่าง Jio ที่เป็นผู้เล่นใหม่ของวงการผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในอินเดีย ที่มีทุ่มราคาค่า Data ลงมาในระดับถูกมาก สร้างความปวดหัวให้ผู้เล่นเดิมอย่าง Vodafone และ Bharti Airtel ในประเทศอินเดีย นอกจากนี้การมาของ Jio ยังเร่งให้เกิดการควบรวมกิจการเพื่อที่จะครองส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากขึ้นด้วย
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนที่ทำให้ E-commerce ในอินเดียมาได้ไกลมาก
Amazon พยายามตีตื้น
Amazon.in ถือกำเนิดเกิดขึ้นในปี 2013 จากการก่อตั้งเว็บไซต์ที่รวบรวมวิศวกรที่ทำงานที่สำนักงานใหญ่ในสหรัฐ แต่ดันเกิดอยากกลับมาที่บ้านเกิด โดยอดีตนั้น Amazon อินเดียมีโกดังสินค้านอกเมืองมุมไบ พื้นที่เพียงแค่ 140,000 ตารางเมตรเท่านั้น ต่างกับปัจจุบันที่มีมากกว่ามหาศาล เช่น ศูนย์กระจายสินค้า 50 แห่งทั่วอินเดีย
แถมในปี 2016 ทาง Amazon เองได้เปิดให้บริการ Prime ที่มีข้อเสนอคือสามารถส่งของภายในประเทศอินเดียภายใน 2 วัน ค่าสมาชิกเพียงแค่ 999 รูปี / ปี และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Amazon สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดมากจากคู่แข่งรายอื่นๆ ได้
อย่างไรก็ดีความท้าทายของ Amazon ในประเทศอินเดียคือกฏหมายอินเดียห้ามไม่ให้บริษัทต่างชาติสามารถที่จะขายสินค้านอกจากอาหารในประเทศอินเดีย ซึ่งทำให้บริษัทต้องลงไปหาร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 14,000 ร้านค้า เพื่ออบรมในการขายของใน Amazon เพื่อตีตื้นคู่แข่งอย่าง Flipkart
นอกจากนี้เรื่องของการขนส่งพัสดุในประเทศอินเดียที่มีมหาศาล Amazon ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ใช้บริการของ India Post แต่ก็พยายามสร้างเครือข่ายขนส่งของตัวเองขึ้นมาเพื่อลดการพึ่งพาจาก India Post มากเกินไป
ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่าง Walmart เลือกที่จะสู้กับ Amazon อีกสักครั้ง ซึ่งในอดีตนั้นบริษัทได้พ่ายแพ้แก่ Amazon อย่างราบคาบ ในหลายๆ ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น หรือ สหรัฐอเมริกา ที่แพ้ราคาบให้กับบริษัทเทคโนโลยี
แต่สำหรับสนามอินเดียแล้ว Walmart ไม่ยอม Amazon แน่นอน การลงทุนใน Flipkart ทำให้บริษัทมีโอกาสแย่งชิงและครองตลาด E-commerce ในประเทศที่มีประชากรสูงอย่างอินเดียได้ เพราะถ้า Walmart ไม่ทำอะไรสักอย่างแล้วปัญหาคือรายได้ของบริษัทอาจลดลงเรื่อยๆ
นอกจากนี้ความตั้งใจของ Walmart ที่จะสู้กับ Amazon นั้นเต็มเปี่ยม โดยผู้บริหารเคยกล่าวถึงว่า Flipkart อาจขาดทุน แต่ในอนาคตเชื่อว่ามาถูกทาง เพราะว่าลูกค้าในอินเดียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทได้ลงทุนกับ E-commerce อันดับ 1 ของประเทศอย่าง Flipkart เป็นมูลค่าถึง 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนหน้าที่ Walmart สนใจจะลงทุนนั้น Amazon เคยสนใจที่จะซื้อกิจการทั้งหมดของ Flipkart มาแล้วด้วย แต่สุดท้ายได้ปฏิเสธไป และนอกจากนี้ Flipkart ยังได้ซื้อกิจการคู่แข่งอย่าง Myntra ซึ่งเป็น E-commerce คู่แข่งอีกรายในช่วงเดียวกันด้วย
สำหรับ Walmart ในประเทศอินเดียแล้ว เกมนี้ถือว่าเป็นเดิมพันที่แพ้ไม่ได้เลยทีเดียว
ขณะที่ E-commerce เจ้าอื่นๆ นั้นแทบมีสัดส่วนการตลาดที่น้อยลง หลังจากการแย่งสัดส่วนตลาดของ Amazon และ Flipkart ทั้งๆ ที่ตลาด E-commerce ของอินเดียกลับขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ และเติบโตปีละหลายสิบ % แต่กลายเป็นว่าทั้งเจ้าหลัก 2 แทบจะกวาดเรียบหมด
โดยเฉพาะอดีตผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Snapdeal ที่เคยมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 3 ที่ประมาณ 22% ในปี 2015-2016 แต่หลังจากนั้นกลายเป็นว่า E-commerce รายนี้กลับส่วนแบ่งลดลงทุกไตรมาส ปัญหาเกิดจากการไม่โฟกัสตลาด รวมไปถึงความพึงพอใจของลูกค้าที่ลดลงเรื่อยๆ
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า Snapdeal เตรียมที่จะให้ Flipkart ซื้อกิจการด้วย ซึ่งยังไม่มีท่าทีออกมาจาก Flipkart
ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ยักษ์ใหญ่ Paytm ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอีคอมเมิร์ซและชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของอินเดีย ปัจจุบันมีคนอินเดียใช้งานกว่า 220 ล้านคน Paytm ถือเป็นบริการชำระเงินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งผู้ลงทุนรายใหญ่คือ SoftBank รวมไปถึง Alibaba ด้วย
ซึ่งล่าสุดลงมาทำ Paytm ได้หันมาทำ E-commerce ของตัวเอง โดยได้แรงหนุนมาจาก Alibaba อีกด้วย ท้ายที่สุดแล้วต้องมาลุ้นกันว่าจะรอดหรือร่วง
นอกจากนี้ยังเจ้าของค่ายมือถือและรวมไปถึงมหาเศรษฐีอินเดียอย่าง Mukesh Ambani ก็มีความคิดที่จะทำ E-commerce ด้วยเช่นกัน โดยหวังว่าลูกค้าที่เป็นผู้ใช้บริการ Jio ก็จะมาเป็นลูกค้าของ E-commerce ของเขาเช่นกัน ซึ่งไอเดียดังกล่าวนั้น Mukesh Ambani ได้ไอเดีย New Retail มาจาก Jack Ma อีกด้วย
เกมนี้เป็นเกมที่แพ้ไม่ได้ของทั้ง 2 ฝั่ง แถมยังมีผู้เล่นรายใหม่อย่าง Paytm กับมหาเศรษฐีชาวอินเดียอย่าง Mukesh Ambani เข้ามาด้วย ซึ่งอนาคตเราจะได้เห็นการแข่งขันอย่างดุเดือดในสมรภูมิของ E-commerce ในประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นเกมตัดราคาสินค้า ใครที่ขนส่งได้ไวกว่า มีตัวเลือกในการจ่ายเงินมากกว่า หรือแม้แต่บริการที่ดีกว่า
เพราะว่าตลาด E-commerce ของอินเดียยังสามารถที่เติบโตไปได้เรื่อยๆ และเม็ดเงินก้อนนี้ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ฉะนั้นใครที่เอาชนะในเกมนี้ได้ย่อมมาพร้อมกับรายได้มหาศาลแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
H&M เป็นผู้เล่นค้าปลีกรายล่าสุดที่ประกาศสงครามกับพลาสติก ด้วยการใช้ถุงกระดาษเข้ามาแทนที่การใช้ถุงพลาสติกเรียบร้อยแล้ว
ท่ามกลางปัญหาพลาสติกล้นโลกในยุคนี้ ทำให้แบรนด์ใหญ่ของโลกเริ่มตื่นตัวต่อปัญหานี้อย่างมาก มีการปรับตัว และได้ประกาศนโยบายในการลดใช้พลาสติกไม่ว่าจะเป็นหลอดพลาสติก หรือถุงพลาสติก เพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกนัยหนึ่งก็ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดีขึ้น
ล่าสุด H&M แบรนด์ Fast Fashion ชื่อดังได้ประกาศแผนว่าจะโละการใช้ถุงพลาสติกให้หมด แล้วทำการใช้ถุงกระดาษภายในร้านแทน
โดยแผนนี้จะเริ่มใช้ถุงกระดาษตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2018 และจะกระจายไปทุกสาขาทั่วโลกให้ครบภายในต้นเดือนธันวาคม หรืออีกประมาณเดือนเศษๆ เท่านั้น
ทาง H&M บอกว่า การใช้ถุงกระดาษภายในร้านนั้น เพื่อต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมแฟชั่นบ้าง เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหญ่คาดว่าจะสามารถสร้างแรงกระเพื้อมได้อย่างดี ให้คนได้ตระหนักถึงปัญหานี้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้ H&M ได้ทำการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม 5 เพนนี เมื่อลุกค้าต้องการรับถุงพลาสติก ได้เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2015 แล้วนำเงินที่ได้ไปบริจาคเพื่อการกุศล โดยปัจจุบันองค์กร Unicef ได้รับเงินจาก H&M แล้วทั้งสิ้นกว่า 1.9 ล้านปอนด์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
สำหรับใครที่รับเครื่องหรือซื้อ iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR หรือ iPhone รุ่นอื่นๆ แล้ว วันนี้ทีมงานมีคำแนะนำในการตั้งค่า iPhone เครื่องใหม่ มาชมกันเลยว่าต้องตั้งค่าจุดไหนบ้าง
ตอนที่เราได้รับเครื่องใหม่และเปิดใช้งาน เครื่องก็จะแนะนำให้ตั้งค่าเบื้องต้น เช่น ภาษาและภูมิภาค รหัสผ่าน Face ID หรือ Touch ID เป็นต้น
หลังจากนั้นเราก็ต้องกรอก Apple ID เดิมหรือคนที่ไม่เคยมีก็สมัครใหม่ (ด้วยตนเอง) ให้เรียบร้อย ถ้าเคยใช้ iPhone เครื่องเดิมมาก่อนก็ให้รีสโตร์ข้อมูลจากการสำรองใน iCloud มาด้วย
ซื้อ iPhone เครื่องใหม่ ต้องตั้งค่าจุดไหนบ้าง 1. เปิดสำรองข้อมูล iCloud อัตโนมัติให้เปิดการสำรองข้อมูล iCloud ไว้ เพื่อสำรองข้อมูลบัญชี เอกสาร การตั้งค่าต่างๆ อัตโนมัติไว้บน iCloud การสำรองข้อมูลอัตโนมัตินี้จะทำเมื่อ iPhone ถูกชาร์จและล็อคอยู่ พร้อมกับมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi ไว้ เผื่อว่าวันไหนที่โทรศัพท์เกิดข้อผิดพลาดผิดปกติ ข้อมูลต่างๆ จะได้ไม่หาย
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > Apple ID > iCloud > ข้อมูลสำรอง iCloud > แตะเปิด ข้อมูลสำรอง iCloud
เวลาที่ iPhone ของเราสูญหาย การเปิดค้นหา iPhone ของฉัน จะช่วยเพิ่มโอกาสในตามหา iPhone ได้มากขึ้น พร้อมกับเปิดส่งตำแหน่งล่าสุดด้วย เพราะเวลาที่แบตเตอรี่เหลือน้อย iPhone จะส่งตำแหน่งที่ตั้งล่าสุดไปให้กับ Apple เวลาที่เครื่องเราหาย เราก็สามารถให้ Apple ช่วยตามได้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > Apple ID > iCloud > ค้นหา iPhone ของฉัน > แตะเปิด ค้นหา iPhone ของฉัน
ตอนเปิดเครื่องครั้งแรกระบบจะให้เราตั้งค่า Touch ID หรือ Face ID อยู่แล้ว สำหรับคนที่ข้ามขั้นตอนนี้ ก็สามารถมาตั้งค่าในส่วนการตั้งค่า (Settings) ได้ ซึ่งควรจะทำทันที เพื่อความปลอดภัยในการเข้าถึงเครื่อง
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > Touch ID และรหัสผ่าน หรือ Face ID และรหัสผ่าน > กรอกรหัสผ่านเข้าเครื่อง > สแกนนิ้วหรือสแกนใบหน้าไปเรื่อยจนจบขั้นตอน
แนะนำให้เปิด iTune Store และ App Store และการป้อนรหัสผ่านโดยอัตโนมัติไว้ด้วย
4. ตั้งค่า Siri “หวัดดี Siri”เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้นด้วย Siri เพียงแค่ตั้งค่าเปิดใช้ “หวัดดี Siri” หรือกดปุ่มโฮมเพื่อเรียก Siri คุณก็สามารถใช้งาน Siri เป็นเลขาส่วนตัวได้เลย
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > Siri และการค้นหา > เปิด ฟัง “หวัดดี Siri” > ดำเนินการต่อ > พูดหวัดดี Siri ไปจนจบขั้นตอน
สำหรับใครที่ไม่ต้องการให้ iPhone อัปเดต iOS รุ่นใหม่อัตโนมัติ เนื่องด้วยยังไม่พร้อมอัปเดตหรืออยากรอฟีดแบ็กจากคนอื่นก่อน ก็สามารถปิดการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติได้ เมื่อมี iOS เวอร์ชันใหม่ค่อยมากดอัปเดตด้วยตนเอง
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ > รายการอัปเดตอัตโนมัติ > แตะปิด รายการอัปเดตอัตโนมัติ
ในการดาวน์โหลดแอป, เพลง, ภาพยนต์ และหนังสืออัตโนมัติ ถ้าเราเปิดไว้อุปกรณ์ที่ใช้ Apple ID เดียวกันก็จะถูกดาวน์โหลดด้วยเหมือนกัน เช่น เราดาวน์โหลดแอปบน iPhone แล้ว iPad ของเราก็ดาวน์โหลดแอปเดียวกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความซ้ำซ้อนก็สามารถปิดได้ ส่วนการรายการอัปเดต หากเราไม่ต้องการอัปเดตแอปใน App Store อัตโนมัติ ก็สามารถปิดได้เช่นกัน
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > Apple ID > iTunes Store & App Store > แตะปิด เพลง แอป หนังสือและหนังสือเสียง และรายการอัปเดต
สำหรับคนที่เคยใช้ iPhone มาแล้วและมีการดาวน์โหลดหรือซื้อแอปใน App Store พอย้ายเครื่องก็จำไม่ได้ว่าเคยาดาวน์โหลดแอปไหนมาใช้บ้าง ก็สามารถตรวจสอบและดาวน์โหลดแอปที่เคยใช้แล้วได้ดังนี้
ไปที่แอป App Store > แตะรูปโปรไฟล์ > แตะ สินค้าที่ซื้อแล้ว > แตะแท็บ ไม่ได้อยู่ใน iPhone เครื่องนี้ > ดาวน์โหลดแอปที่ต้องการ
ฟีเจอร์การแก้ไขคำผิดจริงๆ แล้วมีประโยชน์ แต่บางครั้งการแก้ไขคำผิดอัตโนมัติบนคีย์บอร์ด iPhone ก็ทำให้ความหมายไม่ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ ดังนั้นให้ทำการตั้งค่าปิดการแก้ไขคำผิดอัตโนมัติ แต่อาจจะเปิดการคาดเดาแทน
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > แป้นพิมพ์ > ปิด แก้ไขคำผิดอัตโนมัติ
การเปิด iMessage ไว้ จะช่วยให้เราสามารถส่งข้อความหาเพื่อนๆ ที่ใช้ iPhone เหมือนกันได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถชมวิธีการเช็คว่าส่งข้อความแบบไหนฟรีหรือไม่ฟรีได้ที่นี่
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ข้อความ (Message) > แตะเปิด iMessage
สำหรับเครื่องที่ความจุไม่ค่อยเยอะและต้องการจะเก็บรูปบน iCloud ก็เปิดตั้งค่าการเก็บข้อมูลที่จำเป็นบน iCloud ได้ เช่น รูปภาพ ข้อความ เป็นต้น เพื่อประหยัดพื้นที่ในเครื่อง
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > Apple ID > iCloud > แตะเปิดแอปที่ต้องการเก็บข้อมูลไว้บน iCloud
ศูนย์ควบคุม (Control Center) เป็นศูนย์กลางเมนูที่จะช่วยให้เราเข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เราสามารถปรับแต่งเมนูที่ต้องการใช้และจัดเรียงได้ตามความสะดวก
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ศูนย์ควบคุม > กำหนดแถบควบคุมเอง > แตะเพิ่มแอปที่ต้องการแสดงใน Control Center และลบแอปที่ไม่ต้องการให้แสดง เลื่อนลำดับโดยลากไอคอนสามขีดด้านหลัง
สำหรับคนที่มีการติดต่อสื่อสารผ่านอีเมล ก็สามารถตั้งค่าบัญชีอีเมลใน iPhone ได้หลายผู้ให้บริการหลายบัญชี
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > เมล (Mails) > เพิ่มบัญชี > เลือกผู้ให้บริการที่ต้องการและล็อกอินอีเมลได้เลย
ไอคอนแบตเตอรี่ที่แสดงมุมบนขวาของหน้าจออาจจะระบุได้ไม่ชัดเจนเท่ากับการแสดงเปอร์เซ็นของแบตเตอรี่คงเหลือ เราสามารถเปิดได้ดังนี้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery) > แตะเปิด เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่
สำหรับ iPhone X ขึ้นไป สามารถเปิด Control Center ดูเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ได้เลย
14. ปิด Background App Refresh ในบางแอปBackground App Refresh เป็นการดึงข้อมูลและคอนเทนต์ใหม่ของแอปอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าเราจะปิดแอปนั้นแล้วก็ตาม เพื่ออัปเดตข้อมูลใหม่อยู่เสมอ สำหรับบางแอปที่เราไม่ได้ใช้งานบ่อย ก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิด Background App Refresh ไว้ เช่น สภาพอากาศ พ็อดคาสท์ เป็นต้น นอกจากจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่แล้ว อาจจะไม่ปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลในแอปบางประเภท
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) > แตะเปิดแอปที่ต้องการให้ดึงข้อมูลตลอดเวลาหรือแตะปิดแอปที่ไม่จำเป็นต้องดึงข้อมูล
คุณสมบัติปรับความสว่างอัตโนมัติ (Auto-Brightness) จะใช้เซ็นเซอร์วัดแสงเพื่อปรับความสว่าง โดยอิงจากสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณ การตั้งค่านี้จะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้น แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบให้แสงลดเองหรือเพิ่มเองก็สามารถปิดได้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > การช่วยเหลือจอแสดงผล (Display Accommodations) > เปิดหรือปิด ปรับความสว่างอัตโนมัติ (Auto-Brightness) ตามความสะดวก
AssistiveTouch นอกจากจะทำหน้าที่แทนปุ่มโฮมแล้ว ยังช่วยให้เราเข้าถึงเมนูที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ก็ตั้งค่าเปิดใช้งานและตั้งค่าเมนูด้านบนสุด โดยเลือกการทำงานที่ใช้บ่อยมาแสดง
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > AssistiveTouch > แตะเปิด AssistiveTouch
ID ทางแพทย์ (Medical ID) เป็นการบันทึกข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น ชื่อ น้ำหนัก ส่วนสูง กรุ๊ปเลือด และที่สำคัญก็คือรายชื่อที่ใช้ติดต่อฉุกเฉิน เผื่อว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ผู้ช่วยเหลือจะสามารถดู ID ทางแพทย์ของเราและให้การช่วยเหลือยอย่างถูกต้อง พร้อมกับติดต่อกับบุคคลที่ระบุไว้ได้
ไปที่แอปสุขภาพ (Health) > แตะแท็บ ID ทางแพทย์ > เปิดแสดงขณะล็อคอยู่ > กรอกข้อมูลส่วนตัวและผู้ติดต่อฉุกเฉิน > แตะเสร็จสิ้น
แน่นอนว่าส่วนใหญ่เราจะชอบใช้อิโมจิในการแชทกันอยู่แล้ว สำหรับใครที่หาแป้นพิมพ์อิโมจิไม่เจอ ก็สามารถตั้งค่าเพิ่มแป้นพิมพ์ได้ดังนี้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > แป้นพิมพ์ > แป้นพิมพ์ > เพิ่มแป้นพิมพ์ใหม่ > อิโมจิ
สำหรับผู้ใช้ใหม่ที่ยังไม่ทราบวิธีการเปลี่ยนภาพพื้นหลังและภาพพักหน้าจอ ที่มีให้เลือกทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และรูปภาพ Live ก็สามารถเปลี่ยนได้ดังนี้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ภาพพื้นหลัง > เลือกภาพพื้นหลังใหม่ > เลือกภาพพื้นหลังที่ต้องการ และตั้งค่าให้เป็นพื้นหลังหน้าโฮมหรือหน้าจอล็อค
หากต้องการให้ขนาดตัวอักษรเล็กลงหรือใหญ่ขึ้นก็ปรับตั้งค่ากันได้เลย โดยปกติระบบจะเซ็ตค่าขนาดกลางมาให้ แต่ถ้าใครเห็นไม่ชัดก็สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > ข้อความใหญ่ขึ้น > เลื่อนขวาเพื่อเพิ่มขนาดข้อความ หรือเลื่อนซ้ายเพื่อลดขนาดข้อความ
ให้เช็คการเปิด AirDrop ที่ Control Center ถ้าหากไม่ได้ใช้งานก็ปิดไว้ แต่ถ้าหากต้องใช้งานแนะนำว่าให้เปิดเฉพาะรายชื่อ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการรับส่งข้อมูล
ไปที่ Control Center > แตะ 3D Touch หรือแตะค้างที่ส่วนเมนูการเชื่อมต่อ > แตะไอคอน AirDrop > ถ้าต้องการเปิดให้เลือกแนะนำให้เลือกเฉพาะรายชื่อ ถ้าไม่ได้ใช้ก็ให้แตะปิดการรับ
ใน iOS 12 สามารถตั้งค่าโหมดห้ามรบกวนขณะนอนหลับได้ โดยกำหนดเวลาที่เริ่มต้นและสิ้นสุดของเวลานอน เครื่องก็จะทำงานในโหมดห้ามรบกวนอัตโนมัติ หรือในเวลาอื่นๆ ที่ไม่ต้องการให้ใครรบกวนก็สามารถตั้งตามช่วงเวลาได้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ห้ามรบกวน (Do Not Disturb) > แตะเปิดเวลาที่กำหนด > กำหนดเวลาเริ่มและสิ้นสุด > ถ้าต้องการเปิดโหมดห้ามรบกวนขณะนอนหลับก็ให้แตะเปิด เวลาเข้านอน (Bedtime)
วิดเจ็ต (Widgets) เป็นส่วนที่ทำให้เราดูข้อมูลหรือเข้าถึงแอปต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว และจะดีมากขึ้นหากเราปรับตั้งค่าให้ตรงกับการใช้งาน
ปัดหน้าจอโฮมไปทางขวา เพื่อเปิดหน้าวิดเจ็ต > เลื่อนลงมาด้านล่างและแตะ แก้ไข > เพิ่มหรือลบวิตเจ็ตได้ตามต้องการ แตะและลากไอคอนสามขีดด้านหลังเพื่อจัดลำดับวิดเจ็ต
แอปกล้องก็เป็นอีกหนึ่งแอปที่ใช้กันบ่อยๆ เราสามารถปรับตั้งค่าให้กล้องแสดงตาราง 9 ช่อง เพื่อให้การถ่ายรูปทำได้ง่ายขึ้นและภาพที่ได้ก็จะมีองค์ประกอบที่ดี
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > กล้อง (Camera) > แตะเปิด เส้นตาราง (Grid) และเปิดสแกนรหัส QR เพื่อใช้การสแกนรหัส QR Code
เพิ่มเติม 5 เคล็ดลับ การใช้กล้อง (Camera) บน iPhone, iPad ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
25. จัดเรียงลำดับรายชื่อรายชื่อที่บันทึกไว้ในเครื่อง เราสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้มีการจัดเรียงตาม ชื่อและนามสกุล หรือจะให้เรียงตามนามสกุลและชื่อก็ได้ นอกจากนี้ยังตั้งค่าให้แสดงชื่อหรือนามสกุลขึ้นก่อนก็ได้
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > รายชื่อ (Contacts) > แตะเมนูลำดับเรียงและลำดับแสดง พร้อมกับตั้งค่าการเรียงรายชื่อได้ตามต้องการ
และทั้งหมดนี่ก็เป็นการตั้งค่า iPhone เครื่องใหม่เบื้องต้นที่แนะนำโดยทีมงาน แต่ผู้ใช้ก็ต้องปรับตั้งค่าตามความสะดวกในการใช้งานของตนเองนะคะ ไม่จำเป็นจะต้องทำตามทุกข้อ ส่วนใครที่มีการตั้งค่าอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ก็สามารถแนะนำโดยการคอมเม้นต์ใต้โพสต์ได้เลย
บทความอื่นๆ ที่แนะนำสำหรับ iPhone ที่อัปเดตเป็น iOS 12The post 25 สิ่งที่แนะนำให้ทำทันทีหลังซื้อ iPhone เครื่องใหม่ (คำแนะนำจากทีมงาน) appeared first on iPhoneMod.
iPhone XS Max, iPhone XS และ iPhone XR ทั้ง 3 รุ่นใหม่ล่าสุดเพิ่งเปิดรับเครื่องจองวันแรกไปเมื่อศุกร์ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา บรรยากาศอาจไม่สนุกสนาน เร้าใจ คนเข้าคิวต่อแถวกันเยอะแยะเหมือนช่วงแรกๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเปิดให้จองกันทางออนไลน์ ดีลเลอร์ในไทยก็ส่งเครื่องถึงมือ หรือนัดรับเครื่องตามศูนย์บริการ
แต่คำถามคือ แล้ว iPhone 3 รุ่นนี้ ได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน Brand Inside เฝ้าติดตามบรรยากาศในวันรับเครื่อง (ที่ค่อนข้างเงียบเหงา) พร้อมคุยกับ “แหล่งข่าว” หลายรายในแวดวงโทรคมนาคมมาเล่าให้ฟัง ซึ่งมีหลายประเด็นน่าสนใจ
นี่เป็นการสำรวจวันเริ่มต้นจำหน่ายจริง กับข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายรายในวงการโทรคมนาคม ที่เปิดเผยว่า ยอดจอง iPhone รุ่นใหม่ในไทยไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ของ Apple มีความเป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่ง ด้วยราคาที่สูงขึ้นของ iPhone ประกอบกับคู่แข่งในสมาร์ทโฟนค่าย Android มีคุณสมบัติที่โดดเด่นและเหนือกว่าในหลายจุด (และเปิดราคามาดีกว่า) ทำให้ผู้ใช้ชาวไทยปันใจเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นๆ กันมากขึ้น
แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่แน่ว่า ผู้ใช้ iPhone อาจจะรอดูกระแส รอดูโปรโมชั่น หรือ รอการเปลี่ยนรุ่นใหม่ในภายหลังก็เป็นได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
หากการพัตต์เป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบและพลาดบ่อยอยู่เสมอ แอป Golf Scope – AR Green Reading อาจช่วยคุณได้ เพราะแอปจะใช้เทคโนโลยี AR บน iPhone ในการตรวจจับและมองเห็นไลน์ในการพัตต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ
Golf Scope – AR Green Readingแอปสำหรับ iPhone ที่ช่วยในเรื่องของการพัตต์ลูกกอล์ฟลงหลุมให้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม ด้วยการใช้เทคโนโลยี AR บน iPhone มาช่วยในการวิเคราะห์พื้นผิว ความชัน และระยะทางให้โดยอัตโนมัติ แสดงเป็นแถบไลน์สีเหลืองในรูปแบบ 3 มิติ และจำลองเส้นทางการพัตต์และตัวอย่างการพัตต์ที่สมบูรณ์แบบให้
[ชมวิดีโอตัวอย่างการใช้งาน]
โดยแอป Golf Scope AR จะแสดงเส้นไลน์และลูกศรให้คุณเห็นบนกรีนผ่านกล้องบน iPhone ซึ่งคุณจะต้องทำการเล็งไปตามเส้นทาง เพื่อให้การพัตต์เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ โดยคุณสามารถส่ง iPhone ไปให้แคดดี้หรือเพื่อนช่วยบันทึกวิดีโอการพัตต์ของคุณไว้ได้ เพื่อนำมาวิเคราะห์และฝึกฝนต่อไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นการพัตต์ลูกกอล์ฟลงหลุมอย่างแม่นยำนั้น ก็ต้องอยู่ที่ฝีมือและการฝึกฝนของนักกอล์ฟเองด้วย
เนื้อที่: 101.5 MB รองรับ iOS 11.3 ขึ้นไป (ใช้ได้กับ iPhone เพียงเท่านั้น)
สามารถดาวน์โหลดแอปได้ฟรีที่: Golf Scope – AR Green Reading on App Store
The post มองกรีนในมุมใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยแอป Golf Scope – AR Green Reading appeared first on iPhoneMod.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ทาง 37Games ในเครือ GMThai ได้ออกมาประกาศเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า (Pre-register) เพื่อเตรียมเล่นเกม คุนหลุน แล้ว พร้อมรับของรางวัลพิเศษมากมาย
คุนหลุนเกมมือถือแนว MMORPG ที่จะนำพาเพื่อนๆ ไปพบกับโลกยุทธภพที่แปลกแหวกแนว น่าตื่นเต้น และยังแฝงไว้ด้วยเรื่องราวความรักสุดโรแมนติก
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่โลกคุนหลุน เพื่อนๆ จะต้องกลายเป็นหนุ่ม/สาวที่เติบโตมาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพียงลำพัง และต้องตะลุยสู่โลกกว้างเพื่อค้นหาชาติกำเนิดของตัวเอง แต่ใครจะรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ จะนำไปสู่การไขปริศนาแห่งคุนหลุน…
มีตำนานเล่าสืบต่อกันว่า เขาคุนหลุนเป็นเพียงเส้นทางเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกเซียน!
โดยในเกม คุนหลุน จะประกอบไปด้วย 3 อาชีพ ให้เลือกเล่น ได้แก่
นักกระบี่เชี่ยวชาญการใช้กระบี่โจมตีประชิด มีพลังดาเมจและพลังป้องกันสูง มีสกิลโจมตีหมู่และพลังควบคุมเป็นเลิศ
มีธนูเป็นอาวุธ ชำนาญการโจมตีระยะไกล ปราดเปรียวว่องไว ขณะโจมตีคู่ต่อสู้จะเกิดคริติคอลรุนแรง และยังดาเมจศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
มีบุคลิกสุภาพอ่อนโยน ฉลาดหลักแหลม แต่เมื่อถึงยามต้องปกป้องคนที่รัก ก็พร้อมจะหยิบหอกคู่ใจขึ้นมาจัดการศัตรูอย่างเหี้ยมโหด “นักฆ่า” ชำนาญการโจมตีประชิด และมีความทนทานเป็นเลิศ ฝีมือเก่งกาจยากจะต้านทาน
สำหรับใครที่สนใจอยากเล่นเกม คุนหลุน ก็สามารถเข้าไปลงทะเบียนล่วงหน้า (Pre-register) ได้ที่:
ก็จะได้รับของรางวัลพิเศษในช่วง CBT ไปครองได้เลย ได้แก่
ในส่วนของวันที่จะเปิด CBT ให้ได้เล่นกันนั้น ยังไม่มีกำหนดที่แน่ชัดจากทางทีมงาน แต่ก็มีข่าวมาว่าอาจเตรียมเปิดให้เล่นภายในปีนี้อย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมพิเศษได้ที่: https://www.facebook.com/gmthaikl/
The post คุนหลุน เกมมือถือ MMORPG แนวท่องยุทธภพ เปิดให้ Pre-register แล้ว appeared first on iPhoneMod.
แม้ก่อนหน้านี้จะยืนยันว่า ด้วยเงื่อนไขรายละเอียดการประมูลคลื่นความถี่แบบนี้ dtac หรือ ดีแทค จะไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ใหม่ แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ในที่สุด dtac ก็เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 900MHz ขนาด 2×5 MHz เพียงรายเดียว และเคาะราคา 2 ครั้ง สรุปที่ 38,064 ล้านบาท คว้าใบอนุญาตใช้คลื่น 15 ปี (ถึง พ.ศ. 2576) ไปครอง
ดีแทค เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ในนาม บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด บริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เป็นผู้ถือครองใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ขนาด 2×5 MHz จากการประมูลในราคา 38,064 ล้านบาท โดยได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่น 15 ปี จนถึง พ.ศ. 2576
อเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ดีแทค บอกว่า คลื่น 900MHz เป็นคลื่นย่านความถี่ต่ำจะช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพโครงข่ายการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศโดยเฉพาะการให้บริการครอบคุลมพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล
การคว้าคลื่น 900MHz ทำให้ดีแทคมีบริการคลื่นความถี่ที่ครอบคลุมทั้งย่านคลื่นความถี่ต่ำ (Low-band spectrum) และคลื่นย่านความถี่สูง (High-band spectrum) จากการถือครองใบอนุญาต 900MHz, 1800MHz, 2100MHz และให้บริการโรมมิ่งบนคลื่น 2300MHz ของทีโอทีที่ดีแทคเป็นพันธมิตร ทำให้ดีแทคมีแถบคลื่นความถี่ที่ให้บริการกับลูกค้าทั้งหมดกว้างถึง 110MHz
ทั้งนี้ ดีแทคจะนำคลื่นใหม่ 900MHz มาให้บริการแทนคลื่น 850 MHz อย่างต่อเนื่อง
การประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900MHz มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความต่อเนื่องให้ลูกค้าใช้งานหลังสิ้นสุดระยะเวลาคำสั่งของศาลปกครองกลางที่คุ้มครองการใช้งานของลูกค้าดีแทคบนคลื่นความถี่ 850MHz จากที่กำหนดให้ใช้งานหลังสิ้นสุดสัมปทานได้ถึง 15 ธันวาคมนี้
ภายใต้หลักเกณฑ์ประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900MHz ของ กสทช. ที่ให้ผู้ชนะประมูลสามารถใช้คลื่นความถี่ย่าน 850MHzแทนคลื่น 900MHz ต่อไปได้ในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ขณะนี้ลูกค้าดีแทคจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป โดยสามารถใช้งานมือถือได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะลูกค้าที่ใช้งานดีแทคในพื้นที่ต่างจังหวัด
หลังจากได้คลื่น 900MHz มาแล้ว dtac จะทำอะไรต่อไป มีโฆษณายิงออกมาแล้ว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา