By: arjin 
on 7 February 2024 - 22:58
Tags:
Topics:
หลังจากแอปเปิลเริ่มขายเฮดเซต Vision Pro ให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ก็มีคอนเทนต์ใส่ Vision Pro ในสถานการณ์ต่าง ๆ มากมาย ที่ดูจะสุ่มเสี่ยงหน่อยและเป็นข่าวในหลายสื่อ ก็คือการใส่ขณะนั่งรถ Tesla ที่เปิดโหมดขับรถอัตโนมัติ ซึ่งอาศัยการมองภาพถนนผ่าน Vision Pro อีกที จึงไม่ปลอดภัยและมีคำเตือนออกมาแล้ว
เมื่อ Tesla รวมกับ Apple Vision Pro ดูเป็นสิ่งที่หลายคนอยากนำมาใช้งานร่วมกัน ก็เลยต้องไปถามความคิดเห็นของ Elon Musk ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Tesla ซึ่งได้ลองใช้ Vision Pro แล้วเช่นกัน
เขาตอบความเห็นผู้ใช้งาน X คนหนึ่ง ที่รีวิวการใช้ Vision Pro ว่าสินค้าตัวนี้ยังมีความสับสนว่าจะนำไปใช้งานแบบใด เหมาะกับใคร แม้เทคโนโลยีที่ได้จะน่าสนใจมากก็ตาม ซึ่ง Musk ก็เสริมว่าเขาได้ลองแล้ว ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ยังไม่น่าทึ่งขนาดนั้น แต่ก็ปิดท้ายโดยยกตัวอย่าง iPhone 1 ว่าก็ไม่ได้ดีมากมาย มีคู่แข่งที่ดีกว่าตอนนั้น แต่พอถึง iPhone 3 ก็โดดเด่นจนเป็นสมาร์ทโฟนดีที่สุด
ที่มา: Torque News
Doesn’t feel like it is there yet. I tried Vision out, but it didn’t blow me away.iPhone 1 wasn’t great either imo. Lower utility than alternatives, all things considered, but by iPhone 3 it was unequivocally the best “smartphone”.
— Elon Musk (@elonmusk) February 7, 2024
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- สงคราม GenAI บนคลาวด์ในปี 2024 ไปถึงไหนกันแล้ว | Cloudnone x AWS
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
Comments
3 ไหนโยม 3g หรือ 3gs 55
คงลืมไปว่าแอปเปิ้ลไม่เคยออก iPhone 2 และ iPhone 3 มีแต่ iPhone 3G คือรุ่นที่ 2 หรือเขาจะหมายถึงรุ่นที่ 3 ก็คือ 3GS 😂😂
iPAtS
ใช้ตัวเลขเฉยๆน่าจะนับเป็นรุ่น แปลว่า iPhone 3 ก็หมายถึง 3GS นั่นแหละ เพราะถ้าเป็น iPhone 3G ยังไม่มีฟังก์ชั่นถ่ายวีดิโอ ก็เหมือนยังขาดอะไรไปหน่อยสำหรับที่จะเป็น Smartphone แต่พอเป็น 3GS ถ่ายวีดิโอได้ก็ถือว่าครบเครื่องแล้วในตอนนั้น
รอชม Muskion Extreme
ไม่ว่าจะหมายถึง iPhone 3G หรือ 3GS ก็ไม่ใช่การยกตัวอย่างที่จะสื่อถึง unequivocally the best smartphone ได้ดีนัก ซึ่งถ้ายกตัวอย่างเป็น iPhone 4 น่าจะดีกว่า
ตอน 3GS ออกนั้น iphone 4 ยังไม่ออกครับ
ไม่ต้องเตือนผมหรอกครับว่าห้ามเทียบมือถือแบบข้ามกาลเวลา ผมเทียบในช่วงเวลาเดียวกันอยู่แล้ว สรุปคือผมจะสื่อว่า iPhone 4 มีความพิเศษกว่ามือถืออื่นๆที่วางขายในช่วงเวลาเดียวกัน มากกว่าที่ iPhone 3G/3GS จะมีความพิเศษกว่ามือถืออื่นๆที่ขายในช่วงเวลาเดียวกัน
กรณีที่อีลอนพูดเค้าจะสื่อความหมายถึงกว่าจะพัฒนาจนเริ่มบูมได้ก็อาจจะต้องเป็นรุ่นถัดๆไป อารมณ์คือไม่ใช่รุ่นที่ดีหรือบูมที่สุดแต่เป็นรุ่นที่จุดกระแสขึ้นมาอะไรทำนองนี้หนะ
เข้าใจครับแต่ผมแค่เอะใจนิดๆกับการยกตัวอย่างรุ่นที่มันบูม เหมือนผมบอกว่า "แม้ Windows รุ่นแรกสุดจะไม่ดีหรือไม่บูม แต่หากพัฒนาไปเรื่อยๆก็อาจกลายเป็น Windows Vista กับ Windows 8 ได้" แทนที่จะยกตัวอย่าง Windows XP กับ Windows 7 ซึ่งคนชอบมากกว่าจนไม่ยอมอัพเกรดกันหลายปีเลยทีเดียว
iPhone ที่พลิกจริงๆ น่าจะเป็น iPhone 4 มากกว่า
ถ้าจำไม่ผิด iPhone 4 เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด และยกระดับ iPhone ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์มากสุดตั้งแต่เปิดตัว
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
ไม่มั่นใจเรื่องยอดขาย แต่เป็นรุ่นที่ขายนานที่สุด คือสามปีกว่า (ขายในฐานะ flagship 15 เดือน)
เป็นรุ่นที่นำเสนอ Retina Display, FaceTime, Gyroscope, Micro-SIM, เป็นมือถือที่ใช้ชิป A4 ที่ Apple ดีไซน์เองเป็นครั้งแรก (ไม่มี A1-3) และ Steve Jobs เคลมว่าเป็นมือถือที่บางที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น
คิดว่าน่าจะพูดว่าว่าพอใช้งานเป็นเรื่องเป็นราวได้มั้งครับ
ถ้านับจริงๆ iPhone กว่าจะเริ่มใช้อะไรได้มากกว่า Feature Phone ก็ช่วง iPhone 3 ที่ App Store เปิดตัวพอดี
สำหรับผม iPhone รุ่นแรกก็คือพลิกแล้วนะ เพราะสมัยนั้นมือถือที่ดูเป็นที่นิยมสุดก็พวก Symbian, Windows Mobile, Blackberry พอ iPhone มาคือลักษณะการใช้งานมันเปลี่ยนไปเยอะมาก เน้น Interact กับและภาพที่เห็นเป็นหลักเลยโดยไม่ต้องใช้ stylus ด้วย แต่การทำงานก็ลื่นไหล มี animation ทุกจุด
ส่วนตัวผมคิดว่าเค้าหมายถึง iPhone 3G นะ ไม่น่าใช่รุ่นที่ 3 ที่เป็น 3GS ด้วยซ้ำ
และส่วนตัว iPhone 3G คือพลิกสุดจริง ไม่ใช่ด้าน Hardware แต่ตตัวนั้นมันมาพร้อมกับ Appstore ซึ่งแอปเปิ้ลใช้คำว่า There's an app for that. คือมันมีทุกแอพจริง ๆ ที่นึกออก ณ ตอนนั้น คือว้าวจริงไรจริง
ตอนนี้ Vision Pro ก็เหมือน iPhone รุ่นแรก ยังออกมาว้าวแหละในระดับนึง แต่มันไม่มีแอพอะไรเลยที่ใช้ทำงานจริง ๆ จัง ๆ Hardware ก็ติดนู่นติดนี่เทคโนโลยียังไม่ถึงยังไม่สามารถเรียกได้ว่า Perfect แต่ถ้าอนาตคตแอพเยอะกว่านี้ ถึงตอนนั้นแหละว้าวจริง
คนในนี้หลายท่านคงเข้าใจดีว่าการใช้งานคอมพิวเตอร์เราไม่ได้ใช้งาน Hardware แต่เราใช้งาน Software ถ้า Hardware มันเทพ แต่ไม่มี Software ก็ไม่มีประโยชน์อะไร (ลองคิดสภาพพวก Hardware ขุดเหมือง AntMiner พวกนั้นคำนวนได้เร็วจริง แต่มันเอามาทำอะไรที่เป็นประโยชร์กับเราไม่ได้) Apple Vision จะว้าวซ่าก็ต่อเมื่อมันมีแอพอะไรเจ๋ง ๆ มาลงเยอะกว่านี้แหละ
ผมที่มีประสบการณ์ใช้ iPhone รุ่นแรกตอนที่มันออกใหม่ ๆ คือมันก็ว้าวแหละตอนนั้น ถ่าง ๆ รูป จอใหญ่ (ในสมัยนั้น) ดูหนัง ฟังเพลงได้ เล่นเวบ Browser แบบ Desktop ได้ แต่มันไม่มีแอพอะไรเหมือนพวก Symbian ณ ตอนนั้น ตอนได้อัพเดท iPhone OS 2.0 เท่านั้นแหละ โลกเปลี่ยนเกมภาพสวย ๆ แบบที่ตอนนั้นไม่มีมือถือเครื่องไหนทำได้ (Super monkey Ball) ตอนนั้นแหละ มือถือ iPhone คือชนะคู่แข่งอย่างอื่นแบบเทียบไม่ติดของจริง (ตอนนั้น Android ยังไม่เกิดเลยนะ ผมหมายถึงยังไม่ดัง)
อะไรคือใช้ vision pro บน Tesla ที่ขับอัตโนมัติเพื่อดูวิวขณะขับรถ ทำทำไมนะครับ?
น่าจะทำเอายอดวิวครับ มียิ่งกว่านั้นอีกใส่ขับเครื่องบิน
เฮ้อ แล้วมันอันตรายด้วยนะ
ผมว่าแอปเปิ้ลน่าจะมีมาตรการแบนการใช้งานบนรถ เช่นถ้าใช้ขณะขับขี่จะเปลี่ยนโหมดเป็นกล้องฉายภาพข้างหน้าแบบทำฟังก์ชั่นอื่นไม่ได้เลยเพื่อให้คนเลิกใช้ขณะขับขี่
ก็คือเทคมันเจ๋งนะ แต่ยังไม่มีอะไรรออีกสัก 2-3 รุ่น อาจจะว้าวได้
ซึ่งผมก็คิดแบบนั้นนะ
ผมว่ารอผ่านไปสัก 2-3 เจน มีรุ่นราคาถูก ตัดจอหน้ากับเซ็นเซอร์ตาออก ใช้นิ้วจิ่ม ui เอา