เพื่อตอบรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนในมาเลเซีย อูเบอร์มาเลเซียจึงถือโอกาสเปิดตัว UberMandarin ที่คนขับสามารถพูดภาษาจีนได้ โดยจะให้บริการใน 3 พื้นที่คือ Johor Bahru, Kota Kinabalu และ ปีนัง
กระทรวงท่องเที่ยวในมาเลเซีย คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวว่ามีถึง 3 ล้านคนในปีนี้ และปีหน้าจะมี 4 ล้านคน และจะมีมากถึง 8 ล้านคนภายในปี 2020
คณะกรรมการด้านการขนส่งของฟิลิปปินส์ (Land Transportation Franchising and Regulatory Board - LTFRB) สั่งระงับการให้บริการของ Uber 1 เดือน หลัง Uber แอบรับคนขับเพิ่ม ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งห้ามรับคนขับใหม่หลังแจ้งลงทะเบียนไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ทั้ง Uber และ Grab ต่างถูกสั่งปรับราว 1 แสนเหรียญฐานปล่อยให้คนขับที่ไม่มีใบอนุญาตมาวิ่งให้บริการ ขณะที่การสั่งระงับการให้บริการของ Uber ครั้งนี้พ่วงมาด้วยคำสั่งชดเชยคนขับทั้งหมดในช่วงระงับการให้บริการ ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้และการทำตลาดของ Uber และเป็นโอกาสที่ดีของ Grab ในการสร้างรายได้และชิงส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่ Uber ระงับการให้บริการ
Didi Chuxing บริษัทแชร์รถจากจีน แม้จะยังไม่ได้ขยายกิจการไปยังประเทศอื่นๆ แต่บทบาทของ Didi คือนักลงทุนในบริษัทแชร์รถในท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Ola, Lyft, Grab เป็นต้น ล่าสุดลงทุนใน Careem บริษัทแชร์รถในดูไบ แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข
ก่อนหน้า Careem บริษัท Didi ก็ลงทุนในบริษัทแชร์รถในบราซิล หรือ Brazilian company 99 ถึง 100 ล้านดอลลาร์ และลงทุนใน Taxify บริษัทท้องถิ่นในยุโรปอีกด้วย แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข
จากการลงทุนในท้องถิ่นต่างๆ ส่งผลให้ Didi เป็นนักลงทุนเบื้องหลังบริษัทแชร์รถในประเทศต่างๆ ครอบคลุม 5 ทวีปแล้ว และแม้ว่าจะไม่ได้ขยายกิจการของตัวเองโดยตรง แต่ก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวไม่ใช่น้อยของอูเบอร์ และกลยุทธ์หนุนหลังคู่แข่งอูเบอร์ดูจะเป็นแนวทางหลักของ Didi ด้วย
อูเบอร์เพิ่มช่องแชทในแอพให้ผู้ใช้และคนขับติดต่อสื่อสารกันผ่านแอพได้โดยไม่ต้องโทรหากันเวลาใกล้ถึงจุดนัดรับ ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้ทั่วโลกภายในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้
วิธีการใช้งานคือ แตะที่ช่อง Contact ตรงข้อมูลคนขับด้านล่างหน้าจอ ก็สามารถพิมพ์คุยถึงสถานที่ที่แน่นอนได้ เมื่อมีข้อความส่งจากผู้ใช้ แอพจะส่งเสียงเตือนไปที่โทรศัพท์ของคนขับ สามารถตอบเป็นข้อความสั้นหรืออีโมจิเพื่อจะได้ไม่ต้องเบี่ยงเบนความสนใจจากการขับรถ
อูเบอร์ระบุว่า ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ทั้งคนขับและคนนั่งหลีกเลี่ยงที่จะต้องระบุหมายเลขโทรศัพท์
ถ้ายังจำกันได้ Travis Kalanick ซีอีโอของ Uber ยอมลาออกจากการกดดันของ Benchmark Capital บริษัทลงทุนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่งของ Uber (ถือหุ้นประมาณ 10%) โดย Benchmark ร่วมกับบริษัทลงทุนอีก 4 ราย ต้องการให้ Kalanick ลาออก แต่ Benchmark เป็นตัวแทนของทั้งหมด ส่งหุ้นส่วนของตัวเองไปพบกับ Kalanick ด้วยตัวเอง ซึ่ง Kalanick ก็ลาออกในวันเดียวกัน
ล่าสุด Benchmark ยื่นฟ้อง Kalanick แล้ว หลังพบว่าเขาพยายามหวนคืนสู่ตำแหน่งซีอีโอ โดยบอกกับคนใกล้ชิดว่าเขาจะทำแบบเดียวกับสตีฟ จ็อบส์
Garrett Camp หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Uber และปัจจุบันเป็นบอร์ดบริหาร ออกอีเมลถึงพนักงาน Uber ทุกคน เพื่อยืนยันว่าในกระบวนการสรรหาซีอีโอ Uber คนใหม่นั้น จะไม่มี Travis Kalanick อดีตซีอีโอและผู้ก่อตั้งที่ถูกบีบให้ลาออก กลับมารับตำแหน่งนี้แน่นอน
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า Kalanick พยายามหาวิธีกลับมารับตำแหน่งนี้คืน
เนื้อหาอีเมลระบุว่า มีพนักงานจำนวนหนึ่งสอบถามถึงความคืบหน้าในการสรรหาซีอีโอคนใหม่ และมีข่าวลือที่อาจสร้างความสับสน โดยบอร์ดบริหารยืนยันว่าการสรรหาซีอีโอนั้นเพื่อสร้างการเติบโตครั้งใหม่ให้ Uber และ Travis จะไม่กลับมาเป็นซีอีโอแน่นอน โดยบอร์ดจะสรรหาซีอีโอที่มีประสบการณ์ระดับโลกมาเป็นผู้นำ Uber
SoftBank ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีและโทรคมนาคมจากญี่ปุ่น ที่รุกลงทุนในธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดผู้บริหาร SoftBank เผยความสนใจลงทุนในธุรกิจแอพเรียกรถในอเมริกา โดยสนใจทั้ง Uber และ Lyft
ถ้าฟังดูก็แค่สนใจลงทุนปกติ ก็ต้องบอกว่าปัจจุบัน SoftBank นั้นมีพอร์ตการลงทุนในแอพเรียกรถแท็กซี่อยู่แล้ว ได้แก่ Grab, Didi Chuxing (จีน), Ola (อินเดีย) และ 99 (ละตินอเมริกา) เรียกว่าแทบจะครบตลาดหลักแล้ว ขาดแค่อเมริกาเท่านั้น
ซีอีโอ Masayoshi Son กล่าวว่าอเมริกาเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมองว่าอุตสาหกรรมเศรษฐกิจแบ่งปันมีโอกาสโตในภาพรวมอีกมาก บริษัทจึงสนใจลงทุนทั้งใน Uber และ Lyft แต่ขึ้นอยู่กับการเจรจากับทั้งสองบริษัทต่อไป
จากข่าวการสรรหาซีอีโอคนใหม่ของ Uber ที่บอร์ดบริหารยังหาข้อสรุปไม่ได้ และดูเหมือนบอร์ดบางส่วนก็อยากให้อดีตซีอีโอ Travis Kalanick ที่ถูกบีบให้ลาออกกลับคืนตำแหน่ง รายงานล่าสุดระบุว่าตัว Kalanick เองก็มีความพยายามจะกลับมาทวงตำแหน่งนี้คืนให้ได้เช่นกัน
Kara Swisher แห่ง Recode บอกว่า หลังจาก Kalanick ถูกบีบให้ลาออก เขาก็ได้ไปพักผ่อนที่ Tahiti ช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อกลับมา เขาพยายามที่จะเข้ามาดูแลงานประจำวันใน Uber อีกครั้ง (Kalanick ยังมีตำแหน่งเป็นบอร์ดบริหาร Uber) และไม่มีใครจัดการปัญหานี้ได้ จนบอร์ดบริหารต้องออกกฎจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบอร์ดทุกคน เพื่อให้ Kalanick ไม่สามารถทำงานประจำแบบตอนเป็นซีอีโอได้
รัฐสภามาเลเซียมีมติผ่านร่างแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับได้แก่กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายที่ว่าด้วยการออกใบอนุญาตรถยนต์สาธารณะ ที่ทำให้การให้บริการของ Uber และ Grab Car ถูกกฎหมาย
จากการแก้กฎหมายดังกล่าว มาเลเซียได้จัดสรรประเภทธุรกิจใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับ Ride-Hailing โดยเฉพาะในชื่อ Intermediation Business License ซึ่งทั้ง Uber, Grab Car หรือผู้ให้บริการอื่นๆ ที่จะทำธุรกิจนี้ต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจประเภทนี้
ก่อนหน้านี้มาเลเซียเผชิญปัญหาคล้ายกับบ้านเรา คือภาครัฐประกาศว่าทั้ง Uber และ Grab Car ให้บริการอย่างผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ถูกกลุ่มสมาคมแท็กซี่รวมตัวประท้วง หลังทราบข่าวว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาให้บริการ Ride-Hailing ถูกกฎหมาย
The New York Times มีเบื้องหลังการสรรหาซีอีโอคนใหม่ของ Uber ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ หลัง Meg Whitman ซีอีโอของ HPE ออกมาปฏิเสธตำแหน่งนี้
The New York Times บอกว่าสถานการณ์ตอนนี้คือบอร์ดของ Uber ที่มีทั้งหมด 8 คนกำลังเสียงแตก โดยบอร์ดบางกลุ่มอยากได้ Meg Whitman ซึ่งเป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ มีความเป็นผู้ใหญ่ มานั่งตำแหน่งนี้ และตัวของ Whitman ก็ได้พบกับบอร์ดบางคนเพื่อให้คำแนะนำว่าควรแก้ปัญหา Uber อย่างไร แต่หลังเธอปฏิเสธตำแหน่ง ทำให้บอร์ดต้องหาตัวเลือกอื่น
จากข่าววงในเรื่องการหาตัวซีอีโอ Uber คนใหม่ ที่มีข่าวลือว่า Meg Whitman ซีอีโอของ HPE เป็นหนึ่งในตัวเลือก
ล่าสุด Meg Whitman ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ด้วยตัวเองแล้ว โดยเธอโพสต์ทวิตเตอร์ว่ายังมีงานอีกมากที่ HPE และเธอจะไม่ไปไหน ซีอีโอของ Uber จะไม่ชื่อ Meg Whitman อย่างแน่นอน
ข้อมูลวงในของ Uber ระบุว่าบริษัทมีตัวเลือกด้วยกัน 6 คน และคาดว่าบริษัทจะประกาศชื่อซีอีโอคนใหม่ในเดือนกันยายน
สำนักข่าว Bloomberg ยังเผยชื่อตัวเลือกอีกคนคือ Jeffrey Immelt ซีอีโอของ General Electric (GE) ที่ประกาศว่าจะลงจากตำแหน่งตอนสิ้นปีนี้
ขนส่งทางบกฟิลิปปินส์ (Land Transportation Franchising and Regulatory Board - LTFRB) สั่งให้ Uber และ Grab ส่งรายชื่อคนขับทั้งหมดให้กับขนส่งทางบกและหยุดรับคนขับใหม่ หลักจาก LTFRB เชื่อว่ามีคนขับจำนวนมากไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง โดยเชื่อว่ามีคนขับรวมถึง 42,000 คนแต่มีคนขับที่ใบอนุญาตถูกต้องเพียง 15,400 คน
งานนี้เป็นความขัดแย้งระหว่าง Grab/Uber และ LTFRB โดยทั้งสองบริษัทไม่ต้องการหยุดรับคนขับเพิ่มเติม คำสั่งของ LTFRB ออกเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมาแต่มีผลย้อนหลังให้ปิดบัญชีคนขับทั้งหมดที่ลงทะเบียนกับระบบหลังวันที่ 30 มิถุนายน โดยทั้งสองบริษัทได้ยื่นหนังสือโต้แย้งคำสั่งนี้
ทีมวิศวกรพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Uber ได้เขียนบล็อกเล่าถึงการพัฒนาโปรแกรมสำหรับสนทนาภายในองค์กร ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการชื่อดังอย่าง Slack และ HipChat อยู่แล้ว แต่ Uber บอกว่าบริการที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับความต้องการได้ สุดท้ายอยากได้ก็ต้องทำเอง
อดีตนั้น Uber ใช้ Slack สำหรับเป็นแอพสนทนาภายใน ต่อมาก็เปลี่ยนไปใช้ HipChat ด้วยเหตุผลว่า Slack ไม่เหมาะเมื่อมีผู้ใช้งานหลายพันคน แต่สุดท้าย HipChat ก็ยังไม่ตรงความต้องการ
Uber ให้บริการใน 620 เมือง และมีพนักงานหลักหมื่นคน ความซับซ้อนของห้องและจำนวนผู้ใช้จึงมีมาก แนวทางของ Uber คือโปรแกรมสนทนานี้ต้องสามารถรองรับผู้ใช้งาน 70,000 คนพร้อมกัน และรองรับอัตราส่งข้อความ 80-200 ข้อความต่อวินาทีได้ โดยไม่ทำงานช้า
Bloomberg รายงานความคืบหน้าการสรรหาซีอีโอคนใหม่ของ Uber ล่าสุด ซึ่งตอนนี้มีรายชื่อตัวเลือกเหลือไม่ถึง 6 คน คาดว่าจะยื่นข้อเสนอพร้อมเริ่มงานซีอีโอได้เร็วที่สุด ต้นเดือนกันยายนนี้
แม้ไม่มีข้อมูลรายชื่อตัวเลือกที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา แต่แหล่งข่าวยืนยันว่าหนึ่งในตัวเก็งคือ Meg Whitman ซึ่งปัจจุบันเป็นซีอีโอของ Hewlett Packard Enterprise หรือ HPE (เคยมีรายชื่อในข่าวลือตอนแรก) อย่างไรก็ตามโฆษกของ HPE ได้ชี้แจงต่อข่าวดังกล่าวว่า Meg ยังต้องการทำงานที่ HPE ต่อไปจนกว่าภารกิจจะลุล่วง
ประเทศอินเดียมีระบบยืนยันตัวตนประชาชนในชื่อเรียกว่า Aadhaar เป็นการยืนยันตัวตนผ่านส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ม่านตา ลายนิ้วมือ เป็นต้น แม้ระบบดังกล่าวจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวมาก แต่มีแหล่งข่าววงในระบุว่าสตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจในอินเดียเจ้าใหญ่ เช่น Airbnb, Uber และ Ola ก็เตรียมนำระบบนี้มายืนยันตัวผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์มด้วย
Uber และ Ola บริการแชร์รถ กำลังพิจารณาใช้ Aadhaar มาตรวจสอบและยืนยันตัวตนของคนขับรถ ในขณะที่ Airbnb ก็กำลังมองหาระบบยืนยันตัวตนมาใช้กับเจ้าของห้องเช่า แหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลเป็นบุคคลในสามบริษัทดังกล่าว พวกเขาไม่เปิดเผยตัวตนเพราะยังไม่มีข้อมูลที่เป็นทางการออกมาจากบริษัท
Uber ประกาศว่าจะหยุดให้บริการในมาเก๊า ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นการประกาศหยุดให้บริการเป็นครั้งที่สอง (ก่อนหน้านี้เมื่อกันยายน 2016)
ในการประกาศหยุดให้บริการครั้งที่แล้ว Uber ให้เหตุผลว่าประสบปัญหาในการทำธุรกิจทางด้านกฎหมาย ส่วนครั้งนี้ก็ให้เหตุผลคล้ายกัน โดยปิดท้ายหวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมาให้บริการในมาเก๊าอีกครั้ง
Bloomberg รายงานข่าวลือจากวงในว่า นักลงทุนหลายรายใน Uber กำลังหาวิธีขายหุ้นบางส่วนออกไป
ปัจจุบัน Uber มีนักลงทุนประมาณ 500 ราย ที่มูลค่าบริษัท 69 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาของบริษัทในช่วงหลังส่งผลให้นักลงทุนชุดแรกๆ (ที่ซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำ) ต้องการกระจายความเสี่ยงโดยลดสัดส่วนหุ้นที่ตัวเองถืออยู่ลง
นักลงทุนรายสำคัญที่ Bloomberg ระบุชื่อคือ Benchmark ซึ่งถือหุ้น Uber จำนวนมาก และมีบทบาทสำคัญในการบีบซีอีโอ Travis Kalanick ให้ลาออก แต่นอกจาก Benchmark แล้วก็ยังมีนักลงทุนรายอื่นๆ พยายามขายหุ้น Uber ที่ถือครองอยู่ให้กองทุนขนาดใหญ่กว่ามารับช่วงไปแทน
ภารกิจค้นหาซีอีโอ Uber ยังคงดำเนินต่อไป โดยล่าสุด Kara Swisher แห่ง Recode มีอัพเดตล่าสุดว่าตัวเลือกที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ได้ตอบรับข้อเสนอกันอย่างไรบ้าง
Uber ประกาศถอยทัพในรัสเซียและประเทศใกล้เคียง โดยจะนำธุรกิจเรียกรถยนต์ในรัสเซียไปควบกิจการกับบริการเรียกรถ Yandex.Taxi ของ Yandex ยักษ์ใหญ่ของวงการไอทีรัสเซีย
Yandex จะถือหุ้น 59.3% ในบริษัทใหม่ที่ควบรวมกันแล้ว (ยังไม่มีชื่อเรียก) ส่วน Uber จะถือหุ้น 36.6% แลกกับการอัดเงินเข้าไปอีก 225 ล้านดอลลาร์ บริษัทใหม่มีลูกค้านับเป็นการเรียกรถ 35 ล้านครั้งต่อเดือน มีมูลค่าบริษัทที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์
ประเทศที่มีผลคือรัสเซีย คาซัคสถาน อาเซอร์ไบจาน อาร์เมเนีย เบลารุส จอร์เจีย คาดว่ากระบวนการควบรวมจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่สี่ของปี 2017
ท่ามกลางดราม่าทั้งหลายที่อูเบอร์ประสบพบเจอ ดูจะไม่สะเทือนผลประกอบการและความต้องการอยากใช้บริการแชร์รถนัก วันนี้ อูเบอร์แถลงว่ามียอดใช้บริการทะลุ 5,000 ล้านเที่ยวแล้ว
อูเบอร์เปิดบริการในปี 2010 โดยยอดใช้งานอูเบอร์ทะลุ 1,000 ล้านเที่ยวตอนปลายปี 2015 และพุ่งสูง 2,000 ล้านเที่ยวเมื่อปีที่แล้วนี้เอง และมียอดเที่ยวโดยสารแตะ 5,000 ล้านเที่ยวในวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา
Equal Rights Center องค์กรผู้ดูแลด้านสิทธิและความเท่าเทียม ได้ฟ้อง Uber ว่าบริษัทเพิกเฉยต่อการเข้าถึงบริการของผู้พิการ โดยจากการฟ้องร้องขององค์กรนั้นบอกว่า Uber ละเมิดกฎหมาย Disabilities Act และ D.C. Human Rights Act เนื่องจากทางบริษัทเลือกที่จะไม่นำรถยนต์ที่รองรับการใช้วีลแชร์เข้ามาเป็นตัวเลือกใน UberX และกีดกันผู้ที่ใช้วีลแชร์ในวอชิงตัน ดีซี
Uber เคยเปิดตัวบริการที่ชื่อว่า Uber Access มาแล้ว ซึ่งผู้โดยสารสามารถเรียกใช้ UberASSIST หรือ UberWAV ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้วีลแชร์ได้ แต่เนื่องจาก Uber Access ไม่ได้เปิดให้บริการในทุกที่ที่มี Uber ให้บริการ
Fair Work Ombudsman หน่วยงานตรวจสอบด้านการจ้างงานของออสเตรเลียได้เริ่มกระบวนการสืบสวน Uber ในด้านวิธีการรับพนักงาน หลังจากที่กลุ่มของผู้ขับรถ Uber ต้องการสถานะของลูกจ้างไม่ใช่สถานะของพาร์ทเนอร์ตามที่ Uber กล่าวอ้าง
ทั้งนี้ คาดว่าทางหน่วยงานต้องการที่จะใช้กฎหมายในการบีบให้ Uber ทำตามกฎของสถานที่ทำงาน และจ่ายเงินค่าจ้างพนักงานรวมถึงให้ผลประโยชน์เมื่อเกษียณเหมือนกับลูกจ้างตามบริษัททั่วไป
ทั้งนี้ Uber ยังคงแก้ต่างโดยให้เหตุผลว่าบริษัทให้อิสรภาพกับพาร์ทเนอร์มากกว่า โดยทางบริษัทให้ข้อมูลกับ Reuters ทางอีเมลว่าพาร์ทเนอร์ชาวออสเตรเลียกว่า 60,000 คนเลือกขับรถกับ Uber เพราะว่าต้องการจัดตารางเวลาและเป็นนายของตัวเอง ซึ่งทางบริษัทยินดีร่วมมือกับหน่วยงานเพื่อตอบคำถามทุกอย่างที่ต้องการ
เดิมเราสามารถเรียก Uber พร้อมกำหนดพิกัดสำหรับรับคนหรือเพื่อนเพิ่มได้อยู่แล้ว แต่ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Uber เปิดให้ผู้ใช้เรียกรถให้ไปรับคนอื่นได้โดยตรง โดยคนเรียกเป็นคนออกค่าโดยสารให้
เมื่อแอพตรวจจับว่าพิกัดที่ถูกกำหนดให้รถไปรับ กับพิกัดของผู้ใช้เป็นคนละที่กัน แอพจะถามขึ้นมาว่าเป็นการเรียกรถให้ตัวเองหรือคนอื่น หากเลือกคนอื่น แอพจะให้ผู้ใช้เลือกผู้โดยสารจากสมุดรายชื่อ (contact/address book) ก่อนจะส่งลิงก์สำหรับติดตามรถและข้อมูลของคนขับไปให้สำหรับการติดต่อ ขณะที่คนขับก็จะได้รับชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของผู้โดยสารเช่นกัน
ฟีเจอร์นี้ Uber ระบุว่าเปิดให้บริการใน 30 ประเทศทั่วโลกก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ส่วน Uber ไทยผมตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่มีฟีเจอร์นี้ครับ
Uber ประเทศไทยเปิดบริการใหม่ชื่อว่า uberFLASH เป็นการเรียกรถที่อยู่ใกล้ผู้ใช้ที่สุดมารับ ให้บริการทั้งรถแบบ uberX, UberBlack และรถแท็กซี่ทั่วไป เบื้องต้นเปิดให้ทดลองใช้งานเฉพาะในกรุงเทพมหานครก่อน
uberFLASH ให้บริการเหมือนการเรียกรถในประเภทอื่นๆ อัตราค่าโดยสารคิดอัตราเดียวกับ uberX จุดเด่นคือแอพจะหารถที่ใกล้ที่สุดให้กับผู้ใช้งาน โดยจะมีทั้ง uberX, UberBlack และยังมีรถแท็กซี่ทั่วไปที่เข้าร่วมบริการนี้ ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องการความเร่งด่วนมีรถให้บริการอย่างแน่นอน หากไม่พอใจประเภทรถที่แอพเลือกให้ สามารถกดยกเลิกได้ แต่จะมีค่ายกเลิกการเดินทาง 45 บาท
ผู้ใช้ในกรุงเทพมหานครสามารถใช้งาน uberFLASH ได้แล้ววันนี้ ส่วนบริการ uberX กับ UberBLACK ยังเปิดให้บริการตามปกติ
ที่มา : Uber Blog
ถึงแม้ Uber จะไล่ผู้ก่อตั้ง Otto ที่ขโมยเอกสาร Waymo ออกไปแล้วก็ตาม ทว่าปมความขัดแย้งระหว่าง Uber กับ Waymoยังคงดำเนินต่อไปในกระบวนการชั้นศาล
เอกสารการไต่สวนที่เปิดเผยออกมาล่าสุดชี้ว่า Waymo ยื่นฟ้องเพิ่มเติมต่อศาล โดยอ้างคำพูดจากฝั่ง Uber เองว่า Travis Kalanick ที่ตอนนี้เป็นอดีตซีอีโอ Uber ไปแล้ว รู้เรื่องที่ Anthony Levandowski ผู้ก่อตั้ง Otto และอดีตพนักงาน Waymo แอบขโมยเอกสารลับสุดยอดออกมาจากที่ทำงานเก่า ก่อนจะสั่งให้ Levandowski ทำลายเอกสารนั้นทั้งหมด