แอปเปิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2011 ตามรอบการเงินของบริษัท โดยไตรมาสนี้ทิม คุกเริ่มทำหน้าที่ในฐานะซีอีโอเต็มตัว บริษัทมีรายได้ในไตรมาสนี้ 2.827 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 39% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 6.62 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 54% โดยรายได้ถึง 63% มาจากพื้นที่นอกอเมริกา และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 40.3%
ซีอีโอทิม คุกกล่าวในเอกสารแถลงผลประกอบการว่าตลอดปี 2011 แอปเปิลสามารถสร้างผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวมถึง 1.08 แสนล้านดอลลาร์ และมีกำไรถึง 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนกระแสตอบรับ iPhone 4S ก็น่าทึ่งมาก ซึ่งจะส่งผลดีไปจนถึงยอดขายในช่วงเทศกาลปลายปี และแอปเปิลก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง
เช่นเคยครับ สรุปข้อมูลสถิติที่น่าสนใจและเนื้อหาในช่วงแถลงข่าวและถาม-ตอบของผู้บริหารกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยครั้งนี้ยังคงเป็นทิม คุกที่มาในฐานะซีอีโอคนใหม่ และซีเอฟโอ Peter Oppenheimer ที่มาแถลง
* ทิม คุกกล่าวเปิดด้วยการสดุดีสตีฟ จ็อบส์ โดยบอกว่าจิตวิญญาณของจ็อบส์จะยังคงอยู่กับแอปเปิลและพนักงานตลอดไป
* เงินสดเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้อีก 5.4 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เงินสดและรายการเทียบเท่าตอนนี้สูงถึง 8.16 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว
* Mac ทำสถิติยอดขายใหม่ 4.89 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 26%
* Mac เติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคถึง 61% เฉพาะญี่ปุ่นนั้นสูงถึง 48%
* รายได้จาก iTunes 1.5 พันล้านดอลลาร์
* iPhone ขายได้ 17.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนแต่ต่ำกว่าไตรมาสล่าสุด เติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดเอเชียแปซิฟิค
* Oppenheimer กล่าวว่าสาเหตุที่ iPhone ยอดขายลดลงเนื่องจากข่าวลือของสินค้ารุ่นถัดไปทำให้คนชะลอการซื้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่แอปเปิลคาดไว้แล้ว
* คุกเสริมว่า นักวิเคราะห์ก็คงประเมินได้ว่าถ้าไม่มีข่าวลือออกมามากมาย ยอดขาย iPhone ไตรมาสนี้ก็น่าจะสูงกว่านี้
* ยอดขายในกลุ่มสินค้า iPhone (รวมอุปกรณ์เสริม) อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์
* สามวันแรก iPhone 4S ขายได้ 4 ล้านเครื่อง เป็นการออกตัวที่ดีมาก
* คุกยังมั่นใจว่า iPhone 4S ที่เตรียมไว้ขายนั้นมีมากพอที่จะรองรับความต้องการที่สูงมากเกินกว่าจะคาดเดาได้
* คุกคาดว่าไตรมาสหน้า iPhone จะทำสถิติยอดขายสูงสุดใหม่
* คุกกล่าวว่าเป้าหมายปัจจุบันของ iPhone คือเข้าไปกินส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์มือถือไม่ใช่แค่ตลาดสมาร์ทโฟน
* การขาย 3GS ฟรีแบบติดสัญญา เป็นการทำให้ iPhone เข้าถึงได้ทุกตลาดมากขึ้น
* iPod ขายได้ 6.62 ล้านเครื่อง โดยกว่าครึ่งเป็น iPod Touch
* iBook มียอดดาวน์โหลด 180 ล้านครั้งแล้ว
* iPad ขายได้ 11.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากปีก่อนที่ขายได้ 4.2 ล้านเครื่อง
* iPad มียอดขายในไตรมาสนี้ 6.9 พันล้านดอลลาร์
* iPad ขายได้แล้ว 40 ล้านเครื่อง เป็นเวลา 18 เดือนนับแต่เริ่มวางจำหน่าย
* คุกบอกว่าตลาดแท็บเล็ตมีคนพยายามสู้กับเรามากทั้งขนาด สเปก ราคาที่แตกต่าง แต่ยิ่งคู่แข่งเข้ามาเราก็ยิ่งขายดีขึ้น
* คุกเชื่อว่าตลาดแท็บเล็ตยังไม่อิ่มตัว และสามารถยิ่งใหญ่กว่าตลาดพีซีได้ ซึ่งต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกสักระยะ
* บริษัทใน Fortune 500 ถึง 92% แล้วที่เริ่มใช้ iPad ในองค์กร
* ร้าน Apple Store มี 357 สาขาแล้ว โดยปีหน้ามีแผนจะเปิดอีก 40 สาขา โดย 30 สาขาอยู่นอกอเมริกา
* รายได้รวมในส่วน Apple Store 3.6 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ย 10.7 ล้านดอลลาร์ต่อสาขา
* คุกเผยว่านอกเหนือจากจีนที่เป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่องแล้ว บราซิล รัสเซีย และตะวันออกกลางก็เป็นตลาดที่เติบโตไม่แพ้กัน
* คุกตอบคำถามเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยว่าสำหรับแอปเปิลแล้ว Mac ได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุดแต่ยังไม่สามารถประเมินระดับปัญหาได้ ทั้งนี้หลักใหญ่มาจากปัญหาอุปทานฮาร์ดดิสก์ ซึ่งก็กระทบทั้งอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่แอปเปิล ขณะที่ชิ้นส่วนอย่าง NAND, DRAM หรือ LCD นั้นยังปกติดี
* คุกยังเสริมว่าปัญหานั้นยังไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับความห่วงใยของเราที่มีต่อผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน สูญเสียบ้าน ตลอดจนชีวิต
* นักวิเคราะห์คนหนึ่งเสนอว่าถ้าบริษัทไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรให้เกิดนวัตกรรมใหม่อีกก็น่าจะซื้อหุ้นคืนดีกว่า ซึ่งคุกตอบว่าแอปเปิลรู้ดีว่าควรทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้ ที่ผ่านมาแอปเปิลก็ใช้มันเข้าซื้อกิจการที่มีประโยชน์กับบริษัท ใช้ในการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ซื้อที่ดินสำหรับทำร้าน Apple Store ในทำเลที่ดี และที่สำคัญบริษัทไม่หยุดเรื่องนวัตกรรมแน่นอน
จากผลประกอบการที่ออกมานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าน่าผิดหวัง โดย iPhone เป็นตัววัดหลักซึ่งประเมินกันว่าน่าจะขายได้ใกล้เคียงกับไตรมาสที่แล้ว (20 ล้านเครื่อง) แต่ออกมาน้อยกว่ามาก ซึ่งเหตุผลที่คุกอธิบายว่าคนชะลอการซื้อนั้นก็สมเหตุสมผล แต่ทั้งนี้นี่เป็นไตรมาสที่แปลกไปจากปกติ กล่าวคือที่ผ่านมาแอปเปิลไม่เคยมีผลประกอบการต่ำกว่าที่คาดไว้ ที่น่าสนใจกว่าคือแอปเปิลประเมินยอดขายในไตรมาสหน้าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ซึ่งผิดจากธรรมเนียมของแอปเปิลที่มักคาดยอดขายไตรมาสถัดไปไว้ต่ำๆ แบบอนุรักษ์นิยม
นักวิเคราะห์จาก BCG มองว่าจริงๆ แล้วทั้งหมดมาจากความคาดหวังของนักลงทุนกับแอปเปิลที่สูงมากเกินไป ทุกคนไปหวังเองว่าแอปเปิลจะทำลายสถิติใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดได้เรื่อยๆ อย่างนั้น อีกทั้งบริษัทยังต้องเผชิญความกลัวของนักลงทุนกับอนาคตของบริษัทที่ไม่มีสตีฟ จ็อบส์อีกด้วย
ที่มา: แอปเปิล, Business Insider, Barron's และ Reuters
Comments
คุกยังเสริมว่าปัญหานั้นยังไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับความห่วงใยของเราที่มีต่อผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน สูญเสียบ้าน ตลอดจนชีวิต
。・°°・(>_<)・°°・。
เขาก็ยังกำไรเพิ่ม นักลงทุนนี้ โลภมากจริงๆ
อดเทียบกับข่าวข้างล่างไม่ได้จริงๆ
ในระยะเวลา 15 เดือนของ Galaxy S ทั้ง 2 Gen เท่าๆกันยังขายได้น้อยกว่า iPad ถึง 10 ล้านเครื่อง!
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
เอาไปเสนอซิ้อ Dropbox อีกรอบมั้ย คราวนี้อาจใจอ่อนนะ
มี iCloud แล้วจะเอามาทำไมละครับ?
ปล. ผมยัง Backup ผ่าน iCloud ไม่ได้เลย
เผิ่อจะทำ Multi Platform มั่งครับ (คงยาก)
มีพูดถึงประเทศไทยด้วยเฮะ ^ ^
งานพวกนี้มี วีดีโอให้ดูหรือเปล่าครับ ?
ถ่ายทอดทางเสียงครับ (บริษัทส่วนมากก็ทำแบบนี้) สามารถโหลดไฟล์เสียงได้ที่ investor.apple.com ครับ
ความโลภไม่เคยปราณีใคร
ทำธุรกิจ มันต้องแสวงหาผลกำไรนะครับ จะให้พอเพียงหรือ?
โดยปีหน้ามีแผนจะเปิดอีก 40 สาขา โดย 30 สาขาอยู่นอกอเมริกา....จะมีพี่ไทยไหมเนี่ย >_<
มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 40.3%
แสดงว่าขายของแพง?
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)(%)
= ขายสุทธิ - ต้นทุนขาย หรือ SALES - COGS / ขายสุทธิ SALES
= กำไรขั้นต้น หรือ Gross Profit / ขายสุทธิ SALE
น่าจะยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ
Price Strategy สมัยใหม่ไม่ได้ให้คิดจากต้นทุนเท่าไหร่นะครับ ให้คิดว่าจะขายเท่าไหร่ ถูกแพงคนซื้อจะตัดสินเอง
ประเทศไทยเราสำคัญจริงๆ ในฐานะผู้ผลิต Harddisk กระเทือนกันถึง Apple เลยทีเดียว
ก็ WD ของไทยคิดเป็น 60% ของปริมาณ WD ทั้งหมดในโลกอ่ะครับ
http://www.blognone.com/news/27080/
Mkt Share WD ทั้งหมดตอนนี้อยู่ราว 33% (ถ้าผมจำไม่ผิด) ถ้าคูณ 60% เข้าไปอีกก็คือส่วนของ WD ไทยคิดเป็น 20% ของ worldwide shipment เลย
ย้ายฐานการผลิต HDD มาลำพูนให้หมดครับ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
กลัวจะย้ายไปประเทศอื่นเลย
กลัวว่า อย่างอื่นก็จะไปด้วยครับไม่ใช่แค่ hdd
ถ้าย้ายก็คงไม่พ้น จีนล่ะครับ
เห็นว่าจะย้ายไปปีนังนะครับ
หล่อมากมาก "ความห่วงใยของเราที่มีต่อผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน สูญเสียบ้าน ตลอดจนชีวิต"
อันนี้ยังถือว่าต่ำหรอเนี้ย อันนี้ผมไม่รู้จริงๆนะ สำหรับผมมองว่าสูง แต่ถ้าในมุมมองนักวิเคราะห์ไม่รู้ว่าเขามองกันยังไงอ่ะครับ
รายได้เพิ่มขึ้น 39% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 6.62 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 54%
แล้วนักวิเคราะห์คาดไว้ที่เท่าไหร่เหรอครับถึงบอกน่าผิดหวัง
รายไ้ด้กับกำไรแต่ละสำนักมองกระจายครับ แต่แทบทุกสำนักหวังว่า iPhone จะขายได้เกิน 20 ล้านเท่ากับไตรมาสที่แล้ว ซึ่งได้ไม่ถึง (แต่ตัวเลขที่ขายได้เนี่ย ก็เยอะมากๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งนะ)
โอวว แปลและวิเคราะห์ได้ละเอียดมากเลยครับ (y)
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com