Vivaldi เบราว์เซอร์ทางเลือกเพื่อผู้ใช้ power user ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.11 ซึ่งได้ปรับปรุง Reader Mode ให้สามารถปรับแต่งตัวเลือกได้โดยสะดวก, สามารถเลือกปิดการเคลื่อนไหวของภาพ GIF ได้โดยง่ายและยังได้เพิ่มตัวเลือกสำหรับปรับแต่งความไวเมื่อใช้ Mouse Gestures อีกด้วย การปรับปรุงทั้งหมดพอสรุปได้ดังนี้
- Reader Mode ขั้นสูง ปรับปรุง Reader Mode โหมดที่จะช่วยตัดสิ่งรบกวนต่างๆ และทำให้เว็บอ่านง่าย โดยได้เพิ่มปุ่มปรับแต่งค่าต่างๆ ไว้ที่ด้านบนของเว็บขณะเปิดอยู่ใน Reader Mode ช่วยให้สามารถเลือกฟอนต์, ขนาดตัวอักษร, ความกว้างของคอลัมน์, ความสูงของแต่ละบรรทัด ไปจนถึงพื้นหลังมืด / สว่าง และยังสามารถดึงค่าสีจากธีมที่ปรับแต่งเองได้อีกด้วย
Vivaldi เบราว์เซอร์ทางเลือกที่ถูกพัฒนาเพื่อรองรับผู้ใช้งานกลุ่ม power user ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.10 ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าตาของ start page ได้ตามต้องการ สร้างความแตกต่างจากเบราว์เซอร์จากค่ายอื่นที่มักจะปรับแต่งหน้าเริ่มต้นใช้งานได้ไม่มากนัก
โดยได้ปรับปรุงฟีเจอร์เด่นเดิมอย่าง Speed Dial ซึ่งทำหน้าที่เป็นบุ๊คมาร์คสำหรับเก็บลิงก์และเว็บที่เข้าบ่อยไว้บนหน้า start page ให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาพ thumbnail ใส่เองได้ และนั่นรวมถึงภาพเคลื่อนไหวอย่างไฟล์ GIF ด้วย เปลี่ยนจากเดิมที่ภาพ thumbnail จะมาจากการสร้างให้อัตโนมัติด้วยตัวเบราว์เซอร์เท่านั้น
Vivaldi เบราว์เซอร์ทางเลือกเพื่อผู้ใช้กลุ่ม power user เปิดตัวอัพเดตเวอร์ชัน 1.8 ซึ่งได้นำเสนอฟีเจอร์ที่ดูน่าสนใจอย่างการแสดงข้อมูลประวัติการเข้าเว็บแบบใหม่ที่ได้รับออกแบบให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
จากหน้า history ของเบราว์เซอร์แบบเดิมๆ ที่มักจะเป็นเพียงรายการประวัติเข้าเว็บยาวหลายร้อยบรรทัดซึ่งผู้ใช้จะต้องคอยเลื่อนหาหน้าเว็บที่เคยเข้าด้วยความยากลำบาก ครั้นจะใช้กล่องค้นหาก็อาจจะนึกไม่ออกว่าต้องค้นด้วยคำว่าอะไร Vivaldi ได้ปรับปรุงหน้า history ดังกล่าวใหม่โดยเพิ่มได้การแสดงผลในรูปแบบของปฏิทินซึ่งมาพร้อมกับสถิติว่าแต่ละวันผู้ใช้เข้าเว็บไปมากเพียงใดและเข้าชมเว็บใดมากสุด
Vivaldi เบราว์เซอร์ตัวใหม่จากผู้สร้าง Opera เพื่อผู้ใช้กลุ่ม power user เปิดตัวเวอร์ชัน 1.7 ซึ่งได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจอย่างตัวช่วยจับภาพสกรีนช็อต และยังได้ปรับปรุงให้สามารถปิดเสียงเว็บจากทุกแท็บได้ในคราวเดียว
โดยในส่วนของตัวช่วยจับภาพสกรีนช็อต Vivaldi ได้เพิ่มปุ่มสำหรับการนี้ให้โดยเฉพาะ ซึ่งมาพร้อมตัวเลือกจับภาพหน้าเว็บเพียงบางส่วนหรือจับภาพหน้าเว็บทั้งหน้า (รวมถึงส่วนที่ไม่ได้แสดงอยู่ในหน้าจอ ณ ขณะนั้นด้วย) และยังสามารถเลือกได้ว่าจะบันทึกออกมาเป็นไฟล์รูปภาพในฟอร์แมท PNG/JPEG หรือจะคัดลอกรูปไปรอในคลิปบอร์ดเพื่อนำไปวางบนโปรแกรมอื่นต่อก็ทำได้เช่นกัน
Vivaldi เบราว์เซอร์ตัวใหม่จากผู้สร้าง Opera เพื่อผู้ใช้กลุ่ม power user เปิดตัวเวอร์ชัน 1.6 ที่ได้เน้นไปยังการปรับปรุงการจัดการแท็บของ Vivaldi ที่แต่เดิมก็มีความสามารถมากอยู่แล้วให้ใช้งานสะดวกขึ้นไปอีก การปรับปรุงดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
Vivaldi เบราว์เซอร์ตัวใหม่จากผู้สร้าง Opera ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยเน้นไปที่ความสามารถสำหรับผู้ใช้งานกลุ่ม power user ตามเจตนารมณ์เดิมของ Opera รุ่นก่อนๆ เปิดตัวเวอร์ชัน 1.4 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่างการตั้งเวลาเพื่อเปลี่ยนธีมอัตโนมัติ Theme Scheduling และการปรับปรุง Web Panel หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Vivaldi ที่มากับเวอร์ชันก่อนหน้านี้
Vivaldi เว็บเบราว์เซอร์ใหม่ของผู้สร้าง Opera เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เวลาผ่านมาปีกว่า ก็ได้เวลาของเวอร์ชัน 1.0 แล้ว
Vivaldi นำฟีเจอร์เก่าๆ ของ Opera รุ่นดั้งเดิมกลับมาสู่ผู้ใช้กลุ่ม power user ไม่ว่าจะเป็น Speed Dial (ลิงก์ลัดเข้าเว็บที่ใช้บ่อย), Quick Command (สั่งการด้วยการพิมพ์), Fast Forward (เลื่อนไปหน้าต่อไปอัตโนมัติ), Side Panel (แถบอำนวยความสะดวกด้านข้าง), Notes (จดบันทึกสำหรับแต่ละเว็บ), Mouse Gestures และฟีเจอร์ด้านจัดการแท็บอีกหลายอย่าง
Vivaldi เบราว์เซอร์ตัวใหม่ของผู้ก่อตั้ง Opera เปิดตัวโครงการเมื่อต้นปีแล้วเงียบหายไป วันนี้มันกลับมาแล้ว พร้อมกับให้ดาวน์โหลดรุ่น Beta เป็นครั้งแรก
Vivaldi Beta 1 รวบรวมฟีเจอร์จากรุ่นทดสอบ Technical Preview ตลอดทั้งปีนี้ มีฟีเจอร์สำคัญๆ อย่าง private browsing, pinned tab, task manager รวมถึงรองรับส่วนขยายเรียบร้อยแล้ว ใครสนใจก็ลองดาวน์โหลดได้จาก Vivaldi ครับ
ที่มา - Vivaldi
Jon von Tetzchner ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอ Opera Software ระหว่างปี 1995-2010 (ลาออกปี 2011) เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Vivaldi ซึ่งสืบทอดเจตนารมณ์ของ Opera รุ่นก่อนๆ ที่เน้นเจาะกลุ่ม power user
Jon von Tetzchner ให้สัมภาษณ์ว่าเขาผิดหวังกับทิศทางของ Opera ในยุคหลัง (ทิ้งเอนจิน Presto มาใช้ Blink/Chromium และทิ้งฟีเจอร์เดิมหลายอย่าง) เขาและอดีตทีมงานเดิมของ Opera จึงตัดสินใจสร้าง Vivaldi ขึ้นมา ถึงแม้มันถูกพัฒนาบน Blink/Chromium เหมือนกันแต่ก็มีฟีเจอร์แบบที่ผู้ใช้ Opera ในอดีตโหยหา
