ผมก็ไม่อยากเชื่อว่าผมต้องมาเป็นคนตั้งนะ เพราะคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไอทีหลายอย่าง ทั้งเรื่องการส่ง SMS มือถือรุ่นเก่า เรื่องของปัญหาการพิสูจน์หลักฐาน EMEI การเก็บข้อมูล รวมไปถึงกฏหมาย Censor และกระบวนการยุติธรรม
อยากทราบว่าแต่ละคนได้ยินได้ฟังข่าวนี้กันหรือไม่? รับรู้กันมาอย่างไร? อยู่ในความสนใจหรือเปล่าครับ?
รายงาน: เปิดคำแถลงปิดคดี ‘อากง SMS’ ต่อจิ๊กซอว์จากเบอร์ต้นทางถึงชายแก่ปลายทาง
วิเคราะห์คดี “อากง” คดี SMS หมิ่น
ช่วงนี้คดีหมิ่นเยอะ 'ประชาธิปัตย์' แนะปิดประเทศบนโลกไซเบอร์แบบ 'จีน' ทั้ง 'ยูทูบ-เฟซบุ๊ก' สกัดเว็บหมิ่นฯ
ผมสงสัยแค่ว่า ฆ่าคนตายบางคดียังรอลงอาญาแต่ ส่ง SMS ติดคุก 20 ปี โดยไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าจำเลยเป็นผู้ส่ง แค่เชื่อว่า
อยากแสดงความเห็นเหมือนกันนะครับ แต่เบื่อขี้เกียจมานั่งเป็นคดีความเพราะวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินของกระบวนการยุติธรรมครับ
อยากแสดงความคิดเห็นเหมือนกัน แต่เดี๋ยววันดีคืนดี IMEI ตัวเองจะได้รับเกียรติไปส่ง sms หมิ่นโดยไม่รู้ตัว
ง่ายขนาดไหนน่ะเหรอ imei ใน android น่ะมันอยู่ใน folder /efs โดนต่อสาย copy ไปก็ฉิบหายแล้ว
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
กฏหมายไม่ได้ห้ามคุณไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาลและไม่มีตัวบทใดๆห้าม
แต่เมื่อคุณจะวิพาษ์วิจารณ์จะต้องมีคำอธิบาย ไม่ใช่บอกว่าไม่ยุติธรรมแต่บอกไม่ได้ว่าไม่ยุติธรรมตรงไหน
หรือพูดว่าตัดสินมาได้อย่างไรไอ้ควายเอ้ย อย่างงี้เป็นการหมิ่นศาล
จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีคำอธิบายอย่างไร
ยกตัวอย่างเวลาคุณทำโจทก์คณิตศาสตร์สมัยเด็ก
คุณต้องเขียนประโยคสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
และแสดงขั้นตอนวิธีการทำเป็นทีละบรรทัดไปถึงผลของการวิธีทำที่คุณเลืกอก
คำถามคือ คุณทำหรือยัง
คดีนี้มีประเด็นอยู่ทีหลักฐานที่นำพิสูจน์ความผิด ว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้เป็นผู้กระทำผิดจริง
แต่ศาลได้อาศัยสภาพแวดล้อมในจิตใจ(ซึ้งศาลไม่ได้บอกว่าคืออะไร)ตัดสินว่าได้กระทำผิด
แต่กฏหมาย ก็ไม่ได้บอกเช่นกัน ว่าการ วิจารณ์ คดีที่ตัดสินไปแล้ว นั้นไม่ได้หมิ่นศาล
กฏหมายมันกว้าง จนหลายคน ไม่อยากเสี่ยง เพื่อจะขึ้นศาล เพื่อตีความกฏหมายนี้
งั้นผมขอเล่นสั้นๆ ละกัน เอาขาแหย่ไปในคุกซะข้างนึงก็เสียวดีเหมือนกัน
ลุงพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ คือลุงดูโง่ แต่ดันดูโง่ไม่พอ แล้วดันจำไม่ได้อีกว่าเอามือถือไปซ่อมร้านไหน ศาลเลยไม่เชื่อว่าลุงบริสุทธิ์
อ่านคำพิพากษาแล้วเซ็งครับ คดีแบบนี้ไม่ค่อยมีใครกล้ายื่นมือมาช่วยอีก
สงสารลุง
ทำใจ
ที่ถามในบล็อกนอน ก็อยากจะได้บทวิเคราะห์ทางเทคนิคอะครับ
ส่วนตัวผมเปิดเพจเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว
Double Face Palm
เจ้าของกระทู้ต้องการคำตอบอะไรครับ จะถามเรื่องสิทธิ เสรีภาพ หรือเปล่า หรือว่าจะถามว่าอากงเป็นแพะ หรืออากงรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเปล่า งงครับ!!
แต่ถ้าถามผมนะ ถ้าอากงแกทำจริงๆ แกสมควรโดนแล้วครับ เป็นผมจะแถมบาทาให้อีกด้วย
ปัญหามีตั้งแต่
ส่วนตัวผมก็ว่าผมบอกไปแล้วนะว่า ที่มาตั้งที่นี่ หลักๆก็ต้องการรู้เรื่องเทคนิคอลที่เกี่ยวกับ IT เพราะที่นี่คือบล็อกนอน แต่ถ้าใครอยากเล่นประเด็นอื่นด้วยก็แล้วแต่ และหลักๆที่ผมถามแต่หัวกระทู้ก็คือ มันได้เข้ามาในความสนใจของคนแถวนี้บ้างรึเปล่า ถึงไม่พูดถึงกันเลยทั้งที่เกี่ยวกับเรื่อง IT
"หลักๆก็ต้องการรู้เรื่องเทคนิคอลที่เกี่ยวกับ IT เพราะที่นี่คือบล็อกนอน" .. (แต่เหมือนหัวใจยังโหยหา ดราม่า)
ขอตอบในประเด็นแรกนะครับ
ตาม ป.อาญา ลักษณะโทษหมิ่นประมาท คือมีการกระทำกับบุคคลที่ 3 ให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ไม่จำเป็นต้องสาธารณะ สมมุติไปแอบนินทากับเพื่อนให้ผู้อื่นเสียหาย แล้วมีหลักฐานจับได้ ก็ถือว่ามีโทษตามลักษณะนี้แล้ว
แต่ถ้าผมจำไม่ผิด กฏหมายที่ใช้คือ ม.112 ซึ่งกำหนดว่า ต้องสาธารณะ ใช่รึเปล่าครับ?
ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยติดใจกับข้อแรกที่ยกมามากนัก แต่ก็มีหลายคนที่ติดใจ
ส่วนผมเชื่อว่า เมื่อเราส่ง SMS ไปหาคนที่พร้อมจะแฉเอาความ มันก็ถือว่าไม่ใช่ของส่วนตัวในหมู่คนกลุ่มเดียวกัน, แต่นี่ก็แค่ความคิดผม ทางกฏหมายอาจไม่นับจริงๆก็ได้
ตามตัวกฎหมายไม่ได้กล่าวถึงว่าต้องสาธารณะนี่ครับ
ดังนั้นต้องไปดูมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องว่าการกระทำใดเข้าข่ายการหมิ่นประมาท
อย่างกรณีของ 326 ก็ไม่ได้ระบุว่าต้องสาธารณะ ทั้งคดีอาจจะมีแค่ 3 ตัวละครก็ได้ โจกท์ จำเลย และบุคคลที่ 3 ที่ทำให้ความผิดสมบูรณํ
-1 ประโยคสุดท้ายแสดงกิริยาอันไม่สมควรแก่การเป็นมนุษย์ที่เจริญแล้ว
ความเจริญ ย่อมต้องคู่กับศิลธรรมอันดีงาม ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกคนเหล่านั้นหรอกครับ
ตรระกะแบบว่า ถ้าชั่วมาต้องเลวกลับไม่ใช่การกระทำของผู้มีวุฒิภาวะครับ
เหตุผลที่จะทำดีหายากเนอะ เหตุผลที่จะทำเรื่องวไม่ดีนี่มีร้อยแปด
คนชั่วๆ เหตุผลจะเยอะครับ แต่เป็นเหตุผลที่เค้าจินตนาการขึ้นมาเองว่าถูกต้อง ดี มีศีลธรรมแล้ว
อาจจะไม่เกี่ยวกับที่คุณพูดนะ แต่ประเทศไทยตอนนี้ คนดีอยู่ยากจริงๆครับ เลยพาลทำให้คนเห็นแก่ตัวกันซะเยอะ
ผมอยู่ของผมดีๆ ยังเคยโดนกลโกงคนชั่วเล่นงานเอาเลย
ถ้าจะกัน blackhat hacker เราก็ต้องมีวิชาของ whitehat อยู่ในมือครับ
ยุคนี้เป็นคนดีเซ่อๆ ซ่าๆ เด๋อๆ ด๋าๆ อยู่ๆ ขาก็เข้าไปอยู่ในคุกข้างนึง
เดี๋ยวนี้ภัยโกงมันไม่ได้รอให้เราเข้าหา แต่มันมาเคาะประตูบ้านแล้วครับ
บางทีมีวิชา whitehat ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากครับ ถ้าไม่มีเงินและเส้นสายบารมีมากพอ แต่มันก็ต้องมีอยู่ดี อย่างน้อยก็ช่วยได้บ้าง
ผมขอแสดงความคิดเห็นในส่วนของเลข IMEI นะครับ .. ผมเข้าใจว่า แม้ว่าตัวเลข IMEI ในกระบวนการผลิตสินค้าจะสามารถทำให้ซ้ำกันได้ หรือ แม้แต่จะทำการโคลนก็ตาม แต่ในระหว่างการใช้งานขณะใดขณะหนึ่งมันมีความเฉพาะของมันอยู่ ... จากคำให้การของ mobile operator ที่ใช้ IMEI ในการตามจับเจ้าของมือถือ แสดงว่าในการใช้งานโทรศัพท์น่าจะมีการบันทึกทั้ง mobile no+IMEI ตลอด ซึ่งมันก็ไม่น่ายากทีจะเห็นว่า mobile no+IMEI ของเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวว่าเลข IMEI มีการเปลี่ยนแปลงไปมาบ่อยหรือไม่ (ถอด SIM แล้วใช้กับหลายเครื่องสลับไปมา) ? .. ดังนั้นหาก mobile no+IMEI ไม่ีมีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าวจริง มันจะแก้ตัวยากครับ
ในคดีนี้เบอร์เป็นแบบเติมเงิน ใช้แค่ส่งแล้วทิ้งครับ
หลักฐานฝ่ายอัยการคือข้อมูล imei กับ cell site เท่านั้น
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ก็ยังมีความสัมพันธ์อย่างอื่นอีกที่สามารถตรวจสอบได้ .. แม้ว่าจะเปลี่ยน mobile no (SIM) ... แต่การใช้งานของคนๆหนึ่ง ก็มักมีการโทรติดต่อกับคนเดิมๆ อยู่ใช่หรือไม่
ในคดีนี้ มี "ความสัมพันธ์อื่นๆ" อย่างไรบ้างที่ใช้ตรวจสอบได้หรือครับ?
lewcpe.com, @wasonliw
แล้วความสัมพันธ์แบบไหนล่ะครับ ช่วยอธิบายทางเทคนิคมาด้วย
เพราะในศาล ขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายเทคโนโลยียังบอกว่า imei หลักที่ 15 ที่เป็น checksum ไม่มีความหมายเลย ซึ่งในทางเทคนิคมันไม่ใช่
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ในทาง เทคนิค นะครับ IMEI ที่โทรศัพท์ติดต่อกับสถานีฐาน (ME หรือ MS <--> BTS) ถ้าดูใน layer3 ที่ 23byte จะมี IMEI 14 หลักเท่านั้นครับ หลักที่ 15 หาจาก หลักคู่คูณสอง แล้ว มาบวกกันกับต้นฉบับ ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/International_Mobile_Equipment_Identity#Check_digit_computation
แต่ที่ผมยังไม่ได้อ่านเรื่องคดีความอย่างละเอียดเลยครับ ผมว่างานนี้มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ครับ
หลักที่ 15 คือ checksum ผมทราบครับ ปัญหาคือ 14 หลักแรกมือถือเครื่องอื่นสามารถปลอมตัวมาไปใช้ IMEI ซ้ำกับคนอื่นๆ ได้ ไม่ใช่เรื่องยาก
lewcpe.com, @wasonliw
เพราะ Checksum ในการส่ง data มันก็มีของมันในระดับ frame อยู่แล้ว
แล้ว Checksum ที่ใครๆ ก็รู้ formula ในกรณีของ IMEI นี้ มันจะมีประโยชน์สำหรับอะไรล่ะครับ ?
OK เข้าใจล่ะ
แต่ในทางเทคนิค IMEI != DNA อยู่ดี
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เนื่องจาก เบอร์ของผู้กระทำผิด และเบอร์ของอากง เป็นคนละเบอร์กัน
และ มีการส่ง SMS จากผู้กระทำผิด ในวันที่ 9,11,12,22 พ.ค. 2553 (ref. http://prachatai.com/journal/2011/11/38032)
ด้วย (เบอร์ xxxxx15) และ EMEI ที่มีเลข 14 หลักตรงกับมือถือของอากง...
หากอากง ใช้เบอร์เดิมอยู่จริง (เบอร์ xxxxx27)
ผมว่า เราน่าจะดึง Report ของเบอร์ ดังกล่าว (xxxxx27) ว่ามีการใช้งานโทรศัพท์ ที่ทับซ้อนกับช่วงที่ส่ง SMS หรือไม่
เพราะเราไม่สามารถ ส่ง SMS พร้อมกับโทรศัพท์ได้อยู่แล้ว
หากมีเวลาที่ทับซ้อนกัน ก็จะยืนยันได้ว่า อากงไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดครับ
ได้แต่ภาวนา ว่า จะมีการตรวจสอบแบบนี้เกิดขึ้น และอากงได้มีการ โทร/รับ สายดังกล่าวในช่วงเวลานั้นๆ
เพราะ จากรายงานแจ้งว่า มีการ ส่ง SMS ถึง 70 ครั้ง... ต้องมีสักครั้ง ที่มันทับกันบ้างหละน่า...
หรือถ้าไม่อย่างนั้น เอา IMEI ที่ไม่สน Checksum 14 หลัก ไปดึงจากฐานข้อมูลทั้งหมด และ Map เวลากันว่ามีช่วงไหนทับบ้าง
ผมก็ว่าน่าจะช่วยเพิ่มน้ำหนัก ว่า IMEI ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้นะครับ
รู้สึกสลดเหมือนกันครับ... ปัจจัยแวดล้อมไม่ได้มีผลต่อการพิจารณาเลย เพราะโดนมองว่าเป็นเรื่องอารมณ์/ความรู้สึก แต่มูลเหตุจูงใจ ก็ยังไม่พบ... แล้วแบบนี้จะสู้ไหวไหมครับ
ทนายทำงานหนักจริงๆ หลังจากได้ฟัง คมชัดลึก
“Life is like a journey, every experience matters.”
สมมตนะครับ สมมติ ถ้าอากงทำจริง แล้วเอาเบอร์ให้ใครช่วยกดโทรในเวลาเดียวกันก็ได้นี่?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
"ความเฉพาะตัวของมัน" คืออะไรครับ ผมไม่เคยเห็น
lewcpe.com, @wasonliw
Cell Site มีรัศมีตั้งแต่ 400 เมตรจนถึง 35 กิโลเมตร
..... ถ้าผมชอบนอนปิดเครื่อง.... แล้วมีคนมาสวม IMEI ผมตอนดึก แสดงว่าผมแก้ตัวลำบาก?????
lewcpe.com, @wasonliw
ข้อมูล IMEI + Cell site จริงมันยังไม่ชัดเจนในการ Identify เพียงพอ มันแค่ประมาณเท่านั้น ... แต่พฤติกรรมการใช้งาน เบอร์ที่โทรออกไปหา (หรือแม้กระทั้งเบอร์ที่โทรเข้ามา) มันน่าจะ Identify ความเป็นคนๆ นั้นได้
แล้วในคดีนี้ มีรูปแบบเบอร์ที่โทรออกอย่างไร จึงสามารถ identify ได้หรือครับ???
lewcpe.com, @wasonliw
ตกลงได้อ่านคดีนี้ครบถ้วนมั้ยครับ imei ตรง 14 หลัก checksum ไม่ตรง cell site ตรง แต่รัศมีกว้าง
ส่วนเรื่องพฤติกรรมที่คุณว่า ถ้า imei ปลอมได้ พฤติกรรมก็วัดอะไรไม่ได้ เพราะเครื่องที่ทำพฤติกรรมนั้นอาจจะไม่ใช่เครื่องจริงก็ได้
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ผมแค่พยายามจะแสดงความเห็น .. แบบกลางๆ ไม่เข้าข้างใครนะครับ
ในแนวคิดหลังสมัยใหม่ ไม่มีความเห็นที่เป็นกลางครับ อคติมีอยู่เสมอในทุกอย่างที่มนุษย์เกี่ยวข้องและให้คุณค่า
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ก็ผมบอกว่า ณ ตอนนี้ ก็เฉพาะผมงัยคับ
คุณและทุกคนรวมทั้งผมมีความไม่เป็นกลางอยู่เสมอครับ คุณอาจไม่รู้ตัว แต่ทุกความคิดและความเห็นของคุณมีแนวคิดความเชื่อบางอย่างอยู่เบื้องหลังเสมอ
ผมก็มี ใครๆก็มี อาวุธเดียวที่ทำให้เราสำนึกรู้ได้ว่าไม่มีความเป็นกลางที่แท้จริงคือการตรวจสอบตัวเอง รวมถึงการอิงหลักฐานเชิงประจักษ์
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
คุณกำลังแปลง "วิชาการ" ให้กลายเป็น "ความเชื่อ" ครับ
เรื่องพวกนี้มันอธิบายได้ ไม่ใช่เมฆหมอก คุณบอกว่ามีความเกี่ยวพัน พิสูจน์ได้จริงว่า A เกี่ยวกับ B คุณก็แสดงมาเลยครับ ว่ามันเกี่ยวอย่างไร ผมเองก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง อาจจะพลาดอะไรไป
คุณมาพูดแต่ มัน "น่าจะ" "อาจจะ" แล้วบอกว่ากลางๆ ผมมองว่ามันเป็นความ "ไม่เป็นกลาง" ของตัวคุณเองแต่อธิบายด้วยหลักวิชาการใดๆ ไม่ได้
ถ้าผมเข้าใจผิด ผมยินดีขออภัยนะครับ แต่ช่วยออกจากความเชื่อ แล้วยกหลักฐานทางวิชาการด้วย
lewcpe.com, @wasonliw
+1
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ตอนนี้เราคุยกันในระดับ idea ครับ .. เราไม่ได้อยู่ในขั้นตอนพิสูจน์หลักฐาน และก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย .. ดังนั้นการให้ผมหาข้อสรุปที่ชัดเจนมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว .. และในกระทู้นี้ก็ไม่มีทางจะพิสูจน์อะไรได้ทั้งนั้น เพราะ information ไม่ได้อยู่กับใครเลยในนี้
information มีอยู่ว่อนเน็ตอะครับ หาได้
ผมไม่อยากโฆษณาเพจตัวเอง ไม่งั้นผมยัดไว้นานละ
งั้นไอเดียของคุณคืออะไร? ผมยังไม่เห็นไอเดียอะไรเลยครับ คุณ "อ้าง" ว่ามัน "น่าจะ" มีวิธีเชื่อมโยงการกระทำผิด เข้ากับจำเลย สิ่งที่คุณบอกว่า "น่าจะ" คืออะไร??? คุณพูดคำวิชาการมากมาย แต่มันหาสาระทางวิชาการไม่ได้
lewcpe.com, @wasonliw
สังเกตให้ดีจะเห็นว่า ผมไม่ได้มุ่งเน้นไปที่อากงเลย .. จริงๆ ผมสนใจ tool ต่างหากในการใช้วัดว่า มันแม่นยำแค่ไหน
เอาเป็นว่า ผมอยากทราบว่า มีใครได้ยินศาลสอบถามว่า IMEI (ใช้ระบุตัวเครื่อง) มีการตรวจสอบพฤติกรรมการโทร (เบอร์ที่เกี่ยวข้อง) ด้วยหรือไม่ครับ ?
ถ้าจำไม่ผิดมีการอ้างอิงเบอร์ที่โทรนะครับ ซิมที่ใช่ส่ง SMS ไม่เคยโทรแต่พอสลับซิมไปอีกเบอร์นั้นใช้โทรหาลูกสาวประจำและพอสอบสวนลูกสาวให้การยอมรับว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่คุณพ่อใช้ประจำ
ปัญหาคือ ซิมที่ส่งSMS กับซิมที่อากงใช้ประจำมันสลับกันไปมาบนเครื่องอีมี่เดียวกัน อยู่ที่เซลไซต์อันเดียวกัน ครอบคลุมพื้นที่ประมาน 4 ซอย (ถ้าผมจำไม่ผิด)
ขอบคุณครับ
ถ้าเป็นตามที่คุณว่า ถ้าไม่สลับซิมเอง ก็โดนสวม IMEI สินะ
ผมขอพูดสั้นๆนะ
รายละเอียดมีออกมาหมดแล้วครับว่า มีการประมาณอะไรบาง วัดจากอะไร ตัดสินจากอะไร ให้เหตุผลจากอะไร
ซึ่งมันไม่มีพฤติกรรมการใช้งานที่ชี้ได้ อย่างทีคุณพยายามพูดถึงอะครับ มีแค่ IMEI กับ Cell site แค่นั้น และศาลก็ฟังแล้วรับว่าพอแล้ว
และ โดยหลักแล้ว ต่อให้ Identify ไปขนาดไหน แต่ถ้าไม่สามารถหาหลักฐานมัดตัวว่ามือถือที่ส่งนั่นมันของอากงจริงๆ และแกครอบครองอยู่ ณ เวลานั้น คดีอาญา เขาให้ยกประโยชน์ให้จำเลยครับ (จริงๆแกก็ยอมรับอยู่แล้วว่ามือถือแกถืออยู่คนเดียว ไม่ได้ห่างตัว นอกจากไปซ่อม แต่ปัญหาคือ หลักฐานที่มีนี่มันมัดตัวไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นมือถือของแก)
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่าศาลจะถูกเลยนะ
ในขั้นของการตัดสิน หากไม่สามารถสรุปผลได้ว่าผิดจริง มันก็สมควรที่จะยกประโยชน์ให้จำเลย .. อันนี้ผม(และคนอื่นๆ)ก็เห็นด้วย
หากความเห็นผมชักนำให้ท่านทั้งหลายคิดไปในทางที่ท่านไม่ชอบ อันนี้ผมก็ขอโทษด้วย
แต่จริงๆ จะมีใครบ้างหนอที่อยากจะคุยว่า .. เราจะต้องปรับปรุงระบบการจัดเก็บหลักฐานอย่างไร คือมีจุดใดบ้างที่ยังบกพร่อง และต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง .. ซึ่งก็หวังว่าคงจะไม่มีคดีแบบนี้เกิดขึ้นอีกให้ต้องมาถกเถียงกัน
จุดต้องแก้คือกระบวนการพิสูจน์หลักฐานครับ ว่าต้องใช้คนมีความรู้ ไม่งั้นก็็มั่วๆ เอาผิดกันง่ายๆ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ระบบการจัดเก็บหลักฐาน ต้องปรับปรุงแน่นอนครับ แต่กรณีนี้ผมมองว่าเป็น "กระบวนการสืบสวนสอบสวน"
ผู้ทำความผิด ทำความผิดถึง 4 ครั้ง ในห้วงเวลานานกว่า 10 วัน แถมเครือข่ายทั้งหมดอยู่ในประเทศ ไม่มีการส่งผ่าน proxy ภายนอกปกปิด เราควรมีหน่วยสอบสวนที่มีเครื่องมือ, อำนาจ, และกระบวนการ ที่ดีพอ ที่จะจับเครื่องแบบ "คามือ" ได้ ชนิดที่ว่าเปิดเครื่องมายังเห็น Sent Message กองอยู่
มองในทางวิชาการ คดีนี้ผู้ร้ายสะเพร่ามากที่ใช้เครื่องเดิม (ไม่ว่าจะปลอม IMEI หรือไม่ หรือเป็นคุณอำพลทำเองก็ตาม) ซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้ง ถ้าคดีที่น่าจะง่ายแบบนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถหาหลักฐานที่แน่นหนาได้แสดงว่ากระบวนการสอบสวนมันมีปัญหาแล้ว
คำถามในคดีนี้คือ
lewcpe.com, @wasonliw
การหาพิกัด ต้องมีความแม่นยำแค่ไหนครับ .. ถึงจะให้ตำรวจเห็นและจับกุมได้คับ ?
รัศมีการบีบจากเครือข่ายอยู่ที่น้อยกว่า 500 เมตรครับ - งานวิจัย (PDF)
ส่วนเครื่องตรวจสอบคลื่นสำหรับเจ้าหน้าที่จะแม่นกว่านั้นมาก อันนี้ต้องแยกกันระหว่างเทคโนโลยี สมัย FDMA/TDMA นั้นค้นได้ไม่ยาก เพราะคลื่นความถี่หนึ่งๆ จะใช้แค่เครื่องเดียวในช่วงเวลาหนึ่ง สามารถทำเหมือนเรดาร์ล็อกเป้าหมายได้หาแหล่งกำเนิดสัญญาณ ก็จะแม่นมาก
แต่ในระบบ 3G นั้นใช้ CDMA ทำให้ไม่สามารถสแกนจากความแรงของความถี่อย่างเดียวได้ เพราะมีอุปกรณ์อื่นใช้ความถี่เดียวกัน ผมไม่ใช่วิศวกรไฟฟ้าจึงไม่แน่ใจเทคนิคการตรวจจับพิกัดของ CDMA ว่าสามารถทำได้แม่นเหมือน FDMA/TDMA ไหม
lewcpe.com, @wasonliw
การ tracking จะทำได้ขณะที่เครื่องเปิดอยู่ก็พอ .. หรือว่าต้องมีการใช้งานโทร/รับ สายครับ ?
แล้วประเด็นเรื่องช่างซ่อมอาจจะเป็นคนส่ง SMS .. มันมีความเป็นไปได้แค่ไหนครับ ?
ผมเคยได้ยินมาบ้างว่า สามารถดักสัญญาณโทรศัทพ์มือถือได้ .. แล้วจริงๆ มันมีเครื่องมือทำได้หรือไม่ ? และศาลได้ลองพิจารณาพิสูจน์เรื่องนี้หรือไม่ ?
ในคดีแบบนี้ของไทย ภาระการพิสูจน์ตกเป็นของจำเลยครับ ซึ่งตัวจำเลยกระทั่งทนายยังต้องใช้ทนายฟรี แล้วประเด็นเรื่อง imei != DNA ถึงแม้ว่าจะเป็น fact พื้นฐานทางโทรคมนาคม แต่ศาลต้องการผู้เชี่ยวชาญมาให้การยืนยัน ซึ่งฝ่ายจำเลยหาผู้เชี่ยวชาญที่จะยอมขึ้นให้การไม่ได้ครับ (ซึ่งก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นกัน)
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เรื่องใช้ทนายฟรี อันนี้ผมเข้าใจเคยเห็นในหนังบ่อยครับ .. เพราะทนายจะช่วยชี้แจงเหตุ ผล สิ่งจูงใจ อะไรประมาณนี้ .. แต่ผู้เชียวชาญไม่น่าจะต้องหามานะครับ จะว่าให้ผู้เชี่ยวชาญมาแก้ต่างให้ มันคงดูแปลกๆ ว่ามั๊ยครับ
ตามกฎหมายบังคับให้มีพยานผู้เชี่ยวชาญมายืนยันครับ ถึงจะมีน้ำหนัก เพราศาลเองก็ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในทุกด้าน
ผมลองอ่านรายละเอียดในคดีนี้แล้วคับ .. เพิ่งทราบว่าลุงแกตั้งประเด็นสงสัยขึ้นเองว่าอาจจะมีคนปลอมแปลง IMEI ของแกแล้วกระทำผิดเรื่องนี้
ผมเข้าใจว่า เกินกว่าผู้เชียวชาญที่ศาลจะหาได้ครับ ศาลจึงต้องให้ลุงแกเองลองจัดหาผู้เชียวชาญมาเพื่อพิสูจน์ประเด็นของแก -> ผมรู้สึกว่าศาลก็แอบผิดเล็กๆ นะ จริงๆ น่าจะให้ผู้เชียวชาญที่เรียกมา ช่วยให้ความเห็นด้วยนะ
โทษร้ายแรงขนาดจำคุก 20 ปี ถ้าศาลขี้เกียจไม่พยายามหาผู้เชียวชาญก่อนแล้ว .. อันนี้ดูจะใจร้ายใจดำเกินไปมากครับ ซึ่งการไขคดีที่ซับซ้อนคนธรรมดาทั่วไปจะไปหาผู้เชียวชาญเองได้ที่ไหน
เข้าใจว่าไม่ใช่หน้าที่ของศาลจะหาพยายืนยันให้จำเลยนะครับ
ระบบของไทยเป็นแบบระบบกล่าวหา คือจำเลยมีหน้าที่พิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ศาลมีหน้าที่รับฟังพยานและหลักฐานจากโจทก์และจำเลยแล้วทำการตัดสินแค่นั้น ต่างกับระบบไต่สวนที่ศาลมีหน้าที่สืบหาความเป็นจริงเอง
ดังนั้นศาลก็ต้องทำไปตามป.วิ อาญา ถ้าอยากให้ศาลใจดีแบบที่ว่า คงต้องแก้กฎหมายแล้วล่ะ
ต่อไปน่าจะมีขอ ผู้เชียวชาญฟรี ด้วยน่าจะดี
จริงๆการขอ ทั้งทนายและผู้เชียวชาญ มันก็ไม่ใช่เรื่องของศาลจริงๆนั่นแหละครับ
แต่มันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
และหลักการที่คุณว่า ผมจำได้ว่า แม้แต่ประเทศไทย ก็ใช้กับคดีอาญาทุกคดี แต่ดูเหมือนจะเลี่ยงไม่ใช้อยู่คดีเดียว โดยไม่ได้มีลายลักษณ์อักษรมายกเว้นอะไร
มีคดีอาญาอันอื่นคดีไหนบ้าง ที่ใช้หลักการ "จำเลยมีหน้าที่พิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์" ที่คุณว่าน่ะครับ?
และ ถ้ามีละก็มันควรแก้มั้ยล่ะกฏหมายแบบนี้ อืม เห็นภาพเลยทีเดียวว่าพอเวลาจะทีไรก็มีอำนาจนอกระบบแทรกแซง มันสบายแบบนี้นี่เอง
มีคดีไหนเหรอครับที่ จำเลย/ทนาย ไม่ต้องพิสูจน์ว่าตัวจำเลยนั้นบริสุทธิ์?
ก็โดยหลักแล้วคือฝ่ายโจทก์ต้องหาหลักฐานมายืนยันว่าจำเลยไม่บริสุทธิ์จริงๆให้ได้ก่อนครับ ถ้าหลักฐานมันอ่อน ไม่ถูกต้อง จำเลยไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนอกจากบอกว่าไม่ได้ทำ (ก็มันไม่ได้ทำมันก็ต้องไม่มีหลักฐานอะไรขึ้นมาทั้งนั้น)
แต่ไม่ใช่กับคดีนี้ ที่ศาลบอกเองเลยว่า "หลักฐานของโจทก์ยังเอาผิดไม่ได้ แต่จำเลยก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าไม่ได้ทำจริงๆ จึงให้ผิด"
ลองอ่านในฉบับเต็มที่มีคนแปะไว้ข้างล่างกระทู้ดูครับ
พยานฝั่งโจทย์ยืนยันว่า IMEI ปลอมไม่ได้ ส่วนฝั่งจำเลยแย้งว่าปลอมได้แต่ไม่สามารถโชว์ให้ดูได้ เลยถือว่าข้อโต้แย้งฟังไม่ขึ้นครับ
ก็แล้วไอ้การปลอม IMEI มันทำโชว์กันในศาลได้เหรอครับ? แล้วคุณคิดว่ามันปลอมไม่ได้ตามที่ศาลตัดสิน ก็เชื่อตามนั้น? คุณตามข่าวบล็อกนอนมากี่ปีแล้ว? คุณอยู่ในบล็อกนอนก่อนผมอีกมั้ง แล้วไอ้ลิงค์เป็นสิบเป็นร้อยที่รวมไปว้ค้านคดีนี้ได้อ่านมั่งรึเปล่า?
ขอโทษนะ ถ้าคุณต้องพิสูจน์ว่าคุณมี DNA ตรงกับคราบเลือดของเสื้อผู้ตาย คุณยืนยันโชว์ในศาลได้มั้ย ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามบอกว่าเลือดกรุ๊ปเดียวกัน หยดเลือดใส่แล้วไม่ตกตะกอน แปลว่าคุณผิด แล้วศาลก็เชื่อ
แล้วขอโทษ ก็ถ้าคุณไปอ่านฉบับเต็ม ปิดท้ายคดี ศาลก็บอกเองเลยว่า "แม้โจทก์จะไม่สามารถนำสืบพยานให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้ที่ส่งข้อความตามฟ้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องดังกล่าว" นี่เรื่องจริงไปหาอ่านให้จบก่อนดีกว่านะครับ คำพิพากษาฉบับเต็มก็มีให้อ่านแล้ว
สุดท้ายผมขอคำนึงเหอะ เฮ้ย นี่มันอะไรกันวะ เถียงข้างๆคูๆอยู่ได้
แก้ๆๆ ขอไปอ่านสำนวนอีกรอบครับ
ต้องขออภัยที่ผมบอกแต่ส่วนของจำเลย จริงๆแล้วเป็นแบบที่คุณ Thaina เข้าใจ
คือศาลวางตัวเป็นกลาง แล้วให้ทั้งสองฝ่ายกล่าวหากัน และแก้ต่างให้ตัวเองหลุดพ้น
หลักการนี้สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ให้ศาลเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดจริง
ส่วนเรื่องพยานและหลักฐานหนาแน่นพอเอาผิดกับจำเลยได้หรือเปล่า ผมขออนุญาตไม่แสดงความเห็นเพราะยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาฉบับเต็มครับ
+1
คดีนี้ทำให้ผมรู้ว่า ในประเทศไทย จำเลยผิดจริงจนกว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์
พิสูจน์ว่าบริสุทธิ์แล้วก็โดนสังคมกาเครื่องหมายลงกลางหน้าผากอยู่ดีล่ะครับ
สังคมเรามักจะตัดสินคนเพราะเชื่อสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาครับ
ทำไมถึงเชื่อ .... ก็มันบอกมาอย่างนี้
เป็นเหตุเป็นผลมากเลยจ้ะ
แสดงความคิดเห็นบ้าง คดีนี้อากง ถ้าไม่ได้รับอภัยโทษประจำปี ก็ตายคาคุกแน่นอน
ผมอ่านคำแถลงการณ์ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย Asian Human Rights Commission (AHRC) เขาซัดตรงๆเลยนะนั่น "กรณีนี้ได้แสดงให้เห็นชัดถึงศาลไทยที่เป็นที่ที่ไม่อาจหาความยุติธรรมหากแต่ความอยุติธรรมกลับงอกเงย" จากแปลไทย
เหมือนถูกหวยทั้งที่ไม่ได้ซื้อ
พวกเราพอจะช่วยทำอะไรได้บ้างครับ? ไม่ได้หมายถึงแค่ช่วยอากงนะครับ (เพราะผมก็ไม่รู้ว่าอากงผิดไหม) แต่ช่วยให้กระบวนการต่างๆมันถูกต้องกว่านี้ มรอะไรที่พวกเราน่าจะ'ลงมือ' ทำบ้างครับ?
+1
[Ask] คิดอย่างไรกับ "คดีอากง" ที่พึ่งตัดสินเมื่อไม่นานมานี้ ครับ?
[Ans] คิดว่าคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ เพราะแม้หลักฐานไม่ชัดเจน อัยการก็ส่งฟ้องและศาลก็พิพากษาได้ โดยใช้ "ความรู้สึก" อยู่เหนือกว่า "ข้อเท็จจริง"
แสดงว่าชีวิตของประชาชนไทยทุกคนแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความปรานี ตามความรู้สึกของผู้มีอำนาจเท่านั้น
ลองดูคดีนี้ดูครับผมว่ามันไม่ต่างกันเลย แต่ศาลยกฟ้อง ศาลยกฟ้อง'ปิญช์'คดีใช้เอกสารปลอม
ใครมีคำพิพากษาฉบับเต็มให้อ่านบ้างครับ ผมว่าน่าจะลองอ่านคำพิาพากษาฉบับเต็มก่อนว่าศาลใช้เหตุผลอะไรในการตัดสินจำคุกแล้วค่อยวิจารณ์ดีไม้ครับ ลิงค์แรกข้างบนผมเห็นแต่คำแถลงของจำเลยเท่าั้นั้น ยังไม่เห็นมีคำพิพากษาฉบับเต็มเลยครับ
จำได้ว่าลงไว้แล้ว ลองหาดูครับ
หาไม่เจอครับ ช่วยเอามาแปะหน่อย
อ่านรายละเอียดฉบับเต็มที่นี่ครับ http://ilaw.or.th/node/1229
ขอบคุณครับ
เท่าที่หาดูตามลิงค์ที่คุณ Thaina ให้มาในเพจนั้นมีแต่คำพิพากษาฉบับบย่อที่ย่อกันมาเองแล้วครับและย่อเอาเฉพาะประเด็นที่อยากวิจารณ์มาลงเท่านั้น มันไม่ได้แสดงถึงเนื้อความทั้งหมดของคำพิพากษาว่ามีเหตุผลอะไรกี่ข้อที่ศาลเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดครับ ดังนั้นหากจะวิจารณ์ว่าำิคำพิพากษาเป็นอย่างไรดีหรือไม่ดีอยากให้เอาเหตุผลมาว่ากันครับ หากไม่เห็นด้วยก็ว่าไปตามเหตุผลของเราว่าที่เราว่าไม่ถูกไม่ควรด้วยเหตุผลอะไรครับ
เอ๊า นี่ผมลืมลงอันนี้ได้ไงเนี่ย ก็ว่าลงแล้วนา
แต่
ไอ้ที่บอกว่าตัดๆย่อๆมา ทุกคนก็ใส่เหตุผลกันไปหมดแล้วนะครับไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
คนที่เขาย่อความมาเขาก็น่าจะอ่านจนจบแล้วถึงตัดบางส่วนแสดงมาเหตุผล รบกวนถอนคำพูดหน่อยครับ
ผมไม่ได้ว่าคุณครับ ผมพยายามปรามคนอื่นที่แสดงความคิดเห็นและวิจารณ์โดยไม่ได้ใช้เหตุผลว่าควรอ่านและทำความเข้าใจให้ดีก่อนแสดงความคิดเห็นครับ หมายถึง ในนี้เท่านั้นนะครับไม่อาจก้าวล่วงไปถึงข้างนอกโน้นครับ
IMEI ถูกแก้ค่าได้ด้วยใช่ไหม
aka ohmohm
โอกาศสุ่ม IMEI โดนยากยิ่งกว่าถูกหวยอีก = ="
{$user} was not an Imposter
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้ ลองอ่านเรื่อง Birthday Attack จะพบว่ามันมีโอกาสสูงพอสมควร
คิดอยู่เหมือนกันว่าเป็น Birthday Paradox ครับ
{$user} was not an Imposter
นั่นคือเมื่อคุณคิดว่าเลขมัน fully random ครับ
ในความเป็นจริง คุณรู้ว่ารุ่นไหน ขายเมืองไทย ก็ได้เลข TAC การหา range ว่าเลขไหนมีขายในไทยก็ทำได้ไม่ยาก
IMEI เลขเครื่องที่ติดกับคุณก็ได้ครับ เอามาคำนวณ checksum ใหม่ ถ้าซื้อมาไม่นาน มันยังมีคนใช้อยู่ล่ะ
lewcpe.com, @wasonliw
เรื่องนั้นผมไม่ติดใจครับ เพราะ checksum ไม่เหมือนกัน
แต่เรื่องที่ IMEI 14 หลักไปโผล่ใน Cell Site เดียวกันผมว่ามัน Fishy ครับ
{$user} was not an Imposter
lewcpe.com, @wasonliw
ผมเองก็เห็นว่าศาลไม่ควรตัดสินชี้ขาดไปทั้งๆที่หลายๆอย่างมันยังไม่กระจ่าง
ถ้าเป็นการตูนก็รู้สึกเหมือนโดนตัดจบ อะไรแบบนั้น
{$user} was not an Imposter
บางคนก็แปลก พยายามบอกว่าหลักฐานชี้ตัวยังไม่แม่นยำ
แต่ดัน พยายามส่งเสริมให้แก้กฎหมาย ไปโทษตัวกฎหมาย ม.112
แทนที่จะพยายามหาวิธีแก้ไข เรื่องการระบุตัวตนให้แม่นยำมากกว่า
เป็นการเรียกร้องคนละส่วนกันครับ อย่าเอามาปนกัน
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ก็มันเจ๊งทั้งหมดทั้งกระบวนการ ทั้งศาล ทั้งการสืบพยาน และตัวกฏหมายด้วยครับ เขาก็เลยเรียกร้องทั้งหมดทีเดียว
ต่อให้อากงผิดจริง แต่การติดคุก 20 ปีเพราะ SMS สี่ข้อความ มันก็เทียบได้เลยว่าประเทศเราเจริญเหมือนอังกฤษหรือเกาหลีเหนือ เก็ทมั้ยครับ
กฎหมาย เขามีให้ปฏิบัติตามครับ คนดีๆ เขาไม่เดือนร้อนจาก มาตรานี้กันหรอกครับ
ผมเห็นเพิ่งจะเดือนร้อนกัน ก็มีแต่พวก จ้องแก้ ม.112 นี้แหละครับ กฎหมายนี้เขาใช้กันมาหลายสิบปีแล้ว
ใครด่าพ่อผม ผมก็ไม่ยอมเหมือนกันครับ ขนาดมีกฎหมายปกป้องท่าน ปัจจุบันยังมีพวกล้ม พวกโพสหมิ่นมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่มีจะขนาดไหนครับ แถบคนที่เคยโดนตำรวจบุกจับคดีหมิ่น ยังมีข่าวไปยืนเป็น wallpaper ใกล้ๆท่าน รมต.ICT คนปัจจุบันเลย
กฎหมายมีให้ปฏิบัติตาม และก็มีให้แก้ได้ด้วยครับ เมื่อมันไม่เหมาะสมเราก็แก้ได้ (ผมก็ไม่ทราบนะว่าเรื่องนี้ควรแก้ไหม) แต่คุณใช้ตรรกะแบบนี้ไม่ได้ครับ
ตัวกฏหมาย มันผิดหลักการ ประชาธิปไตย ว่าด้วยเสรีภาพพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นขั้นพื้นฐาน ที่มนุษย์ ทุกคนพึงมี ไงครับ
และการบังคับใช้ ส่วนใหญ่นับแต่มันกำเนิดขึ้นมา เป็นไปเพื่อ ทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง(ซึ่งตัวกฏหมาย ก็พยายาม เขียน ให้ครอบจักรวาล เพื่อเอื้อ ให้ ผู้บังคับใช้ สามารถนำกฏหมายไปใช้งานยังไงก็ได้) ซึ่งมีผลกับ ประชาชน ในระดับ มหภาค แต่ เพราะ นานๆครั้ง ที่จะโดนประชาชน ตาดำๆ แบบรายคน คุณเลยอาจ ไม่ต่อต้านกฏหมาย นี้ มากมายนัก และ อาจมองว่า การมีกฏหมายนี้ไว้ แสดงออกถึงความ ภักดี ซึ่งมันคนละเรื่อง
และ คดี อากง ไม่ใช่ Study Case แรกครับ
สุดท้าย โทษของมันหนักกว่า ฆ่าคน ตายเสียอีก
ใน อังกฤษ กฏหมาย ลักษณะนี้ ค่อนข้างชัดเจน รัดกุม และ มีโทษ แค่ปรับ
ในความคิดส่วนตัวของผม ผมคิดว่า คนดีๆ เขาไม่เดือดร้อนกับกฎหมาย มาตรานี้กันครับ
ลองดู background สภาวะแวดล้อมของ อากง ดู รวมถึงความคิดทางการเมืองของเขา เป็นอย่างไร ไม่อยากพูดมากกว่านี้ เดี่ยวกลัวออกการเมืองเกินไป แล้วจะผิดกฎ
อีกอย่างนะครับ ที่บอกว่า "ตัวกฏหมาย มันผิดหลักการ ประชาธิปไตย ว่าด้วยเสรีภาพพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นขั้นพื้นฐาน ที่มนุษย์ ทุกคนพึงมี ไงครับ" ผมเห็นว่า กลุ่มทางการเมืองที่มาเรียกร้องให้กับอากงหลักตอนนี้ รวมถึงทนายของอากงเองที่แพ้คดี ก็สีอะไร ขึ้นเวทีสีไหน ผมเห็นกลุ่มเขาก็ข่มขู่ คุกคาม คนที่แสดงความคิดเห็นตรงข้าม (นี้ประชาธิปไตยไหมครับ) ถึงขั้น ขู่นองเลือด (ไม่ใช่เรื่องอากง แต่เป็นเคสที่เกิดในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา อาจจะเห็นข่าวมาบ้าง)
ดังนั้นความชอบธรรมของคนกลุ่มนี้ ผมคิดว่าไม่มีครับ มีแต่เอาดีเข้าตัว อะไรเป็นประโยชน์กับกลุ่มตัวเอง (รวมถึงมีกลุ่มย่อยบางส่วนที่แสดงออกชัดเจนว่าต้องการยกเลิก ม.112 มานานแล้ว) ก็หยิบมาเป็นประเด็นอย่างเดียว
คุณจะบอกว่าคนที่โดนยัดข้อหานี้ไม่รู้กี่คนตลอดประวัติศาสตร์ 40 ปี มีแต่คนชั่ว ก็.....แล้วแต่คุณนะ ประวัติศาสตร์ประเทศนี้มันปิดหูปิดตากันมาแนบเนียนดีจริงๆ
ขนาดเคสอากงสดๆร้อนๆ ยังปิดหูปิดตาตัวเองได้ขนาดนี้
การที่ขึ้นเวทีไปพูดอะไร มันก็เป็นแค่การพูด แต่กฏหมายมันมีผลบังคับ มีเต้าหน้าที่ที่จะต้องลงมือปฏิบัติตาม ถ้าคุณแยกเรื่องนี้ไม่ออกนี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณเข้าใจ
คุณจะอ้างอะไรก็อ้างแต่ ผมก็อ้างได้เหมือนกันว่าความชอบธรรมของ 112 ไม่มีแต่แรกแล้ว ไปดูได้ว่าใครเริ่มเขียนมันเข้ามา ใครที่ตั้งโทษ สั่งเพิ่มโทษ มีแต่พวกที่ได้ประโยชน์จากการยัดข้อหาทั้งนั้น คุณไม่รู้อะไรเลย
การที่คนคิดอยากยกเลิกม.112 มันมีมาตั้งนานแล้ว แม้แต่คนที่เคารพเทิดทูน รับใช้ใกล้ชิดในหลวง ก็อยากให้เลิก เพราะเขารู้ดีว่าคนเขียนคือใคร แล้วมีเจตนาอะไร
112 มันไม่ได้มีไว้ปกป้องในหลวง แต่มีไว้แอบอ้างในหลวง
-- ผมคิดว่า ขู่ฆ่า อาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่น ไม่ดีครับ แต่ไม่ใช่ วิจาร์ณ นะ
--ไม่เกี่ยวข้องกันครับ ถ้ามันขัด (ไม่ทราบอีกเหมือนกันว่าขัดหรือเปล่า แต่เห็นนักนิติศาสตร์หลายท่านก็วิจาร์ณในทางลบ) ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแก้ ไม่เกี่ยวว่าแก้แล้วใครจะได้ประโยชน์หรือไครเรียกร้อง
เหตุผลคุณคือเหตุผลวิบัติครับ ลองศึกษาเรื่องพวกนี้ดูนะครับ
(ไม่แน่ใจว่าของคุณตรงกับ Argumentum ad Hominem หรือเปล่า)
งั้นคนดีของคุณ คือ คนที่พร้อมจะเชื่อฟังผู้นำ ไม่มีความคิดนอกจากที่ผู้นำต้องการให้คิดครับ
เหตุที่ผมสรุปเช่นนี้ เพราะ มีแต่คนแบบนี้จึงไม่เดือดร้อน
และ ผมจำเป็นต้องนิยามคนดี ของคุณ เพราะคนดี ของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นคนที่อ่านผ่านๆ อาจจะเข้าใจว่าคนดี ที่ไม่เดือดร้อนของคุณเป็นคนดีประเภทเดียวกับ ตัวเอง
หวยรอบนี้ออก 02 เลย