เมื่ออาทิตย์ก่อนไปดูหนังสตาร์เทรคตามประสาแฟนพันธุ์แท้ ในรื่องสตาร์เทรคเนี่ยมีเครื่องมืออย่างหนึ่งเรียกว่า "คอมมูนิเคเตอร์" เครื่องมือนี้ใช้เชื่อมโยงลูกเรือเข้าหากันตลอด อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้นักประดิษฐ์โทรศัพท์มือถือเป็นอย่างมาก ถ้าว่าเรื่องมือถือแล้วจะเห็นว่าสองปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ตอนนี้เรากำลังเห็นศึกชิงเจ้าโลกแห่งมือถือ คุณว่าใครจะกำชัยชนะครับ
ตอนแรกมือถือเริ่มจากทำหน้าที่เป็นโทรศัพท์กับส่งเอสเอ็มเอส ก่อน จากนั้นก็ติดกล้อง มีการสนับสนุนการส่งข้อมูลความเร็วสูง 3G และการหาตำแหน่งผ่านดาวเทียม จนมือถือบางรุ่นแทบจะเป็นคอมพิวเตอร์ดีๆ นี่เอง
ถ้าแบ่งตลาดมือถือแล้วจะพบว่ามันแบ่งเป็นหลายพวก พวกแรกคือมือถือราคาต่ำ พวกนี้มีการทำงานไม่ซับซ้อนเน้นโทร ส่งเอสเอ็มเอส กล้องถ่ายรูป ราคาก็ราวต่ำกว่าหนึ่งพันบาทจนถึง 6000 บาท ต่อมาเป็นมือถือขั้นกลาง ซึ่งโดยรวมคล้ายกันแต่ทำงานได้มากขึ้น เช่น กล้องดีกว่า มีจอสัมผัส และซิงค์กับนัดหมาย ส่งอีเมลได้ดี สุดท้ายคือมือถือแพง ทำได้หมดทุกอย่าง ดูหนังฟังเพลง มีการหาตำแหน่งและแผนที่ด้วยจีพีเอส มีการเล่นไวไฟได้ 3G ด้วย
เมื่อก่อนโลกมือถือถูกครองโดยโนเกีย ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน ต่อมาพ็อคเก็ตพีซีก้าวเข้ามา แปลงร่างเป็นวินโดวส์โมบาย อีกอันที่น่าสนใจ คือ แบล็คเบอร์รี่ ที่ทำมือถือมีคีย์บอร์ดและใช้งานสื่อสารทางธุรกิจ ราวสามปีก่อนโลกมือถือเลยถูกแบ่งค่อนข้างชัด ถ้าเป็นมือถือเล่น ดูหนังฟังเพลงถ่ายรูป ก็จะเป็นพวกหนึ่งนำโดยโนเกียที่มีระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน มีซัมซุง โซนี่และแอลจี ประปราย ส่วนมือถือแบบธุรกิจก็ต้องวินโดวส์โมบาย และแบล็คเบอร์รี่
การมาถึงของ iPhone จากแอปเปิลเป็นการเขย่าสมดุลนี้อย่างรุนแรง ด้วยเทคโนโลยีมัลติทัชและนวัตกรรมทางยูสเซอร์อินเตอร์เฟส ทำให้ iPhone แตกต่างและได้ใจ ขอแถมว่าหลายคนยังมองไม่ออกว่าทำไม iPhone ถึงได้ใจ เพราะดูเสปคโทรศัพท์แล้วไม่เห็นทำได้มากกว่าเครื่องเอชทีซีหรือโนเกียหลายรุ่น คำตอบคือจุดขายหลักของ iPhone คือการสร้างประสบการณ์โดยรวม (Total Experience) ให้ผู้ใช้ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง นอกจากตัว iPhone แล้วยังมี App Store และ iTunes ประกอบด้วย นอกจากนั้นแอปเปิลยังเสนอนวัตกรรมทางโมเดลธุรกิจที่ประยุกต์โมเดลขายเพลงของ iTunes Store มาขายโปรแกรม ทำให้การซื้อโปรแกรมนั้นง่ายมากๆ และอัตโนมัติ (บ้านเราที่จับเครื่องไปแหกคุก Jail Break แล้วลงเองคงไม่ค่อยเห็นตรงนี้ชัด) เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะว่าฮาร์ดแวร์โทรศัพท์ไม่มีความแตกต่างทางเทคโนโลยีอีกแล้วในรอบสองสามปีที่ผ่านมา เมื่อทางเทคโนโลยีไม่ต่าง เขาต้องไปแข่งกันที่การสร้างประสบการณ์โดยรวม การตลาด ภาพลักษณ์และไลฟ์สไตล์ครับ ลองเทียบดูกับการขายรถยนต์ก็ได้ครับ ต้องมาแข่งกันที่น้องพริตตี้แล้ว
แอปเปิลเห็นการเปลี่ยนแปลงอันนี้ก่อนนานแล้ว จึงออกแบบเครื่องแมค iPod, iPhone ให้เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ และสร้างระบบนิเวศน์รายรอบที่เหนือชั้นรอไว้เลย ข้าน้อยขอคารวะท่าน สตีฟ จ็อบส์ หนึ่งทีตรงนี้ด้วย
อันระบบใดก็ตามเมื่อมีคนเขย่าดุลยภาพด้วยการเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดความวุ่นวายสักพักแล้วจะเข้าสู่ดุลยภาพที่จุดใหม่ครับ เราจึงเห็นอะไรแปลกๆ เช่น ซัมซุงพยายามทำ Omnia มาสู้ โดยปรับเทคโนโลยีมัลติทัชเข้ากับวินโดวส์โมบาย เอชทีซีทำทัชโฟล์วออกมาและพยายามพัฒนาต่อ ทำรุ่นจอโตที่ดูหนังฟังเพลงได้ดีแต่ราคาเหลือหลายออกมา
สุดท้ายผมว่า เราน่าจะเข้าดุลยภาพตรงนี้ครับ ขอทายเล่นๆ
หนึ่ง ตลาดมือถือธุรกิจ วินโดวส์โมบายก็ยังครองกับแบล็คเบอร์รี่ต่อไปอีก เนื่องจากแอปเปิลจะไม่สนใจตรงนี้มากนัก ไม่อยากทำของแพงไปสู้ ประกอบกับการรวมตัวกับซอฟต์แวร์ธุรกิจต่างๆ น่าจะเป็นของถนัดของไมโครซอฟท์
สอง iPhone จะระบาดหนักและจะครองตลาดไปกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ครับ ตลาดกลางของมือถือที่เล่นเน็ต ดูหนังฟังเพลงจะกลายเป็น iPhone หมด
สาม ซิมเบี้ยนและพวกจะถูกไล่ลงตลาดล่าง ครองตลาดคนมีกำลังซื้อไม่มาก วัยรุ่น วัยทองที่ไม่เล่นมาก น่าจะมีการปรับเรื่องกล้องที่ดี การฟังเพลงฟังวิทยุที่ดี และรูปลักษณ์แแบบสินค้าแฟชั่นออกมาและเปลี่ยนบ่อยๆ ในตลาดนี้ ที่จริงไทยเรามีโอกาสครับ สั่งทำมือถือจากจีน เอามาเน้นการออกแบบและการตลาดทั่วโลกได้ เพราจะไม่ค่อยมีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีมากๆในกลุ่มนี้
อ้าว แล้วกูเกิลแอนดรอยด์ไปไหน ต้องตอบว่าผมมองไม่เห็นที่ยืนของแอนดรอยด์เลยครับ นอกจากในตลาดล่างที่มีบริษัทผลิตมือถือเอาไปลงเพื่อจะได้ลดค่าไลเซนส์โอเอส ผมว่าการสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้เป็นเรื่องยาก กินเวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง อันที่จริงมือถือเป็นลีนุกซ์พีดีเอทางโมโตโรล่าเคยทำออกมาแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ผมยังมองจุดแข็งและจุดยืนในตลาดไม่ออก แถมคุยมาหลายปีจนจืดแล้วยังซื้อมาเล่นไม่ได้ซักอันจริงๆ แต่ระดับกูเกิลแล้ว ยังไงก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี ต้องจับตาดู อันนี้ใครมีความเห็นดีๆ ช่วยผมที
แถมท้ายว่าในบ้านเรา รัฐน่าจะเริ่มมาหนุนการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์อย่างถูกกฏหมายบน iPhone ได้แล้วครับ ผมว่าทางเรามีคนพัฒนา casual gaming อยู่มาก น่าจะมาลองจับตลาดนี้ดู ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเขาไปเรียนเรื่องนี้ที่ฮ่องกงมาครับ ทางนั้นเขาเอามาสอนคนตกงานให้มาพัฒนาโปรแกรมบน iPhone ครับ ร้ายจริงๆ
Comments
ผมมองอีกด้านของท่านเลย สามถูกแล้วเพราะซิมเบี้ยนกำลังลงไปตลาดล่างจริงๆ ส่วนตลาดบนตอนนี้วัดอะไรไม่ได้หรอกครับ ระบบปฏิบัติส่วนใหญ่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ถ้าวัดกันที่พันธมิตรในวงการ ผมว่าแอนดรอยด์ได้เปรียบสุดละ เพราะมีตั้งแต่ตลาดบนยันล่างเลย ในขณะที่ไอโฟน การต่อยอดของเฟิร์มแวร์และแอพสโตร์คือหัวใจหลักที่ทำให้ ยังยืนอยู่ได้ในตลาดสมาร์ทโฟน (และหลายฝ่ายคาดกันว่าอาจจะอยู่ไม่ได้นาน ถ้าแอนดรอยด์และ WM7 เริ่มออกมา)
ผมขอยกบางประเด็นมาบ้างลองดูเพิ่มเติมนะครับ
ข้อแรก แอนดรอยด์เป็นแค่ระบบปฎิบัติการ ดังนั้นการทำมาถึงผลิตภัณฑ์ต้องปรุงอีกมาก ความสำเร็จของโทรศัพท์นั้นขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานจากมุมมองของผู้ใช้ซึ่งใส่ลงไปโดยพันธมิตรผู้ผลิตโทรศัพท์ และ ความสำเร็จในการสร้างระบบนิเวศน์สนับสนุน ไม่เชิงว่าจะขึ้นกับความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีโอเอส ซึ่งผมเองยังไม่ชัดว่าแอนดรอยด์มีข้อเด่นกว่าในสายตาผู้ใช้ (ไม่ใช่สายตาของนักพัฒนา)อย่างไร หากใครมีข้อมูลช่วยด้วยครับ อาจไม่ค่อยได้ตามนัก ข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่ง คือ กูเกิลยังไม่เคยทำตลาดในระดับ consumer product มาเลยครับ และจุดนี้เป็นเรื่องใหญ่ของการสู่วงการโทรศัพท์
ข้อสอง พันธมิตรของกูเกิลก็ต้องรอดูเพราะทุกคนที่เสียตลาดให้ไมโครซอฟท์และแอปเปิลคงเข้าด้วยหมดแต่เอาจริงแล้วยังไม่เห็นผลกระทบแรงๆจากพันธมิตรครับ อันที่จริงทางกูเกิลช่วยได้คล้าย อินเทลทำเรื่องรณณรงค์ Intel Inside แต่ยังไม่เห็นแรงดันชัดๆ จากกูเกิลเรื่องดันแบรนด์แอนดรอยด์ออกวงกว้างที่แรงพอ
ข้อสาม ไอโฟนไม่ได้เป็นสมาร์ตโฟนในสายตาผมแต่เป็นผลิตภัณฑ์ Life style ครับ ลองถามดูที่มาบุญครองหรือลองสังเกตุจะพบว่าเขาเอามาถือเพราะเท่ เล่นเกมส์ได้และเข้าเน็ตได้ดี สาวๆถือกันทั้งนั้น ในรอบปีที่ผ่านมา ไอโฟนเป็นผลิตภัณฑ์ที่แรงและยังทำให้ แอปเปิลกำไรได้ดี ไอโฟนคงครองตลาดกว้างกว่าสมาร์ทโฟนแน่ อันที่จริงผมเล่นเกมส์บนไอพอดทัชอยู่ สนุกดี คิดว่าไอโฟนจะกินตลาด Handheld console บางส่วนที่คนเล่นเป็น casual gamer ด้วยซ้ำ ทำให้ตลาดกว้างไปใหญ่
ผมว่าคงรอดูแอนดรอยด์ต่อ รอมาเป็นปีๆแล้วยังไม่มีเครื่องถึงมือให้หาซื้อมาดูได้ในวงกว้างเลย อันนี้ก็เป็นสัญญาณที่น่าสนใจเพราะคุยไว้นานมากแล้วนะครับแต่ของดันไม่ออกตลาด ถ้าเอาจริงดีจริงไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ ต้องถามกลับไปที่การตลาด การบริหารพันธมิตรแล้่วครับ
ถ้าการทำตลาดในไทยน่ะใกล้แล้ว (รู้สึกHTC Maple เข้าเดือนหน้าตามมากับซัมซุง ราคาไม่เกิน2หมื่น) อย่าว่าผมเข้าข้างแอนดรอยด์เลย เพราะขึ้นชื่อว่าระบบปฏิบัติฟรี มันมีข้อได้เปรียบในด้านต้นทุนอย่างมากมาย
ตรงไอโฟนไม่ได้เป็นสมาร์ทโฟน อัันนี้ผมตามหนังสือนะ ส่วนใหญ่ให้เป็นสมาร์ทโฟน แต่ในสายตาผมก็มองว่ามันไม่ใช่ และคุณก็ถูกอีกที่มันเป็นสินค้า Life Style (สินค้าแฟชั่นนั่นเอง ผมก็ใช้อยู่ - -*)
พูดง่ายๆก็ผมไม่เห็นด้วยกับข้อ 1 และ 2 แต่เห็นด้วย(มากๆ)กับข้อ 3 (ในสายตาผมนะ แต่ก็อย่างที่บอก ผมอ่านหนังสือโทรศัพท์ทุกฉบับที่วางแผงนั่นแหละ เค้ามองกันอย่างนั้นจริงๆ)
ยอมรับว่าศึกครั้งแรก apple อาจจะชนะ แต่สงครามนี้ต้องดูยาวๆ ครับ
ผมมองว่า
iPhone ก็ยังคงเป็น iPhone ต่อไป คือ คนที่สนใจก็จะเข้าไปเล่น ส่วนคนที่ไม่สนใจ ยังไงก็ไม่สนใจอยู่ดี อย่างผมก็ไม่เคยคิดที่จะซื้อมาใช้ แม้จะมีกำลังซื้อก็ตาม
แต่ที่ผมมองไว้คือ Android จะขึ้นมาผงาด WM7 จะค่อยๆ ตายไป Symbian จะอยู่หรือไปขึ้นอยู่กับ Nokia ส่วน Linux ตอนนี้เริ่มหายไปแล้ว
เริ่มจาก WM ก่อน หลังจาก OmniaHD เปลี่ยนมาใช้ Symbian แทน WM ผมก็มองไม่เห็นอนาคตของ WM เลยถ้ามาดูกันตอนนี้เหลือ HTC เจ้าเดียวแล้วที่ทำตลาด WM แต่ท่าทีของ HTC ตอนนี้กำลังเอียงไปทาง Android มากกว่าแล้ว ส่วนอีกรุ่นคือ X1 ของ Sony ราคามันแพงเกินไปอ่ะ หลายๆ คนที่เคยคุยด้วยเขาจะพูดว่า "ราคานี้ ไปซื้อ iPhone ดีกว่า" ที่สำคัญ WM7 ลีลา ไม่ออกมาเสียที
ส่วน Symbian ก็อยู่ที่ Nokia ล่ะครับ เพราะเหมือนเป็น "พ่อ" ของ Symbian เลย แต่เท่าที่ดู Nokia เขาขายมือถืออ่ะ ไม่ได้ขาย OS ของมือถือ เพราะฉะนั้น ถ้าหาก Android มาดี น่าจะได้เห็นมือถือ Android จาก Nokia บ้างแหละครับ แล้วเห็นว่าจะเอา Symbian ไปเป็น Opensource ถ้าทำงั้นจริงๆ ก็คงเหมือนๆ Linux ที่มีหลายๆ distribution แล้วโปรแกรมที่จะเอามาใช้งาน ถ้าไม่เขียนมาให้แต่ละ distro ก็ต้อง compile ใหม่ล่ะครับ แล้วอีกหน่อยถ้าแต่ละค่ายต่างพัฒนาไปในแนวทางของตัวเอง กลัวว่าจะเอาโปรแกรมมาใช้งานด้วยกันไม่ได้เหมือนทุกวันนี้อ่ะ
Linux ตอนนี้ Moto ย่ำแย่ล่ะครับ แต่ E6 ของเขาดีจริงๆ ตอนนี้ราคาไม่แพงด้วย แถมมือสอง หาได้ไม่ถึง 3000 เสียก็ทิ้งกันเลย
Android ต้องดูกันอีกยาว เคยจับ G1 แต่ครั้งเดียว ยังคงบอกอะไรไม่ได้ แต่ปีนี้หลายยี่ห้อประกาศจะทำแล้วนี่ปีหน้าคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกเยอะล่ะ
ความเห็นส่วนตัวทั้งหมดนะครับ ไม่มีอะไรอ้างอิงอ่ะ
CMDEVHUB
เขียนเอามันส์ ลองเข้าไปดูความมันส์ได้ครับ
มองเรื่อง android ไว้เหมือนกันเลยครับ คิดว่ามันมีอนาคตแน่ๆ ว่าแต่รอกลาง-ปลายปีนี้ไว้เลย หลายยี่ห้อปล่อยเครื่องลงตลาดเมื่อไหร่เจ้านี่เกิดแน่ ผมเองก็รอ android อยู่ครับ
ส่วน iphone ครั้งนึงผมเองก็ยังเคยมีอารมณ์อยากได้นะ (จะเอาแล้วด้วย) แต่พอมาลองพินิจดีๆ มันไม่เหมาะกับผม (ซึ่งผมคิดว่าหลายคนก็คงไม่ชอบด้วยเหตุผลเดียวกัน) อีกอย่างผมมี ipod nano ใช้อยู่แล้ว
ว่าแต่ WM7 ผมว่ามันน่าจะมีอนาคตที่ดีนะครับ ว่าแต่อย่าลีลาออกช้ามากเดี๋ยวที่ยืนในตลาดจะหายไปเรื่อยๆ
ขอบคุณสำหรับมุมมองที่น่าสนใจครับ
อือม คนซื้อไอโฟนส่วนใหญ่เป็นพวก non technical น่ะครับ ผมเองใช้ HTC เหมือนกันและไม่คิดเปลี่ยน แต่พวกที่ไม่ใช่คนทางเทคนิคมีจำนวนมากกว่าเรามากเลยครับ ไอโฟนตอนนี้ติดที่แพงกว่า Nokia พอควรคนเลยใช้ Nokia มากกว่า
ผมเห็นด้วยอย่างมากที่ว่า "Nokia เขาขายมือถืออ่ะ ไม่ได้ขาย OS ของมือถือ" ถ้าแอนดรอยด์ดูดี NOKIA เป็นอีกค่ายที่น่าจะเอามาใช้ซึ่งจะแข็งแกร่้งมาก แต่ Nokia ยังสร้างระบบนิเวศน์ด้านโปรแกรมประยุกต์ได้ไม่เร็วเท่าและง่ายเท่า
แอปเปิล ที่เงินไหลมาเหมือนสายน้ำ ถ้าดูขนาดประมาณของธุรกิจไอโฟน ใน Fortune เวบเมื่อสองวันก่อน (14 พฤษภาคม 2009 ) มีบทความเรื่อง How Apple profits from the App Store
http://apple20.blogs.fortune.cnn.com/2009/05/14/how-apple-profits-from-the-app-store/
สรุปแล้ว
โตเร็วนะครับ
เจ้าโลก ???
นิกกี้? :P
ปล. คอมเมนท์บนนี่เลขท้ายสวยเชียวนะ
อ่านะ - -* 567 สวยดีๆ
ว่าแต่เปลี่ยนจากเจ้าโลกเป็นผู้นำทางด้านมือถือ จะแจ่มกว่านะ แต่2บทความที่พิมพ์นี่ อ่านเอามันดีจริงๆ ขอนับถือผู้เขียนเลย
69 ของนายขโมยตะหากวุ้ย :P
อ่า ผมพลาดอีกละ ช่วงนี้คิดไม่ลึกเลยแฮะ- -*
ตลาดมือถือธุรกิจนี่จะว่าแอปเปิลไม่สนใจ ก็ไม่น่าจะใช่แล้วนะ
จำได้ว่าตั้งแต่ไอโฟนรุ่นที่สอง แอปเปิลก็เพิ่มความสามารถด้านธุรกิจเข้าไปด้วย iPhone in Enterprise
มีทั้ง Exchange ActiveSync, Push mail, VPN, ฯลฯ
ยังไง ผมว่ายังแพ้พวก WM และ Blackberry นะครับ อีกอย่างมันขึ้นกับความเคยชินของคนด้วยครับ
อ้าว ใครมีข้อคิดเรื่อง Palm Pro บ้างเอ่ย
อือม งานนี้ไม่ เชิงมีใครชนะ ตลาดจะวุ่นพักใหญ่และสมดุลย์ใหม่จะเกิด เราอาจต้องพยายามมองว่าสมดุลย์ใหม่อยู่ที่ไหน
เพื่อให้ประเทสไทยและนักพัฒนาไทยตามไปดักไว้ก่อนครับ
เป็นคนส่วนน้อยรอ Android จีน
ผมก็ยังรออยู่ครับ
ขออะไรก็ได้ที่
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
คนส่วนน้อยด้วยคนครับ
http://tomazzu.exteen.com
จีนบอกไม่ทำ ไม่ตรง concept เพราะ concept ต้อง copy นี่มัน open source ผิด concept หมด (^.^)
ว่าจะไม่อ่านละมันยาว อ่านไปอ่านมา จบอีกละ
เขียนไรเนี้ย ทำเหมือน J.K. Harry เลย ผมไม่ใช้นักอ่านนาาา
ชอบคำนี้จัง สินค้าไลฟ์สไตล์
ในมุมมองของผม ตอนนี้ iPhone พยายามจะพุ่งเข้าไปสู่ตลาดเกมส์มากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดของกลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อสูง แน่นอนว่ากลุ่มนี้ยินดีที่จะเปลี่ยนรุ่นของ iPhone เป็นรุ่น update ตลอดเวลาเพื่อให้ได้เล่นเกมส์ที่เขาอยากเล่นได้เร็วและสมบูรณ์ที่สุด (อ้างอิงจากข่าวเก่าๆ ทำให้เห็นว่า iPhone พยายามเพิ่มตัวประมวลผลให้สูงขึ้นซึ่งเป็นแนวทางของตลาด gamer ชัดๆ) ทีนี้ สิ่งที่สามารถสร้างได้ตามมาคืออะไร? Apple สามารถสร้าง Second Life ขึ้นมาได้บน iPhone ด้วยผ่านการใช้งานในรูปแบบเกมส์ (ยกตัวอย่างเช่น The Sim) โดยใน demo ของ The Sim 3 ที่กำลังจะออก ความสามารถของ iPhone กำลังจะทำให้โลกจริงๆ กับโลกในเกมส์ ขยับใกล้เข้ามามากขึ้น เช่นการซื้อของในชีวิตจริง แล้วสามารถนำไปใส่ลงใน The Sim ได้... เป็นต้น และรูปแบบการนำเสนออื่นๆ ที่สามารถพัฒนาการเรียนรู้ของ user ให้รู้จักกับ func. ต่างๆ ของ iPhone ได้ ผ่านในรูปแบบของเกมส์ และในอนาคตคนจะเริ่มพก iphone ไม่ใช่เพื่อเป็นแค่เครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร แต่จะเป็นสิ่งที่ user อยากพกไว้เพื่อแสดงถึง Life style และ โลกอีกโลกหนึ่งที่พวกเขากำลังจะสร้างขึ้นก็เป็นได้
และอย่าลืมว่าตอนนี้ Apple ได้วางเส้นทางให้กับอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้าของเขาไว้แล้ว นั่นก็คือการเจาะเข้าไปในตลาดการศึกษา ซึ่งหลังจากนี้อีก 4 ปี Apple จะมี Developer และ User ที่มีประสบการณ์ในการใช้ iPhone เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าจากในปัจจุบัน
และตอนนี้การพกมือถือ มากกว่า 1 เครื่องไม่ใช่สิ่งแปลกอีกต่อไป ถึงแม้ว่าตลาดองค์กร จะยังได้ windows mobile แต่ผมก็ยังเห็นหลายๆ คนเลือกที่จะพก iPhone อีกเครื่อง เพื่อความสะดวกในการเข้าชมเว็บไซต์หรือเพื่อความบันเทิงต่างๆ ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน iTune Store Thailand จะมีเพลงของไทยขึ้นไปวางขายบ้าง ถึงเวลานั้นวงการเพลงบ้านเราอาจจะมีหนทางสร้างรายได้มากขึ้น และอาจจะมีงานคุณภาพออกมาให้เราเลือกฟังอีกมากก็เป็นได้ (ลากไปเรื่องเพลงได้ไงเนี่ย)
จากที่กล่าวมาทั้งหมดผมไม่รู้ว่า idea การตลาดทั้งหมดนี้หรืออนาคตอันใกล้มาจาก Steve Jobs เพียงคนเดียวหรือเปล่า ซึ่งด้วยสุขภาพของ Jobs เอง ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเขาจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน จุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของเรื่องนี้ผมเชื่อคงเกิดขึ้นแน่ๆ ถ้า Jobs ต้องหายไปจาก Apple เฉกเช่นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเหล่าสาวกก็คงได้แต่ลุ้นกันว่า มือรองแต่ละฝ่ายของ Steve Jobs จะมี Power และ Innovation มากแค่ไหน ที่จะมาต่อยอดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 4-5 ปีต่อจากนี้ (ผมเชื่อว่า Apple วางแผนการตลาดไว้แล้วอีกอย่างน้อย 2-3 ปีในเรื่องของ iPhone)
iTMS มีเพลงไทยแฝงอยู่หลายเพลงเลยนะครับ แต่ไม่ได้ใช้ภาษาไทย ส่วนใหญ่เป็นของแกรมมี่
ผมคิดว่างานนี้ WM และ RIM ยังคงยืนอยู่ต่อไปหาก ผู้บริโภคตอบรับในวงกว้าง
เพราะ WM 6.5 จะออกมาปลายปีนี้ ส่วน WM 7 ก็คงต้องรอดูปี 2010 แถมผู้ผลิตมากมายก็ได้
ร่วมวงศ์ไพบูลย์กับ ไมโครซอฟท์ ที่จะทำโทรศัพท์มาสนับสนุน Platform นี้ไปเรื่อยๆ
อย่าลืมว่า โมโครซอฟท์มีเงินทุนมากมาย และสามารถทำ app store แบบที่ Apple ทำกับ iPhone ได้
ส่วน iPhone+ iPod Touch ผมมองว่ามันจะเหมือน iPod ที่มีระบบนิเวศน์รายรอบตัวมัน ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งตัว อุปกรณ์เสริม ที่เชื่อว่า คงจะมีมูลค่าไม่ตำ่กว่า 1000 ล้านดอลล่าร์แบบที่ในยุคหนึ่ง iPod เคยทำได้ Apple มีโมเดลของการทำธุรกิจกับนักพัฒนาทั่วทุกมุมโลก ในส่วนของ App Store การสร้างแรงจูงใจให้กับนักพัฒนาเป็นสิ่งจำเป็น เรื่องของตลาดเกมส์ ที่กว้างขวางและลงลึกไปในส่วนของการซื้อ level ถัดไปในเกมส์ หากคุณอยากเล่น่อไป หรือ ตลาดแอปพลิเคชั่นเฉพาะทาง งานนี้คงต้องคอยดูไปเรื่อยๆ เพราะ Apple คงไม่หยุดนิ่งแค่นี้
ถ้าใครเคยดูการนำเสนอ iPhone 3.0 SDK ช่วงเดือนมีนาคม คงจำได้ว่า อนาคต iPhone จะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ และตัวมันจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมอุปกรณ์เหล่านั้น ตัวอย่างเช่นรถยนต์ สามารถจะนำ iPhone ไปใช้เป็นกุญแจเพื่อ start รถ และเป็นตัวบอกเส้นทางคล้ายๆกับ
GARMIN ได้อย่างสบาย หรือจะต่อกับเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดเพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในร่างกายและสามารถส่งต่อไปให้แพทย์เพื่อประเมินการรักษาในอนาคต ฯลฯ
ส่วน Android ก็คงต้องรอดูกันไป ว่าจะมีผู้ผลิตสนับสนุนให้มันเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างได้หรือไม่ลำพัง Google เองคงปล่อยให้พัฒนากันไป แต่หากต่างคนต่างทำ ไม่แข็งแกร่งจริงๆ ระยะยาวก็ไปไม่ได้ ผมเห็นด้วยว่าหาก Nokia เอา Android ไปใช้ก็น่าจะเป็นผลดี แต่ Nokia คงไม่ทิ้ง Symbian ไปแน่นอน เชื่อว่า คงพัฒนาโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ที่เป็น Touchscreen ออกมาเรื่อยๆ แต่จะรวดเร็วและเป็นที่ต้องการของตลาดแค่ไหน ก็คงต้องคอยดู เพราะช่วงหลังผมเห็นว่า Nokia ค่อนข้างช้า และจะโดนคู่แข่งแซงหน้าเสมอๆ
Palm Pre หรือ Web OS เป็นอีกตัวที่น่าจับตามองครับ ว่าจะเข้ามาแข่งโดยตรงกับ iPhone และ RIM เพราะ Pre มีคีย์บอร์ดขนาดเล็กแบบเดียวกับ RIM ทำให้ผู้ใช้สนใจหากไม่ชอบ เทคโนโลยีของ Apple ในการกดปุ่มลงบนหน้าจอ หากผลตอบรับดี Palm ก็ไปต่อได้
แต่ถ้าไม่ดีก็คงลำบาก เพราะลงทุนมหาศาลครับ ทำทั้ง Web OS และเครื่องโทรศัพท์
รอดูวันเปิดขาย 7 มิถุนายนครับ อยากรู้ว่าใน app store ของ Palm จะมี applications & Games กี่ตัว ในวันออกขาย
ทั้งนี้ทุกอย่างน่าจะชัดเจนขึ้นตอนปลายปี เพราะทุกๆผู้ผลิตทุก Platform ได้เอาของลงมาขายในตลาดหมดแล้ว รอดูว่าเศรษฐกิจปลายปี ดีขึ้นหรือไม่ และผู้บริโภคจะซื้ออะไรไปใช้เพราะมันมีเยอะไปหมด
ส่วนตัวคิดว่า iPhone จะยังไปได้ดี และจะมีหลายโมเดลออกมาในอีกปีสองปีข้างหน้า โดยรวมแล้ว iPhone น่าจะคล้าย ๆ ตลาดของ iPod ที่มีหลาย ๆ รุ่นให้เลือก แต่ไม่ได้มีมาก ๆ เหมือน Nokia
WinMo จะรุ่งหรือร่วง ขึ้นกับ WinMo7 เพราะตอนนี้ของที่ Trendy ที่สุดได้เปลี่ยนจากการถือ HTC Touch ไปเป็น iPhone แล้ว ถ้า WinMo7 ออกมาแล้วรัศมีไม่สู้ iPhone จะทำให้ตลาด WinMo หดแคบลงเหลือแต่คนที่ต้องการใช้กับองค์กรเท่านั้น อารมณ์น่าจะคล้าย ๆ Palm ที่พ่ายแพ้ให้ WinMo ในส่วนของมัลติมีเดียและการใช้งานกับองค์กรเมื่อหลายปีก่อน
ส่วน Android น่าจะไปได้กลาง ๆ กับมือถือราคาประหยัดไปจนถึงระดับกลาง ถึงตอนนี้เริ่มมีความรู้สึกว่า Android ไม่ค่อย "Hi-Class" เท่าไหร่ อาจจะเพราะหน้าตาอินเตอร์เฟส และเครื่องที่ยังไม่ออกมาขายในวงกว้างเสียที บวกกับลูกเล่น iPhone ที่สร้างข้อเปรียบเทียบให้กว้างขึ้นไปอีก
Palm Pre ยังลูกผีลูกคน ท่าทางจะดูดีมาก แต่ดู ๆ แล้วไม่รู้จะออกทันกำหนดกลางปีนี้หรือไม่ รวมทั้งข่าวที่จะมีรุ่นราคาประหยัดออกมาสมทบกับเครือข่าย AT&T ก็ยังไม่แน่นอน แต่ถ้า Palm จะรุ่ง คงต้องมาจาก OS ที่ใช้งานได้สมราคาคุย (ส่วนตัวคิดว่าดู Hi-Class กว่าแอนดรอยด์พอสมควร ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับ iPhone เลย) และการมีโมเดลที่หลากหลาย เก็บตลาดที่ยังเหลือมาจาก WinMo, BB, iPhone (ส่วนตัวเชียร์ Palm Pre และเป็นตัวที่อยากได้ที่สุดในตอนนี้)
Symbian น่าจะต้องชนกับ Android ในตลาดแบบเลี่ยงไม่ได้ เพราะตอนนี้ OS ที่ลงในมือถือ ที่ระดับราคากว้างขนาดนี้น่าจะเป็น 2 ตัวนี้แหละที่ยังได้ เพราะที่เหลือราคาจะค่อนข้างสูงกว่า
ส่วน BB จะยังคงขายได้ดีกับตลาดองค์กรอย่างเหนียวแน่น จนกว่า WinMo7 จะออก แล้วตอนนั้นก็มาดูอีกทีว่าเกมจะพลิกไหม
จุดที่น่าเสียวที่สุดของ Palm คือ ecosystem ซึ่งถ้าวัดกันแล้วสายป่านของกูเกิลยาวกว่ามาก
ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของ Palm แย่มากๆ (เพราะ Treo แทบขายไม่ได้) ที่อยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็คือเงินจาก VC (ซึ่งก็เป็นทีมเดียวกับที่ดึง Jon Rubinstein มาทำงานที่ Palm) ดังนั้นผลสำเร็จของ Pre คือเครื่องชี้ชะตาบริษัทว่าจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่
ที่ผมว่ามันเงียบไปเลยคือ Symbian Foundation นี่ล่ะครับ
วิเคราะห์กันได้ดีทุกคนเลยครับ
สำหรับผมแล้ว ยังคงหาคำตอบไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความแน่นอน เรามักจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ
สิ่งที่ผมทำตอนนี้ก็คือ "รอดูยาวๆ"ครับ อิอิ
ถ้าพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีกับ user experience นี่น่าจะตามแอปเปิลลำบากเหมือนกัน แค่ระบบสัมผัสหน้าจอนี่ถ้าลองเล่นกับทุกยี่ฮ้อในตลาดตอนนี้ก็คงจะเห็นว่าต่างกันเยอะมาก
รายอื่นคงตามไอโฟนยากรวมทั้งราคาด้วย 55
แอบเชียร์ Android ครับ
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com