ในระหว่างการสัมภาษณ์คุณสตีฟ บัลเมอร์ โดยสำนักข่าว AP เขาได้แสดงความคิดเห็นดูถูกความเชื่อที่สมาร์ทโฟนจะมาแทนที่คอมพิวเตอร์ในฐานะทางเลือกของผู้ที่มีชีวิตอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง (on-the-go consumers) ว่า "อินเทอร์เน็ตได้รับการออกแบบมาสำหรับคอมพิวเตอร์ ไม่ได้รับการออกแบบมาสำหรับไอโฟน แต่พวกเขา [ผู้ผลิตแอพพลิเคชันบนไอโฟน] ทั้งหมดพยายามที่จะทำให้อินเทอร์เน็ตดูดีในไอโฟน!"
"Let's face it, the Internet was designed for the PC. The Internet is not designed for the iPhone. That's why they've got 75,000 applications -- they're all trying to make the Internet look decent on the iPhone."
ที่มา: AP ผ่าน Business Insider ผ่าน Gizmodo
Comments
ประโยคเต็ม: อินเทอร์เน็ตไม่ได้รับการออกแบบสำหรับไอโฟน ...และวินโดวส์โมบาย
สนามแข่งด้านเดสก์ทอปนี่ไมโครซอฟท์ครอบครองแบบเกือบเบ็ดเสร็จครับ ดังนั้นถ้าบอกว่าไม่มีมือถือตัวไหนเลยที่เล่นเว็บได้ดี ไมโครซอฟท์ก็ยังรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
lewcpe.com, @wasonliw
แต่ balmer ต้องยอมรับว่า webkit engine ดีที่สุดแล้วสำหรับ mobile platform
แล้วอินเทอร์เน็ตได้รับออกแบบสำหรับวินโดวส์โมบายด้วยหรือ?? ;P
+100
ผมว่าตอนนี้ iPhone ทำได้ดีที่สุดนะ [หลายๆอย่าง]
[เวป ตปท. บอกว่า 3GS เปิดเวปได้เร็วใกล้เคียง Desktop แล้ว]
ไม่เข้าใจทำไม บัลเมอร์ต้องออกมาพูด ??
ถ้าทำได้ดีกว่าแล้วค่อยพูดก็ว่าไปอย่าง
= =''
"แต่พวกเขา [ผู้ผลิตแอพพลิเคชันบนไอโฟน] ทั้งหมดพยายามที่จะทำให้อินเทอร์เน็ตดูดีในไอโฟน!"
เขาพยายามแล้วคุณพยายามมั่งมั๊ย ?
ชม Steve คนนู้น แต่งงกับ Steve คนนี้อะ ???
[แค่กัดไปเรื่อย ??]
ผมว่าบัลมอร์ก็พูดตรงดีนี่ครับ
แล้วเฮียแกก็ไม่ได้พูดสักคำว่ามันเหมาะกับ WinMo แถมทุกคนก็ยอมรับหมดว่า WinMo มันห่วยในหลายๆเรื่องถ้าเทียบกับ iPhone
Internet ออกแบบมาให้ใช้กับ PC (Personal Computer - ต้องแปลก่อน เดียวมีคนเข้าใจว่าผมสื่อถึง Windows PC) เป็นหลักอยู่แล้วครับ สิ่งที่เราเจออยู่ในตอนนี้คือตัว Client เริ่มหลากหลายขึ้น ทำให้เราต้องพยายามหาจุดลงตัวในการใช้งาน Internet ไม่งั้นคงไม่มี AIR ไม่มีอะไรพวกนี้ออกมา
ลองอ่าน link อ้างอิงก่อนนะครับ
ว่าคนถามเค้าถามว่าอะไร และทำไมบัลมอร์ตอบแบบนี้
จะได้ไม่ต้องมาพูดว่า ไม่เข้าใจว่าบัลมอร์ออกมาพูดทำไม
ผมยืนยันว่า "โลกทุกวันนี้ ไม่ได้หมุนด้วย Apple" ครับ
WinMo ก็มีดีกว่าในหลายๆเรื่องนะครับ
ถึงตอนนี้ผมจะไม่ได้ใช้แล้ว และก็จะคงไม่ใช้อีกต่อไป (สนใจ Andriod อย่างเีดียวครับ)
มันก็ยังมีหลายอย่างที่ดีกว่า IPhone
+1
จนป่านนี้แล้ว น่าจะเข้าใจว่า internet ถูกออกแบบมาให้คนทุกคน
สมาร์ทโฟนทุกยี่ห้อทุกค่าย ไม่ได้ถูกทำมาทดแทน PC แต่มันเสริมการใช้งานกันต่างหาก
"บัลเมอร์ หาโอกาสเหน็บไอโฟนประจำจนน่าเบื่อ" ควรรีบไปทำ วินโดว์โฟนดีๆเจ๋งๆมาขายจะดีกว่า
เป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่า WinMo7 กำลังจะออกเร็วๆ นี้ พร้อมความสามารถท่องเวบสุดยอด??
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
คงใช้เวลาอีกนานครับ :)
WM7 --> Q4 2010 ครับ ถ้าเลทก็ไม่เกิน Q2 2011
อย่าเพิ่งสับสน ระหว่าง Web Browser กับ Internet Application กันน่ะครับ
"อินเทอร์เน็ตได้รับการออกแบบมาสำหรับคอมพิวเตอร์" ซึ่ง ie ยังทำได้ไม่ดีเลย
+10000000
เค้าไม่ได้หมายถึง Web Browser และไม่ได้พูดถึงด้วยครับ
อินเตอร์เน็ตไม่ได้ออกแบบมาเพื่อไอโฟน แต่ ไอโฟนออกแบบมาใช้อินเตอร์เน็ตได้ดี (กว่ายี้ห้ออื่นๆ) 555
เห็นด้วยครับ
+1
อินเทอร์เน็ตไม่ได้รับการออกแบบสำหรับไอโฟน!
ชริ วินโดวส์โฟนและวินโดวส์โมบายล์ก็ไม่ได้รับการออกแบบสำหรับอินเทอร์เน็ต เหมือนกันะแหละวุ้ย -*-
ตกลงว่าคนที่นี่สนใจแต่ว่าเค้าพูดว่าอะไร ไม่ได้สนใจว่าทั้งหมดที่เค้าพูดหมายความว่ายังไง สื่อถึงอะไร อีกอย่าง ผมว่า "แล้วอินเทอร์เน็ตได้รับออกแบบสำหรับวินโดวส์โมบายด้วยหรือ??" น่าจะมาคอมเม้นต่างหากไม่น่าจะคอมเม้นแนบมาท้ายข่าว
นานๆ ทีผมจะเผลอออกความคิดเห็นในข่าวนะครับ หยวนๆ แล้วกันนะ :)
+9999 ครับ
คนอื่นต้องหัดลองอ่านที่มาของข่าวด้วยครับ
กลับไปอ่านที่มาอย่างไว จริงๆ ด้วยแฮะ
แต่ขอออกตัวนะว่าผมอ่านทั้งหมด (เท่าที่แปลให้อ่าน) แล้วจริงๆ และมันให้อารมณ์เหมือนที่คนอื่นๆ คอมเมนต์จริงๆ (คือออกแนวเหมือนกล่าวโจมตีไอโฟนซะอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะนักข่าวถามนำร่องมายังงั้น) แถมความเห็นบรรทัดสุดท้ายมันชวนให้คิดแบบนั้นจริงๆ อีก ผมว่ามันก็ช่วยไม่ได้ที่คนส่วนใหญ่จะมีความคิดไปแนวเดียวกันนะ
แถม เจออันนี้บัลเมอร์ก็จุกเหมือนกัน เป็นผมผมก็เคืองล่ะ (ข้อความจาก AP)
"Windows 7, from our point of view, is just another opportunity to remind everyone to switch to a Mac," said Apple Chief Operating Officer Tim Cook. "People are sick of all the headaches that go along with Windows."
ป.ล.ตั้งแต่ใช้ 7 มาเดือนกว่าๆ ผมยังไม่เจอจอฟ้าหรือไวรัสอะไรเลยนะ อย่างน้อยสำหรับผมก็ไม่น่าปวดหัวเท่า XP ล่ะ (แต่เทียบกับ Mac แล้วผมก็ไม่รู้ เพราะไม่มีปัญญาหามาใช้)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
อันนี้ผมเห็นด้วยนะ คอมเมนท์นี้มันทำให้เนื้อหาข่าวเปลี่ยนไปจากต้นฉบับเลย มันทำให้เข้าใจความหมายของบัลเมอร์ผิดไป
+1
ผมคิดว่ามันเหมือนเป็นคำพูดเปิดประเด็นเหน็บแนมให้เถียงกันนะ
อันนี้ขอมาแก้ตัวหน่อยนะครับ :'(
อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการประชดที่คุณบัลเมอร์พูดแต่อย่างไร เพียงแต่การที่จะไปโยนบาปให้ไอโฟนนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะต้องพูดเพื่อให้ไมโครซอฟท์ดีกว่า (ซึ่งใครๆ ก็คงทำกัน ไม่อยากพูดเรื่องไม่ดีของตัวเอง) ตอนที่ผมเขียนคอมเมนต์ในข่าวผม ผมคิดว่า "คนที่คิดอินเทอร์เน็ตคงไม่ได้คิดถึงทุกวันนี้ว่าจะมีอุปกรณ์อย่างไอโฟนหรือสมาร์ทโฟนอย่างในทุกวันนี้ ยังไงก็มีความไม่เหมาะสมบ้าง แต่เขาก็พยายามพัฒนาปรับปรุงกันไป" ครับ
ผมเชื่อว่านี่เป็นสิทธิของผู้เขียนนะครับ เรื่องการใส่ความเห็นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่แยกออกมาแล้วว่าเป็นความเห็น ไม่ต้องแก้ตัวหรอกครับ ไม่ได้มีกฏห้ามใส่ความเห็น
@TonsTweetings
+1 แต่ควรแยกให้ชัดเจน
เค้าคงจะหมายถึงว่าการมาเล่นเว็บบนมือถือมันไม่ work น่ะครับ
iPhone 3GS ทำได้ดีจริงๆครับ
เปิดเวปดีสุด "PALM PRE" นะครับ เร็วกว่าชัดเจน
ไม่ใช่ iphone 3Gs
Palm Pre ช้ากว่า 3GS ตรงที่มันไม่มี Driver การ์ดจอครับ หมายความว่า ไม่ว่า app ธรรมดา หรือเว็บ ถ้า effect หน่วงๆ มันก็หน่วงได้
ที่สำคัญ ... http://www.quirksmode.org/webkit.html
Bill Gates ยังไม่เกรียนขนาดนี้ - -'
สตีฟ บัลเมอร์ขี้นเป็น CEO ของ MS อย่างเป็นทางการเดือนมกรา ปี 2000
สตีฟ จอปส์ก็ประกาศรับเป็น CEO เต็มตัวของ Apple ในเดือนและปีเดียวกัน
เดือนที่ทั้งคู่เริ่มเป็นซีอีโอ ถ้าคุณเอาเงิน หนึ่งหมื่นเหรียญไปซื้อหุ้น Apple ทิ้งไว้เฉยๆวันนี้มันจะมีมูลค่า $79,000
แต่ถ้าวันนั้นคุณเอาเงิน $10,000 ไปซื้อหุ้นไมโครซอฟท์ วันนี้คุณจะมีหุ้นมูลค่า $5,350
จบข่าว
แล้วถ้าไปซื้อตอนก่อตั้งบริษัทล่ะครับ?
ตอนก่อตั้งบริษัทก็ยังไม่ได้เป็นมหาชนนี่ครับ?
ที่ยกมาให้คิด เป็นผลงานจากช่วงเวลาเดียวกันที่เขาบริหารมาเปรียบเทียบกันครับ
เทียบกันด้วย % การโตอย่างเดียวเนี่ยนะครับ ล้อเล่นหรือเปล่า
สมมติว่าผมปลูกต้นไม้จากต้นกล้าขนาด 10 cm ผ่านไป 3 ปี ต้นไม้โตขึ้น สูง 1 เมตร ต้นไม้โต 10 เท่า
ต้นไม้ใหญ่อีกต้น 3 ปีก่อนสูง 10 เมตร ปัจจุบันสูง 15 เมตร (โต 1.5 เท่า)
แล้วผมบอกว่าต้นไม้เล็กเก่งกว่า???
เอาจริงครับ
ผมพูดถึงผลงานของผู้บริหารหลังจากเมื่อเริ่มเข้ากุมบังเหียนกิจการล้วนๆ จากต้นทุนที่แต่ละฝ่ายมีอยู่
ในปี 2000 Apple เป็นบริษัทที่ผลงานติดลบมาก่อน เพิ่งเริ่มจะทำกำไรได้บ้างและไม่รู้ว่าจะรอดไปได้อีกนานเท่าไร
ในปี 2000 MS เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีสินค้าและบริการครองตลาดอยู่เกือบทั้งหมด (และยอมรับว่าเวลานี้ก็ยังเป็นอยู่)
วันนั้น นักวิเคราะห์ที่ไหนๆ ก็บอกให้ลงกับ MS
ปีนั้นกูเกิ้ลยังไม่มีรายได้จาก search เลย ไม่มีใครเคยได้ยินคำว่าไอพอด คนส่วนมากไม่รู้ว่าโซเชียลเน็ทเวิร์คคืออะไร และ Pocket PC 2000 ดูมีอนาคตมากในตลาดอุปกรณ์พกพา
หลายโอกาสที่มองไม่เห็นผ่านไปเฉยๆ ทั้งที่ตัวเองยืนอยู่ตรงใจกลางของความเปลี่ยนแปลง
ผ่านมาเกือบสิบปี ผลงานออกมาเป็นแบบนี้
ผมมองจากมุมของนักลงทุนตัวเล็กๆนะครับ ทราบว่าบัลเมอร์ก็มีผลงานและบริษัทของเขาก็ยังทำกำไรมหาศาล
แต่ถ้าเราเป็นคนธรรมดาๆ มีเงินลงทุนอยู่ประมาณนึง แล้วดูว่าลงทุนกับผลงานบริหารของใครทำให้เรากำไรหรือขาดทุนได้เท่าไรบ้าง คำตอบมันออกมาแบบนี้ครับ ถ้าผมผิดในประเด็นนี้ ช่วยยกข้อโต้แย้งมาด้วย
ผมไม่ได้บอกว่าแอปเปิลไม่เก่งนะ แต่ผมบอกว่ามันเทียบกันไม่ได้ บริบทมันต่างกันมาก
เคยได้ยิน law of diminishing return ไหมครับ
ผมคำนวน fact ให้ดูตรงๆ จากบันทีกราคาซื้อขายจริงในตลาดครับ
คุณจะเอาหลักการอะไรมาจับเพื่ออธิบายก็ได้ แต่ผลมันออกมาแบบนี้ ยอมรับได้ไหม?
ผมไม่ได้บอกว่า ตัวเลขจากตลาดหุ้นของคุณผิดนี่ครับ ไม่มีเลยสักนิด
ผมบอกแค่ว่า มันเอามาใช้อธิบายว่าใครเก่งกว่าใครไม่ได้ เพราะบริบทมันคนละแบบ ต่อให้เป็น IBM/Oracle/SAP มันก็ไม่ควรทำ
คำอธิบายของคุณมีจุดโหว่ให้แย้งได้มากมาย เช่น บัลเมอร์อาจบอกว่า แนวทางธุรกิจของไมโครซอฟท์ต้องมีทั้งบัลเมอร์และเกตส์ แต่เกตส์ลาออกไป ทำให้ไม่เป็นอย่างที่คาด แบบนี้รับได้ไหมล่ะครับ? (ผมเชื่อว่าคุณก็คงบอกว่า ขนาดจ็อบส์ป่วย ยังไปได้ดีขนาดนี้ แบบนี้ต้องตัดช่วงเวลาที่ป่วยออกหรือเปล่า?)
หรือบัลเมอร์อาจบอกว่า แอปเปิลไม่โดนคดีผูกขาดหนักๆ แบบที่ไมโครซอฟท์โดนนี่ แบบนี้จะตอบยังไงล่ะครับ?
ผมเห็นด้วยกับคุณ MK นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าคุณ cyberdude เอาทั้งสองบริษัทมาเปรียบเทียบกันในแง่ไหน เพราะสินค้าที่ ms กับ apple ทำขาย มันต่างกันครับ เหมือนกับเอา Honda กับ isuzu บ้านเรามาเปรียบเทียบกันแล้วบอกว่า Honda ขายดีกว่า โดยไม่ดูว่า Honda ขายแต่รถเก๋ง isuzu ขายแต่รถกระบะ
Apple เป็นบริษัทขายคอมพิวเตอร์ เป็นหลักมาตั้งแต่ต้น โดยมี SnowLeopard เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เครื่อง mac เขาทำงานได้
Ms เป็นบริษัทขาย Software เป็นหลักมาตั้งแต่ตัน
ถ้าให้ถูกน่าจะเอา apple ไปเปรียบเทียบ Dell, HP, Samsung มากกว่า
เนื่องจาก Apple ขาย HW เป็นหลัก เลยมีปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์น้อยกว่า MS มาก ลองคิดดูว่าถ้า คนใช้ SW เถื่อน ของ MS กลับใจเปลี่ยนมาเป็น SW ลิขสิทธิ์ทั้งหมด ผมว่าผลประกอบการของ Apple จะเล็กน้อยมาเมื่อเทียบ MS
ทำไมไม่เข้าใจล่ะครับ? ผมพูดอยู่แง่เดียว
มีเงินสิบบาท ซื้อหุ้น MS ช่วงที่บัลเมอร์บริหาร เวลาผ่านไปสิบปี เงินสิบบาทที่ลงทุนไปจะเหลือห้าบาท
เอาเงินจำนวนเท่ากัน ไปซื้อหุ้นแอปเปิลในวันเดียวกัน เวลาลงทุนเท่าๆกัน จะได้เงินเพิ่มมาเป็น 79 บาท
คุณจะเอาตรรกนี้ไปเปรียบกับหุ้นของอะไรที่ไหนก็ได้ ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นธุรกิจเดียวกัน เพราะเงินก็คือเงิน
เราดูกันที่ความสามารถในการเพิ่มมูลค่าเงินที่ลงทุนไปของแต่ละบริษัทครับ
คุณลงทุนไปแล้วขาดทุน จะมา what if... ไม่ได้หรอกครับ
เหมือนพูดว่า ถ้าเมื่อวานซื้อหวยไว้ตรงกับเลขที่ออกวันนี้ ป่านนี้ก็รวยไปแล้ว
พูดอีกก็ถูกอีก แต่ไม่รู้จะพูดไปทำไม?
ผมว่าลึกๆคุณตั้งใจเอา สตีฟจ๊อป มาเปรียบเทียบกับ บัลเมอร์มากกว่า ไม่ใช่เรื่องหุ้นอย่างที่คุณบรรยายมาหรอก เพราะว่าบทความนี้มันไม่มีเรื่องหุ้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
+7 (ตามเทรนด์ ^^) เริ่มต้นด้วยบัลเมอร์กับสตีฟเริ่มทำงานพร้อมกัน แต่ราคาหุ้นขึ้นไม่เท่ากัน จะให้คิดว่าไม่ได้เอาสองคนนี้มาเทียบกันเนี่ยนะ = =a
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ผมไม่ได้กำลังอธิบายว่าใครเก่งกว่าใครครับ เพียงแต่ยกไม้บรรทัดอันนึงมาให้ดู
ผมค่อนข้างผิดหวังกับจุดโหว่ที่คุณบอกว่าแย้งได้ เพราะมันเป็นคำอธิบาย ไม่ใช่ข้อโต้แย้ง
ท้ายสุดแล้วการวัดผลมันก็อยู่ที่ตัวงานที่ออกมา จะบอกว่าบริบทต่างกันมันก็เป็นเพียงคำอธิบายหรือข้อแก้ตัวเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนผลที่วัดได้ เพราะช่วงเวลามันเป็นอันเดียวกัน ตลาดก็เป็นตลาดเดียวกัน ในเงื่อนไขที่นับจากเงินลงทุนของมูลค่าหุ้นซึ่งเป็นหน่วยเดียวกัน
ถ้าอ้างบริบทด้วยตรรกแบบนี้ เราก็ไม่สามารถวัดผลอะไรได้เลย
เหมือนให้เด็กสองคนเลือกหัวข้อเองมาทำโครงงานส่งตามเวลาที่กำหนด ถ้าผลงานของใครออกมาน่าประทับใจกว่าก็ชนะไป จะมีคำอธิบายได้มากมายว่าทำไมเด็กอีกคนถึงแพ้ทั้งๆที่อาจจะฉลาดกว่า -เลือกหัวข้อยากไป บริหารเวลาไม่เป็น แม่ป่วยต้องคอยดูแล ฯลฯ
แต่มันไม่ได้เปลี่ยนการวัดผลของตัวงานที่ออกมาเมื่อเอามาวางคู่กัน
bottom Line ก็คือ ในรอบสิบปีมานี้ คนที่ถือหุ้นของ MS เพื่อลงทุนระยะยาวจะไม่ทำกำไร หรือขาดทุนด้วยซ้ำ จะทำกำไรได้ก็จากการซื้อขายช่วงสั้นๆด้วยความผันผวนของตลาด
จะอธิบายยังไงก็ได้ว่า นวัตกรรมใหม่ๆน้อย โดน EU กลั่นแกล้ง ปรับตัวไม่ทัน เพื่อนที่เก่งจริงออกไปทำการกุศลแล้ว(ถ้าอ้างแบบนี้ยิ่งเท่ากับยอมรับว่าตัวเองไม่เก่ง) คู่แข่งชอบออกโฆษณาโกหกเสียดสี
(คดีผูกขาดสำคัญๆน่ะก็จบไปตั้งแต่ปี 2001 แล้ว)
แล้วไงล่ะ? ก็มีโอกาส มีคน มีเงินลงทุนด้านนวัตกรรมและการตลาดเท่าๆหรือมากกว่าคู่แข่งอื่นๆในตลาดในช่วงเวลาเดียวกัน
แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นแค่เกมตัวเลขที่ผมยกมาเล่นๆเท่านั้นแหละครับ จะดูวิธีคิดของคนตอบ
มันอยู่ที่การเลือกไม้บรรทัด เหมือนๆกับการบอกว่า ถ้า Mac OS มันดีจริง ทำไมมีคนใช้ไม่ถึง 10%
หรือ symbian แพ้ตรงไหน โทรศัพท์ในตลาดที่คนถืออยู่ทุกวันนี้้เป็น symbian กว่าครึ่ง
มันจริง แต่มันไม่ได้บอกอะไรทั้งหมด...
มันจริง แต่มันไม่ได้บอกอะไรทั้งหมด... เหมือนหัวข้อที่คุณโพสท์เริ่มต้นไว้ตั้งแต่แรกนะครับ เหมือนตีหัวเข้าบ้านเลย
นั่นสิ คนแย้งแรกๆเขาก็ต้องการสื่อประเด็นนี้แหละครับ
แต่คุณก็ยังพูดเรื่องตัวเลขอยู่นั่น บอกว่ามันเป็น fact เป็นผลที่เห็นๆกันอยู่ ผมก็เห็นด้วยเรื่องนี้ แต่คุณจะแย้งมาทำไม คุณบอกคุณพูดอยู่แง่เดียว แต่คุณก็เอาแง่เดียวนั้นของคุณมาสะท้อนถึงภาพรวมทั้งหมด ...
ประเด็นหลักที่ต้องการชูคือ "มันจริง แต่มันไม่ได้บอกอะไรทั้งหมด" อย่างที่คุณพูดนั่นแหละครับ
โชว์ภูมิสุดๆ เพื่อ ??? อะไรครับ
สมัยก่อนที่เขาขาย Pocket PC
เรื่อง internet นี่จุดขายเด่นของเขาเลย...
ถ่มน้ำลายรดฟ้า
ดราม่าเอย จงซับซ้อนยิ่งขึ้น
ประโยคนี้ นำกลับไปไว้ที่พันทิปดีไหมครับ เห็นบ่อยครั้งละ
มันเริ่มจากคนแถวนี้แหละ
+1 เลย
This is dramaaaa !!!
ขอถามและเสนอแนะ webmaster ครับ
คนเขียนข่าว สามารถใส่ความเห็นตัวเองลงไปในข่าว ได้หรือไม่ ?
ถ้าคำตอบข้อ 1. คือได้ ก็ขอเสนอให้ทางเว็บไซต์แสดงข้อความที่เป็นความเห็น ให้แตกต่างจากเนื้อข่าวครับ เพื่อจะได้ไม่สับสน
... Opinion like an asshole, everybody has one ...
ผมอาจแซวแรงไปหน่อยคราวนี้ เหตุผลผมได้ตอบไว้ข้างบนแล้วครับ
ผมไม่มีปัญหากับข่าว และความคิดเห็น ไม่ว่ามันจะอยู่ตรงไหนของหน้านี้
ส่วนใหญ่ถ้าข่าวมันเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ผมก็แว๊บๆ ไปดูต้นฉบับข่าวก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่
lewcpe.com, @wasonliw
สำหรับข่าวนี้
ผมสับสนตรงที่แซว Win Mo บรรทัดสุดท้ายครับ
ไม่แน่ใจว่าเป็นความเห็นของนักข่าว AP หรือ ของผู้แปลข่าว
ควรแก้ไขโดย ตัดออกทั้งบรรทัด ครับ
ส่วนเรื่องการให้คลิกดูลิงค์ที่มาของข่าว
ผมเห็น Guideline การเขียนข่าวข้อนึงบอกว่า
"เนื้อหาข่าวที่เขียนครบถ้วนพอที่ผู้อ่านจะเข้าใจสาระทั่วไปได้ โดยไม่ต้องกดลิงก์ตามไปอ่านต่อ"
ตกลงจะสนับสนุนให้คลิก หรือไม่ให้คลิกลิงค์ กันแน่ ?
เรื่องประเด็นความสับสนก็ชัดเจนนะครับ ส่วนตรงนี้คุณ nuntawat คงมาดูตอบต่อไปนะครับ ประเด็นประมาณนี้เป็นเรื่องปรกติมาก ถ้าหาข่าวเก่าๆ เรามี debate กันเสมอ บางคนก็ว่าสับสน บางคนก็ว่าชอบอ่านแบบมีความเห็น ยังไม่ใช่เรื่องที่มีกฏเกณฑ์ตายตัวครับ ขึ้นกับวิจารณญาณของนักเขียนเป็นส่วนใหญ่
ถ้าอนาคตสับสนประมาณนี้อีก ผมสนับสนุนให้เสนออย่างนี้ล่ะครับ จะว่ามันชี้นำผิด ไม่แน่ชัดว่าความเห็นใคร ฯลฯ ก็บอกได้เลย บางทีนักเขียนเพิ่ม "ตามความเห็นของผม..." ก็อาจจะแก้ปัญหาได้
ส่วนประเด็นความครบถ้วน กับความน่าเชื่อถือนี่คนละประเด็นนะครับ
ความครบถ้วนนี่คืออ่านแล้วพอที่จะรู้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ฯลฯ เกิดผมเขียนข่าว "โนเกียฟ้อง รอจนสองปีแล้วค่อยมาฟ้อง..." มันไม่ครบถ้วนในตัวเอง อ่านแล้วไม่ได้ใจความใดๆ อันนี้จะบอกว่าให้ไปอ่านลิงก์ที่มาเองไม่ได้ครับ
ประเด็นความน่าเชื่อถือของการถอดความเป็นอีกเรื่องครับ ผมบอกเสมอว่า Blognone เปิดให้สมาชิก "ทุกคน" เขียนข่าวเข้ามา ดังนั้นต้องมีที่มาให้คลิก เพราะเราไม่รู้ว่าแต่ละท่านเป็นใครกันบ้าง
ส่วนใครจะคลิกหรือไม่คลิก ผมไม่สนับสนุน และไม่ต่อต้านครับ ขึ้นกับวิจารณญาณของผู้อ่านกันเอง ถ้าอ่านแล้วมันแหม่งๆ ก็คลิก ถ้าสนใจหาเนื้อหาเพิ่มเติม ก็คลิก เท่านั้นล่ะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมตัดออกแล้วครับ เอาว่าผมจะพยายามไม่ใส่ความคิดเห็นลงในข่าวใต้ข่าวแล้วกันครับ
ป.ล. หลังๆ ผมเริ่มคิดมากว่า "ผมควรเขียนข่าวที่อยากเขียน" หรือ "เขียนข่าวที่สบายๆ ไม่ต้องทำให้เกิดประเด็น (ไม่ว่าจะเป็นจากเนื้อข่าวเองหรือคอมเมนต์ที่จะตามมาของทั้งผูเขียนข่าวและผู้อ่าน)" กันแน่ :'(
ผมว่าข่าวนี้ก็ครบถ้วนได้ใจความดีแล้วนี่ครับ
เอ ผมก็เห็นว่าข่าวนี้ก็ไม่ได้สับสนอะไรนะครับ ตอนแซวก็อยู่ท้ายสุดของข่าวอยู่แล้ว
เรื่องการแซวนี่ผมว่าเป็นข้อดีที่ทำให้เนื้อข่าวมีมิติมากขึ้นนะ ดูอย่างข่าวของ engadget นี่แซวกันแหลก อ่านแล้วเหมือนมีคนคุยด้วย ^^
+7 ก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้วน่ะบรรทัดสุดท้ายคืออะไร ในนี้มีมาตั้งนานแล้วหนิ ผมว่ามีดีแล้วแล้วข่าวนี้ก็แยกแยะชัดเจนไม่ได้บ่นกับบทความเลย
อ้าวเบิ้ลซะงั้น -*-
อินเตอร์เน็ตมันมีตัวตนด้วยเหรอมันถึงทำให้ดูดีได้ ... ไม่เข้าใจเฮีย - -''
แร๊ง!
my blog
ถ้ามีถึง 75,000 แอพ คอยช่วยให้เน็ตดูดีบนไอโฟน ผมก็อุ่นใจนะ
ข่าวนี้เล่นเอาทำให้เข้าใจผิดกันไปหลายคนเลยละ ~
เท่าที่เคยอ่านข่าวที่คุณบัลเมอร์ออกมาพูดนี่ ดูเค้าพูดตรงดีนะ แต่ดูไม่สมเป็น CEO เลย
ผมว่ารูปแบบ internet ไม่มีทางเข้ากันได้กับ mobile มากมายอยุ่แล้ว
การเข้าถึง internet ใน mobile น่าจะเข้าถึงผ่าน application เฉพาะที่ออกแบบหน้าตาให้มีพื้นที่ใช้งานเข้ากับ mobile แต่จะรูปแบบมากกกว่า