เรื่องมีอยู่ว่า ผู้ก่อตั้งร้านค้า Delicious Monster ที่อยู่เบื้องหลังโปรแกรมจัดการสื่อมีเดียสำหรับ Mac OS X ชื่อ Delicious Library สังเกตว่าหน้าตาชั้นวางหนังสือใน iBooks ของแอปเปิลบน iPad นั้นละม้ายคล้ายกับโปรแกรมของตนเป็นอย่างมาก (ดูรูปท้ายข่าว)
เขาได้ทวีตขณะที่มีการเปิดตัว iPad ว่า "ไม่, แอปเปิลไม่ได้ไลเซนส์ iBooks จากเรา แอปเปิลลอกเราแน่ๆ" เขายังได้กล่าวเสริมว่า ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ริเริ่มไอเดียชั้นวางหนังสือดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้จดลิขสิทธิ์ไว้ และตอนนี้แอปเปิลก็คงไม่มีหน้าติดต่อเราแล้วบอกว่า "เราเอาความคิดของคุณมาใช้นะ ขอบคุณ!" ท้ายสุด เขาได้สรุปว่า แอปเปิลต้องออกมาบอกว่าไม่ได้ลอกอย่างแน่นอน "คงเป็นเรื่องบังเอิญที่ชั้นวางหนังสือของ iPad นั้นไปเหมือนกับ Delicious Library!" (คำพูดเต็มๆ ผมอ่านแล้วมันมาก แต่ไม่มีเวลาเรียบเรียง ลองตามไปอ่านดูได้จากที่มาของข่าว)
แอปเปิลได้จ้างคนที่เคยทำงานกับ Delicious Monster หลายคน รวมถึงผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัท Delicious Monster ซึ่งตอนนี้เป็นผู้ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ให้กับ iPad ด้วย
Delicious Library เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการออกแบบจากแอปเปิลถึงสองครั้ง รวมทั้งรองชนะเลิศอีกหนึ่งครั้ง
ที่มา: SuperSite Blog
หมายเหตุ: โปรแกรม Delicious Library ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการหนังสือ หนัง ซีดี และวีดีโอเกมส์เอง หรือผ่านกล้อง iSight, เครื่องอ่านบาร์โค้ดที่ติดกับคีย์บอร์ด เวอร์ชั่นล่าสุดได้รับการเปิดตัวเมื่อสองปีที่แล้ว
Comments
inspiration!!!
Konfabulator!
ทำไมผมเดาถูกว่าพี่ต้องคอมเมนต์อย่างนี้นี่ :P
บล็อกของผม: http://sikachu.com
+1 คิดตั้งแต่ก่อนเข้ามา
มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้นี่ครับ (แต่สาวกแอปเปิลจะอ้อมๆ แอ้มๆ เลี่ยงไม่ตอบ อิอิ)
นึกถึงคำนี้เหมือนกัน
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
'เกือบ' เหมือนแหะ
แอปเป้ลทำเรียบร้อยกว่า
แปลกที่เค้าไม่จดเนาะ ประเทศนี้เค้าชอบ จ้องจดจ้องฟ้อง นิ
ตอนแรกก็นึกว่าเป็น delicious library เลยด้วยซ้ำ นึกว่า apple ซื้อมา
เคยลองใช้อยู่พักนึง แต่จะว่าไปมันก็เหมือนกับ shelfari.com เป๊ะเหมือนกันนี่นา
แอบเหมือน สรุปใครลอกใคร เหอะๆ
อันนี้เห็น ๆ กันอยู่เลยครับ
ตกใจ นึกว่า shelfari เหมือนกัน
onedd.net
ขี้ลอก
Apple เขาไม่ได้เรียกว่าเลียนแบบ แต่เรียกว่า แรงบัลดาจใจ ครับ
ตัวอย่าง XD http://www.gizmodo.com/343641/1960s-braun-products-hold-the-secrets-to-apples-future
เหมือนจริงๆแฮะ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ผมชอบรูปล่างนะ หนังสือมีขนาดต่างกันไปตามความเป็นจริง ไม่รู้ของใคร
ไม่รู้ว่าใครลอกใคร แต่มันแค่เป็นตู้วางชั้นหนังสือที่เป็นไม้อ่ะ
ไปห้องสมุด ก็เจอออกบ่อยไป ไม่ได้เหนือจินตการที่ มันมิอาจซ้ำกันได้
ถ้าจะทำ ibook จะคิด UI ก็คงไปต่างจากนี้เบสิกมากๆ เด็กปฐมก็คิดออกได้เหมือนกัน
แต่ทำไม ไม่จดลิขสิทธิ์?
แล้วทำไมวัสดุต้องเป็นไม้ด้วยล่ะ ก็แค่นั้น
จะให้เป็นพลาสติกหรือไง อย่าบ้านนอก(ว่าตัวเอง) นึกภาพจากเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่บ้าน ตู้วางหนังสือ โต๊ะคอม
มันก็เป็นสไตล์ไม้กันหมดแหละ
เป็นเหล็กก็มีนะ แล้วไม้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นลายไม้ด้วย โม้โทนดำก็มี
พวก show case จะทำมาจากอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบและไอเดียคนแต่ง
โทษครับ
เคยใช้ Delicious Library ยังครับ?
ผมเห็น iBooks ของ iPad ตอนแรกยังนึกว่าเป็นโปรแกรม Delicious Library เลย
UI ของ DL เนี่ย ผมยังเอาไปใช้เป็น Case ตัวอย่างสอนลูกน้องเลยว่า
เป็น UI ที่ฉลาดมาก เรียบง่าย และสร้างสรรค์มาก
ผมเชื่ออย่างสุดตรีนเลยว่า เด็กประถม คิดไม่ได้หรอกครับ
ไม่เคยใช้ เม้นตามรูป ก็ตามที่เห็น ใครๆ ก็คิดได้ มันแค่เป็นชั้นหนังสือที่เป็นไม้อ่ะ
ไม่ได้ลงลึกไปถึงฟังชั่นการใช้งานเพราะไม่รุ้ว่า ยังไม่ได้ใช้ ipad
ที่เป็นข่าวอยู่นี้แค่หน้าตามันเหมือนกันไม่ใช่หรอ แล้วคิดว่าหน้าตาอย่างนี้ เป็นชั้นหนังสืออย่างนี้เนี้ย
มันยากที่จะคิดหรอ
ปล. ไม่ได้เข้าข้างแอปเปิ้ล แต่เราไม่รู้ว่าเจตนาใครเป็นยังไง ก็ไม่อยากกล่าวหาใคร ถ้าแอปเปิ้ลลอกเค้ามาจริงๆ
ก็ตกลงกันเอาเองละกันทั้งสองฝ่าย เราแค่เม้าเฉยๆ
เคยลองคิดก่อนพูดมาไหมครับว่า 'แม้แต่เด็กประถมก็คิดได้'
UI ไม่ใช่เรื่องขยิบตาแล้วลอยขึ้นมาในสมองครับ
อย่าคิดว่า เด็กสมัยนี้มันโง่เหมือนสมัยคุณสิ UI นั้นแหละมันมาจากจินตนาการ คือส่่วนสำคัญ
อย่าคิดว่าเด็กสมัยนี้มันโง่เหมือนสมัยคุณสิ
UI สมัยนี้มันมีหลักการออกแบบ ไม่ใช่นั่งนึกแล้วมันจะลอยมาในหัว
คนเราสมัยนี้นี่น้า...ปากก็พล่ามเรื่องการออกแบบๆ แต่ไม่รู้จัก Fundamental Design ไม่รู้ว่า Art กับ Design มันต่างกันยังไง
แล้วไอ้คนที่สร้างเนี่ยมันก็ เก่ง มาตั้งแต่ ประถม มัธยม ไม่ใช่เหรอ
หรือว่าเด็กประถมเนี่ย ไม่มีสิทธิ์คิดได้แล้วใช่มะ
หรือว่าต้องเป็น Geek อย่างพวกคุณถึงคิดได้
พวก Geek ทั้งหลาย
ผมไม่ได้พูดซักคำว่าเด็กประถมออกแบบไม่เป็น
ผมไม่ได้พูดอีกเช่นกันว่า Geek เท่านั้นออกแบบเป็น
Geek ที่ออกแบบไม่เป็นมีถมไป เพราะการออกแบบก็เป็นศาสตร์เป็นศิลป์แขนงนึง บางคนทำได้บางคนทำไม่ได้
ผมกำลังด่าคนที่คิดว่าการออกแบบอะไรซักอย่างมันง่ายๆ ใครๆก็คิดได้ ครับ
ผมเห็นคนเก่งๆ แต่ไม่ได้ A วิชาดีไซน์หลายคนเหมือนกันนะ ดีไซน์ที่ดีน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
ต้องมีกระบวนการการคิด มีการค้นคว้า-ศึกษา ไม่ใช่นึกไรได้ก็ใส่ๆ ไป
ไปดูผลงาน นศ.นิเทศน์ กับเด็กประถมสิครับ
อย่าคิดว่า นศ. จะโง่สิ...
ตู้หนังสือ เนี่ยนะ!
ผมว่าเขา Sensitive เกินไปนะ
ลอกฟีเจอร์ ลอกระบบ อะไรก็ว่าไป สงสัยต้องทำเป็นตู้ผุๆ พังๆ ไปเลย ได้อีกแนว
Konfabulator!!
จะสื่อ Widget! & Gadget! หรือเปล่าท่าน คิดว่ามันน่าจะนอกประเด็น
ผมคิดว่า บทความด้านบนน่าจะสื่อเฉพาะเรื่องของ UI น่ะครับ
เปล่าอะครับ
เขาสื่อว่า Dock ลอก Konfabulator ครับ
เป็นสิ่งที่ยังไง๊ ยังไง มันก็เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ และเอาไว้กัด Apple Fanboy
ปล. ผม fanboy แต่ฟังแล้วเฉยๆ -_-"
บล็อกของผม: http://sikachu.com
โอ้ พึ่งทราบครับ ขอบคุณมากเลย
หากยอมรับความจริงได้ ก็จะรู้สึกเฉยๆครับ ผมว่าตรงส่วนนี้ทำให้ Mac users ต่างจาก Mac zealots มาก
แต่หากเป็น zealots แล้วส่วนมากจะรับไม่ได้ แต่ก็หาเหตุผลมาตอบโต้ไม่ได้เหมือนกันมันก็เลยจี๊ด เพราะเท่าๆที่ดูแนวความคิดของเหล่า zealots แล้วจะมองว่าโลกนี้มีแต่ Apple อย่างเดียว Apple นั้นคือ alpha และ omega ต่างคนจากทั่วๆไปที่มองเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของ Apple
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
alpha และ omega คุ้นๆ เอามาจากหนังหรือเปล่า? zealots เค้ามองเห็นหมดทั้งดีและเสีย แต่เลือกที่จะมองมากกว่า
มาจากตัวอักษรแรกและสุดท้ายของกรีกครับ ซึ่งเป็นคำที่โดดเด่นมากในคําภีร์ไบเบิลในวลีที่ว่า "I am the alpha and the omega" ของพระเยซูครับ จึงไม่แปลกที่จะเห็นในหนังหลายๆเรื่อง
ผมไม่ใช่ชาวคริสนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่ใช่ Dock มั้งครับ น่าจะเป็น Dashboard Widgets
งานนี้ Konfabulator เคยทำแบนเนอร์โฆษณาว่า
มันเป็นแรงบัลดาลใจ
ยอมรับว่า Delicious Library เป็นเจ้าแรกที่ผมเจอเลย ที่ทำ UI ในลักษณะนี้ และทำ App ได้เนียนมากๆ
แต่หลังจากนั้น กราฟฟิคแนวนี้ก็มีเต็มทั่วเว็บ เช่น
http://issuu.com/ http://www.borders.com/online/store/Home http://www.shelfari.com/books
:)
มีเว็บของ Dan Brown ด้วยครับ อลังการมากๆ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เห็นครั้งแรกก็นึกถึงโปรแกรมนี้เหมือนกัน ผมว่าเป็น UI ที่สวยมากๆเลยนะ
ผมใช้โปรแกรมของนักพัฒนากลุ่มนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว เคยเขียนแนะนำโปรแกรมของพวกเค้าไว้ตามบอร์ดอื่นมาบ้าง ขอเล่าที่มาให้ฟังหน่อยแล้วกัน
ถ้าใครเคยเล่น NeXTSTEP กับ OS X สมัยแรกเริ่ม อาจจะรู้จักบริษ้ท OMNI Group ซี่งพัฒนาเว็บเบราเขอร์ OminWeb ให้แพลตฟอร์มนี้ในสมัยแรกๆ
หน้าตาโปรแกรมและไอคอนต่างๆของ omni group ถือว่าสวยมากในยุคนั้น
อินเทอร์เฟซดีไขน์เนอร์คนนีงของบริษัทนี้ ชื่อ Mike Matas ตอนนั้นอายุ 15 ยังเรียนมัธยมอยู่เลย
ตอนหลังพอจบมัธยม พ่อหนุ่ม Matas ก็ไม่ยอมเข้าเรียนมหาลัย แต่มาร่วมกับเพื่อนโปรแกรมเมอร์ใน Omnigroup ชื่อ Wil Shipley ตั้งบริษัท Delicious Monster
โปรแกรมของพวกเค้าเข้ารอบและได้รางวัลในงาน WWDC มาตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ในเรื่องความแปลกใหม่และสวยงาม เป็นโปรแกรมแนะนำบนหลายๆสื่อที่ทำข่าวเกี่ยวกับ Mac อยู่บ่อยพอควร
ผมไม่สงสัยเลยว่าส่วนของ interface นั้นหลักๆแล้วเป็นงานของ Mike Matas
ต่อมาต้นๆปี 2005 Matas ก็มาเขียนในบล็อกส่วนตัวว่ากำลังจะย้ายไปทำงานกับ Apple เพราะได้ข้อเสนอที่ดี คนก็เข้าไปตื่นเต้นยินดีด้วย บางคนยังพูดเลยว่า "it's like the mothership is calling you home!" (ซึ่งถ้าใครรู้ที่มาของประโยคนี้จะขำมาก)
ตอนนั้น Mike Matas เพิ่งอายุ 19...
บน twitter ของ Matas เองก็เผยว่าที่ผ่านมาเขามีส่วนในการออกแบบ iPad
ส่วน blog ของเขานั้น สมัยก่อนอ่านสนุกดี แต่ตอนหลังลงแต่รูปถ่ายอย่างเดียว สงสัยจะเผลอไปเซ็นเอกสารอะไรของ Apple เข้าไป(ฮา)
ถ้าถามผมว่า Matas ควรมีสิทธิเหนืองานเก่าที่เค้าเคยทำไว้ที่อื่น (และไม่ได้จดสิทธิบัตรไว้) ผมว่าเค้ามีนะ
แต่อันนี้มาเล่าให้ฟังเฉยๆ ใครจะแขวะ จะเย้ย หรือเทิดทูนบริษัทใดก็เชิญต่อได้ตามแต่จริตและบทบาทของตัวเองเทอญ :)
โอ้ว ขอบคุณทั่น cyberdude ยิ่ง คารวะน้อง Mike หนึ่งจอก ออกแบบได้งามจริง :D
+1 สุดยอดเลยครับ
แต่คงไม่มีใครกล้าแขวะต่อหรอกครับ ถ้าไม่รู้จริงเขาก็แขวะตามน้ำกันไปเรื่อย แต่พอมีคนที่รู้จริงมาอธิบายก็จะเงียบ ยกเว้นเขาจะไม่ได้อ่านข้อมูลของคนที่รู้จริง หรือแกล้งทำเป็นไม่ได้อ่าน หรือ..อคติ
สุดท้ายก็จะรอแขวะในประเด็นต่อไป ... ขำๆนะครับ อย่าคิดมาก ^^
ถ้าหมายถึงแขวะ Apple มันก็มีเหตุผลที่จะแขวะนี่ครับเพราะ Shipley นั้นพูดว่า “No, Apple didn’t license iBooks from me. They just copied me. Ah well,” he wrote. Later, he added, “I guess it’s not enough Apple has hired every employee who worked on Delicious Library, they also had to copy my product’s look. Flattery?” ซึ่งหมายความว่าไม่ได้รับการยินยอมจาก Shipley แน่นอน
และผมไม่เห็นว่ามันจะตามน้ำตรงไหนนะ จากข้อมูลของคุณ cyberdude ก็แสดงให้เห็นว่า Apple นั้นน่าโดนแขวะจริงๆเพราะถึงแม้ผลงานหลักๆจะเป็นของ Mike Matas จริงๆแต่ก็เป็นผลงานตั้งแต่สมัยที่อยู่กับ Delicious Library ซึ่งถือได้ว่าลิขสิทธิ์ต้นแบบนั้นเป็นของ Delicious Library การจ้างคนที่คิดสิ่งใดๆมาจากบริษัทหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเจ้าของสิทธิ์ในผลงานเก่าที่บุคคลนั้นทำไว้ให้กับบริษัทเดิมนี่ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อ่า ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับฝ่ายไหนนะครับ แต่เห็นเถียงกันมาสักพัก แล้วมีการใช้คำว่า "ลิขสิทธิ์" อยู่
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการเป็น "ตู้หนังสือไม้" ไม่ใช่ผลงานสร้างสรรค์อันจะมีลิขสิทธิ์ แต่ "ไฟล์ภาพตู้หนังสือไม้" ถึงจะมีลิขสิทธิ์ได้ ซึ่งในลักษณะนี้มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าแอปเปิลไม่ได้ละเมิด "ลิขสิทธิ์" อย่างแน่นอน เพราะน่าจะ render ภาพใหม่เอง ส่วนกระบวนการ "อินเตอร์เฟซแบบตู้หนังสือไม้่" จะมีสิทธิบัตรอยู่หรือไม่นี่อีกเรื่อง ซึ่งเป็นของที่ไม่ได้รับการคุ้มครองโดยอัตโนมัติโดยไม่จดทะเบียนไว้อย่างลิขสิทธิ์ตามกฎหมายทั่วไปในหลายๆ ประเทศ
สรุปคือผมคิดว่า หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าลิขสิทธิ์ดีกว่าครับ เพราะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์เลย
ทั้งนี้ผมพูดแค่ในเรื่องของการตีความทางกฎหมายนะครับ ส่วนประเด็นทางด้านความเหมาะสมอื่นๆ ก็คงเป็นพื้นที่สีเทาที่ต้องถกเถียงกันต่อไป
ใช้คำผิดไปหน่ะครับ ขอโทษด้วยครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมก็เข้าใจและเห็นใจคุณ Shipley นะ ถ้าเขาจะรู้สึกขมขึ่นหรืออยากบ่นที่หุ้นส่วนและลูกน้องเก่งๆหนีไปอยู่กับ Apple แล้วเห็นงานที่ออกมามันมีสไตล์คล้ายกับงานเก่าที่เคยทำ
แต่นอกจากความคับแค้นใจแล้ว มันไม่มีเนื้อใดๆให้เอามาเป็นคดีได้เลยนะครับ
Delicious Library เป็นโปรแกรมทำ catalog สื่อจริงที่คุณซื้อมาแล้ว คือคุณเอาหนังสือ ซีดี ดีวีดี ที่มีอยู่อยู่มาแสกนบาร์โค้ดที่ปกเก็บเป็นแคตาล๊อกส่วนตัว
แล้วโปรแกรมมันจะวิ่งไปหารายละเอียดอื่นๆมาให้เป็นฐานข้อมูล แต่มันใช้ซื้อหนังสือ/เพลงเองไม่ได้(มี link ไปที่ amazon) เปิดอ่าน/เล่นจริงจากโปรแกรมนี้ไม่ได้ และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ e-book เลย
iBooks เป็นโปรแกรม e-book reader ที่มี online store อยู่ ใช้ซื้อหนังสือมาเก็บไว้บนเครื่อง แล้วเปิดอ่านได้
อินเทร์เฟซที่ดูคล้ายกันมีอยู่อย่างเดียวคือชั้นไม้แสดงหนังสือที่คุณเป็นเจ้าของ แต่ตัวมันก็ชี้ไปที่ข้อมูลคนละชนิด ทำงานคนละอย่าง
การทำงานของ iBooks ไม่มีส่วนทับซ้อนของการใช้งานที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับยอดขายของ Delicious Library ได้เลย.
แต่คุณอยากจะเป็นเจ้าของสิทธิอะไรล่ะครับ? สิทธิการใช้ภาพตู้หนังสือไม้มาจัดโชว์รูปหนังสือ?
โปรแกรมบนไอโฟนที่ใช้ตู้ไม้มาโชว์ e-books ก็มีอยู่แล้ว
http://www.classicsapp.com/
ตัวอย่างจากลิงค์ที่คุณ iMenn มาแปะไว้ก็อีกหลายที่
มีใครอ้างความเป็นเจ้าของได้จริงๆหรือ?
ถ้า Matas เป็นคนดูแลการทำส่วนนี้จริงๆ ผมว่าเขาก็คงไม่เห็นว่าตัวเองจะต้องไปขอใครก่อนนะ
ส่วนเรื่องแขวะ บอกแล้วว่าตามสบายครับ :)
เอาข้อมูลที่มาที่ไปมาบอก แต่เมื่อรู้แล้วจะเอาไปทำอะไรต่อนั้นก็แล้วแต่ใจแต่ละคน
เท่าที่ตามข่าวสิทธิบัตรมา ผมเชื่อนะว่าถ้ามีคนเอา UI แบบนี้ไปจดสิทธิบัตร มันจะผ่านจริงๆ (ส่วนเรื่อง prior arts นี่สำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐฯ เสียชื่อ ปล่อยออกมาหลายรอบแล้ว) และเป็นคดีได้อีกยก โดยเฉพาะเมื่อคนทำเป็นลูกน้องเก่าของเจ้าของสิทธิบัตรเดิม
lewcpe.com, @wasonliw
ที่อื่นผมไม่รู้ แต่ระบบบริษัท IT ไทย จรรยาบรรณที่สำคัญก็คือ เมื่อคุณย้ายบริษัทใหม่ ไม่ควรผลงานเดิมไปใช้กับบริษัทใหม่ครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าของ USA จะเป็นยังไงนะ ถ้าตามที่คุณว่า "ถ้า Matas เป็นคนดูแลการทำส่วนนี้จริงๆ ผมว่าเขาก็คงไม่เห็นว่าตัวเองจะต้องไปขอใครก่อนนะ" แสดงว่าไม่เหมือนกัน มั้ง?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
บริษัทที่โดนแขวะ คือบริษัทที่แปะโฆษณาทั่วเมือง ทั่วเว็บว่า
นะครับ
พอตัวเองก็อปเอง ห้ามแขวะ?
เรื่อง Konfa .. อุ๊ป ที่คุณพูดถึงตลอดผมก็ไม่เคยที่จะพูดหรือเถียงแทน Apple เลยนะครับ เพราะยังไงสิ่งที่คุณพูดมันก็คือความจริง ไม่เคยคิดจะยกมาพูดด้วย
ที่ผมพูดไปก็แค่พูดลอยๆครับ ก็แค่เห็นว่าห้องนี้ เฮ้ย! เว็ปนี้มันเหมือนกับห้องเฉลิมไทย ต่างตรงที่.... คิดมากหรือเปล่าครับ คุณ MK
^^
เว็บนี้คงไม่เหมือนเว็บแมคอื่นๆ ที่กล้าวิจารณ์แอปเปิลน่ะครับ
เว็บแมคอื่นๆ ก็วิจารณ์แอปเปิ้ลครับ อย่าคิดว่าจะอวยกันท่าเดียว ยิ่งเป็น Fanboy ยิ่งมีความคาดหวังสูง ก็ด่าได้แรงเช่นกัน
ผมว่าเว็บนี้คงไม่เหมือนเว็บแมคอื่นๆ ตรงที่ "แขวะ" ได้อย่างมีการสนับสนุนมากกว่า
แค่นี้ทำไมถึงคิดว่าต้องใช้ความกล้าด้วยล่ะครับ?
ถ้าจะเอาคำตอบตรงๆก็คงเป็น เพราะ zealots มันแรงครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมว่าบางความเห็นที่ไม่คิดว่าตัวเองเป็น zealots (ณ ปัจจุบัน) จะแรงกว่า zealots แล้วล่ะครับ
ถ้าหมายถึงผมก็ขอถามว่า ความคิดเห็นของผม ส่วนไหนที่ไร้เหตุผลหรือไม่ตรงตามความจริงบ้าง ถ้าไม่ตรงก็ขอให้ค้านครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่ได้หมายถึงคุณ McKay ครับ ผมกล่าวโดยมองจากภาพรวม ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัว หากทำให้ลำบากใจต้องขออภัยด้วยครับ
"it's like the mothership is calling you home!" (ซึ่งถ้าใครรู้ที่มาของประโยคนี้จะขำมาก)
อยากขำด้วยครับ เล่าให้ฟังหน่อยซิครับ ขอบคุณครับ
ไม่รู้เรื่องเดียวกันเปล่า
http://www.friends-tv.org/zz118.html
+1 informative
ผมรู้สึกว่าเค้าไม่น่ามีสิทธิเหนืองานเก่าที่เค้าทำไว้ตั้งแต่อยู่ที่เก่านะครับ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าสัญญาข้อผูกมัดอะไรที่มีต่อบริษัทด้วย
ถ้าให้ยกตัวอย่างใกล้ตัวที่สุดก็น่าจะเป็นบริษัทซอฟท์แวร์บางบริษัทที่กำหนดว่า โค้ดทุกบรรทัดที่พนักงานเขียนระหว่างทำงาน เป็นของบริษัท ไม่ใช่ของพนักงาน
จริง ๆ อาจจะบอกได้ว่า แอปเปิลไม่ได้ลอกนะเพราะซื้อตัวคนออกแบบมาแล้ว แต่ว่าถ้าจริงใจ ทำไมแอปเปิลไม่ซื้อตัวโปรแกรมของ delicious monster มาเลยหรือจะซื้อทั้งบริษัทมาเลยก็ได้
ถ้าบอกว่าตู้วางหนังสือเป็นไม้ ใคร ๆ เขาก็ทำกัน ผมรู้สึกว่าน่าเกลียดไปนิดนึง
onedd.net
.
แทนที่จะเทียงกันผมว่าเอาเวลาไปศึกษาตัวโปรแกรมดีกว่าว่ามันออกแบบดีอย่างไร ทำไม่มันถึงได้รับการยอมรับ มันน่าจะได้ประโยชน์แก่ตัวเอง และวงการซอฟแวร์มากกว่า
+1 เห็นด้วยครับ เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไรได้เลย ผมว่าเราน่าจะลองใช้ดูก่อนนะครับแล้วค่อยมาวิจารณ์กัน
นึกถึงคดี iTunes ขึ้นมาตงิดๆ -*-
อ่านความคิดเห็นด้านบนแล้วได้ความรู้เยอะเลย ถึงแม้จะเป็นการแขวะกันบ้าง แต่ได้ความรู้เยอะเลย ได้เขาไป link ที่คุณ iMenn ให้ไว้(เป็นเว็บที่ออกแบบได้ดีจริงๆ ไม่เคยเห็นเว็บสวยแบบนี้มากก่อนเลย web2.0 ที่สวยงามน่าใช้มาก) และประวัติคนออกแบบ ui (คุณค่าของคนออกแบบ UI)
บางครั้ง ดรามา ก็มีดีเช่นนี้แล (ได้ความรู้สำหรับคนไม่รู้อย่างผม)..
.... เข้ามาอ่าน
ลอกหรือเปล่าไม่รู้ แต่ของ Delicious Library สวยงามมากครับ มีหนังสือคนละขนาดกันด้วย ดูแล้วได้อารมณ์มาก ชอบๆ
เห็นใน gizmodo ก็โจมตีว่าลอก app ใน iPhone ที่ชื่อ classics
จะบอกว่าใช้ http://www.shelfari.com/books เหมือนกัน รู้สึกของเป็นของ Amazon
ผมเบื่ออีตา สุกี้ยี่ห้อ.. เต็มทีละ ข้อดีของเวปนี้ที่ผมชอบ ก็คือข่าวเร็วดีมาก แต่ข้อเสียที่ผม เอียน
ก็คือจิตที่ไม่ปกติของอีตาคนเนี๊ย แต่ก็ ขอบคุณ สำหรับความรู้ต่างๆที่ได้แบ่งปันมาเสมอนะครับ
ลาล่ะครับ สวัสดีทุกท่านครับ
Melodigaman
แรง!
ผมอ่านคอมเมนต์นี้แล้วฮาดี อ่านอีกทีก็ยังฮา
เรื่องลอกไม่ลอก ต้องรอเจ้าตัวออกมาไขความจริงจะดีกว่าครับ...
(นอกประเด็น)ส่วนเรื่องการออกแบบ UI ผมก็คิดนะ (การออกแบบที่ดึงดูดความสนใจของคน) รวมไปถึงฟังก์ชันหรือความสามารถของมัน
1.แม้จะไม่สวยแต่ฟังก์ชันดี (IDM) มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับความนิยมแต่อย่างใด
2.บางตัวช้ามาก (Jdownloader) แต่ความสามารถมันเหนือกว่าโปรแกรมดาวน์โหลดธรรมดา ที่ไปที่โหลดอัติโนมัติให้แล้วทิ้งไว้เป็นเดือนๆ
3.แต่บางที ฟังก์ชันแม้ไม่ถึงกับจะต้องละเอียดละออ (Photoscape) แต่เน้นที่ความเรียบง่ายและไอเดียที่เก๋ ทุกคนเข้าถึงได้ ถึงจะมาทีหลังก็ได้รับความนิยมไม่แพ้รุ่นใหญ่เช่นกัน (Photoshop)
4.บางครั้ง Effect ที่มากับ UI ก็ช่วยดึงฐานผู้ใช้จาก OS หนึ่ง ไปยังอีก OS หนึ่งได้ (Debian distro) แต่สุดท้าย ความยากในการ Config จะเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ใช้ทั่วไปอย่างยิ่งยวด
มันก็นานาสารพัดจิตตังล่ะนะครับ ผมก็คอยสังเกตพฤติกรรมการใช้งานของคนกับการออกแบบโปรแกรมว่าออกแบบอย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล และได้รับความนิยมหรือเปล่า พอๆกับการออกแบบ Logo เลยนะ (Logo กว่าจะทำให้ติดตลาดนี่ยากกว่าที่คิดนะ)
ยังไม่ได้อ่าน comment บนๆ เดี๋ยวค่อยมาตามอ่านดรามาเล็กๆ (เอ๊ะ พูดคำนี้ได้ใช้มั้ย)
แต่แว๊บแรกที่ผมเห็น iBooks ดันนึกถึง Classics App มากกว่า Delicious Library อีกนะครับ จนเพื่อนทักมาว่ามันเหมือน Delicious Library ก็เลยนึกได้ (เคยใช้ทั้งสองตัวแล้ว)
อย่างงี้ Apple ก็ลอกทั้งสองค่ายเลยสิ
หรือว่าก็แค่การออกแบบทั่วๆ ไป ที่ใครๆ ก็ออกแบบตู้ลายไม้มีหนังสือวาง?
การออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้พวกนี้จดสิทธิบัตรได้ครับ เช่น Amazon เคยจดสิทธิบัตร 1-click purchase
เรื่อง Amazon จดสิทธิบัตร 1-click purchase "Method and system for placing a purchase order via a communications network." ถือเป็นการจดกระบวนการ (Process) วิธีการ ของระบบของการทำธุรกรรมบนเวปครับ ด้วยการกดปุ่มครั้งเดียว ไม่ใช่ส่วนติดต่อผู้ใช้
ผมเลยต้องไปค้นมาให้ดูเลยนะครับ ว่าส่วนติดต่อผู้ใช้ จดสิทธิบัตรได้ และโดยแอปเปิลด้วย
คำถาม:
คนละเรื่องแล้วมั้งครับ
คุณยกตัวอย่างว่าการที่ Amazon จด 1-click เป็นการจด UI ซึ่งมันไม่ใช่
UI น่ะจดได้แน่ ที่เขาจดๆกันมันจะต้องรวมไปถึงลักษณะการทำงาน แต่ที่ผมชี้คือ จะไปจดว่า "ตู้ไม้เป็นสมบัติของฉัน" นี่มันทำได้ฤา?
เพราะในกรณีนี้ เมื่อลงรายละเอียดในการใช้งาน/ตอบสนอง มันไปคนละอย่างกันเลย มันเป็นโปรแกรมคนละประเภทซึ่งไม่ใช่คู่แข่งกัน ดังนั้นมันไม่ควรจะเป็นเคสให้เอาไปฟ้องร้องได้?
รูปตู้ไม้วางหนังสือแทนที่ไฟล์หนังสือ มันก็ไอเดียเดียวกับโปรแกรมที่เอากรอบรูปไม้หรือรูหนามเตยเป็นเฟรมของรูปภาพ, แผ่นดิสเก็ตแทนคำสั่งเซฟ, รูปถังขยะแทนการลบไฟล์, รูปแผ่น post-it แทนพื้นที่การจดบันทึก มันเป็นภาพในการรับรู้ของคนทั่วไปอยู่แล้ว
ผมว่าความเห็นแบบสร้างสรรค์ มันควรจะเป็นการคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันกันเป็นกรณีๆไป เพราะแต่ละเรื่องแต่ละข่าวก็มีหลักฐานที่มาที่ไปต่างกัน
แต่ถ้าคุณจะลดระดับของทุกเรื่องในนี้ให้กลายเป็นแค่การทะเลาะกันระหว่างสาวกกับผู้ต่อต้าน ก็ตามใจเถิดครับ
ผมว่าที่น่าตลกคือสาวกอย่างคุณมากกว่านะครับ ที่เวลาแอปเปิลมีปัญหา ก็จะอ้างโน่นนี่ เช่น มันเป็นงานเก่า, คุยกันเป็นกรณีๆ ไป ฯลฯ ให้แอปเปิลดูดี
ไม่ลองพูดว่า แอปเปิลควรยอมไมโครซอฟท์เป็นกรณีๆ ไป บ้างเหรอครับ?
คนที่เข้ามาอ่านความเห็นของผมเทียบกับของคุณในข่าวนี้ จะตอบได้เองว่าใครตลกกว่ากันครับ :)
เวลาคุณหาเหตุผลมาใช้ไม่ได้ คุณมักจะหนีไปใช้ Ad hominem ในการโต้แย้ง คือโจมตีที่ตัวคนพูด (ตีตรากล่าวหาก่อนว่าเป็นสาวก/ป่วน ฯลฯ) แทนการคัดง้างเหตุผลและตรรกของผู้พูด
วิธีการนี้มักจะถูกใช้ในการโต้แย้งจากฝ่ายที่ขาดเหตุผลสนับสนุนในจุดยืนของตัว และต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของผู้รับฟังการโต้แย้งจากเนี้อหาที่ผ่ายตนเถียงไม่ออก ไปสู่การดิสเครดิตที่ตัวบุคคลฝ่ายตรงข้าม ถือเป็นรูบแบบการโต้แย้งที่อ่อนเหตุผล
ถ้าเป็นคนที่มีตรรก และความมั่นใจในมุมมองของตัวเองจริง จะไม่ใช้วิธีแบบนี้ครับ
ปัญหาของคุณในกรณีนี้ (และกรณีอื่นที่คุณชอบใช้) อาจเพราะการเห็นน้อย รู้น้อย
คนที่เคยใช้โปรแกรมหลายๆตัวที่มี interface แบบนี้ ก็จะคิดได้แล้วว่า การแสดง interface แบบนี้มันไม่ใช่ของใหม่
ก่อนการเปิดตัว iPad ครั้งนี้ ผมมีโปรแกรมอยู่แล้วไม่ต่ากว่า 3 ตัวในเครื่องที่interface เป็นตู้ไม้แบบนี้ บางตัวยังเลือกเปลี่ยนสีเป็นตู้เหล็ก ตู้พลาสติกได้อีก
ผมเห็นหน้าตาของ iBooks ก็แค่คิดว่ามันไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร ไม่มีอะไรแปลกใหม่กับ interface อันนี้ มันก็แค่ของหน้าตาทำนองนี้อีกอัน
แต่ถ้าไม่เคยเห็นโปรแกรมที่แสดงข้อมูลอยู่บนตู้ไม้มาก่อน ก็อาจจะคิดว่ามันใหม่ แต่พอเห็นข่าวเจ้าของ Delicious Monster ออกมาพูด ก็เฮด่าตามไป
กรณีนี้ ปัญหาอยู่ที่ไหน? เอาประเด็นอะไรมาฟ้องให้บริษัท Apple เกิดปัญหาได้บ้าง?
อันนี้มันเป็นข่าวความเห็นของเจ้าของ DL ครับ ไม่ใช่"ปัญหา" และถ้ามีความเห็นต่าง ก็เอาข้อมูลมาคุยกัน ไม่ใช่ตัดสินไปก่อนโดยใช้อารมณ์
รอให้เขาออกมาฟ้องร้องกันจริงๆก่อน ถึงจะเรียกได้ว่าปัญหา แล้วศาลจะตัดสิน/ตกลงกันอย่างไรก็ว่ากันไปอีกที
ความเห็นของผมในการยกโปรแกรมอื่นเข้ามาเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่เพื่อบอกว่า 'คนอื่นก็ลอกเหมือนกัน'
แต่เป็นว่า "มันเป็นภาพสามัญ" เหมือนรูปคอนโซลเครื่องเสียงในโปรแกรม media player, รูปถังขยะแทนการทิ้ง หรือกรอบไม้แสดงภาพถ่าย
ถ้าสมมุติว่ามีการฟ้องจริงๆแล้วศาลตัดสินว่าเป็นการละเมิด ก็ถีงต้องยอมรับตามนั้นครับ
แล้วการคุยเป็นกรณีไปก็ถูกต้องไม่ใช่หรือครับ ไม่งั้นพอมีคดีฆ่าคนตายก็ไม่ต้องสืบสวนพิจารณาคดีกันแล้ว ให้เอาตัวคนผิดในคดีคล้ายๆกันคราวที่แล้วมาลงโทษเลย ง่ายดี?
ถ้าตัดบริษัท Apple ออกไปจากเรื่องนี้ แล้วเปลี่ยนข่าวเป็น "Delicious Monster ด่า Berokyo หรือ classics ว่าลอกหน้าตา"
ความเห็นของคุณมันก็อาจจะเป็นอีกแบบนึงหรือเปล่า?
ลองคิดแบบใช้เหตุผลในการตอบคำถามนี้ก่อนนะครับ
ลองพูดก็ได้
"แอปเปิลควรยอมไมโครซอฟท์เป็นกรณีๆ ไป"
ใช้ได้ไหมครับ? :)
ผมเห็นด้วยนะ
แอปเปิลก็ยอมไมโครซอฟท์เรื่อยๆอยู่แล้วนิ ตอนอินเทอร์เฟซของ Windows ก็เซ็นให้ไปเอง และหลายๆครั้งที่ผ่านมาก็ไม่มีการฟ้องร้อง ถ้าจะกัดนิดแขวะหน่อย เขาก็กัดกันไปๆมาๆเป็นประจำอยู่แล้ว CEO ของ MS ก็แสดงการดูถูกผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลอยู่บ่อยไป
ผมไม่เคยเดือดร้อนที่แต่ละบริษัทจะมาบลั๊ฟกันในเรื่องผลิตภัณฑ์ของตัวครับ
ต่างฝ่ายก็ทำไปตามบทบาทหน้าที่ และการชิงพื้นที่สื่อกันก็เป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นธุรกิจ
ชาวบ้านๆที่อินจัด อ่านข่าวไอทีแล้วอินเหมือนดูละครหลังข่าวนี่สิผมว่าตลก (ทุกฝ่ายนั่นแหละ)
ที่เข้ามา ไม่ได้จะมาแก้แทนให้แอปเปิล แค่บอกที่มาที่ไปของเรื่องนี้ และความเห็นของผมเฉพาะกรณีนี้
ใครจะด่าบริษัทเค้าต่อ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแทนแอปเปิล
ว่าแต่ว่า ในเรื่องนี้คุณมีความเห็นอะไรอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไหมครับ? :)
ข่าวล่าสุดของ 1-Click คือกำลังถูกพิจารณาถอนอยู่นะครับ (ข่าวเก่า) ไม่รู้ตอนนี้ถึงไหนแล้ว
lewcpe.com, @wasonliw
สำหรับผม Apple คือสิ่งที่พิสูจน์