BirdAbroad รายงานว่าพวกเขาได้พบกับร้าน Apple Store ปลอมในเมืองคุนหมิง ประเทศจีน โดยร้าน Apple Store แห่งนี้พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนกับร้านแอปเปิลจริง ๆ แม้กระทั่งโลโก้หน้าร้าน การแต่งร้าน ไปจนถึงมุมนั่งเล่นของเด็ก และ Genius Bar
พนักงานในร้านแต่ละคนก็แต่งตัวเหมือนกับพนักงาน Apple Store ของจริง แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือจากการพูดคุยกับพนักงานในร้านแล้ว พบว่าพนักงานหลาย ๆ คนคิดว่าพวกเขาทำงานให้กับแอปเปิลจริง ๆ ในขณะที่เจ้าของร้านเองก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ โดยได้สั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยนอกเครื่องแบบของร้านแบนการถ่ายภาพภายในร้าน
ในเมืองไทยแม้เราจะไม่มีร้าน Apple Store จริง ๆ แต่เราก็มีตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากแอปเปิลเอง หากสังเกตดี ๆ การแต่งร้านตัวแทนจำหน่ายทั้งหลายเหล่านี้จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับแอปเปิลที่สุด แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว (เพราะเขาห้าม)
ดูรูปเพิ่มเติมได้ตามที่มา - 9to5Mac
Comments
เทพจนไม่รู้จะหาคำบรรยาย T T
ขนาด พนง ยังโดนหลอก
ว่าแต่ของในร้านซื้อมาจากที่ไหนมาขายนี่
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ชาบูอย่างแรง 0.o"
ทำไปได้
แวบแรกที่อ่านข่าวนี้นึกว่าร้านปลอมขายของปลอม -__-
แล้วของที่ขายในร้านมันของจริงรึเปล่านี่?
ไม่รู้ว่าประเทศเค้าภูมิใจหรือเปล่านะกับการเป็นประเทศที่ลอกเลียนแบบไปซะหมด -__-"
ข่าวต่อไป แอปเปิลสโตร์ปลอม มีสตีฟจ็อบส์เป็นของตัวเอง
รู้สึกจะมีแ้ล้วนะครับ Steve Jobs ปลอมเนี่ย
แต่ส่วนตัวแล้วดูไม่เหมือนเท่าไหร่
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
งั้นต่อไปหน้าร้านของปลอมก็จะมี "สตีฟเฉย" ตั้งไว้เรียกลูกค้า (หรือไล่)
เหมือน "จ่าเฉย" รึเปล่าครับ
ใช่ครับ ลอกไทยมาอีกที ทำท่ายืนชี้นิ้วด้วยนะ
นึกถึง "ลุงผู้พัน Sanders เฉย"(KFC) กับ "Ronald เฉย"(McDonald's)
เจ้าของร้านยังหลอกตัวเองเลย อย่างงี้จะโดน apple ฟ้องไหมอ่ะ
เจ้าของร้านยังหลอกตัวเองเลย อย่างงี้จะโดน apple ฟ้องไหมอ่ะ
ลองดูกรณี Louis Vuitton แพ้คดีเฉย
www.manager.co.th
ฟ้องสิ ฟ้องสิ หึหึ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ขายซัมซุง
ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่ครับ เพราะตอนไปจีน เจอร้าน nokia ปลอม แบบขายของปลอมทั้งร้าน ปลอมทั้ง shop ทั้ง font ทั้งสี ต่างๆเหมือนเป๊ะ
จีนนี่ .. อะไรของเค้าว้าาาาา เส้นที่แบ่งระหว่างความล้ำและศีลธรรมนี่มันบางมากจนแทบมองไม่เห็น
ผมว่าก็คล้ายๆอินเดียนะ ที่ไหนที่การแข่งขัน ดิ้นรนเอาตัวรอดสูง
คนจะมองปัจจัยความอยู่รอดของตัวเองมาก่อนศีลธรรม,ความภาคภูมิใจ( ตามแนวคิดของตา maslow )
+1 ใช่เลยครับ ผมว่าจะบอกแบบนี้แต่อธิบายไม่เป็น 55
เฮ้ย - -"
หน้าด้านจริง ประเทศนี้ไม่มีปัญญาทำเองเลยหรือไง ก๊อปชาวบ้านจนเศรษฐกิจโลกเสียหายหมด
เออคุณครับอย่าไปว่าประเทศเลยครับมันอยู่ที่คนครับ เพราะอย่างคนประเทศเราเองก็ใช่น้อยที่นิยมของก๊อป
ประเทศเรามีศูนย์ซอฟท์แวร์แห่งชาติ
ประเทศเรามีศูนย์ซอฟท์แวร์แห่งชาติ
แถวประตูน้ำหรือเปล่าครับ
+1ล้านครับ อยู่ที่คนครับ ประเทศเราก็ขายเสื้อผ้าของก๊อปกันเกลื่อน
บ้านเราก็ก๊อปเยอะครับ แต่ยังมีการจับกุมอยู่บ้าง แต่ประเทศจีนนี่มันตำตามาก โจ่งครึ่ม ไม่ต้องเม้ม พอถูกเจ้าของแบรนด์ร้องเรียน รัฐบาลไม่ให้ความสนใจแถมยังให้ท้ายอีกต่างหาก พอโต้เถียงกันมากๆ พี่มังกรขับไล่ซะเลย
อันดับ 1 จีน อันดับ 2 รัสเซีย อันดับ 3 ไทยนะคะ
ซักวันบ้านเราอาจจะเป็นแบบเขาก็ได้ เคยเจอบางครอบครัวคิดว่าการซื้อของก๊อบเป็นเรื่องฉลาด การซื้อของจริงเป็นเรื่องโง่เขลาซะด้วย
บ้านเรามีกฏหมายละเมิดอยู่นะครับ มีการจับกุมเป็นระยะ มีการรณรงค์ให้ใช้ของแท้ มีหน่วยงานทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าของลิขสิทธิ์กับหน่วยงานรัฐ ถ้ามีเจ้าทุกข์แจ้งจับเจ้าหน้าที่กระทำได้เลยและไม่ให้ท้าย (แต่จะดำเนินการต่อหลังจากจับแล้วหรือไม่อีกเรื่อง)
เค้าก็จับนะครับแต่ประเทศเค้าเนี่ยมันใหญ่มากกกก การจัดกุมก็เค้มงวดมากตัวอย่างเช่นนมผงปลอมที่เคยเป็นข่าวเนี่ยเห็นว่าคนในรัฐมีส่วนรู้เห็นถึงขั้นประหารเลยนิครับ บทลงโทษเค้าแรงแต่ที่ยังละเมิดกันอยู่เพราะคนเค้าเยอะมากๆเลยละ
ไปอ่านข่าวนี้ต่อ จีนสั่งปิดร้าน Apple Store ปลอมไปแล้ว 2 ร้าน จะเห็นว่าที่สั่งปิดไม่ใช่จากร้านปลอม
เสียหายยังไงอะ?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ไม่เห็น avatar หรือครับ แหว่งแบบนั้นไง
+1 อะฮิๆๆ
ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยละกัน โนเกีย C35/ไอโฟน แล้วดูว่ามียี่ห้อไหนบ้างที่หน้าตาแบบนี้ แล้วตัดราคาต่ำกว่า เท่าที่รู้ไม่ต่ำกว่า 3 ยี่ห้อ เหมือนกันเด่ะๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของความคิด
เจ้าของความคิดก็ยังขายตลาดหลักของเค้าได้อยู่ครับ (ตลาดผู้มีอันจะกินที่ไม่นิยมของปลอม และผู้บริโภคในประเทศเจริญร่ำรวยแล้วที่กลัวกฎหมายลิขสิทธิ์)
ผมหมายถึง "เศรษฐกิจโลก" เสียหายยังไงน่ะครับ? แอปเปิลเสีย เมกาเสีย แต่จีนได้? โลกไม่ได้มีอยู่ประเทศเดียว
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ช่วยขยายความเป็นความรู้ให้หน่อยครับ
รัฐบาลสนับสนุน ???
ปลอมสินค้าพอว่า ปลอมร้านด้วยนี่เอ่อออออ กราบครับ สุดยอดมาก
I need healing.
ที่ 1 ใน 10 โลกใครจะกล้าฟ้องละ Apple กล้าป่าวๆ
ส้วมเหม็น ของก๊อบ ขันที
อุ๊ย แรว๊งค่ะ -..-
น่ากลัวแหะ
OMFGrrrrrrrrrr = ="
คารวะ 3 กลม
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
คุณพระ!!
ทึ่งในความคิดครับ 5555555
ลองคลิกไปดูเว็บที่มาครับ..
เป็นผมๆ ก็เชื่อว่าร้านจริงครับ มีทั้ง iPad2, iPhone 4, iMac (น่าจะของจริง แต่ร้ายขายปลอม)
+1 ครับ นึกไม่ออกถ้าเดินเข้าไปในร้านแล้วเจอ iPhone 5, iPed, China Macbook
ทำให้นึกถึงประเทศไทยประมาณปี 2530 คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ กระแสทุนถาโถมเข้าใส่ ตอนนี้เขาคงให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจให้เวลาสักแล้วเขาถึงตระหนักถึงความสำคัญกับสังคม เนื่องจากสัจธรรมอยู่ลำดับท้ายๆ
ตราบใดที่คนไม่มีกิน ไม่อิ่มท้อง ตราบนั้นคนจะไม่คิดถึงคุณธรรมความดี เพราะมันไม่ช่วยอะไร
คนตายไปแล้วคุณธรรมอะไรก็ไม่ทำให้ฟื้น
ผมคิดบ่อยครั้ง ว่าจะทำยังไงให้คนคิดถึงคุณธรรมมากขึ้น เท่าที่ฟังมาตอนญี่ปุ่นเกิดโศกนาฏกรรม ทุกคนช่วยเหลือกันดี ไม่ได้แย่งกันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ผมไม่แน่ใจว่าเค้าชิน หรือมีสติ หรือคุณธรรมสูง หรือหมดอาลัยตายอยาก
+1
เมื่อคนเราคิดได้ว่า การช่วยเหลือกัน จะมีทางรอดมากกว่า เขาก็จะช่วยเหลือกันครับ
ครึ่งนึงมันคือความฉลาด และอีกครึ่งนึงการที่ เราเชื่อว่าอีกฝ่ายก็จะฉลาดเหมือนเรา
คล้ายๆทฤษฎีเกมน่ะครับ คนสองคนอยู่ในสถาณการณ์เลวร้าย ถ้าคนนึงฆ่าอีกคนทิ้งก็อาจจะมีทางรอดมากขึ้น ถ้าฆ่ากันเองก็จบกัน แต่ถ้าเตี๊ยมกันมาแล้วว่าจะช่วยกัน ก็จะมีหวังรอดทั้งคู่
การอ้างคุณธรรมมันเป็นเรื่องเลื่อนลอย คนที่เจริญทางจิตใจไม่ใช่เพราะงมงายว่าต้องทำดี แต่เพราะรู้อยู่แล้วว่าการทำดีก็จะได้ดี ตรงนี้สภาพแวดล้อมมีความสำคัญ
ถ้าสภาพแวดล้อมมันเอื้อให้คนรู้สึกว่าทำดีไปก็ไม่ได้ดี มันก็จะกล่อมเกลาให้คนเห็นแก่ตัว
สภาพแวดล้อมของญี่ปุ่น ที่คนไทยชอบคิดว่าสังคมเสื่อม จริงๆแล้วเอื้อให้คนรู้สึกว่าทำดีได้ดี มากกว่าประเทศที่ชอบคิดเองเออเองว่าตัวเองเจริญทางจิตใจ
ประเทศที่ต้องพยายามอ้างคุณธรรมความดี เพราะสภาพสังคมกดหัวให้คนทำดีไม่ได้ดี ก็เลยต้องหาเรื่องมาอ้างว่า ทำดีเถอะนะ ทำดีดีกว่า ไม่งั้นสังคมก็พังอย่างที่เห็น
ที่ญี่ปุ่นมันกลับกันครับ คนที่เกิดมาในสังคมที่พร้อมทุกอย่างมีระเบียบ ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะมีระเบียบไปซะหมด
ต่างกับที่จีน (และไทย) ที่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมที่สบายแค่ไหนก็ยังติดนิสัยเอาเปรียบคนอื่นอยู่เสมอ (ถ้ายั้งคิดได้ก็แล้วไป)
ผมว่าญี่ปุ่นเขาพ้นช่วงฆ่ากันเองที่เป็น clan(กลุ่ม) ต่างๆแล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองก็พยายามรวมการปกครอง(เป็นรัฐชาติ)ด้วยสันติวิธี(มีการปะทะกันบ้าง)เปลี่ยนเป็นการต่อสู้กันเองทางเศรษฐกิจ หลัีงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ร่วมกันทางเศรษฐกิจต่อสู้กับต่างประเทศ
แล้วก็ไทยหลังจากพ้นช่วงฆ่ากันเองรวมอาณาจักรเป็นภูมิภาคต่างๆแล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองก็พยายามรวมการปกครอง(เป็นรัฐชาติ ยอมตัดส่วนที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง)ด้วยสันติวิธี(มีการปะทะกันบ้าง)เปลี่ยนเป็นการต่อสู้กันเองทางการปกครอง ต่างกันตรงที่ หลัีงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สุดก็ร่วมกันทางการปกครองด้วยสันติวิธี(มีการปะทะกันบ้าง) แต่หลังจากนั้นก็ไม่พยายามต่อสู้ทางการปกครองด้วยสันติวิธี(เป็นเรื่องน่าเศร้า แล้วพยายามทำให้มีปัญหาจากที่เคยยอมรับความแตกต่าง เผ่าพันธุ์ ศาสนา กระทั่ง ภูมิภาค ก็ยังจะทำแตกแยก ไม่ทำความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน)
จริงๆไทยก็น่าพ้นช่วงนั้นไปแล้วถ้าดูเหตุการณ์ Tsunami(ทซึนะมิ) แล้วส่วนลึกในใจคนใช้ชอบสันติวิธีมีธรรมในใจช่วยเหลือกัน แต่คงมีอดีตที่ทำให้บางคนถือว่าความรุ่นแรงไม่เสียหายอะไร(ชอบแปรเปลี่ยนอำนาจเป็นอิทธิพล) มีอุปสรรค์ทางการทำให้ทั่วถึง
ส่วนจีนผมว่าข้ามไปก่อนเถอะ ความแข็งกร้าวยังฝังลึกอยู่มาก ใช้การบังคับเป็นหลัก ยังไม่ค่อยได้ฟังคนถูกปกครอง
ต้องบอกว่า "สุดตีนจริงๆ"
ผมเป็น Apple ผมฟ้องไม่ลงจริงๆ ...
สู้เอาข่าวไปแปะ บอร์ด สร้างอารมณ์ขันให้พนักงาน ในที่ทำงานดีกว่า...
ชิ หาย.... แปลว่าเพิ่งโดนหลอก เมื่อวานนี้จริง ๆ ฮาว่าแล้ว.. ทำไมมันมีที่จีน
http://s1.i1.picplzthumbs.com/upload/img/7c/bb/ae/7cbbae412a95ffd389c8b07b90537c47caee2acc_wmeg.jpg
อันนี้ถ่ายกับมือแบบไม่ชัด ไม่ใช่เมื่อวานแต่ตั้งแต่วันอาทิตย์ละ
รู้สึกว่าที่จีนจะมี Apple Store ของจริงอยู่ 4 ที่นะครับ แต่ถ้าที่ไปมาเป็นที่คุนหมิง ก็แสดงว่าไปเจอของปลอมมา
คุณหมิงแหละครับ :)
แปลกใจตรงที่ประเทศเขาก็ค่อนข้างจะต่อต้านโลกเสรีและทุนนิยม .... ในขณะเดียวกันก็พยายามเลียนแบบโลกเสรีในหลายๆ เรื่อง ?
ทุนนิยมแบบควบคุมโดยรัฐ
ไม่ได้ต่อต้านหรอก คอมมิวนิสต์ในจีนมันถูกพิสูจน์ว่าไปไม่รอดตั้งนานแล้ว
มันถูกอ้างเพื่อรวบรวมกำลังสนับสนุนมายึดประเทศเท่านั้น พอใช้งานจริงก็ล้มเหลวหลายๆด้าน
ปัจจุบันเหลือเพียงคณะผู้ปกครองที่ยังเรียกตัวเองว่าพรรคคอมมิวนิสต์
คอมมิวนิสต์เน้นความเสมอภาคกัน(แต่ดูๆถูกบิดเบือนเป็นเครื่องมือล้มราชวงศ์มากกว่า ตอนหลังก็เห็นประชาธิปไตยถูกบิดเบือนเหมือนกัน โดยเฉพาะในไทยเอาแนวคิดเรื่องรัฐ เช่น Republic, Kingdom และอื่นๆมาเจือปน)
ทุึนนิยม(บางทีพ่วงคำว่า เสรี แต่เสรีไม่มีที่ไหนเสรีให้เห็นจริงๆ)ไม่เน้นความเสมอภาคกัน
ก็รู้สึกขัดแย้งเหมือนกัน ดูเหมือนเป็นแบบระบอบรัฐบาลคอมมิวนิสต์เอื้อนายทุน
จีนชอบอ้างว่าตัวเองเป็นคอมมิวนิสท์ จริงๆไม่ใช่แล้วครับ ก็แค่เผด็จการคณาธิปไตยทุนนิยมธรรมดาๆ
ระบอบสมบูรณาญา จะยังไงก็คือเผด็จการรูปแบบหนึ่ง การปฏิวัติให้เป็นประชาธิปไตย จะล้มเจ้าหรือไม่ก็ตามแต่ มันก็คือการล้มระบอบเผด็จการ ให้ประชาชนมีอำนาจเลือกผู้นำ ผู้บริหาร ด้วยตัวเอง
ช่วงแรกจีนพยายามปรับเป็นประชาธิปไตย แต่พวกทหารบ้าอำนาจก็ไม่ยอม ยึดอำนาจแล้วตั้งตัวเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสท์ กลายเป็นระบอบเผด็จการคณาธิปไตยไป ส่วนอุดมการณ์คอมมิวนิสท์ก็พยายามทำได้ซักพัก สุดท้ายก็ไปไม่รอด ต้องมาอ้างว่า แมวสีอะไรจับหนูได้ก็พอ
ส่วนใหญ่แล้วประเทศที่ปฏิวัติเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย แล้วใช้ทุนนิยม มักจะเป็นประชาธิปไตยนานกว่าประเทศประชาธิปไตยคอมมิวนิสท์ คือคอมมิวนิสท์มีช่องโหว่ที่ให้รัฐมีอำนาจเหนือประชาชน รัฐเป็นคนควบคุมการแจกจ่ายทรัพยากร ประชาชนต้องส่งทรัพยากรมาฝากรัฐไว้ก่อน ตรงนี้เพิ่มอัตราคอรัปชั่น
และมันเอื้อระบอบทหารมากกว่า สังเกตได้ว่าทหารนี่เป็นตัวถ่วงประชาธิปไตยประเทศส่วนใหญ่อยู่แล้ว เพราะความคิดแบบทหารมันตรงข้ามกับประชาธิปไตย
ทุนนิยมเสรี จริงๆคำว่าเสรีมันไม่ใช่ว่าทุกคนมีเสรี แต่หมายถึงรัฐจะไม่ใช้อำนาจเข้าแทรกแซง ให้ประชาชนเล่นกันไปตามกติกาทุนนิยมกันเอง คือเสรีที่จะแข่งขัน ไม่ใช่เสรีที่จะทำอะไรก็ได้
ในเศรษฐกิจเสรีนิยม รัฐจะมีส่วนเกี่ยวข้องโดยกำหนดกฏหมายให้เป็นกติกาที่ยุติธรรม การที่รัฐต้องเข้าแทรกแซงส่วนใหญ่เกิดจากการไม่มีวิสัยทัศน์ กำหนดกฏหมายไม่ทันต่อโลก ทำให้มีช่องโหว่ และต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการแทรกแซงไปก่อน
ลองทำความเข้าใจ ภาพนี้ กับ ภาพนี้ ดูนะครับ
ก็งงๆอยู่เหมือนกัน
ปฏิวัติ(Revolution)ให้เป็นประชาธิปไตย (Democracy)ก็มักจะเห็นเริ่มโดยการมีส่วนร่วมของหทาร หรือกองกำลังที่สุดท้ายก็แปรเป็นทหาร หลังปฏิวัติของปกครองโดย คณะฯ หรือพรรคต่างๆแล้วแต่จะเรียก(ด้วยวิธีสันติ หรือสงครามอันนี่ก็แล้วแต่) เท่าที่เห็นระบอบยังเป็นแค่เครื่องมือในการถ่ายโอนอำนาจ จะให้ประชาชนมีส่วนรวมโดยทางไหนก็ใช้ชื่อระบอบตามนั้น(ก็เห็น สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, จีน, ไตหวัน, ไทย, เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา และประเทศอื่นๆ) ส่วนเรื่องรัฐ ประเทศ หรือมลฑล(จะเป็น สมาพันธรัฐ(Confederation), สหพันธรัฐ(Federal Republic), สห(United), สหภาพ(Union), สาธารณะรัฐ(Republic), เขตปกครองพิเศษ(SARs, special administrative regions) และอื่นๆ)อันนี่ก็เป็นอีกเรื่องน่าจะเป็นกิจการภายใน แต่ช่วงหลังมักกลับมาใช้ความแตกต่างด้านเผ่าพันธุ์ หรือเชื้อชาติ และศาสนาเป็นเครื่องมือ เห็นได้ชัดจากประเทศยุโรปตะวันออกจนถึงอาหรับกับเอเชียบางส่วน
คงเกี่ยวกับภูมิหลังของ ทหารว่ามาจากการถูกเกณฑ์บังคับ หรืออาสาเข้ามา ของแต่ละที่ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันด้วย
จริงมีหลายมิติ(Politic, Government, Economy, Religion) เช่น ด้านการปกครอง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านศาสนา ด้านลัทธิ และอื่นๆ ผมยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องกราฟมีแค่ 2 มิติ ซึ่งน้อยไป(มุมมองถูกจำกัด)มักถูกเรียกเป็นพวกนั้นพวกนี้ตามแต่จะเรียก บางครั้งใช้แค่ทิศทาง หรือขั้ว(ซึ่งบางคนไม่เข้าใจ แล้วก็อยากในการทำความเข้าใจเพราะมันไม่ใช่กฎตายตัว) ถ้าย้อนยุคก็มีความแตกต่างทางด้านภาษา(Language), วรรณกรรม(Literature), วัฒนธรรม(Culture) ด้วย
โดยอุดมคติคิดแล้ว มันก็จะมีทหารพวกหนึ่งที่ต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย หวังดี
แล้วกลุ่มการเมืองที่ต้องการปฏิวัติ จะปฏิเสธว่า เพราะอีกฝ่ายเป็นทหาร จึงไม่ควรเข้าร่วม ก็ไม่ใช่ที่ เพราะในระบอบประชาธิปไตย ทหารก็คือประชาชนหนึ่งคน มีสิทธิ์มีเสียง การเป็นทหารคือการทำงานรูปแบบหนึ่ง
และการปฏิวัติ ยังไงๆ ก็ต้องสู้กับทหาร ฝ่ายที่ปฏิวัติ ยังไงๆก็ต้องมีกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นทหาร มีสายบังคับบัญชาเสมอไป บางครั้งเป็นกองโจร บางครั้งไม่มีวินัย มีเพียงแต่ศรัทธาในตัวผู้นำ
และบางครั้งการเข้าร่วมของทหาร ก็แค่หลอกใช้ในการล้มราชวงศ์ แล้วยึดอำนาจซ้อนอีกที อย่างที่เกิดขึ้นในไทยและจีน (เพียงแต่ไทยออกแนวซอฟท์กว่าจีน เพราะไม่ได้มุ่งเน้นคอมมิวนิสท์มากเท่า ความคิดเสรีนิยมทำให้ระบอบทหารรักษาอำนาจได้ไม่นาน)
กราฟมันไม่ได้มีแค่สองมิติหรอกครับ มันยังมีอีกหลายมิติ แต่เราตัดเอามาพิจารณาแค่สองมิติก่อนได้
มันก็เหมือนกราฟทางคณิตศาสตร์น่ะครับ เราไม่เคยต้องสนใจว่ามีแกน Z เราตัดออกมาเฉพาะ X Y ได้ เพราะความจริงแล้วแต่ละมิติมันเป็นอิสระต่อกัน
ถ้าเราเพิ่มมิติ เราก็จะเพิ่ม Property เข้ามาเป็นตัวแปร แต่เนื้อแท้ก็เหมือนกัน
ถ้าเซิร์ชหา Political Graph บางครั้งมันจะไม่ออกมาเป็นมิติ การเมือง/เศรษฐกิจ แต่จะได้อีกกราฟ คือการเมือง/ปีก คืออนุรักษ์จารีต:หัวก้าวหน้า ซึ่งนั่นคืออีกมิตินึง เป็นเอกเทศไปจากเศรษฐกิจ แล้วเราจะมีขั้วเพิ่มขึ้นมาจาก 4 (สองมิติ) เป็น 8 (สามมิติ) แต่เราตัดมาพิจารณาทีละแกนหรือสองแกนได้เสมอ
อย่างที่อเมริกา สองพรรคใหญ่เดโมแครต กับรีพับลิกัน เวลาพิจารณาสองพรรคนี้ ก็ตัดมิติทางการเมืองได้เลย เพราะหลักการเมืองของสองพรรคนี้คือประชาธิปไตยเหมือนกัน ความแตกต่างหลักๆอยู่ตรง Wing และมีความแตกต่างทางเศรษฐศาสตร์เล็กน้อย พรรคนึงต้องการตลาดเสรีมากกว่า อีกพรรคต้องการสวัสดิการมากกว่า
อย่าไปจำกัดเลย ความหลากหลายมันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ถ้าว่ากันจริงๆที่เปลี่ยนไปตอนนี้ก็เพราะเปลี่ยนตามแบบตะวันตก(ด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่)ไม่ได้เกิดจากภายในเอง ถ้าสักวันระบอบประชาธิปไตย(democracy)เสียสมดุล แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์(absolute monarchy) ก็คงต้องเปลี่ยน(จะชื่อเก่าในแบบใหม่ ชื่อใหม่ในแบบเก่า หรืออื่นๆ ก็แล้วแต่)ดูๆไปอาจจะมีระบบที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่านี้หากดูจากแนวโน้มการประท้วงในประเทศต่างๆทั่วโลก
ป.ล. สมัยก่อนอเมริกาก็ไม่ได้มีแค่สองพรรคเพียงแต่ตอนนี้เราดูว่าีมีเสถียรภาพเลยจะเอาตามอย่าง แต่อย่าลืมว่าตอนออกเสียงเลือกตั้งใช้วิธีวัดด้วยเสียงข้างมากก็จริง แต่ก็ต้องพยายามเข้าถึงคนที่อยู่ใต้การปกครองแม้จะเลือกหรือไม่ หากถูกใจหรือไม่ถูกใจจะวัดด้วยคะแนนเสียงที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ส่วนเปลี่ยนแปลงก็ใช่ว่าจะอยู่กับสองพรรคนี้เสมอไป อย่าลืมว่าก็มีประชากรที่ไม่ได้เลือกสองพรรคนี้จากใจจริง แต่ด้วยเหตุผลต่างๆที่มี เลยเป็นเช่นนั้น
สมัยอดีตการปกครองโดยความแตกต่างทางศาสนา ต่างนิกาย ความเชื่อ เป็นแกนถึงปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นบ้างเลย ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ สิทธิสตรี ก็มี แนวคิดก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มีมาเรื่อยๆ
งั้นดูของพี่ไทยกันบ้าง
http://fail.in.th/2011/03/jailbreak-at-istudio/
ไม่เคยเห็น apple ฟ้องจีนสักแอ๊ะ
กล้ามาก