ตามที่รายงานไปวันก่อนว่าขณะนี้ Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon กำลังทัวร์อินเดียอยู่ ล่าสุด Amazon ประเทศอินเดียได้เปิดตัวรถส่งของพลังงานไฟฟ้า โดยตั้งเป้าใช้มากถึง 10,000 คันภายในปี 2025
Amazon ระบุว่าได้ทำงานร่วมกับผู้ผลิตในประเทศหลายรายเพื่อออกแบบและผลิตรถส่งของดังกล่าว โดยใน 10,000 คันนี้จะมีทั้งรถสามล้อและสี่ล้อ ซึ่งจะเริ่มใช้ในปีนี้ที่เมือง Delhi (NCR), Bangalore, Hyderabad, Ahmedabad, Pune, Nagpur และ Coimbatore เป็นต้น โดย Amazon บอกว่าเพราะนโยบายผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลมีส่วนช่วยให้เกิดโครงการนี้ขึ้น
อย่างไรก็ตาม Amazon ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทางวิศวกรรมเกี่ยวกับรถส่งของดังกล่าว
Uber ประกาศว่าบริษัทได้ขายธุรกิจส่งอาหาร Uber Eats ในประเทศอินเดีย ให้กับคู่แข่ง Zomato โดยใช้วิธีการแลกเปลี่ยนหุ้น ทำให้ Uber จะเข้ามาถือหุ้น 9.99% ใน Zomato ซึ่งเป็นตามข่าวลือก่อนหน้านี้
ผลจากดีลดังกล่าว ทำให้ Uber Eats หยุดให้บริการในอินเดียทันที และผู้ใช้งานรวมทั้งร้านอาหารในระบบจะเข้าไปรวมอยู่ใน Zomato
Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber กล่าวว่าอินเดียยังเป็นตลาดสำคัญที่ Uber ต้องการลงทุน โดยบริษัทจะให้บริการรถโดยสารต่อไป ซึ่ง Uber ยังเป็นผู้นำในตลาดอยู่
ที่มา: Zomato
รัฐบาลอินเดียปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตในเชตแคชเมียร์และจัมมูมาเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนแล้ว หลังรัฐบาลอินเดียเพิกถอนบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่มอบสถานะพิเศษให้แก่ดินแดนแคชเมียร์ จนศาลสูงสุดสั่งให้รัฐบาลทบทวนมาตรการแบนอินเทอร์เน็ต เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
ล่าสุด รับาลกู้คืนอินเทอร์เน็ตให้ใช้บางส่วนแล้ว โดยยังจำกัดเฉพาะเครือข่ายบรอดแบนด์ที่ใช้ในสถานประกอบการ เช่น โรงพยาบาล โรงแรม ธนาคาร คนที่อาศัยในหุบเขาก็จะสามารถใช้งาน 2G ได้แล้ว แต่ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ โซเชียลมีเดียยังคงถูกบล็อกต่อไป รัฐบาลระบุว่าจะตั้งเครื่องกระจายสัญญาณเน็ต 400 จุดให้นักท่องเที่ยวด้วย
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ออกมาชี้แจงเรื่องกฎหมายการให้สถานะพลเมือง (Citizenship Amendment Act-CAA) ของอินเดีย ที่ปิดกั้นผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมจากการได้รับสัญชาติในอินเดีย ซึ่งจะกระทบผู้ลี้ภัยชาวบังกลาเทศ,ปากีสถาน,อัฟกานิสถาน
รัฐบาลอินเดียปิดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในแคว้นแคชเมียร์มาหลายเดือนแล้ว ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลอินเดียเพิกถอนบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่มอบสถานะพิเศษให้แก่ดินแดนแคชเมียร์
ล่าสุดศาลสูงสุดอินเดียตัดสินว่าการปิดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตนั้นผิดกฎหมาย และต้องทบทวนมาตรการใหม่ และต้องมาพร้อมกับการนำพยานหลักฐานที่จะได้รับผลกระทบหากเปิดให้มีการใช้อินเทอร์เน็ตมาให้การต่อศาล
Ladakh Times สำนักข่าวท้องถิ่นของอินเดีย เผยเอกสารที่ระบุว่าตำรวจแคชเมียร์ (ดินแดนทางตอนเหนือของอินเดีย) แนะนำให้คนที่เป็นแอดมินกลุ่มแชทใน WhatsApp มาลงทะเบียนที่สถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุด เป้าหมายคือควบคุมข้อความแสดงความเกลียดชัง และข้อมูลเซนซิทีฟที่เป็นภัยคุกคามความสงบเรียบร้อย และยังบอกด้วยว่าแอดมินต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่แชร์ลงกลุ่ม ทั้งๆ ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ
อินเดียถือเป็นตลาดหนึ่งที่ Amazon และ Walmart (โดยบริษัทลูก Flipkart) แข่งขันกันอยู่ในตลาดอีคอมเมิร์ซ และตอนนี้ทั้งสองบริษัทกำลังจะมีคู่แข่งรายใหม่คือ JioMart ในเครือของ Mukesh Ambani ผู้ที่รวยที่สุดในอินเดีย
ตอนนี้ Reliance Retail และ Reliance Jio สองบริษัทลูกของ Reliance Industries ซึ่งเป็นบริษัทของ Ambani ประกาศว่าตอนนี้ได้ soft launch บริษัทอีคอมเมิร์ซ JioMart แล้ว ซึ่งน่าจะกลายมาเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของบริษัทต่างชาติทั้งสองได้ไม่ยาก
Reliance Retail ของ Ambani ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 2006 เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย (วัดจากรายได้) ให้บริการลูกค้ากว่า 3.5 ล้านคนทุกสัปดาห์ผ่านร้านค้ากว่า 1 หมื่นแห่งในเมืองในประเทศอินเดียกว่า 6,500 เมือง
กระทรวงเทคโนโลยีและไอทีของอินเดีย เสนอกฎหมายที่ระบุว่า แอปพลิเคชั่นตัวกลาง หรือผู้ให้บริการออนไลน์ใดๆ ที่มีผู้ใช้ 5 ล้านรายขึ้นไป ต้องจัดตั้งสำนักงานท้องถิ่นและมีผู้บริหารระดับสูงในประเทศที่สามารถรับผิดชอบต่อปัญหาทางกฎหมายได้ วัตถุประสงค์ของกฎหมายคือ ให้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ปลอดภัย จึงต้องการคนกลางในการปิดการเข้าถึงเนื้อหาอันตราย ผิดกฎหมาย
ส่งผลให้วิกิมีเดียผู้ก่อตั้งวิกิพีเดียแสดงความกังวลว่าจะกระทบต่อเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร Amanda Keton ที่ปรึกษาทั่วไปของมูลนิธิวิกิมีเดียบอกว่า กฎหมายอินเดียที่เสนอมานี้อาจสร้างภาระทางการเงินสำหรับองค์กรวิกิมีเดียที่ไม่แสวงหาผลกำไร และปิดกั้นสิทธิการแสดงออกอย่างอิสระสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในอินเดีย การเสนอกฎใหม่ของอินเดียยังสร้างความกังวลให้บริษัทไอทีอื่นด้วย เช่น Mozilla, GitHub
ท่ามกลางวิกฤติในแง่ธุรกิจของ Uber ที่ยังไม่ทำกำไร Uber ยังคงปรับธุรกิจและทยอยขายธุรกิจส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ล่าสุดมีรายงานว่า Uber ใกล้จะปิดดีลขาย UberEats ในอินเดียให้กับ Zomato ผู้ให้บริการส่งอาหารจากอเมริกา
มูลค่าของ UbertEats ในอินเดียคาดว่าจะอยู่ที่ราว 400 ล้านเหรียญ ขณะที่รายละเอียดของดีลนี้ Uber จะลงทุนใน Zomato อินเดียเป็นมูลค่าราว 150-200 ล้านเหรียญด้วย โดย Uber เปิดให้บริการ UberEats ในอินเดียราวกลางปี 2017 เข้ามาแข่งกับผู้ให้บริการที่อยู่มานานแล้วอย่าง Zomato และ Swiggy โดยตัวเลขออเดอร์ที่ UberEats เคยทำได้สูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 6 แสนออเดอร์เท่านั้น ขณะที่ Zomato และ Swiggy มีออเดอร์เฉลี่ยหลักล้านออเดอร์ต่อวัน
อินเดียเป็นประเทศที่ Netflix พยายามเข้ามาทำตลาดให้สำเร็จอย่างต่อเนื่อง จากล่าสุดที่ประกาศทุ่มทุนคิดเป็นเงินกว่าหมื่นล้านบาท ผลิตคอนเทนต์อินเดียโดยเฉพาะ ยังมีการออกแพ็คเกจเพื่อเพิ่มจำนวนผู้สมัครใช้งานอีก
โดย Netflix ได้เพิ่มตัวเลือกสำหรับผู้สมัครใช้งานใหม่ สามารถเลือกจ่ายค่าบริการล่วงหน้าได้ทั้ง 3, 6 และ 12 เดือน โดยได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% กรณีสมัครและจ่ายล่วงหน้า 12 เดือน ส่วน 3 และ 6 เดือน ได้ส่วนลด 20% และ 30% ตามลำดับ
ตัวแทน Netflix ที่อินเดียบอกว่าโครงการนี้เป็นการทดสอบตลาด และอาจมีการนำมาใช้ในประเทศอื่นเพิ่มเติม
จากข่าวลือที่ ByteDance เจ้าของ TikTok กำลังซุ่มทำแอปพลิเคชั่น music streaming ขึ้นมาใหม่หวังแข่งกับ Apple, Spotify, Tencent นั้น ล่าสุดเปิดตัวแอปออกมาแล้วคือ Resso เริ่มเปิดใช้งานในอินโดนีเซียและอินเดียก่อน ราคาบริการรายเดือนอยู่ที่ 119 รูปี (51 บาท) เท่าราคา Spotify ในอินเดีย
Resso คือสตรีมมิ่งเพลงที่มีฟีเจอร์ต่างกับ Apple Music และ Spotify ตรงที่ แสดงเนื้อเพลงเรียลไทม์ทีละบรรทัดให้สามารถร้องตามได้ นอกจากนี้ยังคอมเม้นท์ใต้เพลงนั้นได้ และสร้าง GIF จากเพลงๆนั้นและแชร์ต่อให้เพื่อนได้ด้วย ผู้ใช้งานที่สมัครพรีเมี่ยมสามารถโหลดเพลงฟังออฟไลน์ได้ ไม่มีโฆษณา
อินเดียถือเป็นตลาดสำคัญแห่งหนึ่งของ Netflix ล่าสุด Netflix ประกาศในงานอีเว้นท์ที่นิวเดลีว่า บริษัทจะลงทุนทำคอนเทนต์อินเดียด้วยงบประมาณก้อนโตระดับ 420 ล้านเหรียญหรือ 3 หมื่นล้านรูปี หรือราว 12,700 ล้านบาท
Reed Hastings ซีอีโอ Netflix กล่าวว่ามีคอนเทนต์อินเดียหลายรายการที่ได้รับความนิยม เช่นซีรีส์แนวทริลเลอร์เรื่อง Sacred Games, ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Mightly Little Bheem ที่ Reed บอกว่ามีคนดูนอกอินเดีย 27 ล้านครัวเรือน และ traveled around the world เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เผยว่ามีผุ้ใช้งานในอินเดียทั้งหมดกี่ราย
Flipkart บริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติอินเดียเปิดตัวสมาร์ททีวีแบรนด์ Nokia สำหรับตลาดอินเดีย ภายใต้สัญญาสิทธิ์การใช้แบรนด์ Nokia ของ Flipkart
สำหรับสเปคของสมาร์ททีวีแบรนด์ Nokia เป็นทีวีขนาด 55 นิ้ว Ultra HD (4K) LED Smart Android TV อัตราส่วน 16:9 รีเฟรชเรท 60Hz รองรับ Dolby Vision และ HDR10 ใช้หน่วยประมวลผลควอดคอร์ ตัวทีวีมาพร้อมลำโพง 24 วัตต์จาก JBL by Harman, HDMI 3 พอร์ต และ USB 2 พอร์ต มี Wi-Fi และ Bluetooth 5.0 ในตัว ส่วนระบบปฏิบัติการมีฐานมาจาก Android 9.0 (ไม่ได้บอกว่าเป็น Android TV)
สำหรับทีวีแบรนด์ Nokia นี้ Flipkart จะวางขายในราคา 41,999 รูปี หรือราว 18,000 บาท โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้
บริการสตรีมมิ่ง Disney+ เริ่มให้บริการในอเมริกาและอีกไม่กี่ประเทศไปแล้ว (อ่านรีวิว) โดยเตรียมขยายจำนวนประเทศที่ให้บริการเพิ่มเติมในวันที่ 31 มีนาคม ปีหน้า อย่างไรก็ตามคำถามที่หลายคนอยากทราบก็คือแล้วเมืองไทยจะมาเมื่อใด?
เว็บไซต์ TechCrunch อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง 2 ราย ระบุตรงกันว่าแผนเปิดตัว Disney+ ในต่างประเทศเพิ่มเติมนั้นวางไว้เป็น อินเดีย กับบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มให้บริการได้เร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังปี 2020 หรือปีหน้า
Xiaomi เปิดตัว Redmi 8A วางจำหน่ายในประเทศอินเดีย เป็นรุ่นเน้นสเปคคุ้มค่ากับราคาไม่สูง มาพร้อมหน้าจอ 6.22 นิ้ว แบบ IPS มีแบตเตอรีมากถึง 5,000 mAh กล้องหลังเป็น Sony IMX363 แบบเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟนที่มีราคาแพงกว่าเช่น Google Pixel 3a หรือ Mi Mix 3 5G อีกด้วย
รายละเอียดสเปคของ Xiaomi Redmi 8A มีดังนี้:
บริการจ่ายเงิน Google Pay ของกูเกิลอาจไม่ประสบความสำเร็จมากนักในประเทศแม่อย่างสหรัฐอเมริกา แต่ในงานแถลงข่าวของกูเกิลที่อินเดียสัปดาห์ที่ผ่านมา กูเกิลก็เปิดเผยตัวเลขผู้ใช้ Google Pay ในอินเดียที่จำนวน 67 ล้านคน
ตัวเลข 67 ล้านคนคือผู้ใช้งานจริงต่อเดือน (monthly active users) โดยมียอดใช้จ่ายผ่าน Google Pay รวมกันมากกว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี (นับรอบ 12 เดือนล่าสุด) โดยใช้ทั้งการจ่ายเงินแบบออนไลน์และออฟไลน์
กูเกิลเปิดตัว Google Pay for Business เป็นแอพแยกในอินเดีย ให้ธุรกิจในอินเดียสร้างโปรไฟล์ ข้อมูลร้านของตัวเองลงในแอพ Google Pay ได้นอกเหนือจากการเป็นช่องทางรับจ่ายค่าสินค้าและบริการ และช่วยให้การบริการง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่น สามารถสั่งอาหารจาก Eat.Fit ได้โดยตรงภายใน Google Pay เป็นต้น ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะมีซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า Spot ที่ให้ร้านค้าสร้างโปรไฟล์ ปรับแต่งฟอนต์บนแอพ โดยในช่วงแรกมีร้านค้าและบริการในอินเดียที่เข้าร่วมแล้วคือ UrbanClap, Goibibo, MakeMyTrip, RedBus และ Eat.Fit
ในงานอีเว้น Google for India วันนี้ กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้โทรศัพท์ในอินเดียที่ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต หรือยังใข้โทรศัพท์แบบ 2G ได้ใช้บริการสอบถามข้อมูลต่างๆ จาก Google Assistant โดยกดโทรถามที่เบอร์ 000 0800 9191000 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
เท่ากับว่าแม้ไม่มีเน็ตใช้ ก็เข้าถึงข้อมูลและความสามารถในการตอบคำถามของ Google Assistant ได้ (บริการสอบถามข้อมูลนี้เป็นไอเดียของ Vodafone อีกที) สามารถโทรคุยได้ทั้งภาษาอังกฤษและฮินดี
กูเกิลประกาศเตรียมสร้าง Google Research India หรือห้องปฏิบัติการ AI ที่เมือง Bangalore ประเทศอินเดีย เน้นพัฒนา AI เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ในหลายด้านเช่น ปัญหาสาธารณสุข, การเกษตร, การศึกษา
กูเกิลระบุว่าห้องปฏิบัติการ AI ที่เมือง Bangalore จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเครือข่ายนักวิจัยทั่วโลกของกูเกิล และจะมีส่วนร่วมการตีพิมพ์งานวิจัยด้วย
Google Research India นำโดย Manish Gupta นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอินเดีย และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านการศึกษาด้วยคือ VideoKen
Reuters รายงานข่าวว่า Xiaomi แบรนด์สมาร์ทโฟนชื่อดังจากประเทศจีน เตรียมสยายปีกไปยังธุรกิจ FinTech ในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ Xiaomi มีส่วนแบ่งการตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยเริ่มจากการปล่อยกู้แบบ Microlending ให้ลูกค้าสมาร์ทโฟนของตัวเอง
บริการปล่อยกู้มีชื่อว่า Mi Credit โดยจะปล่อยกู้เป็นเงินไม่เกิน 100,000 รูปี (ประมาณ 43,000 บาท) ที่อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.8%
Twitter ประกาศร่วมลงทุนใน ShareChat โซเชียลเน็ตเวิร์กของอินเดีย โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการลงทุน แต่เป็นส่วนหนึ่งของรอบการเพิ่มทุนซีรี่ส์ D ล่าสุด 100 ล้านดอลลาร์ ที่มี TrustBridge Partners, Shunwei Capital, Lightspeed Venture Partners, SAIF Capital, India Quotient และ Morningside Venture Capital ร่วมลงทุนด้วย
ความน่าสนใจของ ShareChat คือการเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่โฟกัสตลาดอินเดียโดยเฉพาะ โดยให้บริการในภาษาท้องถิ่น 15 ภาษา และตั้งใจให้ไม่มีภาษาอังกฤษเป็นตัวเลือกในการใช้งาน เป็นผลให้ ShareChat มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นและมีการใช้งานที่นานขึ้น โดยล่าสุดมีผู้ใช้งาน 60 ล้านคนต่อเดือน เฉลี่ย 22 นาทีต่อวัน
WhatsApp ประกาศจำนวนผู้ใช้แบบแอคทีฟในอินเดียมีจำนวนถึง 400 ล้านคนแล้ว ถือเป็นการเติบโตของจำนวนผู้ใช้ที่น่าสนใจเนื่องจากเมื่อราวสองปีที่แล้ว WhatsApp ยังมีผู้ใช้ในอินเดียอยู่ที่ 200 ล้านคน
ปัจจุบัน จากรายงานของ Counterpoint ระบุว่า อินเดียมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนราว 450 ล้านคน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับตัวเลข 400 ล้านคนของ Facebook ก็พอจะกล่าวได้ว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนในอินเดียเกือบทั้งหมดใช้ WhatsApp ทำให้ WhatsApp เป็นแอปแชทที่แข็งแกร่งมากในอินเดีย ส่วนแอปที่พอจะเทียบเคียงได้ก็คือ Facebook Messenger แต่ก็ยังถือว่ามีส่วนไม่มากนักเมื่อเทียบกับ WhatsApp
จากข่าวก่อนหน้านี้ที่ Netflix ในอินเดียทดลองแพ็กเกจใหม่ ให้ดู Netflix ทางมือถือคุณภาพ SD เท่านั้น ในราคาที่ถูกลง ล่าสุดเคาะราคามาแล้วอยู่ที่ราว 199 Rs หรือ 2.8 ดอลลาร์ หรือราว 90 บาท
แพ็กเกจนี้สามารถสตรีมในแท็บเล็ตได้ด้วย แต่จำกัดความละเอียดที่ SD เท่านั้น และไม่สามารถแคสต์ไปยังอุปกรณ์อื่นที่ใหญ่กว่าได้
Amazon ประกาศความสามารถทางภาษาของผู้ช่วยอัจฉริยะ Alexa ว่ากำลังพัฒนาให้สามารถรับคำสั่งและโต้ตอบกับผู้ใช้ในภาษาฮินดีได้ โดยเปิดรับให้นักพัฒนาเข้ามาพัฒนาทักษะ Alexa ในภาษาฮินดีผ่านช่องทาง Alexa Skills Kit โดยต้องเข้าไปเลือกเป็นภาษา IN ก่อนที่ Alexa Developer Console
ในอินเดียมีการใช้หลายภาษา โดยฮินดีเป็นหนึ่งในภาษาทางการที่คนอินเดียใช้กัน ซึ่ง Google Assistant มีรองรับภาษาฮินดีแล้ว
อินเดียเป็นตลาดที่มีประชากรจำนวนมาก และยังมีโอกาสเติบโตสูง แอปเปิลเองก็พยายามที่จะเจาะตลาดสมาร์ทโฟนที่นี่ให้ได้แบบที่ทำได้ดีในจีน แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าใดนัก ก่อนหน้านี้แอปเปิลใช้กลยุทธ์เน้นขาย iPhone รุ่นราคาถูกอย่าง iPhone SE มาจนถึงย้ายฐานการผลิตมาที่อินเดีย เพื่อลดภาษีนำเข้า แต่ล่าสุดแอปเปิลรื้อแผนใหม่ทั้งหมดเลย
โดย Economic Times รายงานว่า แอปเปิลได้สั่งให้หยุดจำหน่าย iPhone รุ่นเก่าทั้งหมดในอินเดีย ประกอบด้วย iPhone SE, iPhone 6, iPhone 6 Plus และ iPhone 6s Plus เพื่อให้รุ่น entry level มาเริ่มต้นที่ iPhone 6s แทน จากนั้นแอปเปิลจะมาโฟกัสการขาย iPhone รุ่นราคาแพงให้มากขึ้น