The Aspirers Group (TAG) กำลังดำเนินแคมเปญดิสเครดิต OpenOffice.org และ Open Source อย่างเป็นระบบ
ยกเรื่อง Open Source vs. Microsoft ไว้ก่อน ประเด็นใหญ่มากๆ คือจริยธรรมของสื่อที่สูญหายเพราะทุน สื่อทั่วไปอาจจะไกลตัว ใครจะไปนึก วันนี้สื่อไอทีก็สามารถเป็นแบบนี้ได้ เราจะปล่อยผ่านไปแล้วบริโภคสื่ออย่างระมัดระวังมากขึ้น ปล่อยให้คนที่ยังไม่สามารถแยกแยะต้องพบเคราะห์กรรม หรือผู้บริโภคและผู้ผลิตสื่อไอที จะลุกขึ้นมาถามหาความเป็นมืออาชีพที่ตรงไปตรงมา ให้กับสื่อที่มีผลในการตัดสินใจในการทำงานทุกวันของเรา หรือไม่?
แน่นอน อีกประเด็นก็คือ OpenOffice.org น่าจะมี market share ในเมืองไทยไม่ถึง 1% แต่ก็มากพอที่ใครสักคนต้องพยายามทำแบบนี้แล้วหรือ?
เอ้อ เรื่องนี้แทนที่จะอยู่ในฟอรัมจะเขียนเป็นข่าวได้ไหมนี่?
ขยายความทีครับ แหล่งข่าวจากไหนเหรอครับที่ว่าบริษัทนี้กำลังดำเนินแคมเปญดิสเครดิต OO.o กับ Open Source
เท่าที่เช็คข้อมูล ตอนนี้ผมเห็นแต่บทความโจมตี OO.o ในเว็บของเครือหนังสือเขานะครับ ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยชอบใจบทความที่ว่านี้เท่าไหร่ แต่ถ้าแค่บทความเดียวแล้วตัดสินว่าเขากำลังทำแคมเปญดิสเครดิต มันก็ออกจะเกินไปหน่อย
ทั้ง PCWorld, PCToday ของ TAG ลงบทความเรื่องนี้ แถมยังออกเป็น press release ผมคิดว่ามันควรจะเป็น campaign ได้แล้วนะครับ
OK ครับ ผมลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมดู ใน PCWorld ผมไม่ได้อ่าน แต่ใน PCToday ลองไปหาอ่านดูแล้ว
แม้บทความที่ว่าจะเป็นการดิสเครดิต OO.o อย่างชัดเจน (อาจเพื่อผลประโยชน์จริงๆ ก็ได้) แต่มันก็เป็นบทความที่มีประโยชน์อยู่นะ เพราะถ้าโปรแกรมมันมี bug แบบนั้นจริง ก็เป็นเรื่องดีที่จะบอกให้คนทั่วไปได้รู้ ใครใช้อยู่ก็จะได้ระวังไว้ แถมเขายังบอกวิธีแก้ปัญหาให้ด้วย ดีกว่าปกปิดความจริง แล้วพอคนเอาไปใช้เกิดปัญหาที่ว่าแล้วไม่รู้จะแก้ยังไง สุดท้ายคนเลยเลิกใช้ดีกว่า แบบนั้นไม่้แย่กว่าเหรอครับ
ส่วนเรื่องดิสเครดิต Open Source (ต้องแยกประเด็นระหว่าง OO.o และ Open Source) ผมว่ายังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เพราะใน PCToday ยังมีคอลัมน์แนะนำโปรแกรม Open Source อยู่ทุกฉบับ ฉบับล่าสุดยังสอน GIMP อยู่เลย และบางเรื่องที่เขาพูดแม้มันจะฟังดูเจ็บปวดสำหรับคนรัก Open Source (ผมก็คนหนึ่ง) แต่มันก็เป็นความจริงที่ปฎิเสธไม่ได้เหมือนกัน เช่น เรื่องที่ว่ารัฐบาลและ SIPA ลงทุนไปกับ Open Source ไม่ใช่น้อย แต่ได้ผลกลับมาแค่ไหน (บอกตรงๆ ว่าผมก็ผิดหวังกับผลงานของ SIPA ในเรื่องนี้)
อ่านแล้วงงๆ จังครับ- -
ผมลองอ่านเจ้า 21Bug of Openoffice อะไรนั้นแล้ว
ภาษาในบทความค่อนข้าง negative หาจุดผิดแล้วบี้อย่างเดียวเลย แต่ที่เค้าพูดมามันก็ fact นิครับ
ถ้าเค้าจะดิสเครดิตจากจุดอ่อนของ Openoffice จริงก็ เป็นสิ่งที่ต้องทำใจนะครับ จะบอกว่า Opensource แล้วต้องชมอย่างเดียว ผมไม่เห็นด้วย
จะเลือกใช้ตัวไหนก็ต้องไปตัดสินใจให้เหมาะกับองค์กรเอา
ผมเคยคิดมาแล้วองค์กรขนาดกลางซักร้อยคนขึ้นไป ว่ามันจะคุ้มมั้ย เพราะ MSoffice ไม่ใช่ถูกๆ แลกกับ OO.o ฟรี
แต่ OO.o มากับค่าใช้จ่ายแฝงมหาศาล MSoffice ส่วนใหญ่ใช้เป็นอยู่แล้ว และในองค์กรก็ถ่ายทอดเทคนิค หรือสอนเล็กๆน้อยๆสลับกันไปมาได้
แต่ถ้า OO.o ต้องจับพนักงานมาเทรนกันใหม่ ไหนจะค่าจ้างคนเทรน ค่าเสียเวลาที่แทนที่พนักงานจะใช้เวลานั้นทำงาน และ efficiency ก็ยัไงม่แน่นอนว่าพนักงานจะทำเอกสารบน OO.o ได้เร็วเท่า MS ที่ถนัดอยู่แล้ว
และเพราะต่างคนต่างพึ่งเคยใช้ เกิดใครติดปัญหาแทนที่คนใน department จะพอสอนกันได้เหมือนใช้ MS ทำให้ต้องจ้างคนมาคอยตอบคำถามอีก
ไหนจะต้องจัดการเอกสาร แบบฟอร์มเก่าๆ ที่เอามาเปิดบน OO.o แล้วมันเพี้ยน ยิ่งพวก excel ที่มี formalar ด้วยเผลอๆต้องทำใหม่
กว่าจะเข้าที่เหมือนตอนใช้ msoffice ไม่รู้ว่าแพงกว่า license msoffice ไปเท่าไหร่
การ review มันไม่ใช่การจับผิดแล้วยิงอย่างเดียวน่ะครับ เป็นสื่อต้องนำเสนอทั้งสองด้าน ไม่งั้นก็ไม่ถือว่าเป็นสื่อล่ะครับ
คิดว่าเค้าต้องการสื่องี้นะ
บทความไม่ได้เป็นการ review นะครับ
ชื่อบทความก็เจาะไปตรงตัวว่า "21Bug of Openoffice"
ซื้อเก็บไว้สะสมเลยนะครับ บทความ bug review ซอฟต์แวร์บทแรกในโลก
เข้าใจว่าโกรธนะครับ ตั้งใจทำแทบตาย อยู่ๆก็มีคนมาขอข้อมูล นึกว่าจะเอาไปช่วยเหลือกัน กลับเอาไปดิสเครดิต เหมือนโดนเพื่อนที่ไว้ใจแทงข้างหลัง
แต่เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว คงแก้ไขอะไรไม่ได้ ที่ทำได้ก็คิดว่าต่อไปเราจะทำยังไง ถึงจะดีที่สุดต่อ... เอ่อ... ต่อวงการ Open source หรือต่อธุรกิจของคุณ
ไม่บทแรกของโลกหรอกครับ ผมว่าเห็นบ่อยนะ
บทแรกจริงๆ ครับไม่ได้พูดเล่น ลอง Google ดูก็ได้ ถ้าหาเจอยินดีขอบคุณให้ :P
ที่คล้ายแต่ไม่เหมือนคือ Vulnerability Report เช่น Vulnerability Report: Microsoft Office 2003 Professional Edition ซึ่งเป็นการรีวิวจุดอ่อนที่ถูกโจมตีได้ ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากการใช้งาน และจะใช้ภาษาที่เป็นทางการมากๆ
ผมว่า ประเด็นคือ สิ่งเหล่านั้น (ต้นทุนในการ migrate ที่เกิดจากความ "ไม่เหมือน") ก็ไม่ใช่ "บั๊ก" หรือ defect น่ะครับ
ผมลองนึกเปรียบเทียบเป็นรถ โอเค มันอาจจะมี defect จริง เช่น ผ้าเบรกมีปัญหา อันนี้ต้องแก้แน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การที่คันบังคับไฟเลี้ยว/ที่ปัดน้ำฝนอยู่คนละด้านกัน จะกลายเป็น defect ไปด้วย และก็ไม่ได้แปลว่าการที่ช่วงล่างรถแน่นน้อยกว่า จะเป็น defect อีกเหมือนกัน
คือมันเป็นต้นทุนที่เกิด และควรจะต้องรู้ ถ้าคุณจะเปลี่ยนจากรถคันละหลายล้าน มาเป็นรถคันละไม่กี่แสน แต่มันไม่ใช่ทุกอันที่เป็น "ความผิดพลาด" ของรถคันนั้นน่ะครับ
ขอฝากประโยคสองประโยคให้ผู้เขียนคำถาม
"จงมองวิธีแก้ปัญหา มากกว่าการมองที่จะขจัดปัญหาหรือตัวปัญหา" และ
ผู้ชนะ: เมื่อพบว่ามีข้อผิดพลาดจะพูดว่า"ฉันทำผิดเอง" ผู้แพ้: เมื่อพบว่ามีข้อผิดพลาดจะพูดว่า"ไม่ใช่ความผิดของฉัน"
คนที่เข้ามาดูอยากรู้หลายละเอียดว่าคุณ @UntSamphan เขียนเต็มๆ ว่าอย่างไหรดูจากลิงค์นี้้
PC World Thailand is working on a campaign to discredit OpenOffice.org and OSS
จากที่ผมอ่าบทความใน PC World Thailand ผมก็เห็นว่าเขาก็ได้บอกวิธีการแก้ไขทุกข้อด้วยน่ะครับ ไม่ถือว่าเป็นการช่วยแก้ปัญหาเลยหรือครับ ยังไงโปรแกรมมันก็มีบัก ซักวันผู้ใช้ก็ต้องรู้ ต้องเจออยู่ดี
ที่น่าเจ็บใจคือวิธีแก้ไขพวกนั้นนั้นทีมงาน @Osdev เป็นผู้ให้ข้อมูลเขาเองกับมือ เนื่องจากไม่ทราบว่าจะทำบทความออกมาดิสเครดิตกันแบบนี้ bug ส่วนใหญ่เมื่อทราบคำตอบจากเราแล้วก็น่าจะตกไปทันที แต่เขากลับเอาคำตอบของพวกเราไปทำให้บทความของเขารัดกุมแนบเนียนขึ้นไปเท่านั้น
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดถ้าไม่ถูกถึงหลักฐานทางเทคนิค คือการตั้ดหน้าตั้งตาใช้ภาษาเสียดสีประชดประชันแบบนี้ไม่ได้มีเป้าเพื่อให้ความรู้ผู้อ่านแน่ๆ แถมเมื่ออ่านจบก็จะงงว่าตัวเองอ่านจนจบทำไมเพราะแค่รู้จัก bug เพิ่มขึ้น 21 bug!
การแก้ไขปัญหานี้ในประชาคมและภาครัฐทำกันหลายทางครับ ผมเพียงยกประเท็นจริยธรรมสื่อมาในสื่อไอทีออนไลน์ที่ผมชอบแห่งนี้ ประเด็นนี้ผมเขียนเป็น blog ใน blognone เพื้อให้ถกเถียงกันต่อที่ http://www.blognone.com/news/16619
เรื่องบทความตีพิมพ์ลงไปแล้วขายไปแล้วคงแก้ได้ยาก ผมแนะนำคุณ @UntSamphan ส่งเรื่องให้เขาแก้บักเหล่านั้น แล้วรีบเขียนบทความเผยแผ่ดีกว่าครับ จะได้ไม่เป็นอย่างที่บอกไปตามประโยคข้างบนนั้นครับ เอาใจช่วยครับผมให้บักเหหล่านี้แก้ได้เสร็จไวๆ
ลองไปอ่านดูแล้ว ไม่น่าไปโกรธแค้นคนเขียนนะครับ ถึงแม้อาจจะมีใครสั่งมา (ดูจากการชอบนำไปเปรียบเทียบกับ MS Office) แต่เค้าก็เตือนลูกค้าองค์กรนะครับ ซึ่งบางเรื่องก็ค่อนข้างรับไม่ได้ในการใช้งานระดับองค์กรจริงๆ
ถ้าพูดเรื่องจริง แม้จะเป็นข้อเสียของ OpenOffice.org จะไม่ว่าสักคำเลยครับ ถ้าจะดิสเครดิต แต่ทำกันตรงไปตรงมาโดยซื้อโฆษณาก็ไม่ว่าอะไรเหมือนกัน แต่การให้ผู้เขียนบิดเบือน 21 ประเด็น ซึ่งเป็น bug จริงๆ แค่ 8 (ซึ่งมาจาก report ที่ผมส่งให้เนคเทค) โดยใช้ภาษาเสียดสีวกวนให้เหมือนเกิดขึ้นได้จริงๆ อย่างนี้รับไม่ได้ครับ เพราะเขากำลังหลอกลวงคนอ่านอยู่
ซ้ำ
ขอก้อปมาจากใน mailing list หน่อยสำหรับคนที่ขี้เกียจเข้าไปอ่าน
แล้วก็กรุณาอ่านให้จบก่อนจะคอมเม้นท์
ข้างบนนี้เป็นเพียงหัวข้อด้วยซ้ำนะครับ ถ้าใครอ่านเนื้อหาในหนังสือ จะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้เขียนน่าจะเขียนด้วยความอคติ หรือตั้งใจให้เห็นภาพลบพอสมควร อย่างเรื่องเปิดไฟล์ของ MS Office แล้วต่างจากต้นฉบับบ้าง แบบนี้เค้าเรียกว่าบั๊กเหรอครับ!? ผมว่าแค่ทำให้เปิดได้นี่ก็หรูแล้วนะ เหมือนที่ยกตัวอย่างขนาด MS Office ที่ MS ทำเองคนละเวอร์ชั่นก็ยังมีปัญหา อันนี้คนอื่นเป็นคนทำ จะให้เหมือนเด๊ะก็แปลกแล้ว ปกติคุณกินข้าวหอมมะลิ แต่ต้องการประหยัดเลยหันไปกินข้าวเจ้าธรรมดา แต่บอกว่านี่คือบั๊กเพราะมันไม่นิ่มเหมือนข้าวหอมมะลิ!? (ต้องทำให้ได้เหมือนกันด้วยเหรอ?)
edit: เว็บเป็นไรเนี่ย login หลุด แต่พอกลับมาดูกลายเป็น post ซ้ำ - -*
บทความที่ดีควรมี 2 ด้านครับ
และต้องระวังตรรกะเหมารวม
แก้แล้ว ลบ
อยากฟังจากทาง TAG บ้าง
คงทำได้แค่บอกต่อชื่อผู้เขียนบทความ จะได้ระวังตัวบุคคลเอาไว้ หรือจะประท้วงด้วยการงดต่อสมาชิกก็ดี