หลังจากที่หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศออสเตรเลีย (ACCC) ได้ออกมาบอกว่าการโปรโมท iPad ใหม่ของแอปเปิลที่ไม่รองรับการใช้งาน 4G LTE ในออสเตรเลียว่า "iPad with Wi-Fi + 4G" ถือว่าเป็นการพยายามที่จะทำให้ลูกค้าสับสน ล่าสุด แอปเปิลได้ออกมาบอกว่าลูกค้าที่เข้าใจผิด สามารถนำ iPad มาคืนกับแอปเปิลได้
โดยทีมกฎหมายของแอปเปิลกล่าวว่า แอปเปิลไม่เคยอ้างว่า iPad ใหม่นี้จะใช้งานได้กับเครือข่าย LTE ของ Telstra ผู้ให้บริการ LTE เพียงรายเดียวของออสเตรเลียในตอนนี้ และยังบอกศาลอีกว่า iPad ใหม่นี้สามารถใช้งานความเร็วที่บางประเทศเรียกว่าเป็นความเร็ว 4G ได้ โดยแอปเปิลจะเริ่มส่งอีเมลแจ้งให้ผู้ซื้อทุกคนทราบว่าสินค้าดังกล่าวไม่สามารถใช้งาน LTE ในประเทศออสเตรเลียบนช่วงความถี่ 1,800 MHz ได้ และจะย้ำอีกครั้งก่อนที่ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย
ในสหรัฐ ความเร็ว HSPA+ หรือที่ในบ้านเราชอบเรียกกันว่า 3G+ ที่มีความเร็วสูงสุดที่ 42Mbps ถูกทำการตลาดว่าเป็นความเร็ว 4G แต่การทดสอบหลาย ๆ ครั้งการใช้งานจริงบนเครือข่าย HSPA+ นอกสหรัฐฯ ทำความเร็วได้สูงกว่า LTE ในสหรัฐฯ เสียเอง (ตามวีดีโอข้างล่าง)
ที่มา - 9to5Mac
Comments
โห ดีมากเลยะ แล้วประเทศไทยละ
สำหรับเครื่องที่รองรับ HSPA+ 42 Mbps เต็มสปีดก็มีตอนนี้อยู่ไม่กี่ตัว แต่ที่จะขายในไทยอย่างเป็นทางการก็มี The New iPad กับ Nokia Lumia 900
แต่ต้องรอลุ้นว่า Lumia 900 กับ The New iPad ใครจะนำเข้าก่อนกัน ซึ่งผมก็ขอให้มันมาเร็ว ๆ สักต้นเดือนพฤษภาก็ยังดี
Coder | Designer | Thinker | Blogger
โหลดได้ 42 Mbps อยู่ 3 นาที แล้วก็ติด FUP 64 kbps
เอวัง
อนาถแท้ เมืองไทย (ท่องแบบกลอน)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ความต้องการเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักพอจริงๆ
มี 3G ก็อยากได้ 4G
ดูประเทศไทยสิ 3G ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างยังไม่เคยบ่นซักนิด มั้ง
ที่ US 2G ยังไม่ค่อยมีคลื่นเลยจ้า
ในประเทศไทย....
ปัจจุบัน TOT ใช้ความถี่ย่าน 2100 MHz HSPA+ (High Speed Packet Access Plus) ระบบ 3.9G (ที่บางประเทศเรียกว่า 4G) ความเร็วสูงสุด 42 Mbps ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.tot3g.net/GUI/PromotionInfo.aspx?pid=3
The New iPad เป็นอุปกรณ์ที่สามารถรับสัญญาณ TLE ในย่านความถี่ 700 Mhz , 2100 Mhz
TOT สามารถพัฒนาความเร็ว (Data Downlink speed) จาก 42Mbps (HSPA+ Rel-8) เป็น 150Mbps (LTE Rel-8) ในย่านความถี่ 2100 MHz ได้ครับ
ในไทยทดสอบใช้ LTE ทั้งแบบ TDD : Time Division Duplex ความถี่ย่าน 2,300 MHz บนความถี่ 10 MHz และ FDD : Frequency Division Duplex ความถี่ย่าน 1,800 MHz บนความถี่ 20 MHz แบ่งเป็น Uplink 10 MHz, Downlink 10 MHz
ถ้าใช้จริงคงเอา TOT 2100 MHz HSPA+ มาพัฒนาต่อเป็น150Mbps (LTE Rel-8) ในย่านความถี่ 2100 MHz ด้วยครับ
ส่วน LTE = 4G ทั้งนี้ทั้งนั้น แล้วแต่ชื่อทางการตลาดของแต่ละบริษัทด้วยครับ
แบน 1 เดือนฐานสแปมคอมเมนต์เดียวกันหลายต่อหลายครังนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
แบนกันเลยเหรอ ไม่ตักเตือนกันก่อนเลยเหรอ
คราวก่อน (คุณ Joomla) โดนแบน 1 สัปดาห์ นี่ผ่านไปเป็นปีก็เห็นยังเฉย
คนนี้โดน 1 เดือน ไม่ทราบว่าจะได้กลับมาจริง ๆ เมื่อไหร่ครับ
Happiness only real when shared.
/user/20934/track
Spam นี่ไม่เตือนครับ การ copy มาวางไม่ใช่การพูดคุยตามปรกติวิสัย โทษแบนชั่วคราวคือต่ำสุดแล้ว
ส่วนเรื่องเลยเวลาแล้วผมลืม (คงมีเคสอื่นๆ ด้วย) สามารถแจ้งมาได้ครับ อีเมลแอดมินมีบอกวิธีการติดต่ออยู่
lewcpe.com, @wasonliw
นี่เราจะสบายตาไปกับคอมเม้นท์อวยแอปเปิ้ลแปลกๆไป 1 เดือนเชียว :P
ผมหยอกเล่นนะครับ อย่าแบนผมเลย O_O
ในไทยทดสอบใช้ LTE ทั้งแบบ TDD : Time Division Duplex ความถี่ย่าน 2,300 MHz บนความถี่ 10 MHz และ FDD : Frequency Division Duplex ความถี่ย่าน 1,800 MHz บนความถี่ 20 MHz แบ่งเป็น Uplink 10 MHz, Downlink 10 MHz
ตรงข้อความ TDD ความถี่ย่าน 2,300 MHz บนความถี่ 10 MHz
และ FDD ความถี่ย่าน 1,800 MHz บนความถี่ 20 MHz
ส่วนที่บอกว่า บนความถี่ 10 MHz น่าจะเป็น ความกว้างของคลื่นขนาด 10 MHz
หรือ Bandwidth 10 MHz (TDD) ส่วน FDD Bandwitch 20 MHz (10+10)
น่าจะถูกต้องมากกว่านะครับ
เพราะใช้คำว่า 4G กันพร่ำเพื่อหรือเปล่า คนทั่วไปเลยเข้าใจแบบนั้น
3G+ รู้สึกว่าเหมาะดีนะ ถ้าLTE น่าจะต้องสูงกว่า 42 Mbps
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ความเข้าใจเกี่ยวกับ 4G มันถูกบิดเบือนเพราะการตลาดของไอกันนั้นแหละ
ผมเรียก LTE เวลาคุยกับ Geek ถ้าทั่วๆ ไปก็ 4G ละกันเข้าใจง่ายดี
+1
Coder | Designer | Thinker | Blogger
หัวข้อข่าวผิดครับ Apple ไม่ได้ตกลง แต่ศาลสั่งให้ Apple ทำครับถ้าไม่เช่นนั้นจะถูกแบน
อ่านข่าวเก่าๆ ของเมื่อปลายปีที่แล้ว ITU ออกมายอมรับให้อะไรก็ตามที่เร็วกว่า 3G อย่างเห็นได้ชัดเป็น 4G เพราะฉะนั้น LTE ของ AT&T ก็น่าจะถือเป็น 4G ได้นะครับ รู้สึกช่วงคลื่นจะเป็น 700/2100
HPSA+ 84Mpbs ก็ได้รับการยอมรับให้เรียกเป็น 4G ได้นะครับ...ไม่มีลิงค์ยืนยัน หากันเอาเองนะ
คำถามคือคำโฆษณาของแอปเปิ้ลสับสนไหม สำหรับคนที่ไม่ใช่ geek ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ครับ ลองดู ก็ตลกดีกับประเทศที่ผู้บริโภคโดนซุปเปอร์มาร์เก็ตหลอกเป็นประจำอยู่แล้วก็ยังไม่มีใครจัดการได้ เรื่องความรู้ไม่เท่าทันของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีกลับเป็นความผิดของบริษัท
ทิ้งท้ายนิดนึง
ทั้ง Speedtest แล้วก็ YouTube ไม่น่าจะทดสอบความเร็วจริงของเครือข่ายได้เลยครับ
YouTube มีตั้งหลาย CDN แน่นอนหนึ่งในนั้นคืออสเตรเลีย วิดิโอใน YouTube ไม่ได้ถูกส่งมาจาก CDN ที่ใกล้ที่สุดหรือเร็วที่สุดเสมอไป ขึ้นอยู่กับคลิปวิดิโอนั้นถ้ามันไม่เคยถูก replicate ไว้กับ CDN ตัวที่ใกล้ความเร็วมันก็ตกลงไปครับ
The Cake is a Lie