LG เผยหน้าจอมือถือขนาด 5 นิ้วที่มีความละเอียดอยู่ที่ Full HD ที่ 1080p ซึ่งหากเปรียบเทียบกับหน้าจอ Retina Display ของไอโฟนที่มีความละเอียดอยู่ที่ 326 ppi แล้วละก็หน้าจอของ LG นี้มีความละเอียดสูงกว่าที่ 440 ppi
หน้าจอใหม่ของ LG นี้ใช้เทคโนโลยี IPS ชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า Advanced High Performance In-Plane Switching หรือ AH-IPS ซึ่งจะเหนือกว่าหน้าจอ IPS ปกติที่องศามุมมองที่กว้างกว่า และระยะเวลาในการตอบสนองที่เร็วกว่า ในขณะเดียวกันยังมีประสิทธิภาพความสว่างที่สูงกว่าอีกด้วย
LG คาดว่าเราจะได้เห็นหน้าจอดังกล่าวในสินค้าที่วางจำหน่ายจริงในตลาดได้ภายในครึ่งหลังของปีนี้ เพราะฉะนั้นใครที่ใจละลายทุกครั้งเมื่อเห็นหน้าจอคม ๆ อาจจะได้เสียเงินกับอุปกรณ์พกพาขนาด 5 นิ้วในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
ที่มา - Engadget
Comments
iPhone ก็ใช้จอของ LG รึเปล่านะคับ?
positivity
สั่งจาก LG ส่วนหนึ่งด้วย
ที่แน่ๆ จอสไตล์ LG อมเหลือง...แน่นอน
มีของ samsung ด้วยเปล่า
รู้สึกจะมีอยู่ 3 เจ้ามั้งครับที่ทำ LG, Samsung, XXX จำไม่ได้ หะหะ
Sharp ครับ
เหมือนเคยอ่านว่า New iPad จอเหลืองนะครับ เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ iPad 2
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมคิดว่าการที่จออมเหลือมันรู้สึกไม่ปลื้มฮะ เวลาเอากล้องส่องกระดาษแล้วออกเหลือง แทนจะขาวสว่างตามธรรมชาติ สุดๆจะไม่ประทับใจ
แรกๆ ผมก็ไม่ปลื้มครับ หลังๆ อ่านแล้วมันสบายตากว่าอมฟ้า
จอคอมผมยังปรับให้อมเหลืองตาม
ถูกต้องครับ
ในทางการพิมพ์แล้ว กระดาษที่เหมาะกับการอ่านมากที่สุด คือกระดาษออกสีเหลืองๆ หรือที่เรียกกันว่า กระดาษกรีนลีฟ
แต่คนไทยมีค่านิยมชอบกระดาษขาวๆ อย่างกระดาษอาร์ท ที่สะท้อนแสง
เข้าเรื่อง
จอที่ว่านี่ จะออกมาพร้อมกับ Optimus Vu มะหว่า กะลังรอดูอยู่เลย
แล้วกระดาษเหลืองในไทยอย่างแพงเลย - -" จากใจคนใช้กระดาษเหลือง
*ตอบผิดที่
น่าจะตระกูล LG Optimus 4X (II) อะไรงี้
ข่าวนี้
ไม่ก็ Vu2 , LTE4 มั่วไปเรื่อย
(กระดาษเหลือง)
ไม่ชอบกลิ่นมันอะครับ จะอ้วก -*-
โอ้ว เหมือนผมเลย ปรับจอคอมให้ออกเหลืองนิดๆ (ว่าแต่ จอ mac มันเหลืองมาเลยนะ เพราะ ICC profile ที่ calibrate มาจากโรงงานแน่ๆ)
กระดาษ อยู่ใต้หลอดไฟคนละแบบ กระดาษก็คนละสีนะ อันไหนคือขาวสว่างตามธรรมชาติล่ะ แต่ถ้าอยู่ใต้แสงอาทิตย์ไม่น่าจะออกเป็นขาวฟ้านะ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
สีโทนเหลืองจริงๆคือโทนธรรมชาตินะครับ แต่เรารู้สึกว่ามันสวยกับทางอมฟ้ามากกว่า
จอคอมบ้านผมก็ปรับให้อมเหลืองหน่อยๆนะ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
จอคอมผมไม่ต้องปรับเลยครับ อมเหลืองอัตโนมัติ ฮ่าๆ
อ่านหัวข้อแล้วยัง ฮา Ratina มันก็จอ LG นินา
ชอบสีอุ่นๆ ของจอมากกว่าสีอมฟ้า อมเขียวของ AMOLED อ่ะครับ สีอุ่นดูมันสบายตากว่ามากเลย
"ระยะเวลาในการตอบสนองที่ต่ำกว่า" ผมว่า น่าจะเปลี่ยนเป็น "ระยะเวลาในการตอบสนองที่เร็วกว่า" ครับ น่าจะเคีลร์กว่า ลองเสนอดูครับ
Alien retina display?
ผมว่าระดับ retina ละเอียดพอแล้วนะครับ เพราะมากกว่านั้นตาก็แยกไม่ออกแล้วนอกจากเพ่งมากกว่าปกติ
+1
นั่นสิครับ เกิน 300 ppi ตาก็แยกไม่ออกแล้ว แต่ถ้า view angle กว้างกว่า สว่างกว่า นี่ก็น่าสน
จริงๆเห็นเค้าคำนวนออกมาต้อง 340+ นะครับ สำหรับการใช้ห่างจากตา 10" แต่ผมก็ยัง happy กับจอ iPhone 4S อยู่นะ
ละเอียดกว่า retina ในระดับจอ 5 นิ้ว พัฒนาขึ้นกว่าของ Apple ผมว่าเป็นนวัตกรรมที่เยี่ยมมากแล้วนะครับ, เกินความจำเป็นแต่ถ้านวัตกรรมนี้ถูกเสนอโดย Apple?
my blog
ยี่ห้ออื่นกาก แอปเปิลเทพ
plus one
โดนมากกกกก หึหึ
WE ARE THE 99%
ผมว่าเพ่งมากกว่าปกติก็ยังดูไม่ออกเลย แต่อย่าลืมว่ามีคนหูทิพย์ ตาทิพย์อยู่นะ ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีที่พวกนี้ต้องใช้อุปกรณ์แพงกว่าคนอื่น 55
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อ่าา~ อาจจะจริง หึหึ
+1 เอาไปทำป้ายจราจรให้มดดูจะเข้าท่ากว่า
แค่ระดับ Retina ก็พอแล้ว ละเอียดกว่านี้ผมว่าเพิ่มต้นทุนเสียเปล่าๆ มาทำให้มันถูกลงอีกดีกว่า
อาห์-IPS
มาใน Iphone ตัวใหม่แน่นอน ^_^
retina flt. nova display
nova ผมก็ชอบด้วย แต่หากไปปรับสว่างมากจะจ้ามากไปซะ
แต่บน optimus black ผมยังพอใจใช้ต่อ
Optimus Black แทบไม่ต้องโหลด app ไฟฉายเลย
เปิดหน้าจอ สว่างทั้งห้องเลย
เหมือนจะดีไปทุกอย่าง แต่การ์ดจอกับแบตล่ะครับ :p
นั่นสิครับ ไม่พูดถึงเรื่องการใช้พลังงานเลย
ถ้ามันประหยัดพลังงานกว่า เขาโปรโมทมาแต่แรกแล้วครับ ขนาด new iPad ยังซดแบตเยอะกว่าเดิมเอาเรื่องเลย นี่ละเอียดกว่าเยอะไม่อยากจะคิดว่าจะซดขนาดไหน
จะเอาชัดเว่อไปไหน 260+ ผมก็ OK แล้ว ทุกวันนี้ใช้ iPhone 4S ก็ happy มากๆ แต่อย่างว่าละเนอะ ชัดกว่าก็ดีกว่าอยู่แล้ว ห่วงแต่เรื่องขนาดของแอปนี่แหละว่าจะทำให้เครื่องมีปัญหาความจุหรือเปล่า
ก็เหมือนพวกคนเล่นหูฟังอ่ะครับ หูคนเราโดยธรรมชาติก็ตอบรับความถี่เสียงได้เพียงช่วงนึง แต่ยี่ห้อหูฟังหลายยี่ห้อก็เอาความถี่ที่เกินกว่าที่มนุษย์รับได้มาเป็นจุดขายเหมือนกัน บางคนก็ฟังออกว่ามันดีกว่าบางคนก็ฟังไม่ออก สรุปง่ายๆคือมันมีพวกเหนือธรรมชาติอยู่จริงๆในโลกนี้ 555555555
View Angle กว้างขึ้น !?!?
IPS ปกติเค้าก็เคลมกันที่ 178 องศาแล้วนะ นี่ยังกว้างขึ้นได้อีกเหรอเนี่ย
สงสัยหมุนไป 360 องศา ก็ยังเห็น
ฮ่าๆ
เห็นอยู่แล้ว 555 กลับมาที่เดิม 555
ตัวนี้อาจจะได้ 179 องศาก็ได้ครับ ฮา
Apple ปกติชอบบ้าพลังอยู่แล้ว แต่หลายคนมักไม่รู้ว่า ที่ Apple จำกัดความละเอียดอยู่ที่ 326 ppi นั้นเป็นเพราะเมื่อทำการทดสอบกับตาคนจริงแล้ว หากความละเอียดเกินกว่านี้ ตาคนก็จะแยกความแตกต่างไม่ได้แล้วครับ
.. เพราะฉะนั้นคอยดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ^^
ผมว่าไม่เกี่ยวกันหรอก ... Apple ต้องการจะคงขนาดหน้าจอเอาไว้ที่เท่าเดิม ในขณะหาวิธีเพิ่มความละเอียดโดยที่ไม่สร้างปัญหาปวดหัวให้นักพัฒนา ก็เลยใช้วิธีเพิ่ม resolution สองด้านเป็นสองเท่า เพื่อที่เวลารัน App เก่า ๆ ที่ออกแบบมาำสำหรับ resolution เดิมยังคงออกมาดูดีและไม่ต้องใช้การทำ interpolate ซึ่งจะทำให้การแสดงผลไม่ชัด
แล้วเผอิญพอเอามาหารกับขนาดมันดันได้ 326ppi พอดี มันเป็นเรื่องบังเอิญครับสำหรับตัวเลขตัวนี้ ไม่มีอะไรในกอไผ่ครับ
เกิดมันหารได้ 300 ppi พอดี Apple ก็เอามาบอกอยู่ดีว่าตาคนแยกความแตกต่างไม่ออกเหมือนเดิม ... ก็ไอ้สิ่งพิมพ์ที่เราอ่าน ๆ กันมันก็พิมพ์กันที่ 300 dpi นะครับ
+1
Dream high, work hard.
+1
+1
WE ARE THE 99%
ผมไม่ได้พูดเน้นไปที่เลข 26 ที่เกินมาหรอกครับ (อันนั้นพอเดาได้ครับ) ผมหมายถึง 300+ something รวมๆ ^^
เอาเข้าจริง ๆ นะ ผมว่า ถ้ามันหารได้แค่ 200+ Apple เขาก็พูดเหมือนเดิมล่ะครับ 55
คงไม่ใช่แน่ๆครับ คุณภาพงานพิมพ์มันมีกำหนดอยู่ครับ ขั้นต้นที่ 300dpi อาจจะ +- ได้เล็กน้อย
อย่าเดาไปเองครับ
คุ้นๆว่าคราว iPad2 ก็หาร dpi มาไม่ถึง 300
แอปเปิลยังเรียก Retina Display โดยใช้เหตุผลเรื่องระยะห่างเอานี่ครับ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่า Retina คือนิยามไม่ใช่ตัวเลขใดเลขหนึ่ง
จอขนาดไหนกี่ Pixel ก็ตามถ้าในระยะการใช้งานที่ใช้กันทั่วไปแล้วตาเราแยกเม็ด Pixel ไม่ออกก็ถือเป็น Retina ทั้งหมดตามนิยามครับ
ถ้าจะบอกว่าแถก็คงเตรียมการมาดีเพราะมันก็เขียนเอาไว้แบบนี้มานานแล้ว แต่คนเราก็ฟังกันแต่โฆษณาจนติดหูไปว่ามันต้องเป็นค่านั้นค่านี้ ทั้งๆที่หากจอมัน 300+dpi จริงๆแต่ใช้ใกล้ตามาแบบแว่นตา Google มันก็ยังอาจจะไม่ Retina ก็ได้(สมมุติ)
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
แค่ Retina ก็สุดยอดแล้ววววว
เทคโนโลยีมันไปได้อีก จะให้หยุดกันทำไมหว่า
หยุดเพราะว่า Apple ไม่ได้เป็นคนทำเลยพอแล้ว
+1 อันนี้ผมเห็นด้วยนะ ส่วนข้อความแรกเกรียนซะหน่อย
ทีวีมันก็ไปของมันเรื่อย ถึง 4k 8k อะไรโน้น
ถ้าคิดว่าคนส่วนใหญ่แยกไม่ออกไม่ต้องทำก็ได้ ทีวี HD หยุดไว้แค่ 720p ก็พอแล้วล่ะมั้ง
หรือ Blu-ray ไม่ต้องมีก็ได้ คนไทยส่วนใหญ่ ยังพอใจแค่ DVD อยู่เลย ไม่ก็ VCD ด้วยซ้ำ
ถ้าทีวีในไทย ตามชนบทผมว่าก็คงพอ ถ้าทีวีดิจิตอลยังไม่มาอะนะ
ถ้าดูเรื่องการตลาดเนี่ย ผมว่าก็ต้องหาจุดเด่นให้สินค้าของตัวเองอะนะ ไม่งั้นก็ไม่มีอะไรมาสู้เขา ซึ่งก็ส่งผลทำให้เทคโนโลยีก้าวหน้าต่อไป ก็ win-win ทั้งทั้งคนซื้อคน คนขาย
Resolution ของทั้งภาพ เป็นคนละเรื่องกับ ความละเอียดต่อพื้นที่ที่แสดงผล
ขอนอกเรื่องสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไหมที่แบรนด์ดังจะใช้จอ pixel qi อยากเห็นตัวเป็นๆหน่ะ เห็นคุยหนักหนาว่าดีกว่าจอ new ipad
บางที บทวิจัย ที่ว่าแอปเปิลอ้างจอละเอียดที่สุดแล้วที่ตามนุษย์จะรับได้ อาจจะไม่จริงในทุกกรณี
โลกนี้มีคนอีกไม่น้อยนะครับที่สายตาเป็นระดับ 20/10 (บางที่เรียก 2.0 บางที่เรียก 40/20 .. ใช้คำค้นว่า 2.0 Vision -> http://en.wikipedia.org/wiki/Visual_acuity) .. พวกที่สายตาคมกว่าปกติเห็นได้ระยะสองเท่าของคนปกติมีเยอะไปครับ
พวกที่สายตาไวกว่าปกติก็มีเยอะแยะ ระบบทีวีเลยเปลี่ยนจาก 23.xx FPS -> 25 FPS -> 30 FPS.. แล้วหลังๆ ก็เลยต้องมีการทำ FPS Double มาเป็น 60FPS จะได้สบายตา ไปๆมาๆ ทีวีเดี๋ยวนี้ พลาสม่าไป 600-1200 Hz แล้ว
ดังนั้น มองกันจริงๆแล้ว ก็เป็นเรื่องดีนี่ ...
เพียงแค่ตาคุณรับภาพได้อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย แปลว่าเทคโนโลยีหยุดแค่เฉลี่ยพอแล้ว แล้วพวกสายตาดีล่ะครับ อดหมด ?
--> เรื่องสายตา มันทดสอบง่ายน่ะ ให้อ่านข้อความเดียวกันที่ระยะต่างกันก็รู้แล้ว
ส่วนเรื่องหู ไม่พูดถึงแล้วกันครับ
ประมาณว่าลูกหลานเตมูจินกินนมม้า
ใช่มั้ยครับ?
เปรียบเทียบซ่ะเห็นภาพเลย พ่อคู๊ณ
นอกเรื่องนิด จอแอนดรอยหรือ โน้ตบุค 1080i/p เป็น full hd
แล้วที่ญี่ปุ่น 2k ก็กำลังจะถ่ายทอด อีกรายไม่แน่ใจว่า โตซิบ้า
ก็เข็นกล้อง วิดีโอ 4K เข้าไปอีก
ถ้า แค่นี้ full hd แล้วทีจะตามมาเรียกอะไรดีเอ่ย?
เรียก 4K ละกันครับ ... ขืนใช้ศัพท์แบบ XXX-Definition เราก็คงเห็นมันดิ้นไปเรื่อยจนคนเบื่อไปก่อน อิอิ
ตอนนี้เค้าเรียก Full HD 1080p กันนะครับ
1440×1080 : HDV (miniDV)
1920×1080 : HDV (miniDV), AVCHD, HD DVD, Blu-ray, HDCAM SR
1998x1080 : 2K Flat (1.85:1)
2048×1080 : 2K Digital Cinema
4096×2160 : 4K Digital Cinema
7680×4320 : UHDTV
ผมว่าอนาคตก็เป็น HD 2K, HD 4K, Ultra HD, Full Ultra HD อะไรแบบนี้มั๊งครับ
ต้องบอก Full HD 1080p (16:9 สำหรับ cinema) ด้วยใช่มั๊ยครับ .. อิอิ
(และที่มี คำว่า Full และ 1080p เพราะว่า มีบางผลิตภัณฑ์ทำ HD เทียมคือ 1080i)
มันต่างหรือเทคนิคการเรนเดอร์ ไม่ใช่หรือครับ มีแท้มีเทียมด้วยหรือ
มันขึ้นกัน จอภาพว่าแบบไหน
http://www.axis.com/products/video/camera/progressive_scan.htm
เลขดัชนีเหล่านี้นี่คือที่ญี่ปุ่นนิยมใช้กันใช่ไหมครับ
เห็นจากในหนัง/การ์ตูน/หนังสือ คนญี่ปุ่นชอบพูดเลขดัชนี 1.0 2.0 บลา บลา บลา แทนความตาดี
อย่างเช่นเห็นไฟตกแว้บนึง แต่คนอื่นไม่เห็นนี่เข้าข่ายพยกสายตาไวกว่าชาวบ้านมั๊ยครับ?
//เอ๊ะ หรือมันอาจจะมีอะไรอย่างอื่นก็เป็นได้
Dream high, work hard.
อันนี้กลายเป็น visualphile พวกตาทอง 555 :D
Hardware ดี แต่ Software ห่วย = ไม่เอา
จะชัดไปไหน
Coder | Designer | Thinker | Blogger
..นี่ เป็นการประกาศอวดโเทคโนฯ LG ว่าหนือคู่แข่งเซมิคอนดักเตอร์รายอื่นหรือเปล่า
เจ้าไหนทำออกมาดีที่สุด แอปเปิลก้เลือกลงในผลิตภัณฑ์ตัวเองเสมอ
รีบออกมาไว้ๆ จอ 300 Dpi จะได้ราคาลดลงไปแพงที่ 400 แทน :D
ตาผม 270+ ก็แยกไม่ออกแล้วล่ะ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
270+ ผมก็แยกไม่ออกเหมือนกันครับ อาจจะเป็นโชคดีที่ไม่ทุกข์ร้อนเท่าคนตาทอง ฮาา
เค้าอาจจะทำราคา 400dpi มาเท่ากับ 300+dpi เพื่อแย่งความได้เปรียบในกการขายก็ได้ ^^
LG ชอบบ้าพลัง ทำอะไรอย่างแรกของโลกอยู่แล้ว
ทำได้คนแรกของโลก ใช่ว่าจะดีที่สุดในอนาคต
ความละเอียดก็โอเคนะ แต่จอ 5 นิ้ว จะใหญ่ไปไหน
4 นิ้วก็น่าจะ ok แล้วมั้ง
ผมว่า LG พลาดอะไรไปอย่างหนึ่ง .. เบื้องต้นการ improve เท่านี้ไม่เห็นผลชัด .. แต่ถ้า consumer เล่นด้วย อันนี้ก็คงแปลกกับหลักการเอามาก (ยกเว้นตั้งราคาเท่ากัน จะได้เปรียบขึ้นเพราะว่าผู้บริโภคบางครั้งยังตัดสินใจโดยใช้วิธีเอามากเข้าว่า)
นึกถึงเกมที่หลังๆ มาชูความสวยสมจริงของภาพ
แล้วต่อไปแอพที่ทำลงมือถือขนาดจะใหญ่ขนาดไหนเนี่ย ต้องมาเน้นแต่กราฟฟิคเพื่อไม่ให้ภาพแตก
จะไปทำจอมือถือก็ไม่ว่านะ
...รบกวนลงมาเหลียวมองจอโน๊ตบุ๊คด้วย ใหญ่เท่าบ้าน ยังอยู่ที่ 1366*768 อยู่เลย ... (มือถือจะแซงแล้วเฟร้ยยย)
กี่ค่าย ๆ ก็ใช้ resolution นี้กันหมด กลัว fragmentation กันหรือไง...
ต้องรอหน่วยกล้าตายลองทำคนนึงก่อนครับ เดี๋ยวทั้งตลาดก็ทำเอง (นับว่าเป็นข้อดีของแอปเปิล)
@TonsTweetings
เห็นทีว่า 3 สิ่งนี้จะไปด้วยกันไม่ได้
ความบาง
ความอึด
หน้าจอ Super Hi - Res
เรื่องความละเอียด ผมไม่ถามละกัน เพราะผมสายตาสั้น มองไม่ออก = ="
แต่อยากทราบว่าเทคโนโลยีนี้ เอามาใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริงหรือเปล่า???
เพราะเท่าที่อ่านดู เหมือนว่าจะเป็นแค่โปรโตไทป์เฉยๆ
Apple marketed the "Retina Display", based on the assertion that a display of approximately 300 ppi at a distance of 12 inches (305 mm) from one's eye, or 57 arcseconds per pixel.
But this Apple's claim has been disputed. Raymond Soneira, president of DisplayMate Technologies, said in an interview with Wired magazine, that the claims by Jobs are something of an exaggeration:
"It is reasonably close to being a perfect display, but Steve pushed it a little too far". Soneira stated that the resolution of the human retina is higher than claimed by Apple, working out to 477 ppi at 12 inches (305 mm) from the eyes, or 36 arcseconds per pixel.
source: http://en.wikipedia.org/wiki/IPhone_4
ผมว่าไม่เกี่ยวหรอกว่าคนเห็นไม่เห็น อยู่ที่การตลาดมากกว่า ถึงคนไม่เห็น แต่ได้ยินคำโฆษณาก็อาจจะคิดว่ามันดีกว่าก็ได้ ฮ่าๆ