Mike Chambers หนึ่งในผู้จัดการฝ่ายสินค้าของ Adobe ได้โพสขึ้นขึ้นเว็บส่วนตัวของเขาเองว่าการที่แอปเปิลปฏิเสธที่จะรองรับ Flash บนอุปกรณ์ iOS ทำให้ Flash บนอุปกรณ์พกพาต้องถึงจุดจบ
โดยในข้อความที่เขาโพสขึ้น เขาบอกว่าปัญหาหลัก ๆ Flash บนมือถือมีอยู่สองเรื่อง คือเรื่อง fragmentation ของตลาดอุปกรณ์พกพา และเรื่องแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง iOS ไม่ยอมให้ Flash รันบนอุปกรณ์ของตัวเองได้ ทำให้ Flash Player สำหรับอุปกรณ์พกพาไม่สามารถมีสถานะเป็นสิ่งที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย (ubiquity) เช่นเดียวกับ Flash Player บนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และไม่ว่าทีมของ Adobe เคยพยายามแค่ไหนก็ตาม Flash Player ก็จะไม่ปรากฏให้เห็นบน iOS ในอนาคตอันใกล้อยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นการได้รับการสนับสนุนอย่างแพร่หลายของ HTML5 ในอุปกรณ์พกพารุ่นใหม่ต่าง ๆ ทำให้การตอกฝาโลง Flash บนอุปกรณ์พกพาเสร็จสิ้น Chambers เองยังได้กล่าวอีกว่าการมีแอพเพื่อรับข้อมูลและเนื้อหาต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้ตลาดมือถือยุ่งยากเข้าไปอีก ทำให้ Adobe ต้องตัดสินใจให้เลิกพัฒนา Flash บนมือถือ
ที่มา - Engadget
Comments
เจ้าตายแว้ว
Technology is so fast!
ศาสดานั่งหัวเราเยาะอยู่บนสวรรค์
ทำไมไม่ไปทำบนมือถือระบบอื่นต่อละมาว่า iOS เฉยเลย
เพราะว่านักพัฒนาสร้าง app บน flash เพราะเค้าต้องการสร้าง app ที่ cross platform ได้ แต่แฟรชไม่สามารถทำงานได้บน ios เพราะฉนั้นทางเลือกที่ดีกว่าคือทำแอบบน html5
บนระบบอื่นเค้าทำแล้วครับ
บนมือถือ ไม่ค่อยใส่ใจอะไร แต่สงสัยถ้าเป็นบน os x จะเป็นอย่างไร ใครจะอยู่ ใครจะไป (แต่แน่นอน adobe ก็ไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าตัวเองเช่นนั้น)
รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
ขี้เกียจแล้วยังไปโทษเขาอีกนะ
I need healing.
+1
แต่ต้องยอมรับว่าของ "เก่าๆ" พัฒนาได้ยากกว่าทำสิ่ง "ใหม่ๆ"
ยกตัวอย่างข่าวเก่าที่ Firefox ทำแบ่งโปรเซสเหมือนโครมแต่ทำได้ลำบากเพราะพัฒนายากกว่าสร้างใหม่
สำหรับคนที่เคยเขียนโปรแกรมคงเข้าใจจุดนี้ดี ถ้า HTML5 ได้รับการพัฒนาแบบโครมมันจะสุดยอดมากอยากให้คนเก่าๆช่วยกันอย่าจมอยู่กับที่ ^^
คนละเรื่องกันนะฮะ วันก่อนเล่นเกมบนเฟสแล้วเข้าsoccersuck บนที่สำนักงานพ่อ เพนเทียม4แม่เจ้า ดูอะไรแทบไม่ได้เลย กระตุกยิกๆๆๆๆๆๆ
คอมที่ทำงานผมก็ P4 แรม 512 MB ครับ ต้องเอา Flash ออกถึงจะเล่นเน็ตไม่กระตุกครับ
เซ็งกับมันจริงๆ
ถูกต้องครับสาเหตุนั้นแหละที่ Flash มันตาย
อย่าว่าแต่บนอุปกรณ์ mobile เลยครับ
ข่าวต่อไป Adobe หยุดพัฒนา Flash Player บน PC แล้ว
เรื่องนี้ผมเข้าข้าง Apple นะ การทำงานของ flash บน mobile มันเป็นอะไรที่แย่จริง ๆ ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน และรูปแบบการใช้งานต่าง ๆ ที่ไม่ได้รองรับกับ mobile เลยครับ
flash มันใช้พลังงานเยอะนี่ครับ ไม่เหมาะกับอุปกรณ์มือถือที่แบตเตอรี่มีจำกัดอยู่แล้ว
แปลกใจ เห็นมีข่าวอยู่เรื่อยๆ ว่า android กำลังมาแรง จำนวน device จะแซง iOS อยู่แล้ว (หรือแซงไปแล้ว?) ทำไมต้องไปง้อ Apple ขนาดนั้น ถ้าทำให้ระบบอื่นๆ ที่เหลือทั้ง android + windows phone ใช้ flash เป็นมาตรฐานได้ แค่ iOS จะแคร์อะไร เนอะ
ผมมองว่ามันเป็นข้ออ้างครับ
SSGS2 ของผมเปิดเว็บ Flash ได้สบาย ไหลลื่น แต่พอไปดู Log จะพบว่า CPU วิ่งเต็มสูบ 1.2Ghz เครื่องจะอุ่นๆ+ซดแบตมหาศาล
ผมว่า Adobe ดูทรงแล้ว ทำยังไงมันก็ไม่ดีไปกว่านี้ เลยล้มโต๊ะดีกว่า !!!
จริง คิดเหมือนกันถ้า Android จำนวน device แซง iOS ไปแล้ว แล้วจะง้อทำไม?
จเดาเอานะครับ จำนวนที่ขายได้เยอะแต่อาจจะรันได้ไม่เยอะก็ได้มั้งครับ เพราะว่าเครื่องมันหลากหลายสเปก บางรุ่นรันแองกรี้เบิดยังกระตุกเลย รุ่นที่รันได้อาจจะเป็นรุ่นท๊อปเท่านั้นที่ลื่นไหลปรื้ดๆ แต่ก็อาจจะสูบแบตมหาศาล จนเค้าคิดว่าเงินที่จะเอา optimize เอาไปลงทุนแบบอื่นในระยะยาวดีกว่า
ใชัพลังงานเยอะจริงครับ
ไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว
=___=
สรุป Apple ผิด ? ว่างั้น ?
เอิ่ม ... ตรรกะแบบนี้ไม่ไหวนะครับ - -
That is the way things are.
คิดว่าสาเหตุที่มันตายเพราะ fragment มากกว่านะ
Apple ก็คงเจตนารมณ์เดิมของมันนั่นแหละ ไปเปลี่ยนไม่ได้หรอก
จริง ถ้าแต่ละ OS ต่างมีตัวเรนเดอร์ของใครของมันเหมือนภาษาเว็บมันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่จะให้ Adobe มาทำทุก OS/distro ก็ม้วยกันพอดี
//นั่งเขียน WPF/Silverlight ต่อดีกว่า ใครจะว่าตายก็ช่าง ยังไงก็ต้องมี Converter ในอนาคตอยู่ดี
ก็ถ้ามันดีตามสเปก มันคงได้อยู่ใน iOS ละมั๊ง
แต่เอาเข้าจริง เพราะมีผู้จัดการแบบนี้แหละ มันถึงได้เจ๊งไง
ผู้จัดการที่ พอโครงการล้ม ก็พร้อมจะโทษว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆ นอกจากบริษัทตัวเอง
เอาความรับผิดชอบของตัวเอง ไปมอบให้คนอื่นควบคุม สมควรตาย
เจ้าตายแล้ว ห้าห้าห้าห้า
แต่ผมชอบ Flash มากๆ เลยนะ ใช้มาตั้งแต่ Flash 4 สมัย Macromedia มันเป็นอะไรที่เท่มากในยุคนั้น
สมัย Macromedia ดีมากๆครับ คิดถึงจริง
{$user} was not an Imposter
แต่การที่เข้าเว็บที่แฟลช แล้วเปิดไม่ได้นี่ มันช้ำใจครับ
ณ ปัจจุบัน ยังไงก็ต้องยอมรับว่า เว็บที่ใช้แฟลช มันยังมีเยอะ และแพร่หลายกว่าเว็บ HTML 5
ช้ำจริงๆครับ
รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
โทษตัวเองดีกว่ามั้ง
แฟลชมันสูบทรัพยากรจริงๆ แต่พออ่าน comment คนอื่นแล้วรู้สึกนิดๆ ว่า iOS นี่แตะไม่ได้เลย
น่ากลัว ^^'
ถ้ามัน "ดีจริง" "ติดตลาด" "จำเป็น" apple คงเอาใส่ไว้ในอุปกรณ์ที่ขายแล้วล่ะครับ
ง่ายๆ
ถ้ามันขายได้ มันก็ขายได้ครับ
twitter.com/djnoly
อันนี้ผมมองต่างนะครับ ผมมองว่า Flash "ดี" แต่อาจไม่ "ดีพอ" ในสายตา Apple
ซึ่งผมก็มองไปอีกว่า "มีแล้วไม่ใช่(หรือใช้ไม่ดี)" ดีกว่า "จะใช้แล้วไม่มี" คืออย่างน้อยๆเราก็ยังมีตัวเลือก เพราะบางครั้งเราต้องเข้าเว็บที่มีเมนูเป็น Flash อันนี้ iOS ได้แต่นั่งมองเลย
Flash เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่พิจารณา iOS เข้ามาใช้งาน เพราะบางครั้งผมต้องใช้โทรศัพท์ Access ข้อมูลจากเว็บลูกค้า และลูกค้าหลายๆคนก็ยังใช้ Flash ทำเว็บอยู่ ซึ่งจะให้ผมเสนอหน้าไปบอกเค้าว่าให้เค้าทำเว็บใหม่ ผมก็อาจต้องไปหาลูกค้ารายใหม่แทน
ขอโทษล่วงหน้านะครับ หากทำให้ใครรู้สึกแย่
ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า Apple มักจะทำกับลูกค้าแบบ
ปกป้องเหมือนลูกน้อย แฟลชไม่ดีก็ไม่ให้ลูกค้าไปสัมผัสมัน
อะไรที่ยาก ก็อย่าไปคิดมาก เราเซ็ทเป็นชุดให้หมดแล้ว
Apple จะพูดว่าสิ่งที่ Apple ทำถูกแล้ว และทุกคนก็จะเชื่อตามนั้น
จริงๆไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอุปกรณ์ของ Apple ส่วนใหญ่มักจะบอกว่า User ไม่ต้องคิดมาก
ใช้ๆไปเหอะ ทุกอย่างถูกเลือกมาแล้ว ซึ่บางอย่างผมก็ชอบนะ ยกตัวอย่างถ้าจะแชร์ Wifi ด้วยการทำ Ad-hoc
ของ Mac ง่ายมาก คลิกเดียวเสร็จ หรือการโยนไฟล์งาน Mac แทบไม่ต้องเซ็ท Network อะไรวุ่นวาย
Apple ได้อานิสงของ พลังคนหมู่มาก เพราะจำนวนคนที่ใช้ iphone เยอะจริงๆ
ถ้าวันหนึ่ง Apple จะใช้ iphone มาเป็นตัวหยุด Product อะไรสักอย่าง มันก็ทำได้ไม่อยากสักเท่าไหร่
ใครที่ไม่เคยสงสัย ก็จะเอาเหตุผลของ Apple มาบอกว่าซดพลังงานเครื่อง (ซึ่งก็จริง)
แต่ใครที่สงสัย เค้าก็จะคิดว่า ถ้ามีแฟลช แต่ไม่เคยใช้งาน มันก็ไม่ซดพลังงานหรอกจะบอกให้
แต่พอเวลาต้องการจะใช้มันเนี่ยะ ขอปลุกมห้มันตื่น ยอมเสียพลังงานไปสักนิด กรูจะได้กดลิงค์ หรืออ่านข้อมูลบางอย่างได้บ้าง
ประมาณว่า ฉันเป็น User ก็จริง แต่ฉันเลือกเองได้ ว่าจะใช้ หรือไม่ใช่ Software อะไร
ดังนั้น ผมจึงคิดว่า การซดพลังงานเครื่อง เป็นหตุผลครึ่งเดียว ของ Apple งานนี้ Apple ไม่ได้พูดโกหก
เพียงแต่พูดความจริงครึ่งเดียวเท่านั้น
แล้วผมจึงสงสัยอีกครึ่งที่เหลือคืออะไร
แต่ทำยังไงผมก็สลัดความคิดที่ว่า แฟลชมีเกมอยู่บนโลกนี้เป็นล้านๆเกม มีมาเป็นสิบปีแล้ว
ถ้าเปิด iPhone วันแรก
พร้อมแฟลช ก็เท่ากับมีเกมเป็นล้านให้เล่นฟรี
แต่ใน AppStore มีเกมแค่ไม่ถึงพัน T_T
พอ Apple เห็นว่า ทุกคนก็แฮปปี้ ที่ไม่มีแฟลชนินา
ก็เลยกลายเป็นว่า แฟลชถูกกีดกัน ลากยาวมาเป็นปีๆ โดยที่ไม่มีใครสงสัย
โอ๊ะ ขอโทษนะครับ ผมแค่คิดไปเอง อย่าโกรธผมนะ
คุณได้เสียงสนับสนุนจากผมไปแน่ๆ หนึ่งเสียงครับ
และขอบอกด้วยความปราถนาดีว่า เจ้าของคอมเมนต์หลายอันไม่ได้ฉลาดเท่าคุณครับ แล้วจะหายเครียด
โอ้ .... รัก คห. นี้นะ จุ๊บๆๆๆ
WE ARE THE 99%
+1 ตรงประเด็นที่สุด
Apple ก็เก่งนะ ทำให้คนแฮปปี้ที่ไม่ต้องเลือกได้
เป็น คห ที่ลูบหัวสาวกอย่างนุ่มนวลและสอยตรูดสาวกจนจุกเอาตอนท้ายๆ :)
ถ้าเขาทำได้แสดงว่าเขาประสบความสำเร็จใจธุรกิจของเค้า
แต่คนใช้ไอโฟนเยอะนี่ ดูขัดแย้งกันอยู่นา
นี่แค่สหราชอาณาจักร -> Android มีส่วนแบ่งตลาด 50% ในสหราชอาณาจักร
นี่สหรัฐ -> สถิติสมาร์ทโฟนสหรัฐ: Android แตะหลัก 40%
ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐ Android แตะหลัก 40% แล้ว
ตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐ แอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาดมากสุด ส่วน Android เป็นระบบปฏิบัติการที่มีส่วนแบ่งตลาดรวมสูงสุด
ขนาดการดาว์นโหลดแอพยังมากกว่าเลย -> Android มียอดดาวน์โหลดแอพแซง iOS แล้ว, ครองส่วนแบ่งตลาด 44%
ยิ่งจำนวนเครื่องด้วยแล้วยิ่งเป็นไปได้ยากที่ iPhone จะนำ
[IDC] ซัมซุงขึ้นเป็นเบอร์ 1 ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนโลก เบียดแอปเปิลเป็นอันดับ 2
ส่วนแบ่งตลาดมือถือโลกล่าสุด - โนเกียยังแชมป์ แอปเปิลหล่นเป็นอันดับ 5
ตัว iOS คงจะแค่น้อยนิดไม่มีผลขนาดนั้นหรอก
Android สถิติมากกว่า แต่ว่าอย่าลืมว่า Android ที่กำลังพูดถึง นั้นรวมหลายยี่ห้อหมดเลย
โดยเฉพาะข่าว Android มีสถิติการส่งซ่อมเยอะกว่า ก็เพราะมันมีหลายเจ้าเหมือนกัน
iphone 18%
Android อีก 50% แบ่งออกเป็น Samsung , HTC , Sony Ericson ,Motorola , Wellcom , LG
ถ้าหารแบบโง่ๆ ก็เจ้าละประมาณ 10% แต่จริงๆมีเจ้าอื่นๆที่ไม่ได้พูดถึงอีก เพราะฉนั้น จำนวนจะน้อยกว่า 10%
แต่จะมีบางเจ้าที่อยุ่ใกล้ 10% เช่นกัน ที่ดังๆก็อย่าง Samsung
การโหลดแอพแซงไปแล้วนี่ เยี่ยมเลยครับ ผลมาจาก เพราะ Android ได้ 50% นี่แหละครับ
จากข่าว สาเหตุที่ซัมซุงขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้ เพราะนับยอดขายเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่ iphone ไม่ได้ออก Product ตัวใหม่
แต่ถ้านับทุกไตรมาส์รวมกัน iphone ก็แซงอยู่ดี
อย่าลืมว่า iphone 4s ออกตอนไตรมาสที่ 4 นะครับ
ส่วน Apple หล่นไปอันดับ 5 ก็ยังเป็นข่าวที่นับเฉพาะไตรมาสที่ 3 เหมือนกัน
แต่ไตรมาส 4 ของ iphone 4s นั้น อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะมีหลายคนผิดหวังที่ไม่ได้เห็น iphone5
ถ้าจำนวน Android โดยรวมมีเยอะ บริษัทที่มีส่วนแบ่งเล็กน้อยก็ไม่ค่อยมีอำนาจเท่าไหร่
คนที่จะมีอำนาจสุดก็คือ Google ที่ผลิต OS แต่ว่า Google ยังต้องสร้างความสัมพันธ์กับ
ผู้ผลิตมือถือให้ดีด้วย ถ้าจะทำคงต้องรวมหัวกันทั้ง Google และบริษะทผู้ผลิตอื่นๆด้วย
แต่ก็ยังโชคดี ที่ยังไม่เห็นการใช้พลังกีดกันเทคโนโลยีอะไร แต่ถ้ามีแล้ว ช่วยอัพเดทผมอีกทีด้วยนะครับ
อ๋อ ดีครับ มองได้ละเอียดลึกซึ้งเป็นช่วงๆ เลย คงจะมองแต่ภาพรวมอย่างเดียวไม่ได้แล้วล่ะ
ขอบคุณที่เตือนสติครับ
ผมไม่ได้บอกว่า ให้มองเป็นช่วง
แต่ผมบอกว่า ข้อมูลของคุณ มันเป็นช่วง 1 ไตรมาสเท่านั้น
ตุณควรมองภาพรวม นั่นก็คือ ผมชี้แนะให้คุณมองที่ 4 ไตรสมาสรวมกันครับ
รวมถึง อย่าเหมารวม Android ทั้งกอง เพราะทั้งกองนั้นมันมีบริษัทเล็กน้อยอยู่
บริษัทเล็กน้อยเหล่านั้น ต่างก็เป็น พวก และเป็นคู่แข่งกันเองในเวลาเดียวกัน
มันต่างจาก Apple ที่ไตรมาส 3 ได้ 18% แต่เป็น 18% ที่เป็นของตัวเอง
ไม่ได้แชร์ร่วมกับใครครับ
ส่วนกรณี Samsung เป็นบริษัทอันดับ 1 ในไตรมาสที่ 3 นะครับ
อย่าลืมว่าไตรมาส 3 ฝั่ง Apple นั้นไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ดังนั้นยอดขาย ก็อยู่ในช่วงขาลง หรือทรงตัว
แต่ Samsung ออกผลิตภัณฑ์ใหม่พอดี ดังนั้น Demand มือถือใหม่อยุ่ในช่วงขาขึ้น สวนทางกับ Apple
จึงไม่แปลกที่ Samsung จะแซงได้ในช่วงนี้
แต่ไตรมาส หรือรวมถึงปีที่ผ่านมา Apple ครองตลาดอยู่ อย่าลืมว่า มือถือซื้อแล้วมีระยะการใช้งานเป็นปีนะครับ
ดังนั้น ถ้าผมนับแค่ iPhone 3Gs , iPhone4 , iPhone4s แล้วก็ยังครองประชาชนมากกว่า Samsung อยู่ดี นั่นคือพลังคนคนหมู่มากครับ
มีพี่คนนึงสอนผมไว้ว่า ของบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด แต่ถ้ามีคนใช้มากพอ มันก็จะมีพลัง
iPhone เพิ่งจะมีส่วนแบ่งตลาดลดลงไม่นานนี้เองครับ และคงใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะลงไปอยู่ในระดับเดียวกับที่ Mac เป็น (ซึ่งผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น)
เห็นด้วยกับคุณทุกอย่างครับ
ผมคิดว่าอีกเหตุผลนึงคือ แฟลชมันไม่ใช่มาตรฐาน และไม่ใช่ Native ที่แอปเปิลสร้างเอง Apple ก็ไม่อยากเอาสิ่งที่ Critical มากๆ ไปผูกกับบริษัทเดียวอย่าง Adobe
http://howdoflash.com/?p=98
ผมแปลไว้ ดีไม่ดี แนะนำด้วยนะครับ
นำมาโพสต์เป็นข่าวด้วยก็ดีครับ บางคนอ่านแต่เวอร์ชันย่อแล้วคิดเองเออเองก็เยอะ
ผมไม่กล้าโพสเป็นข่าว เพราะผมกลัวว่าจะแก้คำผิดไม่ครบครับ 5555
เดี่ยวผมโพสแล้วช่วยตรวจสอบหน่อยนะครับ
ถ้าโพสเป็นข่าวแล้วอย่าลืมโยงมาที่ข่าวนี้ด้วยนะครับ ผมเข้าไปอ่านแล้วมันคนละฟิวกันโดยสิ้นเชิง
แรกๆ ก็ว่าไอโอเอสกันเป็นแถว บางคนบอกว่าไอโอเอสจะไปไม่รอดเพราะไม่สนับสนุนแฟลชที่แพร่หลายมากมายขนาดนี้ ไหนจะมีจำนวน % ผู้ใช้น้อยกว่าโอเอสอื่นรวมกัน บางคนบอกว่าเดี๋ยวก็มีแฮค เดี๋ยวเพิ่มปลั๊กอิน ไปๆ มาๆ แฟลชตายเฉย
ผมมองว่า apple ก็เป็นลูกค้าเจ้าหนึ่งของ adobe ถ้าลูกค้าเห็นว่าสินค้าไม่ดีเค้าก็มีสิทธิ์จะไม่เลือกเพราะเหตุผลของเค้า ถ้าสมมติคุณผลิตสินค้ามาชิ้นนึง แล้วมันขายไม่ออก จะโทษลูกค้าว่าไม่ยอมใช้ มันก็ไม่ถูกนะครับ แล้วคนทำเว็บบนมือถือเค้าก็พยายามหาทางเลือกที่คนส่วนใหญ่เข้ามาใช้งานได้ และ iphone คนใช้จะมากหรือน้อยกว่าค่ายอื่นไม่สำคัญ แต่ก็เป็นลูกค้ากลุ่มที่ใหญ่พอที่คนทำเว็บต้องหันมาสนใจ ถ้าเค้าไม่เลือก flash ก็ทำให้ adobe กระทบเป็นธรรมดา
ส่วนในมุมของผม flash บนมือถือ ผมลองพยายาม jailbreak เพื่อใช้ flash ทั้ง iphone และ ipad เวลาที่มันอ่านมากๆจนเครื่องร้อน มันก็ทำให้ผมกลัวเครื่องเสียได้เหมือนกัน ผมว่าดีแล้วครับที่ apple ไม่เอา flash
ถ้าไม่มียูทูป ผมคงปิด flash ของทุกอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ถาวร
Youtube มี HTML5 นี่ครับ???
นั่นสิครับ คห. บนลองไปเปลี่ยนดู แล้วถอด flash ออกไปเลย ได้ผลอย่างไรบ้าง กระทบการใช้งานมากน้อยแค่ไหน ช่วยมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ ยังไงถ้ามันดีขึ้นมาก ผมจะได้ถอดออกไปด้วย อิอิ :)
WE ARE THE 99%