แอปเปิลรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2012 สิ้นสุดเดือนธันวาคมตามปฏิทินการเงินบริษัท มีรายได้รวม 4.633 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 73% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และเป็นกำไรสุทธิ 1.306 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 131% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นสูงอยู่ที่ 44.7% ปัจจุบันรายได้ของแอปเปิลจากตลาดในต่างประเทศคิดเป็น 58% ของรายได้รวมทั้งหมด
สำหรับยอดขายรายผลิตภัณฑ์ในไตรมาสนี้ iPhone ขายได้ 37.04 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 128%, iPad ขายได้ 15.43 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 111%, Macs 5.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 26% ส่วน iPod อยู่ที่ 15.4 ล้านเครื่อง ลดลง 21%
ซีอีโอทิม คุกกล่าวในเอกสารแถลงผลประกอบการว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นกับผลงานอันเยี่ยมยอดนี้ และสถิติยอดขายใหม่ทั้ง iPhone, iPad และ Mac แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสินค้ากลุ่มแอปเปิล นอกจากนี้เรายังมีผลิตภัณฑ์ใหม่รออยู่อีกในอนาคต"
และเช่นเคยครับ เนื้อหาเพิ่มเติมจากช่วงการแถลงผลประกอบการและตอบคำถามกับนักลงทุนโดยซีอีโอ ทิม คุก และซีเอฟโอ Peter Oppenheimer
* Oppenheimer บอกว่าตัวเลขยอดขายไตรมาสที่ผ่านมาจะสูงกว่าปกติเพราะมี 14 สัปดาห์
* เงินสดยังคงท่วมท้น เพิ่มขึ้นมาเป็น 9.76 หมื่นล้านดอลลาร์ (ไตรมาสที่แล้ว 8.1 หมื่นล้าน)
* Oppenheimer ยังปฏิเสธแผนการจ่ายเงินปันผล บอกว่าทุกอย่างยังอยู่ในการพิจารณาอยู่
* iPod Touch ยังรักษาส่วนแบ่งยอดขายเกินครึ่งของ iPod ที่ขายได้ทั้งหมด
* Mac ยังเติบโตดี โดยเฉพาะ MacBook Pro กับ MacBook Air
* กว่าครึ่งของผู้ซื้อ Mac ไม่เคยใช้ Mac มาก่อน
* iTunes Store มีรายได้ 1.7 พันล้านดอลลาร์ มีเพลงให้เลือก 20 ล้านเพลง เฉพาะวันคริสต์มาสวันเดียวมียอดขายถึง 120 ล้านดอลลาร์
* iPhone 4S ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก ปัจจุบันมีจำหน่ายแล้ว 90 ประเทศ
* คุกบอกว่าการเดิมพันด้วยการสั่งชิ้นส่วนมหาศาลตุนไว้เพื่อผลิต iPhone นั้นเป็นการเดิมพันที่ได้ผล เพราะสุดท้ายความต้องการ iPhone ก็มีมหาศาลเหนือความคาดหมายจริงๆ
* ตัวเลขราคาขายเฉลี่ยของ iPhone เพิ่มขึ้นเป็น 660 ดอลลาร์ เป็นผลจาก iPhone 4S รุ่น 64GB
* Oppenheimer เผยชื่อบริษัทที่ใช้ iPhone ในองค์กรอย่างจริงจังแล้วอย่าง Royal Dutch Shell, Credit Suisse, Kimberly Clark, Nike และ Facebook
* มี iPad มากกว่า 1.5 ล้านเครื่องที่ใช้ในโรงเรียน
* iBooks Author มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 6 แสนครั้งแล้ว
* คุกเชื่อว่าตลาดแท็บเล็ตจะใหญ่กว่าตลาดพีซีในเร็วๆ นี้
* คุกกล่าวว่า iPad มีแอพแล้วว่า 7 หมื่นแอพ ส่วนบรรดาคู่แข่งยังมีแอพอยู่แค่หลักร้อยเท่านั้น ลูกค้าต้องการความหลากหลายมากกว่าแท็บเล็ตที่จำกัดการใช้งาน แถมเน้นให้ใช้เป็น e-reader (พูดถึง Kindle Fire)
* คุกกล่าวว่าปีที่ผ่านมาคงพิสูจนได้แล้วว่ามันเป็นปีของ iPad จริงๆ
* ตัวเลขรวมของอุปกรณ์ iOS ขายได้ 62 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา
* นักพัฒนามีรายได้รวมแล้วกว่า 4 พันล้านดอลลาร์จาก App Store
* ภาพรวมของอุปทานชิ้นส่วนยังเป็นปกติดี ยกเว้นฮาร์ดดิสก์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในไทย โดยแอปเปิลเลือกที่จะจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้มีของ
* ปัญหาฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดยังไม่ส่งผลกับ Mac ในไตรมาสที่ผ่านมา แต่จะส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้แน่
* Apple TV ขายได้ 1.4 ล้านเครื่องแล้ว คุกบอกว่าแอปเปิลยังมองมันเป็นงานอดิเรกอยู่ แต่จะไม่มีทางทิ้งมันแน่นอน เพราะยังสามารถต่อยอดทำอะไรได้มาก
* คุกบอกว่ากระแสตอบรับ iCloud ดีมากๆ สำหรับแอปเปิลแล้วนี่ไม่ใช่สินค้า แต่มันคือกลยุทธ์สำหรับสิบปีข้างหน้า
* บริษัท Anobit ที่เพิ่งซื้อมา จะเข้ามารวมอยู่กับทีมฮาร์ดแวร์ของ Bob Mansfield
* บราซิลคือตลาดเติบโตใหม่ที่แอปเปิลคาดหวังไว้ตอนนี้ต่อจากจีน
* ส่วนประเทศอินเดียนั้นยอดขายเติบโตถึง 3 เท่า แต่เมื่อเทียบกับรายได้แล้วยังน้อยมากๆ
* คุกบอกว่าจากข้อมูลที่เขามีแรงส่งให้คนที่มี iPad ไปซื้อ Mac นั้นยังไม่แรงเท่ากับที่ทำให้คนผละออกจากพีซีที่ใช้ Windows
* iPhone จะเป็นตัวเร่งที่ดีให้คนซื้อสินค้าตระกูลแอปเปิลมากขึ้น ซึ่งแอปเปิลเรียนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ iPod แล้ว
* คุกบอกว่าตัวเลขยอดขาย Android นั้นไม่ชัดเจนจึงบอกยากว่าใครเหนือกว่าใคร และไม่อยากให้มองเรื่องนี้เหมือนการต่อสู้ของ Mac กับ Windows เปรียบเหมือนสนามแข่งม้าที่ไม่ได้มีม้าแค่สองตัว แต่มีม้าหลายตัวก็พยายามช่วงชิงโอกาสเอาชนะ แอปเปิลก็เป็นม้าตัวหนึ่งที่เลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจว่าในสนามจะมีม้าอยู่กี่ตัว เพราะเป้าหมายคือขอให้เป็นที่หนึ่งเท่านั้น
* คุกปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่อง iPhone บนเครือข่าย 4G และเรื่องหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น
แอปเปิลประเมินยอดขายในไตรมาสปัจจุบันที่ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์แบบอนุรักษ์นิยมเช่นเคย โดยให้เหตุผลว่าเพราะไตรมาสที่ผ่านมาคำนวณ 14 สัปดาห์ แต่ไตรมาสนี้จะกลับมาเป็น 13 สัปดาห์ อีกทั้งไตรมาสที่ผ่านมาก็มี iPhone 4S ที่สร้างยอดขายได้รุนแรง สุดท้ายตัวเลขจะออกมาเป็นอย่างไรก็คงได้ทราบกันในอีกสามเดือนครับ
ที่มา: แอปเปิล, The Verge, Barron's และ Business Insider
Comments
ขอบคุณครับ
เข้าใจว่า iOS ขายดี แต่ก็อย่าทิ้ง MAC แล้วกันนนะครับ
สู้ต่อไป apple
เจ๋งสุดๆเลยครับ ยินดีด้วย
เงินสดมีเยอะยิ่งกว่า รัฐบาล USA...
iPhone ตัวถัดไปก็คงขายดีในฐานะได้ชื่อว่างานสุดท้ายของ Job ต่อไป(ต่อให้สุดท้ายมันแย่ก็ตาม) แต่หลังจากนั้นละที่จะได้รู้ว่าคุกมีฝีมือจริงหรือเปล่า?
โต 73% นี่เยอะมากเลยนะเนี่ย
"อ้อ .. แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง" ปีนี้ไม่มีวลีนี้ปิดท้ายเหรอครับ ^^' #Jobs Style
my blog
กลับกัน ผมคิดว่า i ได้เข้าถึงคนทั่วไปที่ไม่ใช่สาวกเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต่อให้ไม่มี SJ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่เหลือมันขึ้นอยู่กับแนวทางการพัฒนาในอนาคตของ i เองมากกว่า
คนเราถ้าเจออะไรซ้ำซากก็เบื่อกันได้ครับ เดียวนี้ผมไปทางไหนก็เห็นแต่ iPhone ยังรู้สึกว่ามันซ้ำซากเลยครับ
อันนี้คงเป็นเหตุผลเดียวกับผมที่เห็นคนใช้ แต่windowsทั้งซ้ำซากเเละน่าเบื่อ เลยเปลี่ยนมาใช้MAC
ผมไม่เบื่อทั้ง Mac ทั้ง Win ครับ
ผมใช้คอมเพื่อทำงาน
Win ที่ผมพอใช้ทำงานได้ 2xxxx บาท
Mac ที่ Spec เดียวกับ Win ตัวบน 4xxxx บาท
ผมหาเงินจากคอมได้ yyyyyy บาท
สรุปผมใช้ Win ครับ
ทำให้ลอกนึกเล่น ๆ ว่า ถ้าวันนึง มีอะไรซักอย่างเปิดตัวใหม่ในช่วงนั้นพอดี แล้วมันดัน wow โคตรๆ คนแห่กันไปซื้อหมด แล้วของที่แอปเปิลกะขายดันขายไม่ออก แบบนี้ตัวเลขที่กะไว้จะลดลงมามากมั้ย? ถึงขั้นขาดทุนเลยรึเปล่า?
ป.ล. แน่นอนว่าแค่นึกเล่น ๆ จะมีวันนั้นได้คงยากมาก
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เสียหายรุนแรงแน่นอนครับ ซื้อเยอะมาตุนได้ราคาถูกก็เสี่ยงถ้าขายไม่ได้ตามเป้าหมาย แต่ถ้าได้ก็กำไรมโหฬาร นักวิเคราะห์ใช้คำว่า bet นี้ได้ผลหรือไม่ คุกก็ตอบว่า bet นี้มันได้ผลเช่นกัน แต่ก็ใช้วิธีที่ป้องกันความเสี่ยงพอสมควร (ไม่ได้บอกทำอะไร)
อีกประเด็นคือ Apple พยายามใช้โมเมนตัมของสินค้าครับ คนซื้อ iPhone มีแนวโน้มจะซื้อรุ่นถัดไปในสองปี มีแนวโน้มจะซื้อ Mac, iPad ตลอดจนไลน์สินค้าใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ อาศัยพลังส่งต่อแบบนี้แอปเปิลก็สามารถเดินเกมนี้ได้อีกสักพักใหญ่ๆ จนกว่าแรงจะหมดครับ
จนถึงวันที่แรงหมด ผมคาดว่า คงจะมี i ตัวใหม่มาต่ออายุความ Wow ของ Product Apple แน่นอนครับ แต่มันจะรุ่งหรือจะร่วงก็ไม่ทราบได้ เพราะไม่มี Steve คอยคุมแบบละเอียดยิบเหมือนตัวก่อนๆแล้ว
สั่งเยอะ ต้นทุนถูก ก็เล่นสงครามราคาได้ หากมีอะไรเจ๋งๆ โผล่ออกมาชนช่วงนั้น แต่ Apple คงไม่ทำหากไม่จนตรอก
เรื่อง Supply Chain คุกคงเตียมไว้หมดแล้ว ชิ้นส่วนหลายๆ ชิ้นน่าจะนำไปใช้ผลิตอุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วย นอกจาก iPhone
+1 เรื่องโมเมนตัม อีกเจ้านึงที่มีคนพูดถึงในสมัยนั้นคือ Wii แต่ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมของตัวเองได้ก็เสียหลักไปอยู่พักใหญ่ๆเลย
เงินสดเหลือเยอะเกินสภาพคล่องสูงจนน่ากลัว ไม่ยอมเอาเงินไปทำอะไรสักที
เป็นผลประกอบการที่น่ากลัวดีแท้
แท็บเล็ตกำลังจะขายดีกว่า PC, ไอโฟนกำไรมหาศาล, iAd เจ๊งสนิท ไม่ต้องพูดถึง
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ผมว่าผู้ใช้ iPhone บางคนยังไม่รู้จัก สตีฟ จ็อบส์ ด้วยซ้ำครับ
บ้างก็ใช้ตามดารา บ้างก็ตามเพื่อน บ้างก็แค่แฟชั่นดูโก้หรู บ้างก็ซื้อมือถือแบบเก็งราคาทองกะว่าสักวันราคามันคงขึ้นและไม่ตกซื้อง่ายขายคล่อง
(จริง ๆ ผมก็อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ apple กับรู้จักสตีฟ จ็อบส์ ว่ามีกี่เปอร์เซนต์)
แม่ผมไม่ได้ใช้ไอโฟนยังรู้จัก Steve jobs เลยครับ แม่ถามว่า คนทำตายแล้วอีกหน่อยมันคงลดราคาหรือไม่ก็เจ๊ง ถ้าลดราคาแม่เอาเครื่องนึง 555
ผมก็ไม่ได้ใช้ iPhone ครับยังรู้จักเลย อิอิ :)
ชอบอ่า
" แอปเปิลก็เป็นม้าตัวหนึ่งที่เลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจว่าในสนามจะมีม้าอยู่กี่ตัว เพราะเป้าหมายคือขอให้เป็นที่หนึ่งเท่านั้น"
อืมมมม
+1
คงจะจริงแหละที่ยอดขายของเครื่อง Mac เพิ่มขึ้นเป็นจากอิทธิพลของ iphone แต่ลองให้เราสามารถเขียนแอพลง iphone ได้โดยไม่จำเป็นใช้เครื่อง Mac สิยอดขายน่าจะหายไปเยอะ
ซะงั้น
ทิม คุก เหมาะจะเป็น CEO ให้ Apple จริงๆ เพราะแกชื่อ "คุก"
สิ้นสุดการรอคอย
แอปเปิ้ลมองเห็นประเทศไทยในสายตาแล้ว