หลังจากการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสตีฟ จ็อบส์ ทางสำนักพิมพ์ Simon & Schuster เจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการของสตีฟ จ็อบส์ ก็ได้ออกมาประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายให้เร็วขึ้น จากเดิมวันที่ 21 พฤศจิกายน เป็นวันที่ 24 ตุลาคมแทน นอกจากนี้ ทางสำนักพิมพ์ยังได้กล่าวอีกว่ายอดสั่งจองหนังสือล่วงหน้าในวันที่ผ่านมาได้พุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งบนอเมซอน และอันดับสามบน Barnes & Noble รวมถึงติดอันดับต้นๆ บน iBooks ด้วย
สำหรับคนที่สนใจวิธีคิดของสตีฟ จ็อบส์ นี่ก็เป็นหนังสืออีกเล่มที่ควรหามาอ่านครับ
ที่มา: Newsday ผ่านทาง The Next Web
Comments
เป็นการดีที่มีหนังสือมาสนอง Demands ได้ไวขึ้น, แต่จะหล่อกว่านี้ ถ้ามีการปันรายได้ส่วนหนึ่ง เข้ามูลนิธิหรืออะไรที่เกียวกับโรคมะเร็งตับอ่อน .. ;(
my blog
ผมว่าไม่เห็นจำเป็นเลยครับ ที่ต้องทำอะไรหล่อๆแบบนี้ แล้วถ้า สตีฟ จอบส์ยังไม่ตายหละต้องบริจาคมั้ย
บริษัทแอปเปิลมีเงินสดเยอะมาก ผมว่าแอปเปิลเองแหละที่น่าจะทำ
ความดี ใครทำก็ดีทั้งนั้น น่าจะช่วยกันทำ มากน้อยไม่ใช่ประเด็น
+1 ช่วยกันทำแม้เพียงเล็กน้อย แต่อย่าทำเลวเพียงสักครั้งโลกก็น่าอยู่ขึ้นแล้ว โลกมันแย่เพราะคนเลว
ครับ ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น, แต่ส่วนที่ต่างคือผลประกอบการของ Apple เป็นกำไรที่ผลดำเนินการมาจากผลิตภันฑ์เทคโนโลยี, ส่วนหนังสือเจาะจงไปที่สตีฟ (จุดขายคือเรื่องราวในตัวบุคคล ไม่ใช่ Functional เหมือนอุปกรณ์ฯ) เชื่อว่าหลายคนต้องการเก็บไว้ เพื่อระเหิดความรู้สึกบางอย่าง อย่างน้อยๆ ก็เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในการไว้อาลัยแด่เขา ..
my blog
ถ้าจะระลึกถึง "Steve Jobs" อาจจะต้องตามแนวทางคือ "ให้กับสังคมด้วยการทำงาน" มากกว่าบริจาคครับ
ถ้าคิดว่าโรคมะเร็งตับนี่มันสำคัญมาก ผมว่าเรียกร้องให้มีการจัดงบประมาณวิจัย (ซึ่งมันจะสะท้อนมาในเงินที่ต้องจ่ายกันในรูปภาษี) น่าจะทำได้
การเรียกร้องให้คนบริจาคเพื่อ "จะหล่อ" ผมว่ามันเป็นเรื่องแย่นะ
lewcpe.com, @wasonliw
+10000
อย่าไปคิดแทนคนอื่น
+1024
เห็นด้วยครับ
+56
เห็นด้วยครับ ..แต่ทำหรือไม่ก็เป็นคงสิทธิของเขาแหละครับ
ถ้าท่านเห็นว่าเรื่องโรคมะเร็งตับอ่อนมันสำคัญท่านก็บริจาคเลยครับ การพูดตำหนิคนอื่นว่าไม่บริจาคเป็นเรื่องไม่สมควรครับ การบริจาคควรมาจากจิตใจที่ต้องการบริจาคของแต่ละคน ไม่ใช่ทำเพื่อเอาหน้าหรืออยากหล่อ
จะมีคนมาแปลเป็นไทยแล้วเอาเข้ามาขายเมืองไทยบ้างมั้ยน๊า
อยากให้มีเวอร์ชั่นภาษาไทยจัง
+1 อยากได้เหมือนกัน
ต้องมีคนแปลอยู่แล้วครับ ไม่ต้องกังวล
ผมคิดว่าเดี๋ยวก็มี แน่นอน ชัวร์
มีแน่ครับ ขนาด Linus Torvalds ไม่ได้ดังเท่า ยังมีเลย
หนังสือแบบนี้น่าหามาอ่านดีจัง
ขอให้เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดในโลก หวังว่าเบ่มนี้จะทำให้คนหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น
พูดไปก็เหมือนไม่ให้เกียรติคนตาย แต่ผมว่าเฮียจ๊อปแกตายได้ Peak มาก สำนักพิมพ์รวยเลยเหมือนโชคเข้าข้าง
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ ทุกอย่างผ่านการวางแผนมาหมดแล้ว (น่าจะโดยจ็อบส์เอง)
ลองหาบทความในนี้ดูครับ จะมีการกล่าวถึง Timeline ก่อนประกาศลงจากตำแหน่ง CEO โดยส่วนนึงที่เห็นได้ชัดว่า สตีฟ จ็อบส์ ยอมให้มีการทำหนังสือชีวประวัติ ทั้งที่ตัวเขาเป็นคนที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวสูงมาก
ผมเชื่อว่าเขาทราบอยู่แล้ว ว่าจะอยู่ได้ไม่เกินปีนี้ เขาถึงรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
Steve jobs เป็นคนไปบอกให้ Isaacson มาเขียนเรื่องของตัวเองครับ ตั้งแต่ปี2004 อาทิตย์ก่อนจะผ่าตัดมะเร็งตับอ่อน
เสียดาย อยู่ไม่ทันแจกลายเซ็น
กะเวลาพลาดไปนิดนึงนะลุง TT
จองมั่งดีกว่า :-)
เมื่อวาน Amazon เปิดเลขเปอร์เซ็นต์ในการจองให้ดูด้วย พุ่งขึ้นถึง 40,000% เลย (แต่ตอนนี้เอาออกละ)
ตอนแรกนึกว่าตาฝาด
อ่านข่าวนี้แล้วคิดถึงหนังสือ The last lecture
Randy Pausch ก็เป็นมะเร็งตับอ่อนเหมือนกัน แต่โชคร้ายที่มีเวลาเหลือน้อยกว่าจ็อบส์ เลยใช้เวลาที่เหลือวางแผนและทำทุกอย่างทิ้งท้ายไว้ก่อนจะตาย
จ็อบส์ก็คงจะทำในแบบเดียวกัน
+1
เป็นหนังสือน่าอ่านอีกเล่มครับ รอเล่มแปลเหมือนกัน แต่ก็อยากได้เวอร์ชั่นต้นฉบับภาษาอังกฤษไว้สะสมเหมือนกัน (บางคนอาจบอกเอาไว้บูชา แต่ก็ยังโอเค)
ผมจะเอาไว้บูชาครับ 555 เพราะคำสอนหลายอย่างแนวคิดของเขา ผมว่ามันสุดยอดมาก jobs เป็นคนดีจริงๆ ถ้าใครตามเขามานะ ผมไม่ใช่สาวก
เจอหนังสืออยู่ใน database ของ Asia Books แล้วนะครับ https://www.asiabooks.com/book_detail_internet.aspx?Title_1=9781451648539&Book_Type=book ราคา 665 บาท ส่งฟรีในไทย
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ผมสั่ง Amazon ไปเมื่อวานซืน หลังจ๊อบส์เสียไปไม่ถึงชั่วโมง แต่ตอนนี้วันเวลา ship ใน order ยังเป็น Nov 23 อยู่เลยครับ
สั่งจอง e-book ใน Amazon ไปแล้วเหมือนกันครับ
ญี่ปุ่นออกเล่มเเปลภาษาญี่ปุ่นวันเดียวกันเลยอ่ะ
ญี่ปุ่นนี่เจ๋งตลอด
สั่งแล้วครับทางหน้าเว็บ Asia Books จะได้มาคู่กับ Inside Steve's Brain อาจจะสั่งบน iBooks ด้วย