อ้างอิงจากข่าวนี้ครับ
กระทรวงไอซีทีทุ่ม10ล้านแปล′วิกิพีเดีย′เป็นภาษาไทย
ในตอนหนึ่งของข่าวบอกไว้ว่า "จะมีการแปลบทความภาษาอังกฤษจากสารานุกรมวิกิพีเดีย 30 ล้านบทความ ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Statistical Machine Translation ซึ่งเป็นผลงานนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และนักภาษาศาสตร์ชาวไทย ถือเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการแปลสารานุกรมวิกิพีเดียจากภาษาอังกฤษทั้งหมดเป็นภาษาอื่นด้วยคอมพิวเตอร์"
มีใครพอจะรู้จักเจ้า Statistical Machine Translation หรือว่ามีไอเดียอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างครับ
Statistical Machine Translation ก็แบบ Google Translate ไงครับ แต่แปลหมดคงไม่รู้เรื่องเพราะใน wikipedia เรื่องเฉพาะ/ศัพท์เฉพาะเยอะมาก ศัพท์ธรรมดาแปลดีๆ ยังยากเลย ภาษาไทยซับซ้อน เอาเงินไปร่วมพัฒนากับ google หรือจัดทำเว็บแปลภาษาของไทยน่าจะใช้ประโยชน์จริงได้มากกว่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+1 จัดงบไปจ้างให้นศ.แปลเป็นโปรเจคปิดเทอมภาคฤดูร้อนน่าจะเข้าท่ากว่า
จะว่าไปก็เข้าท่านะ ให้นักศึกษาหารายได้พิเศษ (แต่ถ้าแปลซับนรกมา ใครจะรับผิดชอบ...)
ต้องมีการตรวจทานก่อนอัพขึ้นวิกิก่อนไม่งั้นถ้าบทความถูกใช้อ้างอิงคงวุ่นวาย
wiki มันก็มีระบบตรวจสอบของมันอยู่แล้วครับ
ที่ตรวจสอบนั้นคือมนุษย์ (human)
ถ้าบอทวิกิเก่งพอจะแก้ไขบทความแปลได้
งั้นก็เอา google translator แปลมาทั้งดุ้น
ให้บอทมันแก้เองไม่ง่ายกว่าเหรอ LOL
หลายเรื่องยังคลุมเครือและอาจต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าผมเคยเกรียนแก้วิกิให้คุราปิก้าเป็น female
กว่าจะถูกแก้กลับมาก็นานหลายเดือน ระหว่างนั้นถ้ามีคนอ้างอิงไปใช้ก็นะ..
ใช่ครับ ระบบตรวจสอบที่ผมหมายถึงก็มนุษย์นั่นแหละครับ
บทความที่ยังไม่สมบูรณ์ มันขึ้นเตือนไว้ข้างบนชัดๆเลยว่า "บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ"
ปัญหาการอ้างอิงที่คุณยกมา ผมว่าเกิดจากความไม่รอบคอบของผู้นำไปใช้ครับ เพราะถึงยังไงถ้าไม่มีข้อความเตือนข้างบน จะเอาแต่เชื่อวิกิเป็นแหล่งข้อมูลเดียว แล้วเอาไปใช้ ผมว่ามันหละหลวมมากไปนะครับ
ข่าวนี้เป็นข่าวต่อเนื่องจากข่าวที่ทั่นนายกฯบอกประมาณว่า
เด็กไทย 80% ต้องเข้าถึง Internet แล้วก็แก้ Wikipedia 3 ล้านบทความเพื่อให้เด็กไทยเข้าถึงความรู้
แต่ในความเห็นผม แค่ฟังวิธีการแปลบทความจาก Wikipedia แล้วอยากจะเสนอทั่นนายกฯ ว่า
"นักการเมืองและฝ่ายบริหารประเทศ 100% ควรได้รับความรู้เรื่อง IT อย่างเร่งด่วน"
"นักการเมืองและฝ่ายบริหารประเทศ 100% ควรได้รับความรู้เรื่อง IT อย่างเร่งด่วน"
แรงครับท่านแต่ผมเห็นด้วยสุดโต่ง บางคนอีเมล์ยังใช้ไม่เป็นเลย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
เห็นด้วยอย่างแรง
สำหรับผม ผมว่าไม่จำเป็นที่นักการเมืองและฝ่ายบริหารประเทศต้องมีความรู้ด้าน IT มากมาย มีเท่าที่ใช้งานได้ก็พอเพียงแล้ว แต่ต้องสรรหาลูกน้องที่มีความสามารถมาทำงานให้ได้ เหมือนผู้บริหารบริษัทผม ความรู้ด้าน IT น้อยมาก แต่สามารถบริหารบริษัทได้เป็นอย่างดี
*** งานนี้ผมโทษคนเสนอความคิดที่ใช้โปรแกรมแปล งานเร็วจริง แต่ได้ไม่คุ้มเสีย
โอ พระเจ้า อุตส่าห์ขุดมา!!!
ไม่ต้องรู้ทั้งหมดครับ แต่ต้องเข้าใจหลักการ และต้องคิดตามได้ทัน
น่าจะเอาเงินไปจ้างนักศึกษาดีกว่ามั๊ง เขาจะได้ฝึกฝีมือและมีงานทำด้วย
มันปลายเหตุเกินไปนะครับ
ผมว่าควรยกระดับภาษาอังกฤษของเด็กให้มากขึ้น ถึงมันจะยากหน่อย แต่ในระยะยาวมันคุ้มค่านะครับ
ปี 2015 ก็จะเข้า Asian Trade อะไรนั่นแล้ว(ผมจำชื่อชัดๆ ไม่ได้) ที่ประมาณว่าการค้าในทวีปเอชียรวมถึงแรงงานสามารถทำงานข้ามประเทศกันได้หมด
ถึงเวลานั้นถ้าเด็กไทยภาษาอังกฤษยังไม่แข็งก็คงถูกแย่งงานดีๆ ไปหมด
แต่ตอนนั้นภาษาประจำ Asian อาจจะเปนภาษาจีน แล้วประเทศอเมริกาอาจจะเจ๊ง
ภาษารองๆอาจจะขึ้นมาเปนภาษากลางแทน เช่นฝรั่งเศส โปรตุเกส สเปน และจีน
คนที่ลงแรงศึกษาภาษาอังกฤษจำนวนมากอาจไม่มีงาน ขาดแคลนคนที่เรียนภาษาจีน
แล้วเราในตอนนี้ที่กะเกณฑ์ว่าเด็กทุกคนต้องเรียนภาษาอังกฤษรับผิดชอบอะไรได้ใหมครับ
การมองการณ์ไกลเปนเรื่องดีครับ แต่มันควรใช้กับตัวเราเอง
ควรระวังว่าเราไปกะเกณฑ์อนาคตให้คนอื่น เรารับผิดชอบให้เขาได้ใหม ถ้ามันผิดพลาด
เด็กจะเรียนหรือไม่เรียนภาษาอะไร ให้อิสระเขาดีกว่าครับ
การฝึกภาษาอังกฤษ เป็นทางผ่านไปสู่ความรู้มากมายทั่วโลกครับ ถึงจะไม่ได้นำไปใช้ในการทำงานโดยตรงก็ตาม
+1 บางอย่างต้องเริ่มต้นด้วยการบังคับ เช่น การท่องสูตรคูณ ท่องพยัญชนะ
ปัจจุบันประเทศไทยให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองภาคบังคับ แต่เด็กไทยส่วนมาก(อันนี้คิดเอาเองว่าส่วนมาก) ยังใช้ภาษาอังกฤษได้แย่มาก
มีความเห็นยังไงครับ กับการที่ว่าภาคบังคับยังเรียนได้ห่วยขนาดนี้ แล้วจะให้เลือกเองอิสระ
แต่จริงๆ ผมแอบเห็นด้วยนะ เพราะตัวผมเองก็ไม่ชอบเหมือนกันที่รัฐฯ ชอบเอาความคิดตัวเองไปกะเกณฑ์ชีวิตคนอื่น แต่ผมมองถึงความเป็นไปได้ทางปฏิบัติด้วย
ก็ไม่จำเปนว่าเปนเพราะตัวเด็กเสมอไปครับ
ก็ตามที่คุณว่า ก็ออกจะชัดเจน ว่าการบังคับให้เรียนภาษาอังกฤษไม่มีประโยชน์ เด็กไทยยังใช้ภาษาอังกฤษได้แย่มาก
ถ้าบังคับแล้วจะไม่ช่วยอะไร มันยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ หลักสูตรห่วยๆนี่ไม่มีอาจจะดีกว่า เด็กจะได้เอาเวลาไปใช้ในทางของตัวเอง
สรุปคือ ผมว่าเห็นชัดๆ ว่าปัญหานี้เกิดจากคุณภาพการศึกษา ไม่ใช่ปริมาณนักเรียน
เด็กที่พอใจเรียนภาษาต่างประเทศด้วยตัวเอง อาจมีมากมาย เหมือนเวลาเราบังคับเรียนสายวิทย์สายศิลป์ ก็มีเด็กที่เลือกได้ด้วยตัวเองว่าอยากไปทางไหน
สิ่งที่ผมเชื่ออย่างหนึ่งคือ เด็กส่วนใหญ่ในโลกมีความใฝ่รู้ สนใจการเรียน
แต่สภาพแวดล้อมการเรียนที่น่าเบื่อและไม่มีคุณภาพของประเทศไทยเอง ที่ปั๊มให้เด็กไม่อยากเรียนในโรงเรียน แว้น หนีเรียน เรียนเอาเกรดเอาปริญญาไม่ได้เอาความรู้
เรื่องบางเรื่องมันจริง แต่ไม่ถูกต้อง เปนเรื่องที่ Real แต่ไม่ Right
เหมือนสมัยหนึ่งที่การมีทาสเปนเรื่องที่ปกติ
ก็ ไม่ ต่าง กัน
ความจำเป็นเรื่องภาษาอังกฤษในมุมมองผม สำคัญตรงที่แหล่งความรู้ที่สามารถค้นหาได้มากมายในอินเทอร์เน็ตส่วนมากใช้ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะความรู้ด้านไอที ทูล และภาษาโปรแกรมต่าง ๆ ล้วนมีฐานมาจากภาษาอังกฤษ
ส่วนภาษาจีนต่อให้ในอนาคตมีอิทธิพลมากขึ้นในภูมิภาคหรือทั้งโลกก็คงเป็นเรื่องของการติดต่อค้าขายหรือทางธุรกิจเป็นหลักก่อน คงอีกนานกว่าเราจะต้องมานั่งศึกษาตำราการเขียนโปรแกรมต่าง ๆ ด้วยภาษาจีน (หรือว่าเริ่มมีแล้ว!)
หนังสือภาษาไหน ก็ออกมาจากประเทศที่ใช้ภาษานั้นครับ
ประเทศที่เจริญแล้วแปลหนังสือต่างประเทศเปนภาษาตัวเองมากกว่าประเทศเรามาก
ในฐานะที่มนุษย์เปนสัตว์ที่แบ่งงานกันทำตามความถนัด ไม่ว่าจะใช้ระบอบทุนนิยมหรือคอมมิวนิสท์ ก็ไม่ต่างกัน
การคิดว่าต้องให้คนทุกคนทำอะไรบางอย่างได้เหมือนกันเปนอย่างน้อย ผมว่าเปนความคิดที่ผิดทางนะ
คนที่่เก่งภาษา รักการเรียนภาษา ก็เรียนภาษา เพื่อแบ่งงานของคนที่ไม่ได้เรียนภาษา นั่นน่าจะถูกมากกว่า
ประเด็นของผมมีอยู่ว่า คนที่ไม่สนใจจะทำ ไม่รักที่จะทำ บังคับให้ทำไป จะได้ประโยชน์แค่ไหน
แน่นอนว่าการศึกษาอาจต้องปูพื้นบ้าง ให้เด็กได้ลองหลายๆอย่างก่อน แล้วค่อยมาเลือกว่าใครน่าจะไปได้ดี ใครที่พอใจที่จะเรียนอะไร
ผมเข้าใจสิ่งที่คุณ thaina หมายถึงนะครับซึ่งจริงๆ แล้วเราอาจจะคุยเรื่องเดียวกันแต่คนละมุมมากกว่า
สิ่งที่ท่าน PaPaSEK เริ่มน่าจะเป็นประเด็นของตัว "ความรู้" ที่อยู่ในเปลือกของ wikipedia ซึ่งเป็นคนละภาษาและปัญหาคือการแปลด้วย "เครื่องจักร"
ที่ท่าน thaina แตกประเด็นมาผมเข้าใจว่า เป็นมุมมองด้าน วิสัยทัศน์ทางการศึกษาซึ่งผมสรุปลงด้วยคำว่า "โอกาส" น่าจะเหมาะสมกว่า คือเป็นโอกาสและทางเลือกที่หลากหลายตามความต้องการของตัวบุคคลเอง ตรงนี้เป็นเรื่องที่กว้างและมองไกลออกมาจนรวมเอาประเด็นต้นไปด้วย ผมไม่ได้โต้เถียงนะครับเห็นด้วยเลย
ส่วนผมเองก็หมายความแคบๆ แค่เรื่องตัวออปเจค "ความรู้" ที่อยู่ตามแหล่งต้นน้ำต่าง ๆ ที่ถูกหุ้มด้วยเปลือกของภาษาสากล(อังกฤษ) คือก่อนที่จะถูกแปลเป็นภาษาอื่นๆ ก็ถูกสร้างมาจากเจ้าของที่ใช้ภาษาสากลในการพัฒนา(จริงๆ ผมมุ่งเน้นเกี่ยวกับเรื่องภาษาหลักที่ใช้ในการโปรแกรมมิ่งในช่วงยุคนี้น่ะครับ)
อิอิ แต่ผมเข้าใจคุณ thaina นะครับ อันนี้ตอบคุณ thaina
ขอออกตัวว่าไม่ได้กระแนะกระแหน มนุษย์นั้นควรมีกรอบให้เดินตามบ้าง ไม่งั้นจะเละครับ(เป็นแค่ความเห็นส่วนตัว กับสถานการณ์บางอย่าง)
ผมว่ากรอบมันก็มีข้อดี ตรงที่เรารู้ว่าถ้าเราต้องการคนที่มีคุณสมบัติแบบนี้ๆ ก็ต้องเลือกจากสถาบันที่มีกรอบแบบนี้ๆ มันทำให้รู็ว่ามาตรฐานใกล้เคียงกัน
ทุกวันนี้แว้นเต็มเมืองครับ นี่คือการปล่อยให้เด็กได้เลือกตามใจโดยปราศจากกรอบให้เขาเดินครับ
จริงแล้วตอนนี้ผมว่าคุณ thaina ก็น่าจะเรียนจบแล้ว อยากทราบว่าเริ่มเรียนภาษาที่ 3,อยากเรียนภาษาใดๆ เพิ่มเติม หรือว่าอยากจะอ่านตำราภาษาใดๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยบ้างมั้ยครับ
ตรงข้ามนะครับ ผมเห็นแว้น สก๊อย เกิดจากสิ่งที่อยู่ในกรอบ คับแคบ ไม่มีคุณภาพ ไม่เข้าท่า ไม่เหมาะกับพวกเขา
ไม่มีที่ไปพวกเขาถึงได้แหกกรอบ
สิ่งที่เขาเปนนั้น ไม่ใช่อยู่ในกรอบแล้ว พวกเขาไม่ได้เลือก แต่เขาไม่มีทางเลือก
การมีกรอบไม่ใช่เรื่องเสียหาย
แต่มันควรยืดหยุ่น กว้างขวาง และมีประโยชน์มากกว่าที่เปนอยู่
ถามมาก็ตอบไป สำหรับผม ผมอยากศึกษาภาษาญี่ปุ่นนะ
แต่ผมเน้นทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งงานส่วนใหญ่เปนภาษาอังกฤษ ก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษไป
และผมไม่ถนัดเรื่องภาษามากนัก สิ่งที่อยากทำคือเทคโนโลยีมากกว่า จึงต้องเอาเวลาไปลงตรงนั้นก่อน
ดักคอไว้ก่อนว่า งานประเภทอื่นๆ มีภาษาอื่นมากมาย ขึ้นอยู่กับแหล่งของงานนั้นๆ
ถ้าให้ผมเลือกตอนเด็ก ผมสนใจเทคโนโลยี ผมก็ต้องเลือกภาษาอังกฤษ
แต่คนที่เลือกงานสายอื่น ก็ควรได้รับโอกาสที่จะเลือกภาษาของประเทศที่ชอบ นี่คือสิ่งที่ควรจะเปน
ไม่ต้องดักหรอก แหมตัวเองก็...
เคยคุยกับแว้นมั้ยครับ แว้นเบื่อที่จะเรียนครับ เรียนแล้วไม่ได้ขับมอเตอร์ไซค์ จะจีบหญิงก็ไม่มีอะไรเท่ๆ ดึงดูด วันๆ ต้องอยู่แต่ในห้องเรียน น่าอาย แบบนี้ไม่เรียกว่าไม่มีโอกาสหรือไม่มีทางเลือกนะครับ
เด็กหลายคนยากจน แต่ทำงานส่งเสียตัวเองจนเรียนได้สูงสุดแค่ไหนก็แค่นั้น
แบบนี้เรียกว่า การเลือก ครับ ไม่ใช่ไม่มีทางเลือก
ส่วนเรื่องภาษานั้นก็อย่างที่คุณตอบครับ ถ้าไม่มีใครบังคับ ทุกคนก็อยากทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องทำ ต้องใช้ หรือโดนบังคับก่อน ส่วนน้อยครับที่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร โดยเฉพาะเด็กๆ
ผมเองศึกษาภาษาญี่ปุ่นครับ แต่ก็หยุดเป็นช่วงๆ ผมว่ามันจำเป็นสำหรับคนติดเกมอย่างผมครับ เพราะเกมมักออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อนเสมอ(ฮา)
ปล.ผมเก่งภาษาอังกฤษเพราะเกม RPG ครับ ขอบคุณเกม RPG ครับ ดิกฯนี่วางข้างตัวตลอดเลย
ทำไมแว้นถึงเบื่อที่จะเรียนล่ะครับเคยคิดใหม?
ลองคิดภาพว่าต้องไปอยู่ในห้องๆนึง มีแต่คนพูดภาษาที่ไม่เข้าใจ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์กับชีวิต
คุณจะทำอย่างไร?
คุณก็แค่ได้ฟังแว้นบ่นว่าเบื่อ ก็หยุดคิดแค่นั้น
เคยคิดให้ลงลึกไปอีกหรือเปล่า ว่าปัญหานี้มันคืออะไร เริ่มมาจากไหน
สิ่งที่ผมกล้าพูดคือคุณภาพการศึกษา เปนตัวส่งเสริมปริมาณของแว้นในประเทศ
คือมันต้องมีอยู่แล้วคนที่มัน Born to be จริงๆ
แต่คุณคิดว่ามีกี่เปอร์เซ็นต์ ที่เปนแว้น แค่เพราะไม่มีอะไรที่อยากจะเปนมากกว่านี้
สิ่งที่คุณไปถาม ได้รับคำตอบมา มันก็แค่ผิวๆ
เด็กมันก็ตอบตามแฟชั่น นั่นแสดงให้เห็นถึงความกลวง คิดอะไรตามเพื่อน ตามกระแส
ผมก็คิดว่าคุณน่าจะรู้นะ
แต่ทำไมตอบแต่อะไรตื้นๆแบบนี้
โห แบบนี้ไม่เถียงแล้วครับ
แรง
ในสังคมปัจจุบัน คุณภาพชีวิตดีขึ้นระดับหนึ่ง คือไม่ถึงขั้นอดตายจริงๆ
เด็กเริ่มมองหา นอกจากปัจจัยพื้นฐาน การยอมรับ
เด็กว่างเกินไป อยู่ในชีวิตที่สบายระดับหนึ่ง
ไม่มีตัวอย่าง ไม่รู้ว่าเรียนไปทำไม หรือทำตัวอยู่ในกรอบทำไม
ผมเชื่อว่า แว้น ไม่มีความภูมิใจในตัวเอง
และค้นหาคุณค่าของตัวเอง ถามหาการยอมรับที่ควรได้จากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง
แต่กลับไปหาเจอการยอมรับเข้ากลุ่ม จากเพื่อนฝูง
แล้วเด็กรุ่นนั้น 12-16 ที่ไม่มีคนชี้ทาง มันจะมีอะไร?
ปัจจัยแรก ผมโทษผู้ปกครองนะ
ก็เห็นด้วยครับว่าปัจจัยแรกคือผู้ปกครอง
การที่เด็กจะมีความภูมิใจในตัวเอง มองเห็นตัวอย่าง มีความฝันในอนาคต
ก็เกิดจากสิ่งแวดล้อมทั้งหมด อย่างที่เขาบอกไว้ว่า พ่อแม่คือครูคนแรก
แต่ผมว่าระบบการศึกษามีผลมากกว่าน่ะครับ(อันนี้แค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
แล้วแต่ครับ แต่ผมอยากให้มองว่า ให้คนไทยยืนหยัดด้วยตัวเอง
อย่าหวังพึ่งคนอื่น แม้แต่รัฐบาล
(ที่ออกแบบการศึกษาแบบ ไม่ต้องตั้งคำถาม
มีหน้าที่รับคำสั่งโดยไม่มีสิทธิ์คิดตั้งคำถาม)
คือถามง่ายๆ อนาคตลูกๆหลานๆของคุณมีคุณค่ารึเปล่า แล้วทำไมไม่ดูแล?
แค่คุณยังไม่ดูแลเลย แล้วจะใครจะมาดูแลแทนคุณ?
ผมกลัีบมองว่ามนุ๋ษย์คือตัวแปรที่ควบคุมลำบาก
การหวังพึ่งพ่อแม่ของเด็กให้ดูแลอย่างดีที่สุด มีปัจจัยหลายอย่างที่เปนไปไม่ได้ ไม่ทั่วถึง ไม่ครอบคลุม
และเรื่องภายในครอบครัวก็ยากที่จะมีคนนอกไปแก้ไขอะไรได้
ในทางกลับกันที่ พื้นที่ทางสังคม เช่นสถาณศึกษา มันสามารถบังคับกรอบสาธารณะได้ง่ายเพราะมันเปนของที่ใช้ร่วมกัน
เอาง่ายๆคือรัฐบาลสามารถออกกฏบังคับได้เลยว่า คนเปนครูจำเปนต้องทดสอบความสามารถทางการสอน ทางอารมณ์ และอื่นๆ เพื่อที่จะดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพ
ประเด็นอยู่ที่ เด็ก จะกลายเปนพลเมือง จะอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม
แต่ครอบครัว ไม่จำเปนจะต้องเห็นค่า
อย่างพ่อแม่แก๊งซิ่งที่ปั๊มลูกกันตอนอายุ 14 จะให้ดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพคงเปนไปไม่ได้
เอาง่ายๆแม้แต่พ่อแม่ที่รักลูก แต่เลี้ยงลูกผิดทาง บังคับขู่เข็ญ นั่นก็ไม่เข้าท่า
ผมว่าทรัพยากรมนุษย์ มันเปนเรื่องที่ฝากความหวังไว้กับสถาบันครอบครัวไม่ได้ครับ
สังคมและประเทศจึงต้องออกแบบระบบที่จะรองรับปัญหาไว้ด้วย
มันก็เหมือน Garbage Collection นั่นแหละครับ
ถึงโปรแกรมเมอร์จะไม่ทำ Mem Leak แต่มีไว้ก็ดีกว่าไม่มีอยู่ดี
เพราะมันลำบากบางอย่างถึงต้องมีการบังคับไงครับ มันจะได้ไม่ออกนอกลู่นอกทางเกินไป และทำให้การจัดสรรทรัพยากรใช้ได้อย่างเต็มที่ตามจำนวนที่มี และมีพื้นฐานที่เท่ากัน เมื่อถึงระดับหนึ่งค่อยปล่อยให้เขาได้อย่างเสรี เช่น การเลือกเรียนต่อตามความถนัด
ปล.จะต่อกันไปถึงไหน มันเล็ก แคบ ชลูด จนอ่านลำบากแย่แล้ว
ต่อให้เล็กลงอีก อิอิ
เล็กไปอีก
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
อยากรู้ว่าถ้าเล็กมากๆ แล้วเป็นยังไง
Ton-Or
มะ ผมช่วย
เราเคยทดลองไปแล้วกระทู้หนึ่งครับ ผลการทดลองก็คือเบี่ยงออกขวาทะลุเลยหน้าจอไปเลยครับผม..
(แต่ Theme ปรับปรุงใหม่นี้เราอาจได้เห็นปีรามิดสูง แทนที่จะเป็นปีรามิดอ้วนครับ)
เข้ามาทดสอบระบบตัดคำภาษาไทยของ Chrome ครับ
รอดมั้ยครับ จับภาพมาลงตรงนี้เลยก็ดีผมก็อยากรู้ว่าช่องแคบๆ ตัวหนังสือเบียดๆ พอมีรูปมันจะเป็นยังไง
อีกเดี๋ยวก็หลุดกรอบ
ลองหน่อยๆ
สุดๆ ไปเลย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
จอผมล้นไปแล้วตั้งแต่ rep นี้
ผมชอบอยู่นอกกรอบ
Avatar อยู่นอกกรอบแล้วมั้ง
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
เลิกดีกว่าไหม
ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอลองโพสต์ภาพก่อนละกันครับ ก่อนทาง Blognone จะปิดไม่ให้ comment เกินหกชั้นจริงๆ
เหอะๆ
ออกความเห็นตรงข้อความในวงเล็บว่า "หรือว่าเริ่มมีแล้ว!"
ความเห็นคือ "มีแล้วครับ"
เพราะตอนนี้ Integrate Circuit ทั้งหลายผลิตในจีนเกือบเป็นส่วนใหญ่แล้ว
โดยเฉพาะ SoC ซึ่งทำให้ Document ออกมาเป็นภาษาจีนครับ
ต้องเอาเมาส์วางไว้ที่แถบสีเทา แล้วเลื่อนขึ้นไปอ่าน แล้วเลื่อนลงมาอ่านเม้นนี้อีกรอบ ถึงจะรู้เรื่อง =|
+1
จริงๆ ยกตัวอย่างอย่างสิงคโปร์ ตัวประเทศเค้าเองนั้นยกระดับภาษา จนเด็กสิงคโปร์รุ่นใหม่ๆเค้าใช้ภาษาอังกฤษในการสือสารกันหมดแล้ว ถึงแม่สำเนียงจะเพี้ยนๆกันบ้าง แต่เค้าก็ไม่ทิ้งภาษาแม่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีนหรือมาเลย์ ก็ยังมีใช้และพูดปะปนอยู่ในสังคม
ถ้ามองสิงคโปร์เป็นโมเดล อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้เด็กไทยได้เปิดโลกกว้างขึ้น ความรู้ก็จะไม่จำกัดอยู่แค่วิกิปีเดียหรอกครับ ตำราเอกสาร ชาติไหน ก็เข้าถึงได้หมด
การยกระดับใช่ว่าจะละนี่ครับ งบแค่นี้ถ้าทำได้ดีจริงคุ้มมากๆ นะครับ
ความเห็นส่วนตัว...
คนไทยมักคิดว่า "ไม่ซ้ายก็ต้องขวา" ครับ
เพราะคนไทยคิดว่า "จับปลาสองมือ" คือแนวคิดที่เป็น Negative
เมื่อเสวนากันเรื่องทำนองนี้ จึงออกมาเป็นแบบนี้ครับ
ยกระดับภาษาอังกฤษ ผมว่ามันใช้เวลาเยอะนะ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ
แต่ทำโครงการนี้ควบคู่ไปก็โออยู่นะ ถืือว่าระหว่างรอปฏิรูปการศึกษาสำเร็จ คนรุ่นนี้ก็จะได้เข้าถึงความรู้กันอย่างทั่วถึงมากขึ้น (ถ้าแปลแล้วมันเวิร์คนะ)
อีกประเด็นนึงคือ wikipedia มีการอัพเดตตลอดเวลา แปลมาแบบนั้นทั้งเว็บ จะอัพเดตได้บ่อยแค่ไหน ถ้าจะทำแปลเป็นประโยคได้ก็ทำแบบใส่ url แล้วแปลเว็บแบบ google ไปเลย ใช้ได้กับทั้ง wikipedia และเว็บอื่นด้วย ข้อมูลก็ปัจจุบัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
สิ่งที่ผมคิดคือ
Wiki นั้นใครจะแก้ยังไงก็ได้ จนเคยมีข่าวว่า นศ.ต่างประเทศคนนึงจงใจแก้ข้อมูลใน Wiki ผิดๆ เพื่อจะดูว่ามีการกรองความถูกต้องก่อนนำไปใช้หรือไม่ ปรากฏว่าข้อมูลผิดๆ ถูกนำไปตีพิมพ์หลายครั้งครับ
แล้วแบบนี้รัฐฯ จะให้ใช้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับเด็กไทยหรือ ไม่รู้ว่าทุ่มงบฯ ไปเท่าไร
แค่ส่วนน้อยไม่น่าซีเรียสครับ กรณีนี้ประโยชน์มากกว่าแน่ครับ
ผมไม่ได้มองว่าส่วนน้อยหรือส่วนมากนะครับ ที่ผมเป็นห่วงคือ รัฐฯ ลงทุนและอยากจะใช้แหล่งข้อมูลที่ใครๆ ก็สามารถแก้ไขได้มาเป็นแหล่งข้อมูลให้เด็กไทยได้ศึกษา
ทำไมไม่ไปสนับสนุนห้องสมุดและลงทุนตรงนั้นมากกว่า มันเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ และอ้างอิงได้แน่นอน
wikipedia น่าเชื่อถือพอครับ ข้อมูล update เร็วและมีปริมาณมากกว่าห้องสมุดไหนๆ ในโลก และเข้าถึงง่ายกว่าอีกด้วยการออนไลน์ ถูกกว่าไปสร้างห้องสมุดแน่นอนครับ
ผมว่าวิกิพีเดียบางทีก็ยังน่าเชื่อถือว่าหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ซะอีก
มันเปนความน่าเชื่อถือแบบอนาธิปไตยน่ะนะ
ถ้าไม่เคารพหรือไม่ชินกับแนวคิดอนาธิปไตยก็จะระแวงว่ามันไม่ได้น่าเชื่อถือจริง
ข้อมูลแบบที่ปล่อยออกมาอย่างมีแบบแผน เปนจริงเปนจัง บางทีก็เปนข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือนมาแล้ว
การที่ "มีคนควบคุมให้เนื้อหามีความถูกต้อง" มันก็มีค่าเท่ากับ "มีคนควบคุมเนื้อหาให้มันถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ได้"
การที่ "ไม่ใช่ว่าใครๆก็แก้ได้" บางทีก็มีค่าเท่ากับ "มีเพียงคนจำนวนหนึ่งที่ตัดสินใจว่าจะแก้ให้ถูกหรือไม่ก็ได้"
และการที่ "ใครๆก็แก้ได้" ก็มีค่าเท่ากับ "ใครๆก็แก้ข้อมูลที่ผิดให้เปนถูกได้"
เหมือนกันนะครับ
ครั้งหนึ่งเคยมีข่าว ผู้ผลิตซอฟท์แวร์ยักใหญ่จ้างคนเพื่อโพสต์และแก้ไขข้อมูลในวิกิให้เอนเอียงมาทางตัวเอง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว อย่าง U ที่ผมเรียนอยู่ เขาประกาศชัดเจนทั้งตอน orientation และ ใน class เลยว่า การใช้ข้อมูล Wikipedia เป็นสิ่งที่ดีมาก แต่สิ่งที่ห้ามทำคือ ทำการอ้าง source จากมัน เพราะระดับความน่าเชื่อเป็น 0 แต่ข้อมูลในนั้นปูพื้นฐาน แล้วไปอ้าง source จาก IEEE, ACM หรือ Journal ต่างๆที่ published จริงๆแทน
+1
คงได้อารมณ์ประมาณอ่านเว็บแปล - -''
อย่าเพิ่งแปล wiki เลย
แค่ 10 ล้านพัฒนาตัวแปลภาษาอังกฤษเป็นไทยให้อ่านรู้เรื่องก่อนเหอะ (จะพอป่าว 10 ล้าน)
แล้ว opensource ซะ คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีกตั้งมากมาย อย่าว่าแต่แปล wiki เลย
SIPA ปิดไปแล้วครับ อิอิ
ข่าวนี้สื่ออื่นที่ไม่ใช่อินเตอร์เน็ต รู้สึกข่าวจะเงียบเอามากๆ
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
จะแปลด้วยคนก็ช่างหรือซอฟต์แวร์ก็ช่าง นี่ถือว่าเป็นข่าวดีทีเดียว เพราะบนอินเตอร์เน็ต ผมว่าภาษาไทยเรามีที่ยืนน้อยมาก (อาจเป็นเพราะความยุ่งยากของระบบอักษรของเราด้วยก็ได้ รวมถึงภาษาลาว และเขมร ที่มีลักษณะคล้ายๆกัน) ใน Wiki เองผมเห็นบทความภาษาเวียดนามเยอะมากๆ แถมบ้างเรื่องละเอียดกว่าภาษาไทยมากๆ (คำค้นเดียวกัน) ไหนจะเว็บทั้งหลายที่เดี๋ยวนี้จะเห็น Tieng Viet ขึ้นเต็มไปหมด
ระยะสั้นและเร่งด่วนคือแปล เพราะมีคนรุ่นเก่าเยอะ
และระยะหวังผลยาว คือเด็กรุ่นใหม่ที่ใช้ภาษาได้คล่อง
มองอีกมุมมันอาจจะเป็นการสร้างความเคยชินให้สืบเนื่องต่อจากคนรุ่นเก่าก็ได้นะ ในระยะยาวเองก็ยังจับต้องไม่ได้
จากที่อ่านตัวอย่าง ผมว่าแปลดีกว่า Google Translate เยอะเลยครับ
อาจเพราะเนื่องจากถูกปรับปรุงให้เข้ากับลักษณะของภาษาไทยจริงๆ
แทนที่จะแปล ไปจ้างนักศึกษา มาช่วยกันหาข้อมูลมาใส่ดีกว่านะครับ น่าจะได้ประโยชน์กว่า
แม้นข้อมูล ถูกบ้าง ผิดบ้าง เดี๋ยวจะมีคนมาแก้ให้เอง
ดีกว่าทำแบบนี้ แล้วคนแก้ แก้ไม่ถูก เพราะจะกลายเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้
จะเอาที่ไหนมาอ้างอิงความรู้ไม่เอา.. เอาวิกิ.. ?
คิดว่ามันน่าเชื่อ 100% แล้วรึไง กับสารานุกรมที่ใครๆก็เขียนได้ = ="
แล้วก็นำมาเป็นความรู้อ้างอิงมาป้อนให้แก่เด็กไทย.. โถชีวิต T T
สิ้นหวังแล้วจริงๆ กระทรวงเทคโนโลยีสารขันฑ์แลนด์...
ทำไมไม่แปลแล้ว submit ขึ้น wiki เลยหว่า
นั่นแหละที่ไม่ควรทำที่สุด
ยิ่งไปทับของเดิมยิ่งไปกันใหญ่ -*-
ทำเฉพาะที่ไม่ซ้ำก่อนสิครับ มีเยอะมากนะ
ที่ซ้ำค่อยว่ากันอีกที อาจใช้คน validate ก่อนอีกชั้น
คือที่กลัวว่าทับเพราะ. กลัวเอาของห่วยมาทับของดีนะครับ
ให้เด็กทำโปรเจ็กเหมือนปริญญาสิครับ ก่อนจบก็อัพความรู้ที่ตัวเองศึกษามาลงเว็บ(สักที่อาจจะตั้งใหม่เป็นของคนไทย หรือwiki ก็ได้) ผมว่าวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาปริญาตรีทำอยู่ก่อนจบกันทุกปีๆ สุดท้ายมันไม่ได้ใช้ประโยชน์ 100% นะผมว่า สู้เอาขึ้นเว็บไม่ดีกว่าหรอ แล้วก็ทำตัวหลักเป็นเล่มไว้อ้างอิงที่ตัวเรากับมหาลัยด้วยก็ได้ ดีกว่าตั้งเยอะ แล้วไอเรื่องการแปลเว็บ wiki มองในมุมนึงมันก็ดีนะครับ ตรงที่เราสามารถเข้าถึงขอมูลได้มากขึ้น แต่ ถ้าลองมองอีกด้าน เรากำลังทำร้ายเยาวชนรึเปล่า การหาข้อมูลมาได้ง่ายๆ เดี่ยวเด็กบางกลุ่มก็ copy paste กระจายหรอกครับ แต่ถ้าข้อมูลมันเป็น Eng แบบเดิม มันอาจจะกระตุ้นให้เด็ก(บางส่วน) หาความรู้เรื่องภาษาอังกฤษ เพิ่มก็ได้นะครับ ^^
+1 ไม่แน่อาจจะมีสักคนดังเหมือนเฟซบุ๊ค
เค้าตัดสินใจแล้วหนิครับ ไม่รู้ทำโพลสอบถามความคิดเห็นก่อนหรือเปล่า
จะรอดูละกัน
มันจะอ่านเข้าใจไหมนิ
ว่าแต่คืออะไร
Statistical Machine Translation
ไปค้นเจอมา เหมือนเป็นโปรเจค แล้วเค้าก็ทำเป็น solution service มาให้
http://www.statmt.org/
เครื่องแปลภาษาด้วยหลักสถิติ?
เดาๆ เอา อาจจะคล้ายๆ ระบบที่บันทึกคำแปลเป็น phrase (คำนี้ภาษาไทยมันว่าอะไรหว่า) หรือ ประโยค ลงในฐานข้อมูล แล้วให้เครื่องหาด้วยหลักสถิติ
ข้อดีคือ เขียนโปรแกรมง่าย logic ไม่ซับซ้อน
แต่ระหว่างแปล อาจจะอ้วกได้ เพราะต้องบันทึกข้อมูลเป็นจำนวนมาก ในระหว่างที่แปล
(เวลาเจอประโยค หรือ Phrase ที่ไม่มีใน database ก็ต้องใส่เพิ่มเข้าไป)
อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แปลช้า...
แปลมาเลยครับ เดี๋ยวก็มีคนเอาขึ้น วิกิ ให้อีกที..
wiki thai มีไว้ทำไมล่ะนั่น..
มีไว้แปลเป็นภาษาอังกฤษ
โปรแกรมที่ดีจะต้องทำงานได้ 2 ทาง
อังกฤษ -> ไทย
ไทย -> ไทย
เอ่อ..ผมหมายถึง
ไทย -> คน
มองตื้น ๆ ดีครับ ดีกว่าเอางบไปละลายทำอย่าอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์ ทุบถนน ถมท่อ ขุดบ่อประปา
แต่ผมว่า ทำไมไม่แปลคำไทยเป็นภาษาอื่นแล้ว เป็น Opensource ให้เค้าหยิบไปใช้ ถ้าทำได้อากู๋คงไม่มั่วขนาดนี้
ใจจริงผมอยากให้แปลภาษาเพื่อนบ้านดีกว่า ประโยชน์เห็นชัดเจนมาก โดยเฉพาะเขมร
เห็นด้วยตรง "Opensource ให้เค้าหยิบไปใช้" แต่ไม่จำเป็นต้องแปลภาษา อะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ หยิบง่าย ใช้คล่อง
คนใช้งบส่วนใหญ่โง่นะว่ามะ
ชอบเอาเงินมาทำอะไรก็ไม่รู้ เเถวบ้านผมมีติดจอยักษ์เปิดสไลด์โชว์รูปโครงการจังหวัดปทุมตรงสี่เเยก
มันมีสองตัว เปลื้องไฟ เเถมตอนกลางคืนทำให้เเยงตาอีก ปวดตับโครต
อันนี้ผมลองอ่านตัวอย่างดู เเปลอย่างงี้มันก็ไม่เข้าใจ เเล้วบทความที่ออกยาวๆ
ใครจะมานั่งเเปลไทยพิการเป็นไทย ผมว่าเอาสิบล้านตรงนั้น เจียดมาสักเเสนให้คุณๆไดโนเสาร์
ไปเรียนคอมก่อนเหอะ จะได้คิดอะไรดีๆเพื่อตัวเองเเละสังคม (เเอ๊ด)
รัฐบาลเป็นอย่างไร ก็เพราะประชาชนเป็นอย่างนั้น
ส่วนตัวคิดว่า ถ้าจะทำให้ Wiki ของต่างประเทศเป็นภาษาไทย
คงยากครับ เพราะอย่างที่หลายๆท่านว่า มันมีศัพท์เฉพาะเยอะมาก
ถ้าคนเราใส่ใจจะค้นหาข้อมูลจริงๆ เปิดพจนานุกรมก็ช่วยได้บางส่วน
เราก็ไปพึ่งเว็บแปลภาษา อย่างเช่น Google Translate อยู่ดี
โปรแกรมกับบริการแปลภาษาต่างๆนาๆ ทำงานได้ผลคล้ายๆกัน
คือ ต้องมานั่งตีความอีกทีว่า "ที่มันแปลมาให้อ่าน มันคืออะไร?"
= ="
ป.ล.พีระมิดซู้ง...สูง... ข้างบนไม่หนาวกันบ้างเหรอนั่น...?
Dream high, work hard.
มีพระเจ้า พระเจ้าไม่อยากให้มนุษย์ของผมต้องลำบากในช่วงยุคหิน พระเจ้าเลยให้เครื่องสร้างอาหารสังเคราะห์ให้มนุษย์เพื่อมนุษย์จะไม่อดตาย พอพระเจ้าหมดอายุไข ก็ไม่มีคนหยิบยื่นอะไรให้ ส่วนมนุษย์ติดสบายจนนั่งกินนอนกินเพราะเครื่องมันทนสุดๆ แล้ววันหนึ่งอุตกาบาตตกใส่เครื่องสร้างอาหารจนเครื่องพัง มนุษย์ก็ได้แต่ร้องหาพระเจ้าที่ไม่มีอยู่แล้ว
ขอถามคนเริ่มแนวคิดนี้ ทำไมไม่หาทางเพิ่มทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ดูยากกว่า สนับสนุนการเรียนรู้อังกฤษมากกว่านี้ มันยังดีกว่าหยิบยื่นความสบายให้แล้วคิดว่านี้เป็นสิ่งดี อนาคตเด็กไทยจะสู้ต่างชาติได้ไหม ทำร้ายเด็กทางอ้อมแบบไม่รู้ตัว
ปล.ถ้าถามว่าให้ทำยังไง ไม่ต้องถามเลย ประเทศเพื่อนบ้านเช่นฟิลิปปินส์ ไปศึกษาแล้วก็อบมาให้หมด ทำตามให้หมด ไม่ได้ก็แย่แล้ว
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ตำนานเทพเจ้านอร์สเท่านั้นที่ตาย พระเจ้าศาสนาอื่นไม่มีวันตาย lol
ของศาสนาอื่นคงหนีไปเป็นมนุษย์ดาวอังคารครับ lol
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ผมไม่เห็นว่าการสร้างเนื้อหาเป็นภาษาท้องถิ่นจะไม่ดีตรงไหนเลยครับ
ตัวผมเองอยู่ในกลุ่มที่เรียกได้ว่า ไม่มีปัญหากับภาษาอังกฤษ ถึงไม่มีเนื้อหาแปลเป็นภาษาไทยผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ผมว่ามันดูไม่มีเหตุผลที่บอกว่า เด็กไทยจะต้องอ่านภาษาต่างประเทศได้แตกฉานก่อน ถึงจะไปเรียนรู้อย่างอื่นได้
ทุกวันนี้มนุษย์ก็ต้องพึ่งพากันอยู่แล้วครับ ถามว่าทุกวันนี้เรามีข้าวกินอยู่ก็ไม่ได้พึ่งพาคนอื่นหรือ ถ้าจะไม่พึ่งพาคนอื่นเลย ก็คงต้องปลูกข้าวกินเองนะครับ ทุกวันนี้ภาษาที่สามที่สี่ผมก็อ่อนแอมาก เวลาต้องการข้อมูลจากประเทศที่ใช้ภาษาอื่น ผมก็ให้มีคนสร้างเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษแล้วไปอ่านครับ ถามว่าผมถูก spoilt อยู่หรือเปล่า ที่รอเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ แทนที่จะทุ่มเทเรียนภาษาที่สามที่สี่ให้แตกฉาน?
เหมือนกับที่ผมเองก็ไม่รู้สึกว่าทุกวันนี้ Blognone จะยื่นความสบายแล้วกำลังทำร้ายผมอยู่นะครับ
(อันนี้ไม่ได้แปลว่าผมเห็นด้วยกับโครงการนี้นะ แต่ข้อคัดค้านของผมไม่ใช่เรื่องการสร้างเนื้อหาเป็นภาษาไทยครับ)
+10
เพิ่มทักษะเด็กเป็นสิ่งต้องทำอยู่แล้ว หากต้องการให้เด็กหนึ่งคนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วอาจต้องใช้เงินหัวละ 3-5 ล้านบาท ส่วนการหยิบยื่นโอกาสในการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ดีครับ มันแตกต่างกับที่คุณพูดเรื่องเครื่องสร้างอาหารสังเคราะห์ ถ้าคุณชอบทำเองเรามิต้องสร้างถนน ประปา infrastructure เองดอกหรือ ถ้าถามว่าทำไงให้ทำแบบฟิลิปปินส์ เขาเป็นเมืองขึ้นมีฝรั่งเข้าไปมากมายนะครับทำให้เขาได้โอกาสในการเรียนรู้ภาษาเหล่านั้น คุณดูสิประเทศลาตินอเมริการู้ภาษาสเปนกับโปตุเกสเพราะอะไร หากมันง่ายอย่างคุณว่าผมว่าเราคงไม่ต้องมาถกกันอย่างนี้หรอกครับ
10M บาท
บีเบี้ยวกับบีบึ้ง
ข้อมูลใน วิกิฯ ไม่ได้น่าเชื่อถือเสมอไป
ทำไมต้องทุ่มขนาดนั้นด้วย ???
ผมก็ตั้งข้อสังเกตุเหมือนกันครับ แต่หลายคนบอกว่าเชื่อถือได้ระดับนึง
และเป็นความน่าเชื่อถือในแบบอนาธิปไตย(Anachry) ซึ่งเป็นส่วนนึงของการปกครองสังคม Utopia ที่เชื่อว่า หากคนทุกคนรู้จักหน้าที่ และรู้ว่าสิ่งไหนควร/ไม่ควรทำ ก็ไม่จำเป็นต้องมีชนชั้นปกครอง/ตำรวจ/ทหาร/ศาสนา
พูดง่ายๆ คือมันน่าเชื่อถือในแบบที่มองโลกในแง่ดีครับ
ผมว่าที่ผมพูดไปนี่เปนการผมมองโลกในแง่ร้ายแล้วนะ ว่าการมีชนชั้น ก่อให้เกิดการใช้อำนาจแต่ฝ่ายเดียว การควบคุมข้อมูล ก่อให้เกิดการบิดเบือนข้อมูลให้เปนประโยชน์กับผู้ควบคุม
ระบอบอนาธิปไตยไม่ได้มองโลกในแง่ดีครับ ตรงข้าม มันมองโลกในแง่ร้ายสุดๆเลย มองว่ากฏทุกอย่างมีช่องโหว่ ระบบทุกอย่างเชื่อถือไม่ได้ การมีกฏ ชนชั้น ระบบ เกิดความอยุติธรรมขึ้นเสมอ ดังนั้นอย่ามีเลยดีกว่าถึงจะยุติธรรมแก่ทุกคน
หวังว่าคงจะเข้าใจถูกต้องมากขึ้นนะครับ
"ดังนั้นอย่ามีเลยดีกว่าถึงจะยุติธรรมแก่ทุกคน" ไม่เห็นด้วยครับ มันไม่ยุติธรรมกับคนอ่อนแอที่ไม่เบียดเบียนใคร
คนอ่อนแอจะถูกรังแกแล้วไม่มีใครช่วยได้ ต่างคนต่างอยู่เรื่องของเอ็งข้าไม่เกี่ยวอะไรแบบนี้
เหรียญมีสองด้านครับ นั่นคือสิ่งที่ไม่ดี ผมก็ยอมรับ
ผมไม่ได้ยกย่องเชิดชูเห็นด้วยกับลัทธิอนาธิปไตยไปทุกอย่าง
เพียงแต่นำเสนอมุมมองและแก้ไขความเข้าใจผิดเท่านั้น
ผมไม่ได้พูดว่าระบอบอนาธิปไตยยุติธรรม
แต่พูดว่า ในบางมุมมอง บางทีมันก็ยุติธรรมมากกว่า
คือเหมือนกับเวลาพูดว่า ประชาธิปไตยไม่ได้ดี แต่ดีกว่า
ส่วนตัวแล้วอยากบอกว่า การมีระบบอื่นๆ ก็ไม่ได้ช่วยคนอ่อนแอซักเท่าไหร่ครับ
ถ้าคนไม่ดีได้กุมอำนาจในระบบ คนอ่อนแอก็เดือดร้อนเหมือนเดิม
ในมุมมองของการมีระบอบ กำลัง ก็คืออำนาจในระบอบนั้นๆ คนอ่อนแอ ก็คือคนที่ไม่มีอำนาจ
บางครั้งระบอบอนาธิปไตย เปิดโอกาสมากกว่า ที่จะให้คนอ่อนแอ กลายเปนคนแข็งแกร่ง
และระบอบอนาธิปไตยก็ไม่ได้ห้ามการร่วมมือกัน ปกป้องกันเอง
ออกจะใกล้เคียงระบอบประชาธิปไตยตรงที่ว่า ใช้พลังของคนจำนวนมาก กดหัวคนที่จะเอาเปรียบหรือทำร้ายคนอื่นได้
ถ้าเปนคนที่ฉลาด จะรู้ว่า การร่วมมือ ให้ผลดีในระยะยาวมากกว่า
เอ่อมุมมองต่ออะไรสักอย่าง มีผิดมีถูกด้วยเหรอครับ
ผมมองว่าทุกคนคิดในแง่บวก ผิดด้วยเหรอครับ
แต่ผมมองว่า ความเห็นเกือบทุกอันของคุณเป็นแง่ลบหมดเลยนะ ไม่เชื่อลองไปอ่านความเห็นแต่ละอันของตัวเองสิครับ
หวังว่าจะเข้าใจคำว่ามุมมองมากขึ้นนะครับ
เพราะผมเห็นว่าสิ่งที่คุณพูด
"อนาธิปไตยเปนแนวคิดแบบ Utopia"
มันไม่ใช่มุมมอง แต่เปนการยัดคำจำกัดความด้วยมุมมองของคุณ
ดังนั้นผมถึงมาตอบโต้ว่า "ผมคิดว่าคุณพูดผิด"
พูดเปิดอกเลยว่า ผมรู้สึกว่าในคอมเมนท์นั้น คุณจงใจพูดประชดระบอบอนาธิปไตย
และตอบกันตามตรงได้หรือไม่ว่าที่คุณเขียนนั้นจงใจจะพูดถึงผมในทางที่ไม่พอใจหรือเปล่า?
อย่างน้อย เมื่อตอนที่ผมพูดนั้น ผมก็ไม่ได้พูดถึงอนาธิปไตยในความหมายเดียวกับที่คุณเอามาพูดตรงนี้
และอย่างน้อย คุณใช้คำว่า "หลายคนบอกว่า" นั่นก็หมายถึง คุณเอาข้อความของคนอื่นมาพูด ไม่ใช่ตัวคุณพูดเอง
ในฐานะที่ผมเปนคนเดียวที่พูดคำว่าอนาธิปไตย มันก็น่าจะเปนข้อความของผม
ผมจึงเรียกได้ว่า คุณพูดผิด ใส่มุมมองของตัวเอง ไปในข้อความของคนอื่น
หรือคุณจะบอกว่า ย่อหน้าต่อหน้าคุณพูดมุมมองของตัวเอง คำว่า "หลายคนบอกว่า" ไม่ได้เชื่อมต่อมา
พูดกันอย่างจริงใจหน่อยว่า จริงๆแล้วคุณเอาคำว่า อนาธิปไตย มาจากผม ใช่ หรือไม่
คนที่มองโลกตามความเปนจริง ก็จะโดนคนมองโลกในแง่ดี หาว่ามองโลกในแง่ร้าย โดนคนมองโลกในแง่ร้าย หาว่ามองโลกในแง่ดี
ขอโทษด้วยครับที่ทำให้ไม่สบายใจ
ผมไม่ได้เคืองคุณนะครับ แต่เห็นคุณเป็นคนพูดตรงดี ผมก็เลยชอบแสดงความเห็นตรงๆ กับคุณ
ส่วน "หลายคนบอกว่า" พอได้อ่าน Comment คุณตรงที่คุณอธิบายถึงแนวคิดอนาธิปไตย ผมก็เลยไปถามเพื่อนๆ ในกลุ่มที่รู้จัก/ไม่รู้จักทั้ง Utopia และอนาธิปไตย แล้วผมก็ถามความเห็นเค้าครับ ว่าเค้าคิดว่าแนวคิดจะเป็นอย่างไร ซึ่งเพื่อนๆ ผมอาจจะคิดน้อยก็เลยบอกว่า "คนที่ชอบแนวคิด Utopia เป็นคนมองโลกในแง่ดี" ผมก็เลยใช้คำพูดว่าหลายคน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่หลายหรอกครับ 2 - 3 คนเอง
ส่วนตรงที่บอกว่าประชด ผมไม่ได้ประชดนะครับ ผมพูดตามความคิดของผมครับ
ผมไม่รู้นะ แต่ผมไม่ได้มองโลกในแง่ดีทั้งหมดครับ แต่คุณลองอ่านความเห็นตัวเองดูว่าคุณเป็นคนที่มองโลกตามความเป็นจริง หรือ มองโลกในแง่ร้าย ทั้งที่คุณไม่รู้ว่าผมคิดอะไรยังไง แต่ทัศนคติของคุณที่มีต่อผมมันเป็นลบหมดเลยครับ
การที่เพื่อนๆของคุณมองว่า อนาธิปไตย เปน Utopia
ผมคิดว่า เพราะคุณเข้าใจไปเองว่า ผมพูดถึงอนาธิปไตย เพราะผมเห็นภาพว่ามันเปนสวรรค์
ผมเชื่อว่ามันทำให้คุณอธิบาย อนาธิปไตย ในแง่มุมนั้น จึงได้คำตอบมาแบบนี้
สิ่งที่ผมเข้ามาแก้ก็คืออธิบายว่า
การที่คุณรับคำว่าอนาธิปไตยไปจากคำอธิบายของผม แล้วเชื่อว่าภาพของมันคือยูโทเปีย คุณน่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้ว
หลักการของอนาธิปไตย มันก็มีหลักการของมัน ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ด้านบวก
อย่างที่ผมบอกไป ว่า มันไม่ใช่การมองโลกในแง่ดี
สุดท้ายผมพูดตรงๆ
ผมไม่รู้ว่าผมผิดเองหรือเปล่า แต่เวลาผมเห็นคุณตอบบางที มันเหมือนการกวน หรือประชด มากกว่าพูดตรงๆ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน การที่คุณทิ้งท้ายว่า "เปนความน่าเชื่อถือแบบมองโลกในแง่ดี"
เหมือนจิกกัดมากกว่าที่จะชม
ทดสอบความซนที่ Comment เกิน 6 ชั้นครับ
พยายามนะครับ อิๆ
สู้ตายครับ
เบื่อพวกซนจริงๆ
ครบ 6 ชั้นแล้วจ้า Reply ไม่ขึ้นจริงๆ ด้วย
ผมขอไม่ตอบคุณ Thaina แล้วนะครับ ^ ^
ขนาดนั้น??? ผมไม่เห็นมันจะมากมายเลยนะครับ พันล้านยังน้อยไปสำหรับงานนี้ หากได้ผลดีกลับคืนมามันจะคุ้มแค่ไหนครับ คุณซื้อหนังสือ encyclopedia ที่มีเนื้อหามากมายขนาดนี้ต่อคนต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ครับ ส่วนถามว่าเชื่อถือได้ไหม หากคุณเห็นแย้งก็ไปแก้ได้นี่ครับ และคนที่เห็นแบบดังกล่าวก็มีเยอะมากเหมือนกัน ดังนั้นทุกอย่างมันก็เป็นผลรวมแบบถูกต้องที่สุดสำหรับสังคมที่เราอยู่ โดยแนวขับเคลื่อนหลักเป็นพวกที่ทำอะไรให้กับสังคมมากกว่าพวกไม่ทำอะไรให้กับสังคม ผมเชื่อถือข้อมูลใน wikipedia มากครับโดยยึดหลักเหตุผล แต่อะไรที่ผมสงสัยผมจะหาข้อมูลมาแย้งเสมอ บวกลบคูณหารแล้วดีมากกว่าเสียครับ
สนับสนุนทั้งการเรียนภาษาอังกฤษและการแปลบทความภาษาอังกฤษเลยก็ดี (ถ้างบพอ :P)
อ่านหน้านี้ของทางเว็บแล้วก็เข้าใจมากขึ้น
http://th.asiaonline.com/how-translation-works
ถ้าเถียงเรื่องภาษา
คงต้องมองแล้วหละแบบเรียนด้วยตัวเองกับเรียนด้วยคนสอน
เด็กบางคนเรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ภาษาอังกฤษกับฝรั่ง เค้าออกเสียง H ได้ถูกต้อง
แต่พอวันธรรมดาเรียนในระบบ(โรงเรียนสาธิตซะด้วย)คนสอนกลับบอก ต้องออกเสียง เฮ๊ด ไม่ใช่ เอ็ช
แล้วอย่างนี้จะจัดการอย่างไรกับคนสอนครับ
@manop เรียกโครงการนี้ว่า โครงการแปล 'วิกิซับนรก' http://twitter.com/manop/status/24469229105324032
ค่าโดเมนมันกี่บาทกันแล้วนะ หุหุ
เอาให้ดีนะ ICT ไม่งั้นจะโครงการ จะกลายเป็นอีกหนึ่งผลงาน "งามหน้า" เพิ่มเติมให้รัฐบาลชุดนี้ไปอีก
เจ๊งแล้วจ้า