สำหรับบุคคลที่หลงใหลในเสียงเพลง มักจะลงทุนซื้อหูฟังดีๆ ราคาแพง หรือไม่ก็ซื้อเครื่องเล่นแผ่นไวนิลเพื่อความคมชัดของเสียงไวโอลิน แต่ชายญี่ปุ่นนามว่า Takeo Morita เขาทุ่มมากกว่านั้น เพื่อให้เสียงเพลงจากแผ่นเสียงวง Queen คมกังวานเหมือน Queen มาเปิดคอนเสิร์ตที่บ้านเขา เขาลงทุนซื้อและจ้างบริษัทไฟฟ้ามาปักเสาสัญญาณพลังงานไฟฟ้าส่วนตัวที่บ้านเขาเลย
Morita บอกว่า พลังงานไฟฟ้าเปรียบเสมือนเลือด ถ้ามันถูกรบกวนหรือมีมลทิน ระบบร่างกายก็จะรวนและเจ็บป่วยได้ เขาเปิดแผ่นเสียง เพลง I’m in Love With My Car ของ Queen วงดนตรียุค 70 ให้นักข่าว Wall Street Journal ฟัง เขาบอกว่า ก่อนหน้าที่จะติดตั้งเสา เสียงเพลงมันไม่มีชีวิตชีวาขนาดนี้
สิ่งที่ Morita ทำไป ไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดไปเองคนเดียว ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ติดตั้งเสาพลังงานส่วนตัวเพื่อเสียงเพลงด้วยเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือ Yukio Yoshihara เขาบอกว่าตอนที่เปิดแผ่นไวนิลฟังตอนกลางคืนที่ชาวบ้านนอนกันหมด ซึ่งมีคนใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย เสียงเพลงชัดใสกว่าฟังตอนกลางวัน เขาจึงติดเสาส่วนตัวด้วย พร้อมทั้งแผงเบรกเกอร์ และสายไฟ รวมราคากว่า 40,000 ดอลลาร์
มีข้อสงสัยว่า การติดตั้งเสาส่วนตัวจะให้เสียงที่แตกต่างได้จริงหรือ Mark Bocko ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเสียงจากมหาวิทยาลัย Rochester ระบุว่า การใช้ไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน สามารถสร้างสัณญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า และส่งผลกระทบต่อเสียงเพลงจากแผ่นไวนิลได้
ที่มา - The Wall Street Journal
Comments
ราคานี้ซื้อ Power Isolation
มาต่อเบิ้ล สองรอบเลยก็ได้นะครับ
คือ สงสัยว่า เสาโทรศัพท์เกี่ยวอะไรเหรอครับ? รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายทีครับ
แก้ไขแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
อ่อ เสาไฟฟ้า 555 งงอยู่ตั้งนาน คิดไปว่าเสาโทรศัพท์ตั้งเพื่อกันคลื่นรบกวนรึเปล่าจริง ๆ คือเสาไฟฟ้า
ถือเป็นโชคดีที่ไม่ได้อยู่ในระดับหูทอง
เช่นกันครับ รู้สึกโชคดีมากที่สามารถมีความสุขกับหูฟังที่แถมมากับมือถือได้
เช่นกัน ผมหูข้างนึงจะดับละ -_-
ใช้ UPS True Online ไม่ได้เหรอครับ ผมงงกับเสาโทรศัพท์ หรือว่าที่อยู่เขาเอาสายไปลงดินไปแล้วหว่า
True Online ได้ครับ มีคนลองแล้ว แต่เคร่องปั่นไฟซิแน่นอนสุด
ผมเคยลองแล้วครับ UPS แบบ True Online รุ่นไม่สูงมาก
เสียงแย่มากครับ แย่กว่าต่อตรงซะอีก สุดท้ายก็ทิ้งไปครับ
เท่าที่หาอ่านมาเหมือน ระบบไฟสายไฟ สายสัญญาณทั้งหลายใน UPS แบบ True Online ก็มีผลครับ
ตกลงมัน เสาไฟฟ้า หรือ เสาโทรศัพท์
ย่อหน้า 8 นั้นน่าจะหมายถึง private (power) line นะครับ
สามารถสร้างสัณญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า
เข้าไปดูในที่มาแล้ว เล่นลงทุนปักเสาตั้งหลายต้น แต่คงคุ้มแหละถ้าหูเทพ
ทำแบบนี้ก็น่าจะประมาณว่าแยกระบบไฟ เพื่อไม่ให้มีการรบกวน
เหมือนเมนบอร์ดรุ่นดีๆ หน่อย จะแยกระบบไฟของชิปเสียงออกจากอันหลัก เพื่อไม่ให้ถูกรบกวนครับ
ทำไมไม่ปั่นไฟใช้เองหรือใช้จากแบตเตอรี่ที่น่าจะได้ไฟที่นิ่งกว่า
เสาที่ว่านี่น่าจะเป็นเสาไฟ มากกว่า ส่วนแยกหม้อ รึ แยกสายนั้นไม่รู้
แต่ระดับหูทองนี่เกินความเข้าใจ ขนาดฟิวส์กลับเฟสยังแยกความแตกต่างกันได้ ส่วนผมฟังหูแถมโทรศัพท์ตามเดิม
อาจจะซื้อ UPS True Online เกรดเครื่องมือแพทย์ได้ไหมหว่า
ไม่ก็ใช้เครื่องปั่นไฟเอาเองก็ไม่เลวนะ
รู้สึกสบายใจที่ไม่ใช่หูเทพ
ไม่ต้องญี่ปุ่นหรอกครับ ถ้าในเมืองไทยการไฟฟ้าทำให้่ผมมั่นใจว่ามีคนทำ
คือต้องบอกก่อนว่าโดยส่วนตัวก็ใช้เครื่องเสียงในระดับที่โอเคประมาณนึง หลายๆความเชื่อๆที่หลายๆคนเรียกว่า myth ก็เคยลองบ้าง ฟังว่าแยกได้บ้างแยกไม่ได้บ้าง
คนที่เล่นเครื่องเสียงระดับแพงๆนี่คือแพงจริงๆ ชุดนึงเป็นเกือบสิบล้านก็มี เฉพาะสายก็เป็นล้านแล้ว และหลายๆคนคิดว่าระบบไฟเป็นจุดต้นทางที่สุด ก็อยากจะทำให้มันบริสุทธิ์ที่สุดล่ะครับ และอย่างที่บอกไว้เมื่อกี๊ คือหลายๆคนรวยมากและทำได้ครับ
ปล.เครื่องเล่นไวนีลไม่น่าจะเกียวกับเสียงคมชัดของไวโอลินเลยครับ
ช่อง Youtube ของผมครับ รีวิวและชวนคุยนู่นนี่
ในระหว่างเดียวกันผมเปิดหน้านี้ทิ้งไว้ เพราะ ฟังเพลิน :p
มีคนบอกว่าเราไม่ได้กำลังฟังเสียงเพลง แต่เรากำลัง "ฟังเสียงอุปกรณ์"
+1
ถ้าถึงขั้นแกะแบตรีโมททิ้งไว้กลางห้องผมว่ามันเข้าขั้นลัทธิไปแล้วครับ เอาไปบำบัดได้เลย
อยากได้ไฟบริสุทธิ์ขนาดนั้น ทำระบบ Off-Grid SolarCell เลยดีกว่า แยะเฉพาะเครื่องเสียงไปด้วยจะได้ไม่ต้องมี Harmonic เข้ามารบกวน
เอาน่าครับ ยังฟังดูดีกว่า SSD ทำให้เสียงแห้ง หรือสาย HDMI คุณภาพต่ำทำให้สีหม่น
ผมนี่ก๊ากเลย
ได้ยินแบบนี้แล้วไม่รู้จะท้อจนท้อยังไง กับการที่เรียนมาแต่อธิบายให้เค้าฟังไม่ได้ (กลัวโดนกระทืบ)
สายยังพอว่านะครับ
แต่เจอ SSD ต่างยี่ห้อเสียงต่างนี่ไปไม่เป็นเลย สงสัยต่อไปต้องเลือกยี่ห้อแรมมาทำแคชล่ะมั้ง 5555
สาย HDMI นี่ผมเคยได้ยินมา แต่ SSD เสียงแห้งนี่เคยได้ยินครั้งแรก ยอมใจเลย.....
ปล. หรือการหมุนของ HDD จะสร้างเสียงรบกวนที่เพิ่มความกลมกล่อมของเพลงได้?
-> http://www.taf.in.th/showthread.php?t=52000&s=61f35687b387fb2a8768b0ef369ac1b0&p=754319&viewfull=1#post754319
ฮาร์ดดิสดีๆนี่มีผลกับเสียงของเพลงหรือปล่าวครับ
มันทำให้เสียงแห้งจริงครับ แต่ในทางเทคนิค และคนฟังที่เข้าใจผิดอาจจะไม่มีความรู้ แต่เค้ารู้สึกได้
"จริงๆ SSD ไม่ได้ทำให้เสียงแห้งนะ แต่ไฟ switching มันไม่ดีแล้ว SSD มันไวมากเสียงเลยออกแห้งๆบาดๆมากกว่า (seek time ปกติ 10 กว่า ms แต่ ssd ไม่ถึง 1ms คิดเอาว่าตอนเล่นเพลงจริงๆจังๆที่ playback latency 0-5ms จะเป็นไง) tweak พวก priority ต่างๆก็มีผล ที่เมืองนอกก็มีคนที่มีความรู้ computer สูงทำการวิจัยโดยใช้ความรู้ด้านไฟฟ้า คอม กับเรื่องเสียงเยอะเหมือนกันอย่าง http://www.cicsmemoryplayer.com ลองอ่านในนี้ดูได้ครับ หากลองทดสอบตามที่เค้าเขียนดูจะพบไม่ได้อุปทานจริงๆนะ ขนาดค่า Win32PrioritySeparation ยังมีผลเลย ส่วน SSD จะดีกว่า 2.5 ในเรื่องเสียงตรง seek time น้อย เกิด latency delay ต่ำกว่า กินไฟต่ำไม่สั่นทำให้ sine wave นั้นนิ่งและสะอาดกว่า ข้อมูลจาก drive ส่งไปใน sata controller ไม่ใช่เลข 0 กับ 1 แต่เป็น sine wave ซึ่งช่วงตัดจะไม่ได้เป๊ะๆพอดี ซึ่งต้องใช้ความรู้เรื่อง data communications ควบคู่ไปกับ digital audio workstation design และ sound engineering ด้วย"
ที่มา :
http://www.taf.in.th/showthread.php?t=52000&s=2c4f82584eec10296f90e199e312c04a&p=756411&viewfull=1#post756411
อันนั้นมีผลแน่ๆ อยู่แล้วครับ
ส่วนข้ออื่นๆ อิงไปตามนู้นเลยแล้วกันครับ
ที่มา - http://ipats.exteen.com/20110204/ssd-vs-hdd
อธิบาย Data Flow ให้คนไม่ได้เรียนสายคอมอย่างผมเข้าใจได้ง่ายดี (ยกเว้น H3) ขอบคุณครับ
ไม่ต้องเทียบเม็มแล้ว เม็มเดียวกันเสียงก็ต่างกันได้
- - ชัดเลย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
สงสัยคนโพสไม่รู้จัก data cache + buffer หรือเปล่า
ก่อนไฟล์จะถูกเล่นไม่ว่าจะมาจากไหน HDD/SSD มันก็ถูก cache เก็บไว้ใน RAM หมดแล้ว ไม่ได้ fetch กันทีละ ms ซะหน่อย แถมยังต้องผ่าน render buffer อีก
จริงๆที่อ้างอิงก็เป็นเว็บ ควรลิ้งไปหน้า information ให้ศึกษา
ที่โพสถึง computer latency ก็มีแต่ข้อมูลเรื่อง CD audio jitter/computer latency ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ SSD เลย แถมเนื้อหาในนั้นก็แปลกๆ มีพูดถึง cache L1 L2 L3 อีก แถมพูดถึง delay เยอะทำให้เสียงไม่สมจริง+ท่อตันอีก
ถ้าจะพูดถึงปัญหาสำคัญของ audio jitter ที่พบบน PC(และ มือถือทั้งหลาย) ที่ไม่เกี่ยวกับ CD คือปัญหาเรื่อง clock accuracy และ CPU multiplier scaling(+voltage swing) ที่ทำให้ clock accuracy มันแกว่งง่ายมากกว่า
นอกจากนี้ CPU multiplier scaling มันยังส่งผลต่อ Deferred Procedural Calls (DPC) Latency ด้วย ทำให้เกิด stuttering
jitter: [1],[2]
PLL clocks and jitter: [1],[2] , DPC
สรุป
1. HDD หรือ SSD ไม่มีผลต่อ jitter/stutter เพราะก่อน render ข้อมูลถูก cache โดย RAM เหมือนกันทั้งคู่อยู่แล้ว
2. jitter เกิดจาก clock accuracy ที่ไม่ดี
3. buffer size ใหญ่/delay เยอะไม่ได้ทำให้เสียงไม่สมจริงหรือท่อตัน แต่---
4. buffer size เล็กๆ/delay น้อยช่วยลด jitter ได้บ้างเพราะช่วย maintain clock accuracy ทางอ้อม(CPU ไม่ได้โหลดครึ่งวิแล้วลด clock ครึ่งวิต่อมาเพิ่ม clock มาโหลดใหม่) ซึ่งไม่เกี่ยวกับท่อตันแต่อย่างใด แต่---
5. อาการท่อตัน(หรือ stream drop-out) เกิดขึ้นได้หาก CPU ประมวลผลของ stream ในช่วง DPC ไม่ทัน แต่อาการนี้ไม่ใช่เรื่อง harmonic, microdetail อะไรเลย แต่เป็นอาการ stutter หรือกระตุกในส่วนที่ถูก drop-out
6. ดังนั้นผมไม่แน่ใจว่าเรื่อง harmonic, microdetail นั้นมีจริงหรือเปล่า ถ้ามีก็คงไม่ได้เกิดจากข้อ 5 แต่มาจากข้อ 4 'ถ้ามันเกิดจริง' แต่โดยปกติ jitter พวกนี้ยากมากที่หูคนเราจะแยกออกเป็น harmonic เป็น microdetail ได้
7. สรุปสุดท้ายว่าสิ่งที่มีผลต่อ jitter ก็คือ clock accuracy ที่ไม่ดี ซึ่งเกิดจาก voltage ที่ไม่นิ่ง, การปรับ clock multiplier ที่ส่งเสริมให้ voltage ไม่นิ่ง และสัญญาณรบกวนอื่นๆ(บ้าง)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่แน่ใจว่าเป็น DBX ด้วยมั้ย แต่ที่แน่ๆ โหดขนาดตั้งเสาระบบไฟต่างหากคงต้องสุดๆ จริงๆ
//สงสัยว่าระหว่างสำเนา Master Tape กับฟังไวนิลอันไหนจะคมกว่าครับ ผมว่าเงินขนาดนั้นซื้อ Master มาฟังยังได้เลยนะนั่น - -)?
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เอาไฟฟ้าธรรมดามายัดลงแบต ลงทุนกับ tranformer เทพๆสักตัว ก็ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้แล้ว แค่เครื่องเล่นไวนิลตัวเดียวังกินไฟไม่เท่าเตารีดเลย...
ถ้ามีเงินระดับตั้งเสาไฟส่วนตัวแล้ว เขาไม่ได้ฟังสดจากเครื่องเล่นแน่ๆ ครับ ต้องต่อ amplifier ก่อนเข้าลำโพงด้วย เผลอๆ มี amp 2 ตัวแยกซ้ายขวา นั่นแหละรวมแล้วเตารีดเครื่องนึงน่าจะได้ อาจเป็นแอมป์หลอดอีกต่างหาก นี่ยังไม่รวมว่าอาจมี av receiver อีกตัวต่อจากเครื่องเล่นก่อนแยกเข้า amp อีก
ผมนึกว่าเครื่องเล่นแผ่นไวนิลนี่สะกิดร่องเสียงออกมาเป็นเสียงตรงๆ ไม่ผ่านวงจรไฟฟ้านะครับเนี่ย
ถ้าแผ่นเก่ายุค 78rpm ที่เป็นแช็ลแล็คก็ใช่นะครับ แต่ยุคหลังเป็น microgroove หมดแล้ว ผมยังไม่เคยเห็นที่ไม่ใช้ไฟฟ้าเลย
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
มันสะกิดรองเสียงออกมาเป็นเสียงตรงๆถูกครับ คือคุณเอาหูไปฟังใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียง แต่ว่ามอเตอร์มันหมุนด้วย ไฟฟ้านั่นคือข้อแรกเลย แล้วเสียงถูกจับจากตัวเข็มวงจรตรงนั้นไม่รู้ทำงานยังไง ส่งไปที่แอมป์ต้องเป็นภาค phono ด้วยนะถึงจะขยายเสียงออกมาเพียงพอต่อการเปิดฟัง ถ้าเจอแอมป์ที่ไม่มีภาค phono เข้าเสียงก็จะเบามากๆ จนแทบไม่ได้ยิน
นอกจากเครื่องสมัยใหม่ที่ built phono เข้าไปในเครื่องเลย ซึ่งแน่นอนนั่นย่อมสร้างปัญหาสัญญาณกวน
นี่เรายังไม่ได้พูดถึง ระบบมอเตอร์ที่ มีทั้งระบบ direct drive ที่ตัวมอเตอร์หมุนจานโดยตรง กับ belt drive ที่ต่อแยก motor ออกมา แล้วพาดสายพานเข้าไปหมุนจาน เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนที่มอเตอร์ทำกับจานอีก เรื่องไฟนี่เยอะมากครับ กับเครื่องเล่นแผ่นเสียงถ้าจะเอาแบบสุดๆ
เรื่องมอเตอร์เรื่องชุดขับนั่นเข้าใจครับ แต่ผมนึกว่าสัญญาณจากร่องเสียงมันออกมาเป็นเสียงโดยไม่ผ่านการแปลงเป็นไฟฟ้าก่อนน่ะครับ ห่ะๆๆ (พวกตกยุค เคยเห็นเครื่องเล่นครั้งสุดท้ายเป็นแบบต้องไขลานครับ 5555)
ผมเคยนึกว่ามันสลักร่อง แล้วเอาเข็มขีดออกมาเป็นเพลง เหมือนกล่องเสียงซะอีก -_-"
ใช่ครับแต่มันต้องมีภาคขยายเพราะสัญญาณที่เล่นจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงนี่เบามาก ๆ ๆ ๆ
จนต้องใช้ ภาคขยายที่เรียกว่า phono ซึ่งภาคขยายนี้ใช้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียงเท่านั้น consumer amplifier ช่วงกลางๆ 90's ขึ้นมา ไม่มีรูนี้แล้วอะครับ อาจจะกลับมาใหม่ตอนนี้หรือเปล่าผมไม่ได้ตามเหมือนกัน
พวก portable หรือว่าพวกเครื่องรุ่นถูกๆ ก็จะมี ภาคขยายภาคนี้อยู่ในตัวเลย เอาสะดวก
ถ้าดู mixer dj line in จะมี ชุดสัญญาณ 2 ชุด ชุดหนึ่งเอาไว้ต่อ CD หรืออุปกรณ์อะไรก็ตาม เข้าปกติ อีกชุดเอาไว้ต่อ turntable เพราะจะต้อง ใช้ phono ขยาย
http://c1.zzounds.com/media/fit,2018by3200/quality,85/Numark_X1USB_back_-dbf3116ca33b92212d6f1a26c77c5ab8.jpg
แต่จริงๆผมว่าประเด็นของเฟสไฟที่สร้างปัญหามันไม่ได้สร้างกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงโดนตรงหรอกครับมันสร้างกับ ภาคขยายมากกว่า คือมันก็คงมีกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วย แต่ถ้าภาคขยายมันมีปัญหานำมาแล้วแน่ๆ และมันชัดเจนกว่า
เอ๋แล้วไม่ฟังจากเครื่องเลยแล้วจะใช้ไวนิลทำไมหรอครับถ้าจะไปแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าก่อนจะออกมาเอา lossless มาต่อแอมป์หลอดความถูกต้องของเสียงยังดูจะมากกว่า?!?
ต่อแอมป์หลอดไม่น่าจะเน้นความถูกต้องนะครับ หลอดแต่ละตัว THD เยอะๆทั้งนั้น แต่เสียงมันอิ่มกว่า
lossless มันเป็นดิจิตอลครับ ถ้าจะทำจริงๆ สัญญาณจากไวนิลไปถึงลำโพงมันเป็นอะนาล็อกทั้งหมดได้
เข้าไปดูต้นทางมา เค้าพูดถึงเครื่องเสียงสองชุดครับ เป็นแยกชิ้นหลายๆตัวทั้งสองอัน
มีอยู่ชุดนึงที่ไม่แน่ใจว่าTurn Table กับลำโพงยี่ห้ออะไร แต่เครื่องเล่น Digital Disc เป็น Esoteric ที่น่าจะเป็นรุ่นท็อปๆราคาหลักล้านครับ
เฉพาะเครื่องเล่นอย่างเดียวก็แบ่งตัวนึงเป็น Transport อีกตัวนึงเป็น DAC ครับ ยังไม่ต้องพูดถึงแอมป์
ช่อง Youtube ของผมครับ รีวิวและชวนคุยนู่นนี่
ผมคิดว่า CD เสียงดีกว่าแผ่นเสียงครับ #SonyFanboy
ผมคิดว่า SACD ดีกว่า CD เพราะบันทึกแบบ DSD ไร้เสียงรบกวนครับ
+2.8 ครับ
ตั้งเสาไฟส่วนตัว หมายถึง ขอติดตั้งหม้อแปลง step down จากเสาไฟแรงสูง22kVเองหรือเปล่า?
ถ้าใช่ บ้านเราก็ทำได้ครับ จ่ายราวๆสองแสนบาท(จำตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้แล้ว) บ้านญาติเคยทำแล้ว เพราะสร้างบ้านใหม่กลางทุ่ง ห่างจากหมู่บ้าน เสาไฟเดิมจ่ายไม่ถึง ต้องจ่ายเงินติดตั้ง transformer เอง แล้วบริจาคให้การไฟฟ้า(ถ้าบริจาคแล้วการไฟฟ้าจะดูแลต่อเอง) หลังจากนั้นมีคนมาปลูกบ้านใกล้ๆเต็มเลย เพราะมีไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว(ชาวบ้านได้อานิสงค์ไปฟรีๆ)
แต่จะว่าไป แม้จะลดการกวนกันของการดึงไฟจากเพื่อนบ้านได้ แต่สุดท้ายไฟฟ้าก็มาจากแหล่งอื่น สู้ทำ power isolation แบบ UPS true online ,เครื่องปั่นไฟพลังงานน้ำมัน ไม่ได้อยู่ดีหรือเปล่า?
ป.ล. UPS true online 2-3kva เห็นขายกันแถวๆ 2-3หมื่นก็น่าจะพอสำหรับเครื่องเสียงชุดใหญ่แล้วนะ
ถ้าจะทำแบบนี้ ใช้ Powerplant เล็กๆ หลังบ้านเลยน่าจะดีนะ ไม่ต้องพึ่งไฟจากภายนอกและปลอดสัญญาณรบกวนแน่นอน
Get ready to work from now on.
ดูข่าวนี้แล้ว ข่าวสาย Lan เส้นละแสนดูธรรมดาไปเลย
เรื่องปกติของคนรวยเขาแหละ
เรียนตามตรงด้วยความเคารพ ผมว่าน่าจะเอา vdo จาก WSJ มาแปะมากกว่า ใช้ vdo queen นะ
กระทู้น่าสนใจจากเวปมั่นคง >> ไม่ต้องเทียบเม็มแล้ว เม็มเดียวกันเสียงก็ต่างกันได้
คห 22. จัดเต็มมาแบบนี้ผมก็อยากจะช่วยแนะนำจากประสบการณ์ที่มาให้ตามนี้นะครับ
ปล. ทั้งหมดนี้ไม่ใช่มุขนะครับ นี่พูดจากประสบการณ์ตรงจริงๆทั้งนั้นเลยครับ จะให้ผมสาบานต่อหน้า micro SD card ของ Sony Premium Sound เลยก็ยังได้ วันนี้ก็มีลูกค้าถามหาอยากได้อีกเหมือนกัน ไปญี่ปุ่นเดินหาซื้อไม่เจอแล้ว :D
ขอให้ เฮีย พี่แพะ พี่หลุย น้าชา หรือใครก็ได้ช่วยทีครับ เรื่อง micro sd
โห... ถ้าคุณภาพเพลงเปลี่ยนตาม Medium แบบนี้ สงสัยพวกตากล้องต้องไปหา SD Card เทพๆมาใช้แล้วละ เดี๋ยวรูปไม่สวย O_o