ใน iOS 17.4 จะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศ EU ที่สามารถเลือกเบราว์เซอร์ค่าเริ่มต้นได้เอง และเลือกโหลดแอปจากสโตร์ภายนอกได้ อย่างไรก็ตามมีนักพัฒนาพบว่า มีฟีเจอร์หนึ่งที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว คือการสร้างไอคอนเว็บแอปในหน้า Home (PWA - Progressive Web App)
แอปเปิลยืนยันการปิดความสามารถส่วนนี้ มีผลกับ iOS 17.4 เป็นต้นไป สำหรับผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศ EU โดยบอกว่าเนื่องจากกฎหมายดิจิทัล DMA ของสหภาพยุโรประบุว่าต้องเปิดให้เบราว์เซอร์ใช้เอ็นจินอื่นที่ไม่ใช่ WebKit ได้ ดังนั้นหากให้เบราว์เซอร์กลุ่มนี้สร้างเว็บแอปในหน้า Home จะต้องมีการปรับโครงสร้างของ iOS หลายอย่าง กระทบกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เมื่อพิจารณากับที่ผู้ใช้งานสร้างไอคอนเว็บแอปในหน้า Home ไม่มาก จึงเลือกตัดฟีเจอร์นี้ออกไปเลย
อย่างไรก็ตามองค์กร Open Web Advocacy ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ของแอปเปิล และมองว่าเป็นข้ออ้างเพื่อกีดกันเบราว์เซอร์รายอื่นมากกว่า
ที่มา: Engadget
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- สงคราม GenAI บนคลาวด์ในปี 2024 ไปถึงไหนกันแล้ว | Cloudnone x AWS
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
Comments
PWA โดนหางเลขด้วย เหล่า web dev ด่ากันรอบวงเลยตอนนี้
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ว่าแล้ว นี้คือผลลัพธ์ของคนที่คุมได้ทั้งหมด ปิดช่องทุกอย่างที่จะกระทบรายได้กับช่องที่จะแข่งขัน
เพื่อความปลอดภัย ยอมๆ ไป
ข้ออ้างมากกว่า Apple ก็มีวิศวกรและบุคลากรที่จะแก้ไขตรงนี้ได้เลยเลยด้วยซ้ำ และยังคงความปลอดภัยได้เหมือนเดิมด้วย แต่ที่ไม่ทำเพราะกระทบรายได้ ทั้งที่บริษัทตัวเองก็มีรายได้ตั้งเยอะและเงินทุนมหาศาลอยู่แล้ว
จะเสียเล็กเสียน้อยและให้คนพอใจกับสินค้ามันยากนักเหรอครับ หวงรายได้จนติดนิสัยองค์กรไปแล้ว และดูแล้วจะเป็นกับหลายบริษัท IT ใหญ่เลยด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เอาความปลอดภัยเป็นข้ออ้างตามเคย
มาทรงนี้โดน EU จัดหนักอีกรอบแน่
ถ้า EU ไม่ทำอะไรนี่จะเซ็งมาก
อยากรู้เลยว่า Apple วางโครงสร้างของ iOS กับ Safari ไว้แบบไหน ถึงขนาดแยก PWA ออกไปไม่ได้และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ทันที หรือจะเป็นแบบทรงเดียวกันกับ Windows รุ่น EU ที่ให้โหลด Browser อื่น ๆ ได้ ไม่มีแถม แต่เบื้องหลัง OS ยังคงรันด้วย Browser ของ MS อยู่
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ทำให้ผมนึกถึง Orbis OS ของ PlayStation เลย โดนเจาะเพราะ WebKit
webkit นี่นับวันแย่ลงเรื่อย ๆ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
จริงๆ ทิ้งไว้ให้ Safari pin PWA web ได้อย่างเดียวเหมือนเดิมก็ได้ถ้าห่วงความปลอดภัยแบบนั้น 😩
นั่นสิครับ เอาออกไปเลย แปลได้สองอย่าง คือ ไม่อยากลงทุน dev เองก็ทิ้งไปเลย หรือ ทำแต่ทำไม่ทัน
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
เป็นเรื่องของความปลอดภัย บางคนคิดว่ามันง่ายๆ แต่จริงๆแล้วทำได้ยากมาก
ถามจรี๊ง พี่ไม่ได้ Sandbox เบราว์เซอร์พี่เลยเหรอถึงได้อ้างเรื่องความปลอดภัยขึ้นมา ถ้าอ้างเบราว์เซอร์พี่ปลอดภัยสุดนี่ไปพักเลยเพราะเครื่อง PS4, PS5 นี่โดนเจาะจนพรุนเพราะเบราว์เซอร์พี่ทั้งนั้น
ของ Android ยังทำ PWA ได้เลย ทำบน Firefox for Android ยังได้ ไม่ต้องใช้ Google chrome หรือ Browser ที่มากับตัวเครื่อง
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
แต่ถ้ายอมขนาดนั้นเว็บแอปมันจะรุ่งเรืองขึ้นเยอะไงครับ ก่อนหน้านี้มันโดนบีบอยู่ด้วยความง่อยใน PWA ของ Safari
WebKit ปลอดภัยมากกว่า browser อื่นด้วยไหมนะ เมื่อถามกลับกัน
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ของเอเปิล ปลอดภัยร้อยเปอร์อยุ่แล้วครับ ไม่โดนแฮ็ก ไม่เก็บข้อมูลผู่้ใช้ ความปลอดภัยมาก่อนเสมอ เค้าชูเรื่องนี้มากๆ นะ
CVE
New Apple Zero-Day in WebKit Received a Fix (CVE-2024-23222)
https://www.psdevwiki.com/ps4/Vulnerabilities#Usermode_Exploits_(WebKit)
สิ่งที่ Apple เก็บน้อยก็คือเก็บข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่รู้ได้ว่าใครคือเจ้าของครับ
แต่ถ้านับเรื่องการเก็บข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดรวมถึงที่เป็น anonymous ด้วย Apple เองก็ไม่ได้น้อยไปกว่าบ.อื่นๆเท่าไหร่ หรืออาจจะมากกว่าด้วยในแง่ความหลากหลาย เพราะตัวเองมี ecosystem ที่หลากหลายจึงมีข้อมูลจากหลายๆ platform มารวมกัน คงไม่มีกี่บ.ที่เอาข้อมูลจากหูฟังที่มีเซนเซอร์มากมายไปพัฒนาบริการดูหนังฟังเพลงของตัวเองได้
แล้วเรื่องการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว (คนละเรื่องกับการเก็บข้อมูลส่วนตัวนะ) Apple เองก็ใช่ว่าจะไม่ทำซะทีเดียว แค่การันตีว่า Apple ไม่เห็นข้อมูลเหล่านั้นแค่นั้นเอง ที่เคยเป็นประเด็นหนักๆก็เช่นบังคับแสกนรูปภาพในเครื่องนั่นแหละ