รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาการบังคับห้ามนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปโรงเรียนหลังจากเกิดเหตุวิวาทเกี่ยวกับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่บ่อยครั้ง ทั้งนี้สำนักงานสถิติของรัฐรายงานว่าในปี 2550 เกิดเหตุทะเลาะวิวาทหรือปัญหาร้ายแรงต่างๆเกี่ยวกับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่เกือบ 6,000 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2549กว่า 1,000 ราย เช่น เมื่อปีที่แล้วนักเรียนชายคนหนึ่งในโกเบฆ่าตัวตายโดยมีสาเหตุจากภาพเปลือยของเขาที่ถ่ายไว้เล่นๆในเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ถูกนำไปเปิดเผยทั่วโรงเรียน
รัฐบาลจัดตั้งกลุ่มศึกษาปัญหาดังกล่าว และให้ข้อเสนอแนะว่าควรประกาศห้ามนักเรียนนำเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปโรงเรียนทั่วประเทศ โดยข้อเสนอจะถูกส่งไปให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาประมาณมกราคม 2552 อย่างไรก็ดีเนื่องจากนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันมีสถานภาพไม่ค่อยดีนักด้านการเมือง จึงไม่แน่ใจว่าข้อเสนอจะได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็วหรือไม่
เมื่อพฤศจิกายน 2551 ผู้ว่าราชการจังหวัดโอซาก้า (หรือโอซะกะ) ประกาศห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่ออยู่ในโรงเรียน แต่การเตรียมประกาศห้ามของรัฐบาลครั้งนี้ จะเป็นการห้ามนำเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งกรณีเดียวกันนี้เกิดขึ้นในนิวยอร์คเช่นกัน ทำให้ต้องขอความร่วมมือให้บรรดาร้านสะดวกซื้อจัดหาที่เก็บรักษาเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เด็กนักเรียนได้ฝากไว้ระหว่างเดินทางไป-กลับโรงเรียน โดยห้ามใช้ในโรงเรียน
ที่มา - cellular-news
Comments
ที่ญี่ปุ่นบาง รร. เค้าห้ามเอา notebook ไปโรงเรียนด้วยล่ะครับ แปลกดี
เอ๊ะ รึไทยก็เป็นเหมือนกันรึปล่าว
โรงเรียนเก่าผมห้ามเอามือถือไปโรงเรียนตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่หรือเปล่า ที่แน่ ๆ ตรวจพบยึดแล้วให้ผู้ปกครองมาเอาออกให้ แต่นักเรียนก็แอบเอาไปอยู่ดี -_-' (ผมก็คนนึง ;P ) ผ่านมาได้ 7-8 ปีแหละ ยังจำได้ ตอนเค้าตรวจ เอา T29 โยนลงถังขยะ หรือไม่ก็เอาไปซุกในหนังสือที่ตัดตามรูปมือถือแล้ววางซ้อน ๆ กัน (ทำกันอยู่ 10 กว่าคน) หนังสือที่ตัดนี่เอาหนังสือ นศท มาตัด มันหนาดี ไม่มีใครสงสัย ฮาๆๆๆ
ส่วน notebook นี่น่าจะเอาไปได้อยู่ แต่ห้ามใช้ในห้องเรียนใช้ได้ระหว่างพักชั่วโมงเรียนเท่านั้น
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
นศท.เอิ้กๆๆ
มันก็ลำบากอยู่นะถ้าจะห้าม บางทีมันก็ต้องใช้เวลาจะโทรให้ที่บ้านมารับ หรือต้องติดต่อผู้ปกครองเวลาสำคัญๆ คิดว่าเป็นนโยบายที่ดี แต่ไม่น่าใช้ได้จริง
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
นั่นสิ ลำบากมากเวลาติดต่อกับผู้ปกครอง น่าจะเหมือนทรงผมนักเรียนนะครับที่ตัดให้เหมือนกันหมด....
นี่ก็ให้ใช้มือถือแบบ basic เหมือนกันหมด โทรเข้ารับสายได้อย่างเดียว
ที่เหลือก็ยึดคืนส่งผู้ปกครอง
เท่าที่อ่านดู เค้าบอกห้ามใช้ในโรงเรียนแค่นั้น โดยเค้าจะจัดที่รับฝากมือถือเอาไว้ (ตามร้านสะดวกซื้อ!!!) เวลาเลิกเรียนก็ค่อยมาเอาคืนไป อะไรทำนองนี้น่ะ
โรงเรียนผมก็ห้ามเอาไป แต่ไม่ใช่เหตุผลนี้ ^^ เหตุผลคือ เพื่อความเท่าเทียมเสมอภาค ถ้าไม่มี ก็ต้องไม่มีเหมือนกัน
แวะมาเยี่่ยม Hi5 ของผม แอดเป็นเพื่อนกันครับ
จะทำอย่างไร คนเรามันก็ไม่เท่าเทียมจริง ๆ ผมล่ะเบื่อการที่โรงเรียนไทยพยายามล้างสมองเด็กว่าทุกคนเท่าเทียม ทั้ง ๆ ที่สังคมมันก็บอก ๆ อยู่ว่าความเท่าเทียมมันไม่มี บอกไม่ให้เด็กแต่งชุดธรรมดาไปโรงเรียนเพราะว่าไม่เท่าเทียม พอเอาเข้าจริง ๆ เสาร์-อาทิตย์เด็กมันก็แต่งตัวกันอยู่ดี โชว์กันได้อยู่ดี ...
เกิดมาสูงก็ไม่เท่ากันแล้ว รวยไม่เท่ากันแล้ว จะเท่าเทียมกันได้อย่างไร
Welcome to the Republican.
@TonsTweetings
สังคมเราบางครั้งก็ไม่ยอมรับความจริงครับ
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ผมก็เคยไม่พอใจกับชุกนักศึกษา ทำไมต้องบังคับให้ใส่ด้วย,ประเทศอื่นๆก็ไม่เห็นบังคับยูนิฟอร์ม
แต่ลองคิดถึงคนจนคนไม่มี ถ้าให้ชุดอะไรไปเรียนก็ได้ เกิดการแต่งตัวแข่งกันสุดๆ
ลูกคนรวยขับรถเก๋ง เสื้อจิโอดาโน่ ใส่ลีวาย์ ถือหลุย์ ใช้ไอโฟน ลูกคนจนก็แทบไม่มีที่จะให้ยืนเลย มีการแบ่งชนชั้นเข้าไปใหญ่
มันต่างจากสังคมจริงๆ,ที่เราเลือกที่จะอยู่ได้ แต่ในห้องเรียนยังไงมันก็ต้องอยู่ด้วยกันนี่
ส่วนเรื่องห้ามใช้มือถือในโรงเรียนมัธยมนี่..ผมเห็นด้วยส่วนหนึ่งใช้โทรไร้สาระกันซะมากกว่า
แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องที่ห้าม notebook, ควรมอง notebook เป็นอุปกรณ์การศึกษามากกว่า
+1 ครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ขอท้วงหน่อยนะครับ
ผมว่าให้คนเราหัดเรียนรู้ความแตกต่างตั้งแต่เด็กไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ?
จริงๆถึงเป็นชุดนักเรียนเหมือนกัน ก็รู้อยู่ดีว่าใครรวยกว่ากัน
เพราะคนรวยเขาก็มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆลูก ส่วนคนจนก็รับของเก่าจากลูกคนโตไปใช้(โชคดีผมเป็นลูกคนโต :P)
มันก็เห็นชัดๆว่าเก่ากว่า ของใช้ลูกคนรวยมันก็ใหม่กว่าเห็นๆ
ไม่เห็นต่างกันตรงไหน
ส่วนที่คุณว่ามือถือไปโทรไร้สาระ แต่ notebook ก็เอาไปเล่นแชทไร้สาระได้พอกันแหละ :P
ปล. โทรคุยไร้สาระกับเพื่อนนี่ โคตรเป็นสาระของวัยรุ่นเลยนะครับ ก็วัยรุ่นจะมีอะไรสำคัญไปกว่าสามารถเข้าสังคมเพื่อนๆ ได้ละ ?
ความแตกต่างของชนชั้นไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ แค่ปัจจุบันนี้ก็ทราบซึ้งแล้วล่ะครับ
ชุดนักเรียน/ชุดนักศึกษา ถึงยังไงก็ไม่ต่างกันมาก, ลูกคนรวยเองก็ไม่ได้ซื้อใหม่ทุกเทอมทุกคน
มือถือไม่ได้ไร้สาระไปซะหมด แต่ส่วนมากเด็กๆมัธยมใช้ไร้สาระ จริงมั้ยครับ
เรื่องนี้ให้แต่ละโรงเรียนพิจารณากันไป ผมไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ค้านมากมาย
ส่วน Notebook มันใช้ได้ทุกด้านเท่าๆกัน
"ชุดนักเรียน/ชุดนักศึกษา ถึงยังไงก็ไม่ต่างกันมาก"
ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องจ่ายครับ และความสามารถในการจ่ายนั่นแหละคือความแตกต่างของคนจนกับคนรวย
อย่าลืมว่า รัฐบาลเราบอกว่าเรียนฟรี แต่ค่าชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษาจ่ายเองนะจ๊ะ แล้วก็ไม่ชุดนักเรียนงอกออกมาจากต้นกล้วยด้วยนะ หรือมีใครตัดต่อพันธุกรรมต้นกล้วยผลิตชุดนักเรียนได้แล้ว ?
"แต่ส่วนมากเด็กๆมัธยมใช้ไร้สาระ"
ไร้สาระไม่ไร้สาระ ขึ้นอยู่กับใครให้ความสำคัญอะไรครับ อย่างในปล.ผมบอกแหละ อย่าเอาความคิดผู้ใหญ่ไปตัดสินเด็กครับ ประเด็นคือให้เขาใช้มันอย่างรู้จักกาละเทศะ และมีความรับผิดชอบเท่านั้นแหละ
ที่คุณกำลังพูด ไม่ใช่การคิดแบบผู้ใหญ่หรอกหรือครับ
"ให้เขาใช้อย่างรู้จักกาละเทศะ?"...ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราใช้ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะ
"ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องจ่ายครับ" << หมายถึงอะไรครับ?
ผมก็ไม่ได้คิดว่าการห้ามนำมือถือเข้าโรงเรียนจะช่วยอะไรได้มากมายนัก แต่คงพอช่วยได้บ้างแน่นอน
ประเด็นที่สำคัญที่ผมพูดถึงคือเรื่องยูนิฟอร์มมากกว่า ที่ใช้เป็นตัวแบ่งชนชั้นอย่างดี อุปกรณ์อื่นๆรองลงมา
ตอนผมเข้าเรียนมหาลัยผมไม่อยากใส่ยูนิฟอร์มเลย แต่พอมองดูที่เพื่อน...คิดถึงเขา...แล้วก็เข้าใจครับ
ระหว่างใส่ชุดที่มีอยู่ไปเรียนได้ กับต้องซื้อเครื่องแบบเฉพาะไปเรียน อันไหนเกิดค่าใช้จ่ายมากกว่ากันครับ?
ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้มากกว่าครับ
+1
เด็กต่างจังหวัดที่ไม่มีทุนเรียน ได้รับบริจาคเสื้อผ้าจากรุ่นพี่ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายหรือมีก็น้อยมาก..
เคยเห็นเสื้อนักเรียนที่เก่า มีรอยเย็บไปทั้งตัวไหมครับ ถ้าเคยไปค่ายอาสาตามโรงเรียนกันดารจะมีอยู่มากครับ
ปล.อยากไปดูความสุขของกะทิจังแฮะ
ก็นั่นสิครับ ให้ใส่เสื้อผ้าที่ปกติอยู่ที่บ้านก็ใส่ ไม่เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงกว่าเหรอครับ
ปกติเห็นนักศึกษาหญิงใส่กางเกงขาสั้นจู๋อยู่บ้าน ส่วนผู้ชายก็ขาสั้นรองเท้าแตะ
เกิดมายังไม่เคยเห็นชุดอยู่บ้านชุดไหนใส่มาเรียนได้เลย ยกเว้น ธรรมศาสตร์
อุ๊ย...
เดี๋ยวนี้เขาขอความร่วมมือแต่งการสุภาพแล้วนะครับ
(แค่แต่งกายสุภาพนะ)
ลองคิดดูนะครับ สำหรับนักเรียนจน ๆ
1.ไปงานไหว้ครู
2. งานแต่งเพื่อนพ่อ เพื่อนแม่
3. ไปทำงานช่วงปิดเทอม
4. ไปสอบ
5. ไปงานรับปริญญาพี่เพื่อน (เอกชนก็ได้)
6. ไปงานศพที่พึงมีได้
คุยกับคนเยอรมัน คนเยอรมันมีปัญหากับเรื่องเครื่องแบบมากนะครับ โดยเฉพาะเด็กวัยก่อนวัยรุ่นจนถึงวัยรุ่น
(อังกฤษไม่มีปัญหาเพราะมีเครื่องแบบ) พ่อแม่บางคนทำงานขัดส้วมอยู่ในโรงเรียนนั่นแหละ ไม่มีปัญญาซื้อ
เสื้อผ้าแพง ๆ ให้ลูกหรอก สาเหตุที่เยอรมันไม่ใช่เครื่องแบบนักเรียนเพราะยังเข็ดไม่หายกับนาซี
กรณีนักศึกษานั้น ก็น่าจะแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่เนื่องจากบ้านเรานักศึกษา 90% ยังแบมือขอเงินพ่อแม่
จนถึง ปริญญาโท การมีเครื่องแบบนั้นช่วยให้ประหยัดได้มากมาย ในเยอรมัน อังกฤษ 90% ไม่ขอเงินพ่อแม่
แล้วจะใส่อะไรก็เรื่องของเขานะ ขึ้นกับกาละเทสะ ก็เห็นเวลาขึ้นไปนำเสนอผลงาน ไปสัมภาษณ์งาน ก็ไม่มี
ใครลากแตะ เสื้อคอกลม ไปซักคน มีแต่ใส่สูทผูกไทด์ตลอดทั้ง ๆ ที่โคตรแพง อนึ่งคนต่างชาติที่ชอบเอามา
กล่าวอ้างกันนั้น เท่าที่ผ่านมาไม่เคยเห็นใครลากแตะไปเรียนหนังสือเลยครับ จะร้อน(ฤดูร้อนยุโรปร้อนตับแตก)
แค่ไหนก็ใส่รองเท้าหุ้มส้น มีส่วนน้อยที่ใส่รองเท้าแตะแบบหุ้มข้อ ไอ้ลากแตะแบบไทย ๆ ไม่เคยเห็นเลย
ผมเห็นด้วยกับคุณย่อหน้าสุดท้ายครับ
ถ้าเมืองไทยคิดได้อย่างนี้ผมก็ว่าไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแบบแบบปัจจุปันอะไรนี้หรอกครับ
แต่ว่าอย่างที่เห็นค่าใช่จ่ายเรื่องนี้เกินกว่าค่าใช้จ่ายด้านเรียนแน่ๆ ถ้าแต่งชุดแบบอิสระอะไรก็ได้
กับ เรื่องกาลเทศะนี้ล่ะครับที่ใช่มากๆ ใส่ชุดเล่นไปเรียน(มหาวิทยาลัย)ยังมีเลย
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ฝรั่ง ใส่ลำลองจนโตก็คงเบื่อ ตอนทำงานเลยใส่สูทผูกไทท์ตลอด
เหมือนพี่ไทย ใส่ยูนิฟอร์มจนโต ก็เบื่อเหมือนกัน เสื้อยืดรองเท้าแตะ
ฮาา
:)
ใช่ครับ ตอนนี้ผมคิดแบบผู้ใหญ่ ช่วยไม่ได้หยุดโตไม่ได้นี่(แต่บางครั้งก็งี่เง่าแบบเด็กๆแฮะ -_-')แต่
ผมก็ไม่อยากเป็นผู้ใหญ่งี่เง่าที่ว่าเด็กไร้สาระโดยที่ไม่เคยคิดทำความเข้าใจว่าทำไมเด็กมันถึงทำอะไรที่เราว่าไร้สาระ แล้วอย่างที่บอกไป บ่อยครั้งผู้ใหญ่ก็เคยทำอะไรไร้สาระแบบนั้นมาก่อน พอโตก็ลืมไป
แล้วก็มาว่าเด็กโดยไม่ยอมทำความเข้าใจความรู้สึกเด็กเลย หวังดีแต่ไม่ยอมทำความเข้าใจเด็กนี่ ทำเด็กมีปัญหาหลายคนแล้วนะครับ
ตอนเด็กๆผมจำได้ว่า ตอนผู้ใหญ่คุยเรื่องการเมือง นี่ผมรู้สึกว่าคุยไรหว่าไม่เห็นได้เรื่องเลย คุยไปก็ไม่เห็น จะมีไรดีขึ้นเลย :P
“ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องจ่ายครับ” ก็ตามนั้นแหละครับ ไม่มีชุด uniform ก็ไม่ต้องจ่ายค่าชุด uniform
เรื่อง uniform ช่วยลดการแบ่งชนชั้น นี่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ครับ ก็ถึงไม่มี uniform ผมก็รู้อยู่ดีว่าเพื่อนคนไหนรวยกว่าผมจนนกว่าผม เห็นหน้าพ่อมันตอนมารับกลับบ้านก็รู้แล้วนี่ -_-'
แต่ถ้าเป็น เรื่อง security น่าจะมีประโยชน์ จริงๆมากกว่า
เด็กๆเห็นก็อยากได้
เด็กนะครับความคิดไม่ซับซ้อน ให้เห็นความแตกต่าง เมื่อต่างกันมากเกินไป ก็จะเป็นวรรณะมีชนชั้น มีกำแพงขวางอยู่ เหมือน uniform จริงๆแหละครับ ที่ควรจะใช้เหมือนๆกัน
เป็นความคิดส่วนตัว.. ปัญหาลักษณะนี้ต้องให้เหล่านักจิตวิทยาเด็กเป็นคนให้ข้อมูลได้ดีที่สุด
เหมือนกันมากเกินไป ก็ทำให้ขาดความคิดเป็นตัวของตัวเองนะครับ
ไม่ใช่เพราะไม่ต้องคิดตัดสินใจอะไรที่เป็นของคัวเองเหรอครับ ที่ทำให้คนชอบบ่นว่า เด็กสมัยนี้คิดไม่เป็น
เรียกว่ายัดเยียดก็ได้ครับ
ความต่างที่ดี = ดาวเด่น
ความต่างที่แย่ = ปมด้อย
ถ้าเป็นแข่งขันกันเรื่องเรียนก็คงดี แต่แข่งขันหรือแตกต่างกันเรื่อง"วัตถุ"ควรกลับไปคิดซ้ำหลายๆรอบครับ
+1 การแข่งขันเรื่อง'วัตถุ'
ผมว่ามันคนล่ะเรื่องน่ะครับ
เราไม่ได้เรียนสาขาออกแบบเสื้อผ้าซะหน่อย ที่จะต้องมานั่งคิดว่าจะแต่งจะสร้างสรรค์เสื้อวันนี้วันนั้นอย่างไหรดี
สมัยประถม มัธยมเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่าครับ มั่วแต่คิดเรื่องนี้เรื่องเรียนไม่มีเวลาให้แน่ๆ ส่วนความสร้างสรรค์มีตั้งหลายอย่างเช่น เวลาเรียนก็สามารถทำได้ อย่างโรงเรียนเก่าผมนี้ ให้คิดอยู่นั้นแหละทำทุกสัปดาห์ ทุกวิชาๆ หรือจะร่วมกลุ่มกันทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์อะไรก็ได้
เด็กสมัยนี้คิดไม่เป็น เพราะ เดี่ยวนี้ทุกอย่างมันสำเร็จรูปเลยไม่ต้องคิด มีอะไรก็หามาได้แบบง่ายๆ ทำไม่ต้องคิดเอง
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ถ้าเด็กยังไม่สามารถจะคิดได้กับสิ่งที่อยู่บนร่างกายตัวเอง จะให้ไปคิดอะไรครับ?
ชุดนักเรียน ไม่ใช่แค่ชุดที่ใส่ แต่มีกรอบความคิดที่ติดมากับชุดที่ใส่ด้วย ได้ยินออกบ่อยไปไม่ใช่เหรอครับ ที่ใช้ชื่อโรงเรียน ใช้เครื่องแบบ มาบอกว่า จะต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้ เป็นอย่างนู้นอย่างนี้
ถ้าเด็กถึงขนาดว่าใช้เวลาแต่งตัวจนไม่มีเวลาเรียน ก็คงไม่แปลกที่จะบอกว่า การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลย
คือว่า ผมไม่ได้เห็นมันจะต้องมีความคิดที่ต้องสร้างสรรค์หรือใช้ความคิดอะไรมากเลยกับเรื่องแต่งกายไปเรียน ตรงกันข้าม ถ้าปล่อยอิสระอะไรก็ได้ ผมว่าเด็กที่คิดไม่ได้หรือคิดได้แต่ต้องการเข้ากับเพื่อนที่มีอันจะกิน ก็ต้องยอมทำตามกลุ่มเพื่อนที่มี ลองนึกภาพไปสมัยวัยเรียนครับ ขนาดแต่งเครื่องแบบ ยังมิวายคิดเรื่องการแต่งกายเลยว่าจะไปใส่ยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ เราต้องซื้อไอ้นั้นไอ้นี้ หอบฟาง(ของเล่นที่บ่งบอกว่าบ้านตนมีฐาน่ะ)มาเรียนด้วย แต่หนังสือกับไม่พกมาเรียน ดูง่ายๆ ก็ได้ครับ พักเที่ยงเวะไปโรงเรียนที่ไหนซะแห่ง จะเห็นเด็กนักเรียนจับกลุ่มกัน ส่องกระจก ทาแป้งทาปากกันอย่างเห็นได้ชัด(มันก็เป็นสมัยตั้งแต่ผมเรียน ม.ต้นแล้วล่ะที่มี) กับที่ว่าน่าจะเอาเวลานี้ไปทำกิจกรรมที่มันมีความคิดสร้างสรรค์อะไรดีกว่าไม่ครับ ได้ประโยชน์กว่ากันเยอะเลย
สงสัยคุณ chayaninw ตอนเรียนจะเจอฝ่ายปกครองเล่นงานบ่อย เลยมาอธิบายความในใจ
ปล.โปรดอ่านความคิดด้านบนๆก็ดีน่ะครับ หรืออ่านความคิดอีกสาเหตุหนึ่งที่ผม พอเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ ด้านล่าง
ปล.2 ไม่ตอบกลับแล้วครับ เรื่องนี้นานาจิตตัง เดี่ยวจะเบียงเบนหัวข้อไป
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
เครื่องวัดฐานะของนักเรียนรุ่นผม และรุ่นน้อง ๆ ผมเดี่ยวนี้คือผู้ชายต้องพวกเข้มขัดพวก domon หรือพวกแพง ๆ ส่วนสาว ๆ ก็กระเป๋านักเรียนครับ บางโรงเรียนให้ใช้กระเป่านักเรียนแบบถือซึ่งสาว ๆ รวย ๆ หน่อยจะไปซื้อกระเป๋านักเรียน jacob มาใช้กันเพื่อบอกว่าบ้านรวยกันหลายคน -_-' ผู้ชายไม่เท่าไหร่ แต่ผู้หญิงนี่เห็นชัด ๆ เรื่องพวกนี้ไม่รู้จะพูดยังไงครับ คงได้แต่ให้เค้าเรียนรู้ เพราะเค้าไปโรงเรียนเพื่อนเรียนรู้ทั้งวิชาความรู้ การใช้ชีวิต และการยอมรับตัวตนของตัวเอง ไม่ใช่ไปเพื่อหลอกตัวเองน่ะครับ
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
เข็มขัดโดมอน กระเป๋านักเรียน jacob นี่มันยังไม่เลิกฮิตอีกเหรอ น่าให้ ดีเซลทำออกมาขายแข่งมั่งนะนี่
ให้ครบเซ็ท นี่ รุ่นผมต้องมี รองเท้าเช็คโก ผู้หญิงก็คอนเวิร์สสีขาว แถมด้วยเป้ soda อีกใบไว้ใส่หนังสือการ์ตูน -_-' บ้าหอบฟางจริงๆ นึกถึงตอนนี้ขำตัวเองชะมัด
เพื่อนผมสมัยเรียนมัธยม พอมันมีลูกก็บ่นลูกเหมือนกัน ผมก็ย้อนกลับไปว่าสมัยเอ็งก็เคยทำ มันเป็นเรื่องของฮอร์โมนครับ
ชุดนักเรียนบางทีก็มีข้อแตกต่างนะครับ
ชาย > กางเกงสั้นยาวไม่เท่ากัน (อันนี้ไม่เท่าไหร่)
หญิง > กระโปรงบางคนคลุมเข่า (ถึงตาตุ่มก็มี) บางคนเหนือเข่าซะ(บอกตรงๆ ทุเรศเหมือนกันนะ) โดยเฉพาะม.ปลาย (5 กับ 6 นี่ตัวดีเลย)
เอ...รู้สึกว่าจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องนะ...
นอกเรื่องนิดหนึ่ง ผมเชื่อเรื่องการเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน และก็เชื่อว่าการแต่งกายไม่เกี่ยวกับผลการเรียน แต่ผมสนับให้แต่งกายแบบ Uniform เมื่อก่อนผมก็คิดว่า มันอาจจะมาเป็นตัวให้ฐานะเท่าเทียมกัน แต่มันก็ยังมีอยู่ดีและข้อให้เป็นยี่ห้อดังๆ เอามาใส่ขอให้ได้อวดว่าบ้านมี แต่ปัจจุปันผมเดาว่ามันน่าจะมีอีกหนึ่งสาเหตุที่ต้องทำแบบนั้น คือ
---- มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง
+1
ปัญหาอีกอย่างของเด็กคือ ขโมยครับ
เวลาเอาอะไรไป มักมีปัญหาของหาย
Kohsija
ไม่ต่างอะไรกับกรณีที่บ้านเราโทษเกมส์ งี่เง่าพอกัน
ผมว่าต่างกับบ้านเรานะ
ของเขามีตัวเลขข้อมูลว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับโทรศัพธ์มือถือกี่ราย และการที่มีปัญหาเพิ่มขึ้นกว่า 1000 ราย สำหรับผมคิดว่ามีนัยสำคัญมากพอที่จะนำมาพิจารณาออกกฏห้ามนะ
ถ้าในกรณีนี้ ผมว่าเราหนักกว่าเค้าเยอะเลย อิอิ
คลิปตลก
:คงห้ามได้ยาก (ถ้าเอาบังคับที่เมืองไทยเรา)
@watcharate.w
ผมก็เอาไปโรงเรียน โรงเรียนไม่ห้ามด้วย แต่ไม่เคยเอามาโทรไร้สาระเลย
มีแต่
"เห้ย มึงอยู่ชั้นไหน เดี๋ยวกุเอางานไปฝากมึงส่งด้วย กุจะชิ่งกลับบ้านก่อน"
"โหล ชีวะเรียนห้องไหนวะ เออ เดี๋ยวกุไป"
"ฟิสิกส์กุไม่เข้านะ เช็คชื่อให้กุด้วย
แล้วก็ใช้ถ่ายรูปปฏิมากรรมฝาหนังตามโรงเรียนแค่นั้นแหละ
เห็นมั้ยครับ มีประโยชน์จะตาย (ฮา)
ผมว่าน่าจะห้าม iPod มากกว่านะ เพราะผมเคยเอาไปพ่วงหูฟัง 6 อันแล้วแหกปากร้องเพลงกันก่อนอาจารย์เข้าคาบ 555+
DS PSP ด้วย เดี๋ยวนี้เห็นเกลื่อนเหมือนกัน
+0.5 :-)