พรรคเพื่อไทยออกมาชี้แจงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ของพรรค 10 ข้อ ระบุว่านโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ได้สร้างเงินสกุลใหม่ แต่เปรียบเทียบว่าเป็น "คูปอง" ที่มีเงื่อนไขการใช้งานโดยระบบบล็อกเชน
ในโพสต์ยังระบุว่าใช้ "ระบบบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยสูงสุด" สูงกว่าระบบที่ใช้ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเป็นระบบอย่างไร
เมื่อวานนี้ในเวที 101 Policy Forum: นโยบายเศรษฐกิจในสนามเลือกตั้ง ของ The101.world นายเผ่าภูมิยังตอบคำถามเรื่องนโยบายนี้ ว่าจะช่วยสร้างการเข้าถึงด้านการเงิน (financial inclusive) เพราะประชาชนทุกคนที่มีบัตรประชาชน จะมีบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัลของตัวเอง มี "key ของตัวเอง" ซึ่งต่างจากระบบบัญชีเงินฝากธนาคารในปัจจุบัน ที่ยังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงของคนบางกลุ่ม
ส่วนในแง่ความยากของการใช้งาน นายเผ่าภูมิบอกว่าบล็อกเชนทำให้สิ่งที่เคยยากนั้นง่ายขึ้น ขอแค่โทรศัพท์มือถือของฝั่งผู้รับ ผู้จ่ายใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวและ QR code ของตัวเองในการจ่าย
นายเผ่าภูมิย้ำว่านโยบายนี้ไม่ใช่การแจกจ่ายเงิน แต่ขอให้มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อคนที่เดือดร้อนจากโควิด
ช่วงที่นายเผ่าภูมิพูดถึงนโยบายกระเป่าเงินดิจิทัล ประมาณนาที 45
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ โฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ชี้แจงเพิ่มเติม 10 ประเด็น “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ดังนี้
1. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อ
2. เหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่มีการสร้างมูลค่า ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล
3. กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้นต่อความมั่นคงของระบบการเงิน ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่การสร้างสกุลเงินใหม่
4. กระเป๋าเงินดิจิทัล เงิน 10,000 บาท ลงถึงมือประชาชนทุกคน (16 ปี ขึ้นไป) ทุกบาททุกสตางค์ ใช้จ่ายจริง ซื้อของได้จริง ไม่มีการสูญหายของงบประมาณ ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรมตลอดเส้นทาง
5. กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่ใช่กรณีเดียวกับ Bitcoin Luna USDT ตามมีผู้กล่าวอ้าง เหล่านั้นออกโดยเอกชนและมุ่งหมายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน กระเป๋าเงินดิจิทัลคือเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไป ออกโดยรัฐบาล ไม่ใช่สกุลเงินคู่ขนานกับเงินบาท
6. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนตามที่มีผู้กล่าวอ้าง ไม่เกี่ยวกับการซื้อบริษัท ไม่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการลงทุน เป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ได้อยู่บนฐานของข้อเท็จจริง ทั้งหมดใช้งบประมาณจากภาครัฐและโอนตรงถือมือประชาชนทุกคน (16 ปีขึ้นไป) ง่ายๆและตรงไปตรงมา
7. กระเป๋าเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชน ในตลาด สร้างธุรกรรมระหว่างรายย่อย ตรงข้ามกับวิธีเดิมที่ต้องซื้อในร้านใหญ่หรือกลุ่มทุน
8. กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ Blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม
9. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ปัจจุบันระดับกำลังซื้อของประเทศตกต่ำ เศรษฐกิจตกต่ำกว่าศักยภาพมาก สภาวะดังกล่าวไม่นำสู่เงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ได้ รวมทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถจัดสรรเงินจากงบประมาณ ไม่มีการขึ้นอัตราภาษีใดๆ
10. พรรคเพื่อไทยสนับสนุน Central Bank Digital Currency (CBDC) และเดินหน้าพัฒนาร่วมกันธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคน เพื่อยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้ไปร่วมเวทีที่ จ.นครราชสีมา และบอกว่าบล็อกเชนสามารถป้องกันการทุจริตได้ แต่ยังไม่สามารถอธิบายได้ในตอนนี้
"เรามีเทคโนโลยีที่เรากำลังจะเอามาใช้ในการประกวดราคาภาครัฐ ... ก็คือเทคโนโลยี blockchain นะครับ ซึ่งจะสามารถป้องกันการทุจริตได้ มัน ... ไม่สามารถอธิบายได้ตอนนี้นะครับ" pic.twitter.com/BdqHWXRDSA
— 🌻dei (@webdevxp) April 10, 2023
Comments
ลงชื่อรออ่านอคอมเมนต์ครับ เรื่องบล็อคเชนไม่แม่น รออ่านข้อมูลเทคนิคครับผม
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
+1
ผมเองก็ไม่มีความรู้เชิงเทคนิคด้านบล็อคเชน ขอปูเสื่อรออ่านตรงนี้ละกัน แต่จริงๆแล้ว การทำระบบให้ปลอดภัย ตรวจสอบได้ มันอยู่ที่ทีมงานพัฒนาและดูแลระบบมั้ยนะ
..: เรื่อยไป
ขอแค่โทรศัพท์มือถือของฝั่งผู้รับ ผู้จ่ายใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวในการจ่าย
คงไม่ใช่ตอนจ่ายให้เอาบัตรมาสแกนกับหน้าคนซื้อ ใช่มะ? 🤔
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เข้าใจว่าไม่อยากให้ฝั่งผู้จ่ายใช้มือถือจ่ายเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นปัญหาคนเข้าไม่ถึงเหมือนพวกคนละครึ่ง เราชนะ ที่ต้องมีมือถือถึงจะใช้ได้ แต่ถ้าให้ใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวนี่ ช่องโหว่บานเลยล่ะ
สรุปก็คือจะออก Stablecoin ที่เทียบเท่ากับเงินบาทไทยมาใช้ "เลย" นั่นแหละ โดยใช้เงินบาทจริงๆ ค้ำประกัน ทางเทคนิคเห็นคนทำรอไว้แล้ว สั่งปุ๊บทำได้ทันที แต่เรื่องข้อกฎหมายและอื่นๆ ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่ต้องผ่านอีกไหม
ผมไม่ติดใจเรื่องแจก แต่เอาเทคโนโลยีมาใช้มาโดยไม่เข้าใจนี้ไม่ ok
อารมณ์เอาส้อมมาแคะฟันทั้งที่ใช้แค่ไม้จิ้มฟันง่ายกว่า
ก็พยายามลงข่าวเนอะ อ่านแล้วโคตรฮา 5555+
อ่านแล้วก็ยังติดใจเรื่องเดิมอยู่ดี ว่าทำไมมันถึงต้องเป็น blockchain ถ้าไม่ใช่ blockchain มันทำไม่ได้หรือทำได้ยากกว่ายังไง?
ส่วนตัวผมก็ไม่ได้รู้เรื่อง blockchain ลึก แค่รู้สึกว่าที่ว่ามาไม่ใช่ blockchain มันก็ทำได้เหมือนกัน (และน่าจะทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าด้วย) รอคนที่รู้ลึกและเข้าใจ มันช่วยอธิบายครับ
ออกตัวกันดราม่า ผมตั้งคำถามที่ผมคาใจนะ
คือ หลายๆคนก็วิจารณ์ว่า พท.
ยังไม่ตกผลึกนโยบายนี้ รวมถึงผมด้วยมมันยัง
ตอบคำถามหลายๆคนไม่สะเด็ดน้ำ คือ
ต้องทำ Q&A ให้ชัดๆเคลียร์
ทำให้หลายๆฝ่ายกังวลน้อยที่สุด
https://youtu.be/39F8tRr3Vb0
ผมมีหลายๆประเด็นเอาแบบสงสัยนะ
ดึงจากที่ พท. ตอบตามเนื้อหาข่าวเลย
หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด
สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อ
ก็เหมือนผลิตภัณฑ์ที่ กลต. อนุญาตที่ แสนสิริ หรือ JFin by Jmart
หรือ Gammium by GMM เอามาใช้
ถ้างั้นจะเอามาทำไม ทำไมไม่แจกผ่านเป๋าตังค์?
เหมือนที่กระทู้ก่อนว่า
ทุกบาททุกสตางค์ ใช้จ่ายจริง ซื้อของได้จริง ไม่มีการสูญหายของงบประมาณ
ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรมตลอดเส้นทาง
ถ้าล็อกไม่ให้ออกมาเป็นเงินสดมันก็ Trace ได้อยู่แล้วหนิ?
เพราะทุกอย่างมันก็วิ่งอยู่บนเน็ตเวิร์คของ ธปท.
สร้างธุรกรรมระหว่างรายย่อย ตรงข้ามกับวิธีเดิมที่ต้องซื้อในร้านใหญ่หรือกลุ่มทุน
เอแต่ Supply Chain สินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศนี้มันก็มาจากกลุ่มทุนนี่หน่า
คุณจะหนีสินค้าหรือบริการ เครือสหพัฒน์ หรือ CP เบทราโกร เซนทรัล เดอะมอล์ ยังไง
อย่างที่หมอมิ้งค์เคยออกรายการบอกถ้าร้านโชว์ห่วยไม่มีแวท ก๊วยเตี๋ยวรถเข็นไม่มีแวท
รัฐบาลจะได้ประโยชน์จาก VAT ได้อย่างไร?
หมอมิ้งค์ตอบว่า "ร้านเหล่านี้ก็ต้องไปซื้อของร้านมี VAT" (อ้าว)
หรือก็คือพอประชาชนอุปโภคบริโภคมาก รัฐจะไปเก็บ
VAT จากอุตสาหกรรมต้นทาง (ซึ่งอุตสาหกรรมต้นทางก็....)
มันก็มีคำถามว่าเอาไปจ่ายหนี้ธนาคารได้ไหมมันก็ยังไม่มีคำตอบ
https://youtu.be/EidMMNU0IdY
สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย
เป็นระบบที่มีความโปร่งสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม
คำถาม ความปลอดภัย "ของใคร?"
เราต้องมา นิยาม คำว่าปลอดภัยกันก่อนแล้วหละ
เพราะ กลุ่มผู้นิยมบิทคอยนน์ก็บอก ความปลอดภัยของรัฐ
ไม่เท่ากับความปลอดภัยของประชาชน เสมอไป
เพราะงั้นต้อง decentralize แต่ดูจากคำพูดของ พท.
ต้องการ Centralize ในเคสนี้...มันก็วนกลับไป
ข้อบนๆว่าทำไมไม่ใช้เป๋าตังค์
เศรษฐกิจตกต่ำกว่าศักยภาพมาก สภาวะดังกล่าวไม่นำสู่เงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ได้
รวมทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถจัดสรรเงินจากงบประมาณ ไม่มีการขึ้นอัตราภาษีใดๆ
มันต้องคุยกันให้เข้าใจเรื่องนี้เพราะผม
ยังเข้าใจว่าในทางบัญชีรัฐบาลต้องตั้งสำรองกันเงิน
ไว้จะมากจะน้อย เพื่อชำระบัญชีสิ้นปีงบประมาณ
ส่วนเรื่องเงินเฟ้อ
จู่ๆคุณยัดการอุปโภคบริโภคที่ไม่ได้เกิดจาก Organic Demand & Supply
มัน"อาจจะ"ไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ แต่มันจะก่อปัญหาแรงงานหรือเปล่า?
ซึ่งมีนส่งผลต่อเงินเฟ้อทางอ้อม
เพราะสมมติคุณกระตุ้นเข้ามาก็อาจจะเกิดการจ้างงานในภาคแรงงานเพื่อ
ตอบสนองต่อเงิน 5.5 แสนล้าน แต่หลังจากนั้นคุณมีโร้ดแมปอย่างไร
และเดินหน้าพัฒนาร่วมกันธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคน
เพื่อยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
อันนี้ผมว่าจับแพะชนแกะนะ คือ แนวทางของ ธปท.
จะเอาบาทจริงๆมา Resereve คือผลิต CBDC 1 บาทดิจิตอล
ทาง ธปท.ก็จะ reserve 1 บาท แต่แนวทางนี้
มันก็แย้งๆกับวัตถุประสงค์ตอนแรกที่ตั้งโครงการขึ้นมานิดนึง
คือ "เพื่อลดการสำรองเงินจริง" สุดท้ายมันก็จะสะท้อนไปที่ทองคำ
หรือสกุลเงินตรา ตปท. ที่สำรองไว้หรือไม่ ผมก็ยังสงสัย ทาง ธปท.
https://thestandard.co/what-is-cbdc/
https://www.krungsri.com/th/research/research-intelligence/cbdc-2022
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_19Nov2021.aspx
+1 ครบถ้วนเลย
ตอบแทนได้ข้อนึง
จ่ายหนี้ธนาคารได้ไหม
- ไม่ได้ คุณเศรษฐาเขาตอบในรายการสรยุทธเมื่อเช้า
+1
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ซื้อของโลตัส 7-11 ได้เศรษฐาบอกเองในสรยุทธ์ สรุปไม่ได้ช่วยชุมชนไรเลย
นักการเมืองจำนวนมาก ก็ยังคงความสามารถในการตอบคำถามที่กำกวม ตอบไม่หมด ตอบแล้วไม่เข้าใจ ตอบแล้วเหมือนตอบเอาหล่อแต่ถ้าตีความหมายดี ๆ แล้วคือไม่มีความหมายอะไรให้เข้าใจจริง ๆ
เมื่อไหร่นักการเมืองจะทำการบ้านจริงจังแล้วตอบให้ชัดเจน ฉะฉาน และพยายามสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจจริง ๆ ว่าปัญหาคืออะไร อะไรเข้ามาแก้ แก้อย่างไง อะไรที่ต้องระวัง
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ทำไมผมดูเหมือนมันคือความพยายามจะเกาะกระแส crypto มากกว่าเรื่อง applicable นะ
อย่างว่ามันคือการตลาดอะแหละ
มันไม่ได้ตอบคำถามที่หลายๆคนสงสัยในเรื่อง technical ต่างๆที่ทางพรรคตั้งเงื่อนไขไว้เลย อ่านจนจบคือ มันทำได้นะ แค่นี้เลย -*-
ปลอดภัยสูงสุดแต่ไม่บอกว่าทำยังไง ก็นักการเมืองเนอะ
ถ้าเป็นสไตล์บล็อกเชนก็น่าจะตอบว่าสามารถ Trace ได้ทุกธุรกรรม สามารถ Revoke หรือ Halt ได้ทันทีเมื่อเห็นปัญหา ประมาณนี้ ซึ่งเงินธรรมดาในเป๋าตังค์ทำไม่ได้ ต้องไปไล่ตามจับกันทีหลังถ้ามีทุจริต (แต่ถ้าเงินบล็อกเชนโดนแปลงออกเป็นเงิน Fiat แล้วก็จบนะ ถ้าจะให้ตามสุดทางจริงๆ ต้องห้ามแปลงออกเป็นเงิน Fiat เลย)
ถ้าใส่เงื่อนไขเรื่องห้ามแปลงออกมาเป็นเงินสด เรื่องพวกที่คุณว่ามามันก็ทำได้โดยไม่ต้องใช้ blockchain นี่ครับ?
มันจะปลอดภัยได้ไง ? ในเมื่อข้อมูลบัตรประชาชนรั่วไปถึงกลุ่มมิจฉาชีพเรียบร้อยแล้ว หลุดทั้งทางข้อมูลดิจิตอลยันกลายเป็นกระดาษถุงกล้วยแขก
เหรียญ (คูปอง) ไม่เรียก สกุลเงิน แต่เรียก คูปอง อันนี้มันแค่เล่นลิ้นแปลงคำไปหรือปล่าว
ตกลงมันไม่ใช่เงินบาทแต่เป็นอะไรสักอย่างที่เสกจากอากาศ จะเอามาผูกกับค่าเงินบาทโดยที่ไม่มีสินทรัพย์(แบบทองคำ)มารองรับ ซิมบับเวโมเดล?
แถมสุดท้ายหมดเวลามูลค่ากลายเป็น 0 คนรับคนสุดท้ายใครจะอุัม
รอใครสักคน สื่อสักสื่อ ทำ infographic เปรียบเทียบที
ของใหม่ที่เขาจะทำ vs ของเก่าที่มีใช้อยู่แล้ว
ว่าทำไมต้องมีของใหม่ และของเก่ามันไม่ตอบโจทย์นโยบายตรงไหน
WE ARE THE 99%
สื่อหลักที่มีความรู้ไม่น่ามีใครอยากสับเรื่องนี้มาก คนที่มีความรู้จริงๆ ในระดับสื่อห็มีไม่เยอะ และคงไม่มีใครอยากมาคอยรับทัวร์ของพรรค ดีไม่ดีก็หาว่าสนับสนุนลุงตู่อีกต่างหาก
พูดตามตรงว่าการงอกอะไรใหม่ๆ แบบนี้ไม่ต่างจากการใช้งบของกองทัพเท่าไร งบไปลงกับระบบใหม่แทนที่จะเอางบไปทำอย่างอื่น เพราะระบบเก่ามันน่าจะทำได้อยู่แล้ว และถ้าไม่ปลอดภัยก็เอางบไปลงกับ security hardening ระบบเก่าจะดีกว่ามาขายฝัน
เพราะ blockchain มันไม่ได้ปลอดภัยโดยตัวของมันเอง มันอยู่ที่คนทำระบบ ข่าวบล็อกเชนโดนแฮคก็มีให้เห็นอยู่ตลอด
เป็นการแสดงถึงความฉลาดทางนโยบายที่....ครับ มนุษย์ไม่ใช่สัตว์กินหญ้านะครับ
ถ้ามั่นใจว่าระบบปลอดภัยสูงสุดก็น่าจะทำwhite paperออกมานะครับ ให้ประชาชนเข้าไปดูรายละเอียดเชิงเทคนิค
ยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์
ธนาคารไม่ปลอดภัยละ? Visa MasterCard ITMX ธนาคาร(แห่งประเทศ)ไทยไปทำอะไรให้ปลอดภัยนอกกว่า Blockchain
เก็บใน Database ปกติไม่ปลอดภัยเหรอครับ ธนาคารก็ใช้กันอยู่
เอาเถอะถึงจะรอดเรื่องแจกเงิน เดี๋ยวเจอข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อนอีก เพราะระบบบอกว่าจะเริ่มแจกภายในต้นปี 2567 ดังนั้นพอเริ่มเป็นรัฐบาลก็ต้องทำเลย แล้วใครจะมารับผลประโยชน์ก้อนนี้ ขุดกันมันล่ะทีนี้ ทั้งวิธีการ ที่มา แทนที่จะใช้ระบบเป๋าตังค์ง่ายๆ ไม่โดนปัญหาฟ้องร้อง สงสัยไม่อยากอยู่นาน
เห็นคุยจังว่าระบบดี ปลอดภัย มี Reference งานที่ไหนบ้างหรือมีธนาคารไหนใช้เป็นทางการในธุรกรรมการเงินบ้าง ถึงจะเอาเงินภาษีกว่า 5 แสนล้านไปค้ำไว้เนี่ย พรรคอื่นไม่ต้องทำอะไรหรอก รอร้อง กกต. ได้เลย ใครรับงานโดนสืบเส้นทางทางการเงินแน่นอน
อีกจุดนึงคือ ถ้าจะใช้ในปี 2567 ทำไมถึงบอกว่าไม่สามารถอธิบายในในตอนนี้ ถ้าเป็นการ implement งานระดับเงิน 5 แสนล้าน มันต้องพร้อมจะชี้แจง ให้ดูรายละเอียดแล้ว ไม่งั้นมันจะทำทันหรือ ? ถ้าทำทันมันจะโปร่งใส ไม่มีการทุจริตแบบที่โม้หรือ ขนาดข้อมูลยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้เลย ความจริงผมเนี่ยแฟนเพื่อไทยตัวพ่อเลยนะ แต่ถ้าจะเอาเงินภาษีมาเล่นแบบเด็กเล่นขายของแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
+1 หาเรื่องเข้าตัวชัดๆ ทั้งๆ ที่เลือกตั้งไปชนะอยู่แล้ว
ทำไมถึงตอบเหมือนไม่ตอบแบบนี้ละเนี่ย
ไปๆ มาๆ เหมือนคนดันทุรังจะทำยังไงก็ไม่รู้ 55+
สรุปก็คือ Baht-pegged Stablecoin ใช่ไหม
อยากจะแจกเงิน แต่ไม่อยากให้ดูโบราณ+กลืนน้ำลายตัวเอง (ด่าคนอื่นไว้เยอะเรื่องแจกเงิน) เลยเอา blockchain มาให้ดูเก๋ๆ จะได้ลืมๆ เรื่องแจกเงิน
ไม่ใช่ว่า ธ.แห่งประเทศไทยพร้อมแล้วเหรอครับ เพื่อไทยก็หยิบตรงนี้มานำเสนอ ควรมีสื่อไปสัมภาษณ์ ธ.แห่งประเทศไทยบ้างไหมนะ
ยังไม่กล้าปล่อยให้ ประชาชนใช้ครับ
ผมว่าต้องมีทดลองให้ประชาชนใช้ในวงจำกัดอีก 1-2 ปี
เพื่อดูปัญหาครับ
คือที่เข้าใจแบงค์ชาติอยากให้ครบลูป
หนะครับไม่อยากมาใช้เป็น bargain Chips อย่างเดียว
คือในเรื่องใช้จ่าย ผมเข้าใจว่าจบไปแล้ว
https://www.krungsri.com/th/newsandactivities/krungsri-banking-news/krungsri-bot-pilot-test-retail-cbdc
คงเข้าสู่เฟสต่อไป
https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=M2RiT29jNU4vbVE9
บล็อกเชนผมไม่ถนัด แต่ช่วยเทรนลูกพรรคให้ตอบชาวบ้านในทิศทางเดียวกันหน่อยเถอะ คนโน้นไปทาง คนนี้ไปทาง
ถ้าไม่นับความชิบหาย 5แสนล้าน ระดับ 2เท่าของจำนำข้าว(2แสนล้าน)
ยังต้องเอางบมาสร้างระบบใหม่อีก
แทนที่จะใช้แอปกระเป๋าตังค์
หรือจะพัฒนาให้ร้านค้าสแกนหน้าสำหรับคนไม่มีมือถือด้วย แอปถุงเงิน
เห็นชัดว่าเป็นนโยบายที่ไม่ได้ผ่านการคิดที่ดี แต่ดันพูดมาแล้ว
จะถอนก็เสียหน้าเลยได้แต่แถ the show must go on ต่อไป
จำนำข้าวก็มา
ส่วนตัวมองว่าคำถาม
จะแจก 5แสนล้านด้วย blockchain หรือ database?
เป็นการชี้นำโดยคำถามเพื่อให้เราลืมนึกว่า ควรแจกหรือไม่ควรแจก
เพราะไม่ว่าจะจะตอบ blockchain หรือ database ก็คือจะแจก
ทั้งๆที่ประเด็นไม่ควรแจกมันสำคัญกว่ามากเลย
เพราะมันคือเว็บไอทีครับ
ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่มันจะนอกเรื่องไปการเมืองเกินไป เลยไม่ได้คอมเม้นตรงนี้
ใช่ครับ ผมถึงเขียนถึงความเสียหายสั้นๆในย่อหน้าแรก
แล้วโฟกัสเรื่องเทคนิคในย่อหน้า 2
แล้วพรรคอื่นๆทำอะไรกันอยู่นะ
มีแต่ข่าวพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทย แล้วก็พรรคเพื่อไทย
อยากเห็นข่าวพรรคอื่นๆบ้างจะได้มีตัวเลือกอื่นบ้าง?
ที่นี่นำเสนอแต่ข่าวเชิงเทคโนโลยีครับ นโยบายที่ใช้เทคโนโลยีจึงเป็นข่าว
รัฐบาลรับประกันทุกบาท โดยไม่เกี่ยวกับเงินทุนสำรอง
- ถ้าสร้างเงินเพิ่มขึ้นมาเฉย ๆ ก็คือเวเนซูเอล่าโมเดล
- ถ้าไม่สร้างเฉย ๆ ก็คือต้องเอาเงินไปเก็บไว้สำรอง ถ้าเอาเงินจากงบประมาณไปเก็บสำรอง ก็เท่ากับเอาเงินงบประมาณมาแจก การใช้ Blockchain แค่เลี่ยงบาลี
ไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้ Blockchain ต้องใช้งบในการสร้างเท่าไหร่ บ.ที่สร้างมีผลประโยชน์กันหรือเปล่า
Blockchain ไม่ได้ปลอดภัยทุกระบบ
ทุกวันนี้ใช้แอปธนาคารโอนเงินก็สะดวกดี ไม่ได้ใช้ก็มีดอกเบี้ยถึงแม้มันจะน้อยนิด
ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้ด้วย ระบบดีแค่ไหนก็ไร้ความหมายถ้าผู้ใช้ไม่รู้ว่าต้องระวังอะไรบ้าง
เอามาแลกเงินบาทได้ทุกเมื่อ - ข้อจำกัดเรื่องระยะทางก็ไม่มีความหมาย
ตอบเหมือนไม่ตอบ มีแต่น้ำ เอาแค่ช่วยท้องถิ่นก็ย้อนแย้งแล้วเพราะเศรษฐาก็ยืนยันใช้ได้หมด ไม่กันทุนใหญ่ ใช่กับโลตัสก็ได้ใน 4 กม.