เปิดตัวมาได้หนึ่งวันเศษๆ เจ้า MacBook Pro รุ่นใหม่ (หรือที่แอปเปิลเรียกมันว่า MacBook Pro with Retina Display) ก็ถูกแยกชิ้นส่วนจากเว็บไซต์ iFixit ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจาก MacBook Pro รุ่นก่อนหน้ามากพอดู และสำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านแบบเต็มๆ ทีม iFixit ไฮไลท์เฉพาะส่วนสำคัญมาให้แล้ว
- น็อตที่ใช้เปลี่ยนไปเป็นหัวเฉพาะสำหรับแอปเปิล เหมือนกับ iPhone 4/4S และ MacBook Air
- แบตเตอรี่เพิ่มขึ้น จากรุ่นเดิม 77.5 Wh กลายเป็น 95 Wh
- จากที่ยึดแบตเตอรี่ไว้กับเครื่องด้วยน็อต รุ่นนี้แอปเปิลเปลี่ยนไปใช้กาวยึดแทน (รวมถึงอุปกรณ์บางชิ้นด้วย)
- ความพยายามถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องอาจทำได้ยาก หรือไม่ได้เลย เพราะว่ากาวนั้นติดรวมไปถึงเคเบิลเชื่อมทัชแพดด้วย
- แน่นอนว่าแรมนั้นเปลี่ยนไม่ได้ เนื่องจากรวมอยู่ในบอร์ดแล้ว
- พัดลมระบายความร้อนที่แอปเปิลโชว์ว่าเสียงเบาลง และทำงานได้ดีขึ้นนั้น iFixit บอกว่าโดยรวมแล้วคล้ายกับพัดลมตัวที่ใช้ใน MacBook Air
- หน้าจอรวมเป็นชิ้นเดียว แตกทีเปลี่ยนยกเซ็ต (และแพง)
iFixit ให้คะแนนความยาก/ง่ายในการซ่อมที่ 1/10 ซึ่งถือว่ายากที่สุด และแทบไม่มีอุปกรณ์ชิ้นไหนที่เปลี่ยนด้วยตัวเองได้เลย ส่วนอุปกรณ์ที่คาดว่าจะเปลี่ยนได้คือ SSD (แต่ตอนนี้ยัง!)
ใครอยากดูแกะเครื่องแบบเต็มๆ เข้าได้จากลิงก์นี้ครับ
ที่มา - iFixit
Comments
กรงกระจกนี้ช่างงดงาม ..
my blog
มามุขเดียวกับ HTC แปะสายแพรไว้กับจอ
พอไม่ชำนาญมาถอดจอที.. ปุ๊ก สายขาด
เปลี่ยนอีกลากยาวบานตะไท
ยอมรับว่า แม็คบุ๊คนี่ ออกแบบเลย์เอ๊าท์ของบอร์ดได้ดูดีมากๆ เป็นระเบียบ และก็ดูเล็กจนน่าทึ่ง
ตอนเกาะ แม๊คบุ๊คโปรออกมาครั้งแรกนี่ รับรู้ได้ถึงความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปได้เลย
แต่แม๊คบุ๊คใหม่นี่มัน... ฮาร์คคอร์ไปเปล่าเนี่ย...
+1 แสดงถึงความปราณีตทั้งภายนอกและภายในที่ยี้ห้ออื่นไม่มีวันมอบให้ ผมแกะ hp ออกมาแทบอ้วก
ภายในจะเอาปราณีตไปทำไมครับ บางทีปราณีตภายในไปมันจะระบายความร้อนได้ห่วยกว่าเดิมนะครับ
บางที ปราณีตภายในไปมันจะระบายความร้อนได้ ดี กว่าเดิมนะครับ
อันนี้ผมก็รู้ครับจะเอาตรรกะของผมมาบอกผมอีกเพื่ออะไร?
เป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่งที่เห็นแตกต่างจากคุณครับ
มันไม่ต่างหรอกครับเพราะที่ผมใช้คำว่า บางที น่ะเพราะผมก็คิดว่า บางทีปราณีตภายในมันจะระบายช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้นอยู่เหมือนกัน
เนื่องจากผมไม่มีความรู้ทางด้านวิศกรรมวัสดุเลยสักนิดผมเองก็เลยบอกไม่ได้ว่าวางแบบไหนดีที่สุด
แต่ถ้าคุณคิดว่าวางแบบเป็นระเบียบสมดุลมันดีกว่าก็ช่วยอธิบายสักนิดก็ยังดี
ตอบแบบนั้นไปมันเหมือนเอาสิ่งที่ผมเข้าใจอยู่แล้วมาย้อนให้ผมกวนใจเล่นๆ พูดง่ายๆ ก็คือตอบแบบนี้อย่าตอบเลยจะดีกว่าอาจทำให้เกินการขุ่นเคืองกันได้
1) ในความเห็นด้านบนคุณว่า "ภายในจะเอาปราณีตไปทำไมครับ..." + ความเห็นของคุณทำนองว่า "ระบายความร้อนห่วยกว่าเดิม"
2) ผมจึงตอบว่า "ที่จะเอาปราณีตนั้นเพราะว่า..." + "ระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม"
3) ในความรู้เรื่องวัสดุศาสตร์ผมไม่มีเหมือนกัน แต่ในเชิงการออกแบบสิ่งปลูกสร้างที่ผมจะมีความรู้อยู่บ้าง การระบายความร้อนออกจากบริเวณใดบริเวณหนึ่งควรมีการถ่ายเทความร้อนที่ดี เช่น การระบายความร้อนโดยลม ไม่ควรมีสิ่งของวางขวางทาง เป็นอุปสรรคต่อทิศทางลม นึกถึงห้องระเกะระกะมีชั้นวางของ มีต้นไม้ภายใน สายไฟระโยงระยาง ฯลฯ แม้ช่องทางลม เช่น หน้าต่าง หรือประตูจะเท่ากัน โดยหลักแล้วย่อมระบายความร้อนโดยลมได้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าห้องที่จัดระเบียบเรียบร้อย
ที่ไม่ได้แสดงเหตุผลประกอบเบื้องต้นนั้น เพราะคุณก็ไม่อธิบายว่าอย่างไรจึงระบายความร้อนได้ ห่วย กลับถามว่าจะเอางานปราณีตเรียบร้อยไปทำไม? เลยคิดไม่ถึงว่าคุณต้องการความเห็นพร้อมเหตุผลเช่นกัน
4) ถ้าการแสดงความคิดเห็นเช่นนี้อาจทำให้ขุ่นเคือง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
ปล.ขอบคุณความเห็นเพิ่มเติมจากคุณ PaPaSEK ด้วยครับ
แต่ที่ผมไม่รู้คือ ทฤษฎีไหนครับที่ข้างในประณีตแล้วจะระบายความร้อนไม่ดี?
เท่าที่ผมประกอบคอมฯ มาตั้งแต่อายุ 14 (มั้ง) ผมก็พยายามจะเก็บสายให้เรียบร้อยที่สุดให้อากาศมันไหลเวียนได้ดี
ประณีตแล้วระบายความร้อนไม่ดี ประณีตแล้วระบายความร้อนไม่ดี ประณีตแล้วระบายความร้อนไม่ดี ประณีตแล้วระบายความร้อนไม่ดี ประณีตแล้วระบายความร้อนไม่ดี
ขออภัยที่พิมพ์ซ้ำๆ ครับ แต่คำนี้ประโยคนี้มันวนเวียนในหัวผมจริงๆ
ที่ผมคิดแบบนั้นเพราะว่ามีความคิดหลายอย่างในอดีตที่ผมเคยที่ว่ามันถูกแต่พอมาปัจจุบันพอผมได้มีโอกาสศึกษาในสาขานั้นมากขึ้นทำให้ผมเข้าใจว่าผมผิดมาตลอด
แล้วอีกอย่างหนึ่งคำว่าปราณีตในที่นี้ผมหมายถึงการวางให้สมดุลเท่านั้นน่ะครับ ไม่ได้หมายถึงว่างไม่ให้เกะกะ
1) จะเป็นการดีมากถ้าคุณอธิบายเหตุผลที่เข้าใจผิดในอดีต และศาสตร์สาขาที่คุณศึกษา เป็นเหตุผลประกอบความคิดเห็น หากคุณลุถึงประโยชน์ในการแบ่งปันความรู้แก่ผู้อื่น หากจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจและมีความรู้ในเรื่องที่คุณศึกษามาได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
2) ถ้าเช่นนั้นผมคงเข้าใจคำว่า "ปราณีต" หรือ "ประณีต" ผิดแผกออกไปจากคุณ อย่างที่ผมเข้าใจคือเป็นระเบียบเรียบร้อย ตั้งใจทำอย่างวิจิตรบรรจง ซึ่งสอดคล้องกับความหมายตามพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานฯ ที่มิได้กล่าวถึงความสมดุลแต่อย่างใด แต่หากเป็นความหมายที่ใช้ในกลุ่มเฉพาะ หรือวงการของคุณ ผมยินดีจดจำไว้ใช้ต่อไปในภายภาคหน้าครับ
เหนื่อยไหมครับ ผมว่ายิ่งอธิบายยิ่งดูแย่ ครับ
ฮา
+1 เก็บสายให้เรียบร้อย.. ไม่บดบังทางไหลของอากาศภายใน
ข้างนอกสวยหรู ข้างในเละเทะ ชอบหรอ? มันไม่จริงใจไปนะ อะไรที่มันจะดี ต้องดีนอกและใน เขาตั้งใจทำมาดี เวลาใช้แล้วมันรู้สึกดี แต่มันยังไม่ดีที่สุดสำหรับบางคนบางกลุ่มเพราะมันยังซ่อมเองยากไป - ซ่อมไม่ได้ ผมก็เซงเหมือนกัน ถ้ารุ่นต่อๆไปจะมาแนวนี้อะ -.-"
อุปกรณ์หลายๆชิ้นไม่ได้แผ่ความร้อนออกมามากขนาดจะต้องไประบายครับ ส่วนอุปกรณ์ที่แผ่ความร้อนออกมามาก เพื่อที่จะไม่ให้ความร้อนนั้นแผ่เข้าสู่อุปกรณ์ในเครื่องอื่นๆมากที่สุดจะต้องผ่านตัวนำความร้อนที่เป็นที่ระบาย(กรณีนี้คือ heat pipe)ให้สั้นมากที่สุดครับ (ซึ่งผมว่าตามรูปมันก็ ok อยู่แล้วนะ)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มันเป็นปรัชญาของ Steve Jobs ที่พ่อเขาสอนมาอีกทีครับ อย่าไปคิดมากครับ
+10 ถูกต้องครับ วิธีการทำงานของ Steve Jobs งานทุกอย่างต้องดีพร้อมสมบูรณ์ แม้แต่สิ่งที่คนใช้ไม่เห็นเขาก็เก็บรายละเอียดจนหมด มีแต่ช่างซ่อมละครับที่เห็นมัน
มันเป็นผลมาจาก ชายหนุ่ม ชื่อพอลที่สอนลูกชายของเค้า
สอนว่า "เราควรทำให้ดีที่สุด แม้ว่าจะไม่มีใครเห็น" ประมาณนี้ใช่เปล่าครับ
(อ่านมาจากชีวประวัติ Steve Jobs)
+1 ใช่เลยครับ
รุ่นต่อไปแกะมาดูคงเป็นเรซิ่นใสๆ เคลือบมาเลย พังปุ๊ปเอาไว้เป็นที่ทับกระดาษ
ของคุณภาพ เขาไม่ได้ออกแบบมาให้ซ่อม
ถ้าอยู่ในประกันก็เครมไปซิ
ผิดครับ
ของแพง ขายคนมีเงิน เสียซื้อใหม่ ไม่คิดซ่อม
+1 ฮ่า
แล้วถ้าหมดประกันละครับ Laptop ราคา 72,900 + Apple Care 12,900 แต่รับประกันสามปี เสียทีซ่อมราวๅสามถึงสี่หมื่นนี้ผมว่าเกินไปนะ
รับประกัน 3 ปีถือว่าเยอะแล้วนะครับ คนที่ซื้อไปใช้งานจริงๆ คงหาเงินมาซื้อใหม่ได้หลายเครื่องแล้ว
ขยะอิเล็กทรอนิคส์ล้นโลกแล้วครับ
ติดมาแบบนี้อย่าว่าแต่ช่างข้างนอกเลย ผมว่าคนของ Apple เองก็ซ่อมไม่ได้น่ะ
การออกแบบสินค้าออกมาให้เราสามารถซ่อมได้ด้วยตัวเองได้ง่าย ผมถึอว่าออกแบบมาดีนะ และช่วยลดขยะด้วย
+1 เห็นด้วยครับ
+1
อันนี้เอาฮาสินะครับ ผมฮามากเลยนะ
ผมว่านี่เม๊นท์นี้เค้าประชดนะครับ ฮ่าๆๆ
ถ้าอยู่ในระยะประกันคงไม่เป็นปัญหา พังปุ๊บเคลมเหมือนได้เครื่องใหม่
คิดหนักเลย พอดีใช้ตัวเก่าอยู่ ไม่ได้ต่อ apple care ไม่มีตังค์
ถ้าซื้อตัวนี้แล้วไม่ได้ต่อ เสียทีเนี่ย คงร้องจ๊ากกกก!!!
"แทบไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว" < มันขัดๆกันเองนะ
คือไอ้ SSD มันเปลี่ยนได้แต่ตอนนี้มันยังไม่มีขาย เลยไม่ถึงหนึ่งชิ้นแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย (งง)
as expected !
Apple: ถ้าคิดจะไปซ่อมเอง โปรดคิดใหม่
+1
Coder | Designer | Thinker | Blogger
คงเหมือนรถแหละครับ Audi , BMW ก็แนวนี้ คือดีถ้ามันไม่เสีย แต่ถ้าเสียทีนี่ก็จ๊ากกันไป
ผมขอขับ Toyota ต่อไปล่ะกัน :-P
เห็นด้วยอย่างแรงกล้า เสียเข้าศูนย์สถานเดียว
ผมทำกุญแจรถหาย โทรไปสั่งที่ศูนย์ฯ เบ็ดเสร็จ เกือบหมื่นห้า ไม่รวมค่าส่งจากเยอรมัน มีปัญญาขับแต่ไม่มีปัญญาซ่อมจริงๆ ยอมแพ้ส่งกลับคืนให้แม่..
+1
เห็นภาพเลยครับ คุณZeaBiscuit
ทำให้นึกถึง ชิปที่ใช้ยางมะตอยหยอด เสียแล้วไม่ต้องคิดจะซ่อม
ช่างไทยเป่าชิปเก่งมากครับ อาจจะอัพแรมได้ด้วยล่ะ lol
สิบกว่าตัว ถ้าวางไม่ดีตัวนึง ก็ใช้ไม่ได้เลย ผมไม่เสี่ยงทำดีกว่าอ่ะ
Apple ให้เราใช้ notebook เครื่องหนึ่ง 5-7 ปี ถ้าไม่เสียเลย จากนั้นก็ให้เข้า Apple Recycling Program ซึ่งปัจจุบัน ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเครื่องรุ่นใหม่ๆ ถ้าเสียอยู่ในประกัน ก็เปลี่ยนโลด แต่ถ้าไม่อยู่ในประกันก็คงต้องคิดหนัก
แตกที่เปลี่ยนยกเซ็ต --> แตกที
จากที่เห็น ถ้าเครื่องราคานี้แต่ให้ประกัน 5 ปี จะน่าซื้อย่างมากครับ แต่ถ้า ประกันปี 1 ก็ควรหลีกเลี่ยงอย่างมากเช่นกัน
เช็คมาแล้วครับ ประกัน 1 ปี ถ้าอยากได้ประกันเพิ่มเป็น 3 ปีก็ต้องเสียอีก 12,500 บาทครับ (เช็คจาก Apple store online Thailand ครับ)
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
คือด้วยราคาตั่งที่สูง แล้วการที่เครื่องซ่อมบำรุ่งยากมีค่าใช่จ่ายสูง
apple น่าจะใจปล่ำให้ประกันซัก 3 ปี่ตั่งแต่แรกไงครับ แล้วซื้อต่อเป็น 5 ปี อ่าไรก็ว่ากันไป เพราะ NB ดีดีซักเครื่องนี้ผมว่าน่าจะมีอายุ 4 - 6 ปีแล้วแต่การใช่งานของคน
ประกันพวกนี้เค้าก็บวกไปราคา product แหละครับ ยิ่งประกันมาก ราคาก็มากขึ้นไป แล้วคนที่ใช้แบบเน้น performance ในการทำงาน ย่อมเปลี่ยนเครื่องบ่อยกว่าคนปกติอยู่แล้ว ก็จะกลายเป็นซื้อเครื่องแพงกว่าที่ใช้ไปอีก
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อ่านดูแล้วผมว่าคุณซื้อ apple care ได้ในราคา 9900 เพราะคุณยังเป็นนักเรียนอยู่ครับ
Dell ก็ประกัน 1 yr ครับ notebook นะ ไม่ใช่ External HDD
http://i1208.photobucket.com/albums/cc375/Bobokung111/dellwarrant.png
Dell business laptop ที่ทัดเทียมกับ MBP ให้ประกัน 3 ปี on site service + complete cover แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่มด้วยครับ (ถึงมันจะแอบรวมในราคาเครื่องแล้วก็เถอะ) เพราะเขามั่นใจว่าเครื่องมันถึกจริง ถึงกล้าประกันให้
แถมกล้าให้ลูกค้าแกะฝาหลังเครื่องเปลี่ยนอุปกรณ์เองได้ด้วย แกะเปิดทียกออกได้ทั้งฝาหลัง แถมไม่หมดประกัน
ถ้าประกัน 3 ปีจวนจะใกล้หมด ต่อประกันไปถึง 5 ปีก็ได้เพิ่มอีกไม่กี่พัน แบบนี้คนใช้รู้สึกดีเพราะมั่นใจว่าซื้อมาแล้วคุ้มค่าใช้ได้ยาวแน่ๆ
ส่วน MBP ตัวใหม่อาจทำให้คนซื้อคิดหนักเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ซื้อ apple care ก็เสี่ยงไป แต่ถ้าซื้อก็ทำให้ราคาเครื่องบานไปอีกเยอะ แล้วอุปกรณ์ข้างในก็ไม่ใช่จะไว้ใจได้ทุกอย่างแม้ในยุคนี้ มีโอกาสเสียได้ทุกตัวเช่น ram เขาจึงทำให้ถอดเปลี่ยนง่ายกัน แต่ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ใน MBP ใหม่นี่ซวยแน่ๆ
เงื่อนไขนั้นเหมือนจะให้เฉพาะ corporate คนทั่วไปไม่ได้อยู่ดีนะ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เรื่องที่ควรทราบคือ Apple care ไม่ได้บังคับว่าต้องซื้อทันทีที่ order เครื่องนะครับ (ในขณะที่ Dell ดูเหมือนต้องออเดอร์พร้อมกันเท่านั้น)
ผมเองก็ซื้อ Apple Care หลังจากใช้ไปราวๆ 340 วัน เฉลี่ยก็แค่งด Oishi วันละขวดครึ่งเท่านั้นเอง
ถ้าคิดตามเศรษฐศาสตร์ ค่าประกันของ DELL ที่แถมมากับเครื่อง จะสูงกว่า AppleCare ที่เลือกจ่ายทีหลังได้ แม้ว่าจะมีตัวเลขเท่ากัน
เพราะเป็นการบังคับจ่ายล่วงหน้า
อย่าคิดเอาเองครับ Dell สามารถเลือกต่อประกันตอนไหนก็ได้ หรือแม้แต่ประกันหมดไปแล้วก็ยังต่อได้ ถ้าอายุการใช้งานของเครื่องยังไม่เกิน 5 ปี
Dell Latitude/Precision ประกันเริ่มต้นมากับเครื่อง 3 ปีครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
แต่กับ personal usage การประกัน 5 ปีก็ไม่ได้ต่างจากประกัน ปล่าว เลยครับ
เพราะตอนนี้ผ่านมา 5 ปี คอมเครื่องเก่าที่เป็น core2 จะเสียหรือจะอยู่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วครับ
ผมเองก็เคยสนใจ Dell precision อยู่ช่วงนึง เพราะ Boxx ไม่มี dealer ในไทย แต่สุดท้ายผมก็ไม่เลือก DELL
ถ้าเทียบราคา precision M4600 ที่เสปคพอๆกัน (Hires IPS display - HDD - 2860Q - 3yrs) $2138
MBP ตัวเก่าที่ไม่ใช่ Retina จะราคาอยู่ที่เท่านี้ครับ (Full HD display - HDD -2860Q - 1yrs) $1899
http://i1208.photobucket.com/albums/cc375/Bobokung111/ScreenShot2555-06-14at13906PM.png
http://i1208.photobucket.com/albums/cc375/Bobokung111/ScreenShot2555-06-14at14713PM.png
DELL แพงกว่าราวๆ $240
ผมมองว่าราคาที่แพงกว่าของ DELL คือประกัน แบบบังคับซื้อครับ (dellCare) ซึ่งสุดท้าย ก็ไม่ได้แถมฟรี
และก็ไม่ได้ถูกกว่า AppleCare โดยเฉพาะถ้ามองว่าเราต้องจ่ายเงินล่วงหน้าในขณะที่ Apple เราเลือกที่จะจ่ายวันที่ 364 ได้
ส่วนราคา MBP retina 2199 usd ครับ ถ้าซื้อแบบ Education จะอยู่ราวๆ $2000
โดยเฉพาะการที่ระบบระบายความร้อนของ Dell อาศัย Airvent เพียงอย่างเดียว ตัววัดความชื้นในเครื่องจะเปลี่ยนเร็ว
แต่ MBP ใช้เคสแมกนีเซียมเป็นเสมือน heatpipe และลด Airvent เหลือแค่ลมผ่านทางช่องบนแป้นพิมพ์เท่านั้น
โดยพื้นฐาณแล้ว MBP จะทนทานกว่าทั้งในด้านวัสดุ และความชื้นที่มีกับอุปกรณ์ในเครื่อง
ส่วนจะ extend ไปอีกสองปีก็ไม่รู้จะเพิ่มไปทำไม เพราะถึงตอนนั้นผมก็คงหาเครื่องใหม่ไป แล้ว
ถ้าซื้อสนองความอยากส่วนตัว เปลี่ยนมันทุกปีก็ยังได้ครับ ตรงนี้เห็นด้วยว่าถ้าใช้ส่วนตัวคงไม่ทนใช้นานเกินไป แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารองค์กร ที่ต้องบริหารสินทรัพย์ที่จะเสื่อมมูลค่าทางบัญชีในระยะเวลา5ปี ก็คงไม่เปลี่ยนบ่อยๆขนาดนั้น ยิ่งกับระบบซอฟท์แวร์ขององค์กร C2Dที่คุณว่าเก่า มันก็ยังทำงานเฉพาะทางของมันได้ดี
ตรงนี้แหละที่mac จะยังเจาะตลาดองค์กรไม่ได้ง่ายๆ เพราะประกันที่จำกัดจำเขี่ยแค่3ปี แถมดูราคาซื้อประกันเพิ่มแล้วแพงกว่าdellซื้อทีหลังเสียอีก และเอาจริงๆคุณสามารถซื้อประกันdellได้อิสระมากๆ อย่างรุ่นที่แถมประกันสามปี คุณก็สามารถต่อรองแค่ปีเดียวเพื่อลดราคาลง แล้วไปซื้อเพิ่มปีที่สาม(หมดประกันไปแล้วสองปี)ก็ยังได้เลย ที่คุณลองกดสั่งหน้าเวบมันยังไม่อิสระมากเท่าติดต่อเซลล์โดยตรงครับ
ส่วนความทนทานคงต้องดูเป็นรุ่นๆไป แต่ยังไงผมมองในเรื่องของการรับประกันสำคัญกว่า เพราะอุปกรณ์ทุกชิ้นมีโอกาสที่จะเสียได้อยู่แล้ว จากข้อจำกัดด้านการทดสอบระหว่างการผลิต ที่ใช้หลักการsampling เพื่อทำQA ไม่ได้ทดสอบทุกชิ้นจริงๆ
ถ้า personal usage อย่างผม ผมโครตสนใจเลยครับ เพราะผมใช้งานอย่างต่ำๆ ก็ 4-5 ปีขึ้นไปแล้ว โน๊ตบุ็คเครื่องนึงไม่ได้ถูกๆ (ผมพอใจซื้อในระดับสี่หมื่นอัพ แต่ต้องใช้ยาว ไม่ชอบเปลี่ยนของบ่อย รวมถึงมือถือด้วย ไม่อยากสร้างขยะให้โลก)
จริงๆ รุ่นสมัย 7-8 ปีที่แล้ว ยุค Pentium M ตอนผมใช้ไป 3 ปีผมอยากเปลี่ยนมากเพราะมันเริ่มช้า ยุคนั้นซอฟท์แวร์ยังไปไวกว่าฮาร์ดแวร์ แต่คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยุค C2D มา ผมว่ามันไวในระดับที่ฮาร์ดแวร์ไปไวกว่าซอฟท์แวร์ ถึง C2D มันจะไม่เร็วเท่ากับตระกูล Core i แต่มันก็ใช้งานในระดับตามสมควรได้สบายๆ (ซอฟท์แวร์เริ่มตามไม่ทันฮาร์ดแวร์แล้ว แถมยิ่งซอฟท์แวร์รุ่นใหม่ๆ ยิ่งจะ optimize ตัวเองดีขึ้น เช่น Win7, 8)
เครื่องเก่าผม C2D ถ้ามันไม่พังเพราะบอร์ดพังซะก่อน ผมก็คงใช้จนมันอายุ 5-6 ปีได้สบายๆ ไม่ได้คิดอยากจะเปลี่ยนเลย นี่ยังรู้สึกเสียดายมาก ซื้อใหม่เลยต้องจัด business laptop เอาประกันดีๆ เลยครับ
และยังคอนเฟิร์มตามหลายท่านข้างล่างว่า "Dell ซื้อประกันเพิ่มได้ แม้จะหมดประกันไปแล้ว" ถ้าตัว consumer ผมไม่ทราบ แต่ตัว business ได้แน่นอนครับ
ขอตรงนี้นิดครับ พึ่งอ่านเจอ ..."โดยเฉพาะการที่ระบบระบายความร้อนของ Dell อาศัย Airvent เพียงอย่างเดียว ตัววัดความชื้นในเครื่องจะเปลี่ยนเร็ว แต่ MBP ใช้เคสแมกนีเซียมเป็นเสมือน heatpipe และลด Airvent เหลือแค่ลมผ่านทางช่องบนแป้นพิมพ์เท่านั้น"
ตกลง MBP ใช้เคสอลูมิเนียม หรือเคสแมกนิเซียมอัลลอยอ่ะครับ?? ผมงง แล้วระบบระบายความร้อน เกี่ยวข้องกับตัววัดความชื้นยังไงอ่าครับ งงอีก ??
คือเข้าใจว่าอลูมิเนียม (ใช่ไหม?) มันถ่ายเทความร้อนดีกว่าวัสดุแบบอื่นล่ะครับ แต่มันเกี่ยวกับความชื้นยังไง
มีอีกอย่างที่บอกคือ คนใช้ Dell business laptop ซึ่งเครื่องส่วนใหญ่ติดประกัน complete cover มาให้ ไม่มีใครสนใจแถบวัดความชื้นในเครื่องกันหรอกครับ อย่าว่าแต่ความชื้นเลย โดนน้ำหกใส่ก็ยังเคลมได้
ขอแย้งครับ
Dell ซื้อประกันเพิ่มทีหลังได้ครับ แต่อาจจะราคาแพงกว่าซื้อพร้อมเครื่องทีแรก(ขึ้นกับการต่อรองกับเซลล์) ที่สำคัญซื้อหลังหมดประกันไปแล้วได้ด้วย(event warranty) Vostroของน้องผม หมดประกันไปแล้วปีกว่าๆ แล้วการ์ดจอพัง เช็คค่าซ่อมกับศูนย์ต้องเปลี่ยนทั้งบอร์ดหมื่นสอง แต่ศูนย์ก็เสนอให้ซื้อประกันเพิ่มแทนจะถูกกว่า สรุปแล้วน้องผมไปต่อประกันเพิ่มอีกสองปีในราคาห้าพันกว่าบาท ถูกกว่าค่าซ่อมครึ่งๆ(และถ้าจะต่อแค่เพื่อซ่อม ต่อปีเดียวสามพันบาทก็ยังได้)
แต่การซื้อประกันจะมีขอบเขต ตามรุ่น ซึ่งถ้าเป็นbusiness laptop จำพวกvostro,latitude สามารถซื้อเพิ่มรวมระยะเวลาเดิมได้ถึง 5ปี ที่ถามไปข้างล่าง เพราะถ้าจะซื้อเพื่อใช้ทำงานแบบบริษัทหรือองค์กร การรับประกันระยะยาวสำคัญมากๆ ไม่เหมือนซื้อส่วนตัวที่เปลี่ยนใหม่บ่อยๆกว่าน่ะครับ
ป.ล. จะเปรียบเทียบอะไรก็ลองเช็คข้อมูลก่อนนะครับ จะได้ไม่เหมือนกระทู้ก่อนที่บอกว่าpolycarbonateไม่ใช่พลาสติก
Dell ซื้อที่หลังได้ครับ ประกันใกล้หมด หรือหมดไปแป๊บ ๆ ก็ซื้อได้ครับ
ขอบ่น : ซื้อประกัน DELL Latitude ในไทยไป จ่ายเงินไปสามเดือน ไม่มีอะไรคืบหน้า ต้องไปตามที่ @dellcare ให้ยิงเรื่องจากฝั่งอเมริกามา ถึงจะต่อประกันให้
เซลส์เดลล์ไทยไม่ค่อยอยากทำงานเท่าใหร่ หงุดหงิดมาก
สินค้าติดตลาด Consumer ในระดับหนึ่งแล้ว Sale เริ่มหยิ่งนี่เป็นแทบทุกยี่ห้อแหละครับ แต่ Dell เห็นชัดหน่อยเพราะมีมาตรฐานจากตลาด Corporate เป็นตัวเทียบ
ทีตอนบุกตลาด Consumer แรกๆนี่แทบจะอุ้มเครื่องมาส่งให้ถึงบ้าน
ตอนต่อประกัน Inspiron ผมซื้อผ่านนายหน้าในเว็บเอา
เค้าต่อประกันให้ในเวลาไม่ถึงเดือนคุยดีด้วย
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
ต่อประกันในเว็บบอร์ดไทยเดลล์สิครับ เร็ว แป๊บ ๆ ก็ได้เรื่องแล้ว
ต่อกับเซลดีกว่าครับ 30 นาทีเท่านั้น ;-)
ใช้กาวเยอะเพราะมันประกอบง่ายมั้งครับ....
ตอนประกอบครั้งแรกจากโรงงานอ่ะ...
ไม่ต้องมาวุ่นวายกะน็อต ต้องขันทีละด้านสี่ด้านให้หลวมๆ จากนั้นค่อยขันให้แน่นทีเดียว บลาๆๆๆ
เอากาวยา แปะ จบ...ลดการใช้เวลา...ลดค่าจ้างคน...
แต่ราคาไม่ได้ลดไปตามขั้นตอน ฮ่าๆ
ใส่น็อตเครื่องอาจจะหนาขึ้นรึเปล่า?
ผมกลับคิดว่าใช้กาวนี่ยากกว่านะ ทำให้ปราณีตออกมาดียาก ยิ่งเป็นพวก Thermal Adhesive นี่ยิ่งต้องระวังใหญ่ ติดไม่ดีกลายเป็นในระยะยาวหาจุดเสียไม่ได้ซะงั้น
แต่เขาไม่ซ่อมอยู่แล้วนี่ เสียเปลี่ยน ๆ
คงรอซื้อ gen 2 ครับ
พัดลมสองตัวเลยเหรอครับ โอว
ผมว่ามันก็ดูเรียบร้อยดีนะ แต่ถ้าว่ากันตามตรงแม้แอปเปิลจะมีคะแนนด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับดี แต่การทำแบบนี้น่าจะต้องลดคะแนนด้านสิ่งแวดล้อมลงจากการเปลี่ยนทีทั้งชุดด้วย
ไม่แน่ว่าการที่เปลี่ยน SSD ได้ง่าย อาจจะเผื่อเวลาไปเคลม ถอด SSD ย้ายไปเครื่องใหม่เลยก็ได้
ผมมองว่าเป็นผลดีกับลูกค้านะ เพราะ Apple care กรณีที่ไม่มีอะไหล่เปลี่ยนเค้าจะให้เครื่องใหม่มาเลย
ใช่ครับ แต่เพราะเรื่องนั้นแหละถึงน่าจะลดคะแนนด้านสิ่งแวดล้อมลง
เอ หรือเค้าจะเอาไปซ่อมไว้เคลมให้ลูกค้าอื่นถัด ๆ ไป ถ้าแบบนั้นคงช่วยได้ไม่น้อย
ผมว่าตรงกันข้ามเลยครับเพราะ ideal ในการควบคุมคือสิ่งแวดล้อม คือ การกลับคืนผลิตภัณฑ์สู่บริษัท (ที่เป็นผู้ผลิต) ให้ได้มากที่สุด เป็น CyCle
คอมพิวเตอร์แม้ว่าจะ modular แค่ใหนก็ จะกลายเป็นขยะอิเลกทรอนิกซ์ ในเวลา 3-5 ปีโดยอัตโนมัติ
อะไหล่ต่างๆเลิกผลิตตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ ชิ้นส่วนก็จะตกรุ่นจนอะไหล่รุ่นใหม่ไม่รองรับ ไม่สามารถซ่อมได้ตลอดไป
ดังนั้น Modularity ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเท่าใหร่ครับ
เพราะตราบใดที่ชิ้นส่วนยังไม่กลับไปสู่ผู้ผลิต (ที่มีกำลังพอจะแปรรูปชิ้นส่วน) ยังคงลอยอยู่นอก cycle
ซักวันก็จะกลายเป็นขยะอิเลกทรอนิกซ์ที่หลุด cycle ไปจริงๆ อย่างถาวรอยู่ดี
ยกตัวอย่างเช่นมือถือ Nokia รุ่นเมื่อ 6 ปีก่อน ไม่มีทั้งมูลค่าในการเรียกกลับคืน และก็ไม่สามารถใช้งานได้ ซ่อมก็ไม่คุ้มเงิน
ทั้ง user กับ ผู้ผลิต ต่างไม่มีความต้องการที่จะนำมันกลับเข้า cycle ทั้งคู่
ดังนั้นการจัดการกับขยะอิเลกทรอนิกซ์ที่ดีที่สุด คือการเรียกกลับเข้า cycle ก่อนที่มันจะกลายเป็นขยะจริงๆ (ไม่มีมูลค่าในการเรียกกลับ)
ส่วนเครื่อง Mac แม้จะเก่าแค่ใหนก็ขายราคาด้วยครับ ช่างตามร้านรับซื้อกัน (โทรแล้วแทบจะขับรถมารับถึงบ้านเลย)
ขอบคุณครับ
Apple ให้มูลค่าในการเรียกกลับคืนด้วยครับ ลองเข้าไปอ่านดู http://www.apple.com/recycling/ ถ้าทำได้มากก็ถือว่า Cycle เกิดขึ้นเป็นผลดีต่อทั้งบริษัท ลูกค้า และสิ่งแวดล้อม เพราะแบตเตอรี่นี่ จงใจไม่ให้ซื้อเปลี่ยนเองแน่นอน นอกจากนี้ชิ้นส่วนอื่นๆ ก็จะกลับเข้ากระบวนการ Recycle โดยเฉพาะ Case ที่เป็นอลูมิเนียม ก็จะส่งกลับไปหลอมใหม่เพื่อเอามาทำตัวถังของเครื่องรุ่นใหม่ๆ ในอนาคตครับ
สุดยอดบริษัทแล้วครับ (- -)d
เคยส่ง macbook ขาว ปี2008 ใช้งานได้ปกติดี ให้ประเมินราคา ราคาประเมินคือ 59 ดอล !! ก็เลยตัดสินใจเก็บไว้ดีกว่าครับ
จะว่าไปเจ้าตัวนี้ไม่มี DVD drive เหรอครับ ?
ไม่มีครับ
แฟนแอปเปิ้ลนี้ตามแม้กระทั้ง น๊อตชิ้นเดียว กาวแปะคอม -___-
ซื้อประกันเพิ่มได้สูงสุดกี่ปี? หวังว่าจะได้ถึง5ปีตามมาตรฐานbusiness laptopนะ
ผมเข้าใจว่าปัจจุบันเค้าคิดกันที่ 3 ปีนะครับ แต่ถ้าเป็น server เนี่ยได้ถึง 5 ปี
รูปแผงวงจรตอนนี้เป็น wallpaper คอมผมไปแล้ว โดนจริงๆ
http://guide-images.ifixit.net/igi/wjQEMuXtw61X1ZHI
แงะออกมาได้แค่ 11 ชิ้น - -"
ถ้ามีตังค์ ก็จะซื้อละ
เท่ากับบังคับซื้อ Apple Care อีกสองปีแหละครับ ซ๋อมเองไม่ได้แบบนี้
คงไม่มีใครซื้อมากะใช้ปีเดียวหรอกนะ
คนจะซื้อ ยังไงก็ซื้อ
ผมว่ามันก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยนะ (ว่าไปนั่น) แนวโน้มของสินค้าเดี๋ยวนี้คือถ้าเปลี่ยนก็เปลี่ยนยกแผง อาจจะเป็นเพราะวงจรมีความซับซ้อนมากขึ้น, อายุของผลิตภัณฑ์ที่สั้นมากเมื่อเทียบอุปกรณ์เครื่องใช้สมัยก่อนที่ทนถึกใช้กันเป็นสิบๆ ปี เปลี่ยนอะไหล่ได้แยกชิ้นต่อชิ้น
วงจรในชิปที่ซับซ้อนขึ้นครับ ลายวงจรหรืออุปกรณ์ที่ต้องสื่อสารกันเลยมีจำนวนน้อยลงจนแทบจะเป็น SoC กันแล้ว
แแต่เรื่องทนถึกเนี่ย ยกให้ยานสำรวจ Voyager ครับ ใช้มา 33 ปียังไม่พัง สงสัยว่าเขาทำได้ยังไง
ใครอยากได้จอแบบ retina ก็อดทนไว้ ถ้า MBP มีได้ แสดงว่าการผลิตยุคนี้ทำได้แล้ว เดี๋ยว PC ยี่ห้ออื่นๆ ก็ตามมาเองด้วยรูปแบบเครื่องและราคาที่อาจจะสมเหตุผลมากกว่า :)
เห็นมีกระทู้ไหนสักกระทู้ที่บอกว่า DPI-Scaling ของ Windows 7 ห่วย
ผมยังนึกสยองอยู่นิดๆ เลยครับ ว่าที่บอกว่าห่วยไม่รู้มันจะระดับไหน
ผมพูดเองแหละ
ที่จริงตอนนี้เริ่มมี app บน mac ได้ผลกระทบแล้ว อย่าง chrome ตัวหนังสือก็เบลอๆ เป็นต้น
แล้วก็คนนี้นี่เองที่อยากเห็นความละเอียดระดับ Retina ใน NB :D
ผมไม่ค่อยอยากเท่าไร ... สายตาไม่ดีครับ
ไม่ใช่แก่นะ!!!
แหม่ แต่มันอยากได้ตัวเครื่อง Apple มาลง Windows 8 นี่สิครับ
แต่ช่างเถอะ จอไม่สัมผัส - -"
ผมกำลังนึกถึงว่า ถ้าเป็นข่าวเดียวกัน เนื้อหาเดียวกัน เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น HP...
พอละเลิกนึกดีกว่า
ฮาาาา
555+
ก็ต้องจัดหนักกว่าเดิมสิครับ *-*
ps. แต่เครื่องอาจจะเจ๊งเร็วกว่าเดิม
คือตั้งสมมติฐานว่าเป็นเครื่องที่เหมือนกันทุกประการ เปลี่ยนแค่โลโก้ อะไรแบบนี้น่ะครับ
คอมเมนต์หลายๆ อันข้างบนคงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เครื่องเหมือนกันทุกประการ คนทั่วไปรู้ว่าเหมือนกันหรือเปล่า เพราะของหลายอย่างคนไม่สามารถรู้ภายใน หรือไม่รู้เรื่องเทคนิค ก็ต้องดูที่ประวัติกันซึ่งก็คือ brand ก็คือสิ่งที่ดูประวัติง่าย ชื่อเสีย(ง)ที่สร้างมามันต่างกัน เวลาขายของถึงต้องมียี่ห้อ เวลาซื้อของถึงต้องดูว่ายี่ห้ออะไรไงครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
"เพราะของหลายอย่างคนไม่สามารถรู้ภายใน หรือไม่รู้เรื่องเทคนิค"
ตรงนี้แหละครับที่สำคัญ ผมอยากให้แฟนบอยลองหันไปศึกษาข้อมูลของเครื่องอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่ว่ารู้แต่ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แล้วก็คิดว่าเจ้าอื่นๆ ผลิตแต่ของห่วยๆ มาขาย
แล้วก็เถียงคอเป็นเพชร เกล็ดเป็นนิล ลิ้นเป็นปาน
คุยไปคุยมาอยากจะว่ายน้ำกลับไปอยู่กับพระเจ้าตาให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ละคนเวลาไม่เท่ากัน ความรู้ ความชอบไม่เหมือนกัน ใครสามารถศึกษาได้ละเอียดกว่า ก็สามารถซื้อของดีกว่าในราคาถูกกว่าได้ ใครไม่มีเวลาแต่มีเงิน ก็ซื้อ brand อย่างน้อยก็การันตีคุณภาพได้ แต่ต้องจ่ายแพงกว่า เรื่องไอทีคนเว็บนี้อาจจะเลือกได้ดีกว่า แต่เรื่องอื่นเช่น สมมติหลายคนเวลากิน อาจจะจ่ายแพงได้ ได้อาหารคุณภาพน้อยกว่า ปริมาณน้อยกว่าคนที่เชี่ยวชาญเรื่องกินและรู้ร้าน รู้แหล่งก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่คนนั้นสนใจหรือใส่ใจ ก็ยอมจ่ายไป ฯลฯ ดังนั้นคนก็มอง brand ก็ไม่ได้ผิดอะไรที่จะไม่ไปศึกษาทุกอย่าง ขึ้นกับเวลาและความสนใจมากกว่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ฟังเหมือนม้าเข้าไปทุกที..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ เห็นด้วย เพียงแต่สงสัยว่าถ้าเปลี่ยนยี่ห้อแล้ว ความเห็นบนๆ บางอันน่ะจะเป็นยังไงบ้าง เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ฮาตกเก้าอี้
Coder | Designer | Thinker | Blogger
555+
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ถ้าเป็นยี่ห้อนั้น ไม่ต้องซื้อแล้วล่ะครับประกัน ซื้อเครื่องใหม่ไปเลยดีกว่า 555
คนจะซื้อยังไงก็ซื้อแล้วเค้าคงไม่มีปัญหากับการต่อ apple care หรือการ upgrade
ส่วนคนที่บ่นคงไม่คิดจะซื้ออยู่แล้วหรืออีกนัยนึงก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเช่นกัน
เอาสถิติอะไรมาคิดครับว่าว่าคนที่บ่นไม่คิดจะซื้อ??
ตามสถิติรอบตัวผมคนมีเงิน(ที่หาด้วยตัวเอง)ส่วนมากก็ฉลาด
และคนฉลาดเค้าก็คิดเยอะๆกว่าจะจ่ายอะไรออกไปซักบาท
ผมเองก็มีกำลังจะซื้อ(ถึงจะจนไปอีกหลายเดือน) แต่ถ้ามันเพิ่ม Ram+HDD ไม่ได้ก็คิดหนัก
ไปถอย เอาตัว MBP พ่วง Apple Display น่าจะดีกว่ารึปล่าวก็คิดๆอยู่
เพราะงั้นตรรกะ "คนที่บ่นไม่คิดจะซื้อ" นี่มันโคตรๆคลาสสิกของพวกตรรกะวิบัติ (fallacy) เลยนะ
คำตอบของคุณมันก็ตอบในตัวเองอยู่แล้วครับ :-)
เรื่องโง่ ฉลาดนี่ผมไม่รู้ครับ คนฉลาด=คิดมาก หรือ คิดมาก=ฉลาด มันใช่?
ผมบอกว่า "น่าจะดีกว่ารึปล่าวก็คิดๆอยู่" ต่างหากคุณ
เออแหะ... พึ่งเห็นคนตัดประโยคคนอื่นแล้วตัดสินเอาเองแบบจะๆก็คราวนี้
Edited: ลบประโยคที่อ่านแล้วอารมณ์ขุ่นมัวออกครับ
อ่านจากคอมเม้นแล้วคนข้างบนเค้าคิดจะซื้อนะ ถึงได้บ่น ผมว่าคุณงงเองแล้วล่ะ -*-
กลุ่มคนที่ซื้อ mac เมื่อก่อนจะมีกลุ่ม
Creator (music/movie/graphicarts) กลุ่มนี้จะรู้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงต้องใช้ osx
xserve
ภายหลังจากที่ mac เริ่มมีร้านมากขึ้นในไทย มีกลุ่มใหม่เกิดขึ้น
นักเรียนนักศึกษา ซื้อไปอวดสาว เล่น msn facebook กลุ่มนี้ มีเหตุผลออกไปแนวแฟชั่น
การเข้าสังคม ไม่มีปัญหาด้านการเงิน (เพราะไม่ได้จ่ายเอง)
กลุ่มคนที่ตัวเองก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม และมีทางเลือกบน Pc กลุ่มนี้จะสับสนและคิดมากเป็นพิเศษ
มีความลังเลที่เกิดจากการพยายาม makeup เหตุผลที่ต้องซื้อ mac (แม้ว่าจริงๆตัวเองจะไม่มีซักข้อ)
จึงเกิด ความขัดแย้งในจิตใจ แปรรูปเป็นการบ่น ด่า ซึ่งเป็นผลมาจากการพยายาม solve ความขัดแย้งนั้น
นักเลงเทคโนโลยี บริโภคเทคโนโลยีไว้ประดับคุณค่าของตนเอง แต่ไม่เคยใช้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีได้เต็มที่
กลุ่มนี้มีเงินถุงเงินถังที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดมากองไว้เต็มห้อง แต่มีแนวโน้มจะโสดไปตลอดชีวิต
กุ๊ยเทคโนโลยี จริงๆคือกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่สาม เพียงแต่ต่างกันตรงที่ขาดปัจจัย
ทำให้เหลือทางออกเพียงคอยเหน็บ - ด่าแบรนด์ที่อยากได้
ฮาๆนะครับอย่าคิดมาก
ยังขาดอีกกลุ่มไปครับ กลุ่มนี้กลุ่มหลักเลยคือกลุ่ม "เกรียน Mac" ครับ
กลุ่มนี้คือได้ใช้ผลิตของ APPL ซักหน่อย ก็หลงไปว่าผลิตภัณฑ์ตัวเองวิเศษปานเทวดา
ใครแตะต้องหน่อยไม่ได้ จะตำหนิก็จะโดนเหมาไปว่าพวกขี้อิจฉาไม่มีเงินซื้อ
ทั้งๆ ที่ topic นี้มันหัวข้อ MBP+Retina ได้คะแนนซ่อมบำรุงต่ำสุด
แต่คนกลุ่มนี้ก็แถไปเรื่องอื่นเช่นของพวกนี้ไม่ต้องบำรุงหรอกเปลี่ยนเลย
หรือมีเงินซื้อเครื่องแล้วต้องมีปัญญาซื้อ Apple Care หรือเปลี่ยนอะไหล่แท้สิ...
มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ คือที่บ้านผมใช้เบนซ์ พ่อผมเค้าบอกว่าถึงจะมีเงินเปลี่ยนของแท้ แต่อะไหล่บางตัวหาแทนได้ก็หาครับ บอกว่าให้รู้จักใช้เงินครับ
ปล. เรื่องเล่าฮาๆ นะครับ อย่าคิดมาก
ยังขาดกลุ่มสาวก ที่บูชาสินค้าหรือยี่ห้อที่ตัวเองชอบ/ใช้ อย่างไม่ลืมหูลืมตา พยายามอธิบายข้อดี หรือบอกจุดอ่อนของคู่แข่งให้คนอื่นฟังมั่วๆ พอมีคนแย้งข้อเท็จจริงก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น ไม่ตอบความเข้าใจผิด แต่เปิดประเด็นใหม่ๆ มาแขวะคนอื่นอยู่เรื่อยน่ะครับ
ขำๆนะครับ :P
ป.ล.เรื่องสาวกมีทุกยี่ห้อครับ แต่จะมีมากเป็นพิเศษสำหรับแบรนด์แพงๆ เพราะมันเอาไว้อวด/ข่มคนอื่นจากราคาได้ และก็ออกมาปกป้องแบรนด์แบบมั่วๆไว้ก่อน แม้จะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรก็ตาม
สมัยก่อนที่สายงานกราฟิกต้องใช้ osx เป็นหลักเพราะจัดการค่าสีดีกว่า windows มาก แต่ปัจจุบันทัดเทียมกันแล้วครับในเรื่องนี้ อยู่ที่ความถนัดว่าใครจะเลือกใช้อะไร
ถ้าหมายถึง งาน graphic printing ก็ยังไม่จริงซะทีเดียวครับ เพราะเวลาเทคโนโลยีใหม่มา
window มักจะไม่ตามไปด้วย ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นมาอีก
ปัญหา vivid colour บน widegamut display ก็ยังคงมีอยู่ ครับ
แต่ถ้าพูดถึงงานวีดีโอกราฟฟิก และ cgi
pc ไม่มีความทัดเทียมกับ OSX ทั้งเรื่องราคาซอฟแวร์ พัฒนาการของซอฟแวร์ รวมถึงการซัพพอร์ท Prores / Mov
ยกตัวอย่างคือ Premiere pro บน PC ไม่สามารถ export .mov ออกมาได้โดยที่ภาพไม่แตกหรือเน่า จนต้องแก้ปัญหาด้วยการ export แยก เป็น sequence - Audio มาเรียงกันใหม่แบบดิบๆ ใน Quicltime (Pc) แล้วจึงจะ export เป็น .mov ที่ไม่เสียคุณภาพได้
อันนี้ผมไม่ทราบจริง ๆ นะ ขอถามว่า ทำไมต้อง export เป็น .MOV (QuickTime) เหรอครับ ?
คุณภาพ Drop น้อยมาก โดยที่ขนาดไฟล์น้อยกว่า .avi 4 เท่าครับ
คุณตอบแบบนี้ผมคงต้องแนะนำให้คุณไปศึกษาเรื่อง container/codec เพิ่มเติมนะครับ(อาจจะจาก wikipedia) เพราะเหมือนคุณจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณ mr_tawan สื่อ
แต่ถ้าหากคุณมั่นใจว่าไม่จำเป็น คุณคิดว่า .m4v .mov .mp4 เหมือนและต่างกันอย่างไรหรือครับ? หรือ .avi สามารถมีคุณภาพและขนาดที่เท่ากับ .mov ได้หรือไม่?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อันนี้คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า .mov มันเป็นมาตรฐานหรือเปล่า
ถ้าไม่เป็นมาตรฐาน ใครเป็นคนสร้าง codec นี้ ใครเป็นคนทำ codec นี้และ QuickTime บน Windows หรือทำไม codec อื่นถึงใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาแต่ codec นี้กลับใช้ได้แย่ อันนี้คุณควรโทษที่ใคร
ถ้าเป็นมาตรฐาน ผมขอใช้ตรรกะเดียวกันก็คือ ทำไม Premiere pro บน Mac มันดัน export เป็น wmv, mpeg-1 หรือแม้แต่ avi ที่คนเค้าใช้กันทั่วโลกก็ไม่ได้
:))
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คุณ McKay ปลูกผมครั้งสุดท้ายเมื่อใหร่ครับ ...
การตอบคำถามเค้าไม่ได้แล้วเลี่ยงประเด็นไปอย่างอื่นนี่มัน..... เข้าขั้นเทพแล้วนะ!
อ่าน Comment ของท่าน 3000anv แล้ว ... เลยอยากบอกท่านอื่นๆว่า
"ปล่อยเค้าไปเถอะครับ"
ปัจจุบันบัวไม่ได้มี 4 เหล่าอีกต่อไปแล้ว เหล่าที่ 5 คือ "เต่าถุย" คือพวกบัวในตมยังเป็นอาหารของเต่าและปลา แต่เหล่าที่ 5 นี่ ฟังจากชื่อแล้วลองคิดตามดูแล้วกันครับ
ดู Post time ของ McKaY ให้ดีครับ
จะเห็นว่าคุณ McKay ตอบที่ 17.28
-- เปิดวิกิเพเดีย หนึ่งชม ---
ตอบอีกครั้ง 18.27
โดยสารภาพว่าตัวเขาเพิ่งไปเปิดวิกิเพเดียมา /ตัวเขาต้องศึกษาเรื่อง codec / contain เพิ่มเติม / (แต่ถูกบิดเบือนด้วยกลไกป้องกันตัวเอง)
เขากำลังคุยกับตัวเขาเองล้วนๆ และก็สั่งสอนตัวเขาเองเสร็จสรรพ
จะให้ผมพิมพ์อะไรต่อดีละครับ ?
ถึงคุณ 3000anv ถ้าจะเค้าเปิดวิกิมาตอบจริงๆผมก็ไม่เห็นเค้าจะผิดอะไรนี่ครับ
เวลาถกเถียงเรื่องอะไรด้วยข้อมูลถ้าตัวเองไม่มั่นใจในเรื่องนั้นๆก็ต้องศึกษาดูให้ดีก่อนมันก็ถูกแล้วนิ
เอาจริงๆ ผมมั่นใจว่าเค้าถามเพราะอยากรู้ว่าคุณรู้จริงแค่ไหนมากกว่านะ
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
หาข้อมูลเพิ่มเพื่อนำมาเป็นเหตุผลในการโต้แย้ง เขาก็ทำถูกอยู่แล้วหนิครับ
ดีกว่านั่งเทียนเอาข้อมูลบิดเบือนมาเสนอนะครับ
และถ้าคุณไม่พิมพ์อะไรก็ไม่มีใครว่า แต่ที่คุณพิมพ์ออกมานั้นสมควรโดนตำหนิแล้วล่ะครับ
ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าจะพิมพ์อะไรคุณก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเอามาพิมพ์สิครับ ไม่ใช่ไปเสียดสีคนอื่นแบบนั้น
ผมหมายถึงคุณหน่ะแหละครับที่ต้องไปเปิด Wikipedia
ผมอยากจะตอบทันทีที่คุณตอบ แต่คุณรู้ไม๊ครับว่าเว็บนี้มี function กันการตอบเกิน 6 ครั้งใน วันและคุณต้องรออย่างต่ำ 1 ชั่วโมง(?) ถึงจะตอบได้อีกที?
ทำไมผมต้องเปิด Wikipedia ในเมื่อเรื่องนี้ผมพูดมาหลายหน? ทำไมผมต้องเปิดในเมื่อผมเคยทำเกี่ยวกับ video compressing ทำไมผมต้องเปิดในเมื่อผมอยู่ในยุคที่เปลี่ยนแปลงจาก Xvid(MPEG-4 ASP) ไปเป็น H.264(MPEG-4 AVC)? แล้วทำไมคำถามที่ผมจะถามจึงต้องไปเปิดจาก Wikipedia หากแต่ไม่ใช่คำถามที่ผมรู้คำตอบก่อนแล้ว?
อย่ามาดูถูกความรู้ที่คนอื่นจะมีเลยครับ เพราะเค้าอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณดูถูก จงดูถูกความรู้ที่ตัวเองมีอยู่ดีกว่าครับ ว่าทำไมไม่รู้อย่างที่คนอื่นรู้ จากนั้นก็ไปศึกษาเพิ่มเอา
เห็นคุณไปขอคำแนะนำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ ผมเลยอยากให้คุณเปลี่ยนทัศนคติซะใหม่ โปรแกรมเมอร์เป็นวิชาชีพที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตการทำงานครับ หากคุณยังคิดว่าการเรียนรู้หรือแสวงหาความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องเป็นสิ่งผิด คุณอาจจะไม่เหมาะกับสายอาชีพนี้นะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เลิกแสดงภูมิเก้ๆกังๆได้แล้วครับ อ่านไอ้ที่คุณเขียนมาเค้าก็รู้กันหมดว่าที่คุณอ้างซะสวยเรื่องทำ
video compressing สรุปก็แค่แปลงไฟล์ละครเกาหลีไม่ก็ทำซับไตเติลการ์ตูนญี่ปุ่น " งี่เง่า" ครับ
3000anv ดูถูกคนอื่นแบบนี้ ขอให้โชคดีในการใช้ชีวิตครับ
คือที่พูดมาเนี่ยคุณคิดได้แค่นั้นเหรอคับ?
เอาเลยครับ เชิญตามสะดวกครับ :)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมนั่งฮาจนจะเป็นบ้าแล้วเนี่ยครับ
ถึงคุณ McKay
ตามกฎเนี่ยสมควรแบนได้นะครับ แต่ให้ผมเดาใจคุณ McKay น่าจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปมากกว่า ไม่แน่ใจว่าผมเดาถูกหรือเปล่านะครับ?
คงเป็นตามนั้นครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
กร๊ากกกกกกกกกก
มันตลกเพราะเหมือนกับว่ากำลังด่าตัวเองอ่ะครับ ... ทางเทคนิคสู้ไม่ได้ก็ใช้แนวทางแบบเด็ก ป.2 นี่แหละวะ
ถ้าต่ออีกนิดจะเริ่มล้อชื่อพ่อละ :D
มันแปลกเหรอครับ ที่พยายามเอาข้อมูลที่ถูกต้องมาตอบ
เปิดวิกิพีเดียเดี๋ยวนี้กลายเป็นเรื่องผิดถึงขนาดกับต้อง "สารภาพ" เลยหรือครับ
ผมว่าตอนแรกๆ คุณก็โอเคนะครับ หลังๆ ชักเริ่มทุเรศ เละเทะไปกันใหญ่
ตัวเองไม่หาข้อมูลอะไรเลย มั่วๆ ซั่วๆ คิดทฤษฎีเอง แล้วยังกล้าไปยกตนข่มคนที่ข้อมูลเป๊ะอีกนะ
แสดงว่าเขาไม่โกหกไงครับ พูดเรื่องจริงที่เขาได้ทราบมา
ผู้ร้ายที่ตำรวจจับ ถ้าพูดหลายๆ รอบจะเริ่งมึนเอง ตำรวจเลยจับพิรุจได้ ฮ่าๆ
ผมว่ายังไงก็เกี่ยวที่ codec อะนะ นามสกุลไรจะเกี่ยวด้วยหรอ
คุณ 3000anv ตัดผมทั้งหัวทุกวันรึเปล่าครับ?
ผมอายุน้อยกว่าที่คุณคิดเยอะครับ เอาง่ายๆว่ายังไม่ถึง 30 :)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คอมเมนต์ลักษณะนี้ถือว่ากระทบผู้อื่นนะครับ นี่คือการเตือนครั้งสุดท้าย
Win 7 รองรับ Wide-gamut color space ครับ (Ref - http://en.wikipedia.org/wiki/ScRGB)
ไหนๆ ก็พูดขึ้นมาละ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยสิครับว่า Wide - gamut เนี่ย หมายถึงอะไร
ในงาน "สิ่งพิมพ์" ที่คุณเรียกว่า "graphic printing" เนี่ยครับ เค้าเซ็ตค่า color space อย่างไร ครับ
ปัญหา Vivid color ที่ว่า เป็นอย่างไรครับ ช่วยอธิบาย หรือหาตัวอย่างให้ดูหน่อย
คนที่ซื้อเครื่องราคาขนาดนี้ได้ คาดว่าเงินซื้อประกันต่อเพิ่มอีก 2 ปีคงไม่น่าจะมีปัญหา
มี
ฮาจนตาย
ผมจะฮาจนตายเพราะคุณ PaPaSEK เนี่ยแหละ 555
+1
ตามกลับมาอ่าน....ชอบผู้รู้ทั้งหลายเค้าแสดงความเห็นกัน
แหม อาจพอดีเกิดวงเงินบัตรอะดิ
การประกอบแน่นแบบแกะไม่ได้เลย ไม่น่าดีสำหรับผู้ใช้อยู่แล้่วแหละ พวกที่มาอวยก็คงแฟนบอยทั้งนั้น
คอมประกอบ ถึงจะจัดระเบียบแค่ไหน ความง่ายในการซ่อมน่าจะใกล้ 10/10
ยิ่งถึงขั้นอัดกาวเลย ถ้าเสียจะทำยังไง ส่งแอปเปิ้ลอย่างเดียว แลัถ้ามั่นใจว่าของดีจริงไม่ต้องเปลี่ยนไปอีก 10 ปี ก็น่าจะให้ประกันมาเยอะหน่อย เสียอีกหมื่นกว่าบาทเพิ่มประกัน 2 ปี มันมากไปหน่อย
ข่าวไหนเกี่ยวกับสอนค้า apple และมีการพูดถึงข้อเสีย ข่าวนั้นยอดคอมเม้นพุ่งเสมอ
ผมอ่านคอมเมนต์บางท่านมาเยอะ (โดยเฉพาะ Badges ที่คุณก็รู้ว่าอะไร) จนแทบอยากจะกราบบริษัทแอปเปิลเลยล่ะครับ /|\
ซาบซึ้งจริงๆ ผลิตภัณฑ์สุดวิเศษของโลกที่มิอาจจะหาสิ่งอื่นใดมาเปรียบเทียบได้ มันวิเศษอะไรปานนี้ มันสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มิอาจจะหาข้อโต้แย้งใดๆ ได้เลย ช่างเป็นผลิตภัณฑ์ที่เลอค่ายิ่งนัก ToT
ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งรู้สึกว่าของอย่างอื่นบนโลกนี้ มันห่วยไปในบันดล ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้มันวิเศษเกินจะพรรณาครับ อ่านแล้วอยากจะ....กราบบบ T_T
มีอภินิหารจริงๆ ครับ ข้าน้อยเลื่อมใสยิ่งนัก
(ขำๆ นะครับ อย่าซีเรียส :P)
ฮ่าๆ ระวังมีคนเค้าไม่ขำกันเยอะน่ะครับ แต่ผมขำๆ เหมือนกัน
กราบครัฟ กราบซะ วะฮ่าๆๆๆๆ
แบรนนี้แตะต้องไม่ได้นะครัฟ ห้ามครัฟห้าม
กราบไม่ได้ ต้องชาบูอย่างเดียว (อันเดียวกันหรือเปล่า)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
มีใครเห็นรูปข้างบนเป็นหน้าตัวอะไรสักอย่างหรือเปล่า ;-)
+1
Autobot... o_O!
เชิดสิงโต
สงสัยว่าคงต้องมีขึ้นหน้า 2 และ Hall of Fame ชัวร์ เห็นว่าท่าจะยาว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
บริษัทนี้เขาเนี๊ยบทั้งภายนอกและภายใน
กลัวเเบรนด์เเอปเปิลหม่นหมอง ใช้บรัสโซเทเเล้วก็ผ้าเเชมป์ว่าวถูสิครับ
//ขำๆนะครับ
ยอมรับว่า MBP ใหม่ออกแบบมาดีจริงอะไรจริงและคงขายดีแน่นอน
และที่แน่กว่านั้นคือกล้าที่จะออกแบบโดนไม่สนใจรายได้ของช่างซ่อมบำรุง อย่างเว็บ iFixit ไง(ถึงได้แค่1/10)
สำหรับผู้ใช้และช่างทั่วไปก็น่าจะซ่อมยากจริง ๆ นั่นแหละครับแต่ถ้าเป็นสำหรับหน่วยงานซ่อมของ Apple เองผมว่ามันก็ไม่น่าจะยากอะไรขนาดนั้น การซ่อมสินค้าต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ใจความก็คือการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียและแทนที่ด้วยชิ้นส่วนใหม่ ทีนี้หากชิ้นส่วนที่เสียนั้นเชื่อมต่ออยู่กับส่วนอื่นอย่างไม่สามารถแยกออกได้โดยง่ายแล้ว (ขอเรียกรวมกันว่า component) การเปลี่ยนชิ้นส่วนประเภทนี้ก็นิยมจะเปลี่ยนทั้ง component ไปเลย เช่น chip บางส่วนบน mainboard เสียก็ต้องเปลี่ยนทั้ง mainboard เป็นต้น ซึ่งในกรณีนี้ MBP ตัวใหม่ของ Apple นั้นเองมีการรวมชิ้นส่วนอย่างไม่สามารถแยกออกได้หลายส่วนหรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีจำนวน component น้อยกว่า notebook ของเจ้าอื่น ๆ การเปลี่ยนชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่เสียเพียงส่วนเดียวก็เลยทำได้ยากขึ้น หากจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนทั้ง component ทำให้สิ้นเปลืองชิ้นส่วนอื่น ๆ โดยไม่จำเป็นมากกว่า แต่ถ้าถามว่ามันยากไหมสำหรับหน่วยงานซ่อมของ Apple ผมก็ไม่คิดว่ามันจะยากขึ้นเท่าไรนะ มีแค่ส่วนเดียวที่ติดจริง ๆ คือเรื่องติดกาว battery บน body นี่แหละ
โดยส่วนตัวผมไม่เคยซ่อม notebook เองเลยเพราะว่าซ่อมไม่เป็น ถ้าเสียก็ส่งศูนย์ซ่อมตลอดหากยังอยู่ในประกันหรือหากหมดประกันแล้วก็ไปหาช่างซ่อม notebook ตามพันทิพย์พลาซ่ามากกว่า เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ผมเองก็ไม่เคยซ่อมเองทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าว เตาอบไมโครเวฟ โทรทัศน์ เครื่องเล่น DVD เครื่องเสียง home theatre รถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกอะไรเลยที่ข่าวนี้ออกมาบอกว่า MBP ตัวใหม่ซ่อมยากกว่า notebook เจ้าอื่น ๆ และยังรู้สึกงงเล็กน้อยว่าทำไมหลายคนดูจะเครียดกับเรื่องนี้เสียเหลือเกิน ซ่อมยากแค่ไหนสำหรับผมมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญตราบใดที่มันยังซ่อมได้และมีหน่วยงานสำหรับซ่อมมันอยู่
อย่างไรก็ตามคนเราคงคิดและให้ความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน geek ที่เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์อาจจะสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษก็ได้ แต่สำหรับผมและ user ทั่วไปรอบตัวผมบอกได้เลยว่าไม่มีใครมาสนใจเรื่องนี้ แทนที่จะมานั่งศึกษาว่าชิ้นส่วนภายใน MBP ตัวใหม่นั้นต่อกันอย่างไรซ่อมยากน้อยแค่ไหน สู้เอาเวลาไปหาร้านอาหารอร่อย ๆ ร้านใหม่เพื่อพาคนที่บ้านไปลองรับประทานยังจะดูมีประโยชน์เสียกว่า
That is the way things are.
+1 เห็นด้วยครับ
จะไปกังวลเรื่องซ่อมทำไม ถ้าประกันมันมี ถึงประกันไม่มีก็คงไม่ได้แกะชิปมาซ่อมเอง -*-
อย่างประกัน Dell เวลาการ์ดจอเสียยังเปลี่ยนทั้งบอร์ดเลย เพราะการ์ดจอมัน On board :P
แต่ว่าประกันของ MBP ระยะเวลามันสั้น + แพงไปนะ
ผมคาดเดาว่า คคห.ส่วนใหญ่ในนี้ก็คงไม่มีใครเชี่ยวชาญขนาด"ซ่อม"laptop ได้เองหรอกครับ(ซ่อมวงจรเลย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนpartชิ้นใหญ่) แต่สิ่งที่เขากังวล คือการsupportระยะยาวตะหาก
อย่างที่ยกไปข้างบนๆ business laptopยี่ห้ออื่นที่ทัดเทียมกัน จะมีระยะประกันสูงสุดถึง5ปีซึ่งเทียบเท่ากับค่าเสื่อมทางบัญชีพอดี ทำให้เหมาะสมสำหรับการบริหาร แต่ในขณะที่MBP รับประกันได้สูงสุดแค่สามปี แถมยังออกแบบให้ยากแก่การดูแลเบื้องต้น และยากมากสำหรับการซ่อมทดแทนยามหมดประกันหรือระยะเวลาsupport
ตรงนี้เป็นสิ่งที่การใช้laptopในองค์กร จะต้องประเมินครับ คงไม่มีใครชอบ ที่ถ้าเวลามันเสียเล็กๆน้อยๆ(เช่นHDD,ram เสีย ต้องคอยไปส่งศูนย์ แล้วรอเปลี่ยนเครื่องใหม่ ไม่ใช่เปลี่ยนpart ง่ายๆที่ใช้เวลาไม่ถึง 5นาทีแบบยี่ห้ออื่นๆ หรือแม้แต่การเปลี่ยนทั้ง mainboard อย่างยี่ห้อD ก็ใช้เวลาไม่ถึง30นาทีเองด้วยซ้ำ และต้องยกว่ายี่ห้อD นั้นออกแบบมาให้userสามารถเปลี่ยนpartสำคัญได้ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด(คู่มือเขียนวิธีแกะเครื่องไว้เลย)โดยที่ไม่เสี่ยงต่อการหมดประกัน(เพราะออกแบบให้ถอดง่าย)แถมถ้าหมดประกันจริงๆก็ยังสั่งpartได้อีก เขาสำรองอะไหล่ไว้จนหมดระยะเวลาประกันของlotสุดท้ายที่ขายด้วยซ้ำ
แต่ถ้าในมุมของuserบางกลุ่ม ก็อาจไม่จำเป็นมาก โดยเฉพาะถ้าเงินถุงเงินถังเปลี่ยนเครื่องใหม่ ขาย/ทิ้งเครื่องเก่าทุกสองสามปีอยู่แล้ว ก็คงไม่ใช่สิ่งที่กังวลนัก แต่ถ้ามองในผู้ใช้อีกกลุ่มนึงที่น่าจะเยอะพอดู ที่แม้จะซื้อเครื่องใหม่ แต่เครื่องเก่าก็โละไปทำงานอื่นๆ หรือใช้เป็นเครื่องสำรองแทน(เช่นผมที่ยังมีPIII เอาไว้ร้องคาราโอเกะที่สวน,เอาC2DไปทำHTPCที่บ้านนอก)ก็อาจจะสนใจในแง่ของการซ่อมบำรุงหลังระยะเวลาประกันเพิ่มขึ้นมา ว่ายากง่ายเพียงไร อย่างที่คุณยกมาว่าไม่เคยซ่อมเอง แต่ไปซ่อมตามร้านซ่อมก็เช่นกัน เพราะถ้ามันซ่อมบำรุงยากมากๆ ตามร้านซ่อมข้างนอกจะซ่อมได้หรือ? อะไหล่ที่ออกแบบเป็นพิเศษไม่เหมือนชาวบ้าน จะหาทดแทนได้ง่ายๆหรือ? หรือจะต้องคอยหาอะไหล่จากซากมาเปลี่ยนทดแทน ซ่อมกันตายไปวันๆ? หรือสุดท้ายซ่อมไมได้ เพราะช่างข้างนอกทำไม่เป็น+ไม่มีอะไหล่ ก็ต้องทิ้งทำเป็นซาก หรือขายคืนบ.ในราคาถูกแสนถูกชนิดว่า ถอดแยกชิ้นอะไหล่ขายยังได้ราคามากกว่ากระนั้นหรือ?(เห็นราคาขายคืนบ.ข้างบนแล้วตกใจครับ เพราะขายซากให้ร้านซ่อมเมืองไทยยังได้ราคาดีกว่าเยอะ)
ยิ่งถ้าเทียบกับรถยนต์ คนส่วนใหญ่ไม่เคยต้องซ่อมเองจริงครับ แต่ว่าแต่ละยี่ห้อนั้น หาอะไหล่หรือซ่อมยากง่ายต่างกันไป ก็มีผลต่อราคาขายต่อ หรือมูลค่าหลังการรับประกันอย่างมาก รถยี่ห้อแปลกๆ ตอนขายมือหนึ่งราคาสองล้าน แต่พอผ่านไปห้าปีสิบปี ขายสามแสนยังไม่มีใครอยากเอา เต็นท์ยังไม่อยากรับ(ยกตัวอย่างจากของจริงของยี่ห้อนึงเลยนะ) เพราะหาอะไหล่ยาก อะไหล่ทดแทนไม่มี วิธีซ่อมก็ซับซ้อนต้องหาอู่ยี่ห้อโดยตรงเท่านั้น แถมค่าซ่อมก็แสนแพงกว่ารถตลาด เพราะช่างเล่นตัวได้ หรือสุดๆคือผู้นำเข้าลอยแพเลิกขายไปเลย ตรงนี้บางคนก็อาจไม่สนใจ เพราะสนที่ตัวproduct(รถ)มากกว่า ว่าตอบสนองถูกใจแล้ว พอใจแล้ว ส่วนอื่นๆที่เหลือช่างมัน(ศรี)ทนได้? แต่มันก็เป็นสิ่งที่คนอีกจำนวนไม่น้อยสนใจและเป็นกังวลด้วยเช่นกันครับ ยิ่งกับรถยนต์ที่ราคาแพงกว่าlaptopมาก เราจึงเห็นความแตกต่างในด้านยอดขาย ที่แตกต่างกันมากระหว่างรถตลาด กับรถยี่ห้อประหลาดซ่อมยาก ห่างกันลิบลับเลยทีเดียว
สุดท้ายยอดขายจะเป็นตัวบ่งบอกเองว่า ใครทำถูกใจผู้บริโภคส่วนใหญ่มากกว่ากัน ยกเว้นจะindyไม่เน้นขายคนกลุ่มใหญ่ ขายสาวกก็พอแล้ว?
เสริมนิดนึงครับ พวก computer นี่ตามตามกฎหมายให้หักค่าเสื่อมได้ 3 ปีขึ้นไปครับ เครื่องจักรทั่วไปอย่างน้อย 5 ปี
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ความรู้ใหม่เลย ขอบคุณครับ
เขียนมาเกือบดีมาแย่เอาตรงย่อหน้าสุดท้ายนี่แหละครับ ทำไมต้องใช้คำว่า "สาวก" ด้วย ? หรือว่าการชอบดูถูกคนอื่นมันฝังรากลึกลงไปจนเป็นนิสัยไปเสียแล้ว ?
การวาง position ของสินค้าแต่ละตัวไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าทุกคนทุก brand ต้องออกแบบสินค้าและตั้งราคามาเพื่อขายคนหมู่มากอย่างเดียว หากแต่ต้องมี target ของตัวเองที่ชัดเจนต่างหาก
คิดแบบนี้มันแคบไปหน่อยนะครับ อะไรที่ไม่ตรงจริตไม่ตรงกับ mass ก็เหมาไปเสียว่าคนซื้อต้องไม่มีความคิด ไปซื้อเพราะความลุ่มหลงแห่งสาวกเท่านั้น ? ดูตรรกะมันผิดเพี้ยนอย่างไม่รู้ครับ ยอดขายก็สำคัญในธุรกิจแต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือกำไรและอัตราการเจริญเติบโตของกำไรครับ
การที่ MBP ตัวใหม่มีระยะเวลาประกันไม่สอดคล้องกับระยะค่าเสื่อมทางบัญชีของประเทศไทย (เข้าใจว่าที่อื่นไม่แน่ว่าจะต้องเหมือนเราเพราะอาจจะใช้ระบบบัญชีคนละอย่าง) มันเป็นความผิดของใครกันแน่เพราะ MBP เองก็ไม่ได้ทำมาเพื่อที่จะขายในประเทศไทยแต่เพียงประเทศเดียวอยู่แล้ว ดังนั้นประเด็นนี้ผมเลยมองว่ามันไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลกันเสียทีเดียวแต่เป็นการคาบเกี่ยวกันโดยบังเอิญมากกว่า แต่แน่นอนล่ะไม่ว่าอย่างไรเสียการรับประกันนานกว่า (บนสมมติฐานว่าไม่ได้เก็บเงินเพิ่มต่างกัน) ย่อมต้องดีกว่าและเหมาะกับการใช้งานในองค์กรมากกว่า ซึ่งผู้ใช้งานระดับ pro ในแต่ละองค์กรก็ต้องตัดสินใจดูกันเองแหละครับว่าระหว่างเครื่องที่มี specification อย่างที่ตัวเองต้องการแต่รับประกันน้อยกว่าอีกเจ้าหนึ่งที่ไม่ตรงตามที่ต้องการนั้น ตัวเองและองค์กรจะเลือกเครื่องไหน
ผมเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรเสียก็ต้องมีองค์กรที่เลือกเครื่อง MBP ตัวใหม่นี้ไปทำงานแทนที่จะเป็น Dell ที่รับประกันมากกว่า เพราะเหตุผลด้านการใช้งานอื่น ๆ นั้นเหมาะสมกว่า ซึ่งนั่นก็แปลว่าอย่างน้อย MBP ก็ยังมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ (ผมไม่กล้าฟันธงว่าอันไหนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเขานะครับเพราะไม่ได้ทำงานที่ Apple เลยต้องขออนุญาตเขียนไว้กว้าง ๆ ก่อน) และถ้าผมเข้าใจไม่ผิด MBP ไม่ว่าจะกี่รุ่นที่ออกมาก็ไม่เคยมีรุ่นไหนที่รับประกัน 5 ปีไม่ใช่หรือครับ แต่ก็เห็นมีลูกค้ากลุ่ม pro บางกลุ่มก็ใช้ MBP ในการทำงานมาโดยตลอด เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมพอมาเป็นรุ่นนี้ระยะเวลาในการรับประกันที่เท่าเดิมแต่ต่างจากเจ้าอื่นจึงกลายมาเป็นประเด็น
การที่อุปกรณ์ต่าง ๆ หมดประกันแล้วไม่ได้แปลว่าเราจำเป็นต้องมาหาช่างนอกเพื่อไปซ่อมเองเสมอไปนะครับ เรายังสามารถส่งศูนย์ซ่อมได้เหมือนเดิมเพียงแต่เราจะต้องเสียทั้งค่าชิ้นส่วนและค่าบริการในการซ่อมเท่านั้นเอง ซึ่งรวมแล้วอาจจะแพงมากจนไม่คุ้มแต่มันก็ซ่อมได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น mouse Razer ของผมมีระยะเวลารับประกันแค่ 1 ปีแถมต้องเก็บกล่องเอาไว้ในสภาพสมบูรณ์ตลอดอีกต่างหาก หากเลยระยะเวลา 1 ปีไปแล้ว mouse ของผมเกิดเสียขึ้นมาก็ไม่ได้แปลว่า Razer จะไม่รับซ่อมนะครับ เขาก็ยังรับอยู่แต่จะคิดค่าซ่อมเท่าไรนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่รับซ่อมโดยสิ้นเชิงหลังจากหมดระยะเวลาประกัน 1 ปีแล้วใครจะไปซื้อมาใช้กัน ผมว่า MBP ใหม่เองนี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกันครับ
ที่สำคัญการที่มันซ่อมยาก (ได้คะแนนเพียง 1/10) ไม่ได้หมายความว่าช่างนอกจะไม่สามารถซ่อมมันได้เสมอไปนะครับ ผมเคยเอาเครื่องเก่าไปซ่อมเพราะ mainboard เสียแถมเลยประกันไปแล้วเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเสียที่ตรงจุดไหน ช่างก็เอาไปตรวจ ๆ ดูสักพักก็บัดกรีเปลี่ยน capacitor 1 ตัว (ไม่รู้ว่าเอาที่เปลี่ยนมาจากไหน) จากนั้นก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิมคิดค่าซ่อม 500 บาท ครั้งแรกที่เห็นนั้นผมก็อึ้งเหมือนกันนะครับ คิดว่าช่างนี่ก็เก่งเหมือนกันหาที่เสียเจอจนได้ แต่แน่นอนว่าหากบางอย่างที่สำคัญเสียไปจริง ๆ เช่นพวก chipset ต่าง ๆ ช่างคงไม่สามารถซ่อมเองได้ง่าย ๆ แบบนี้ ดังนั้นอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนว่าช่างนอกจะซ่อมอะไรของ MBP ตัวใหม่นี้ไม่ได้เลยนะครับ
สุดท้ายบอกได้คำเดียวครับว่า "ระอา" กับพวกที่ชอบตราหน้าคนอื่นที่คิดไม่ตรงกับตัวเองว่าเป็น "สาวก" จริง ๆ
ถ้าไม่ได้ขับ Honda Toyota Mitsubishi แต่ไปขับ Audi BMW Benz ก็คงแปลว่าเป็น "สาวก" ถ้าไม่ได้ขี่ Yamaha Honda แต่ไปขี่ Vespa แทนก็คงต้องกลายเป็น "สาวก" อีกหน่อยถ้าไม่ได้ใช้ตู้เย็น Mitsubishi Toshiba Samsung LG แต่ไปใช้ Siemens ก็คงต้องกลายเป็น "สาวก" กันไปอีก
สำหรับบางคนโลกเรานี่มัน "สาวก" เยอะเต็มไปหมดเลยสินะ
That is the way things are.
คำว่าสาวก ก็ไม่ใช่การดูถูกนะครับ แต่เป็นแนวแฟนพันธุ์แท้มากกว่า คือการชั่งน้ำหนักปัจจัยให้กับยี่ห้อตัวเอง ต่างจากคนทั่วไป
เรื่องรถค่อนข้างนอกประเด็น ผมพูดถึงรถตลาด ไม่ใช่รถ exotic carที่มีลูกค้าเฉพาะทางมากๆ และสิ่งที่exotic carให้ก็มีส่วนที่รถตลาดให้ไม่ได้ จนคนยอมเสียเงินแพงๆซื้อ แม้ว่ามันจะเสียค่าบำรุงรักษาแพงแค่ไหนก็ตาม ซึ่งแม้ยอดจะน้อยมาก แต่ราคาก็ทำให้เขายังขายอยู่ได้เรื่อยๆ
อ้อ BMW/MB ไม่ใช่รถindyนะครับ แต่เป็นluxury car อัดoptionและเทคโนโลยีมาเต็มที่ ซึ่งรถญี่ปุ่นเอง ก็ทำยี่ห้อแพงๆมาขายแข่ง เช่นLexus และยอดขายรถเหล่านี้ เอาแค่ในประเทศไทย ก็มากกว่า ยอดขายรถยี่ห้อแปลกๆที่ผมยกตัวอย่างไปด้วยซ้ำ(MBขายในไทยได้หลักพันคันต่อเดือนนะครับ รถcompactญี่ปุ่นบางยี่ห้อยังแค่หลักร้อยคันเอง) ซึ่งในด้านยอดขายแล้ว รถเหล่านี้ก็ถือเป็นรถตลาดเช่นกันครับ แต่คนละตลาดกับToyota
ผมไม่อยากยกชื่อยี่ห้อรถตรงๆเพราะแฟนๆเขาจะโกรธเอาได้ ยกอ้อมๆแล้วกันเช่นยี่ห้อตรางู ที่สุดท้ายก็ขายได้แต่ในยุโรปกับแฟนเก่าๆที่เป็นแฟนพันธุ์แท้จริงๆ(เมืองไทยศูนย์ลอยแพไปแล้ว รถป้ายแดงราคาสองล้าน ราคามือสองเหลือไม่กี่แสน แถมหาอู่ตจว.ไม่ได้เลย ขนาดตอนมีศูนย์ยังต้องสั่งอะไหล่จากนอกรอสามเดือน) คือจุดเด่นของมันน่ะมี(เครื่องยนต์เจ๋งมากเมื่อเทียบกับรถตลาดยุคนั้นแต่ข้อเสียคือพังง่ายสุดๆ) แต่โดยรวมแล้วไม่ตอบสนองผู้ใช้ทั่วไปครับ ผู้ซื้อไม่ได้โง่หรอก(ผมไม่เคยพูดว่าผู้ซื้อโง่ตรงไหนเลยนะครับอย่ากล่าวหามั่ว) แต่เขาเลือกชั่งน้ำหนักแตกต่างจากคนส่วนใหญ่เท่านั้นเอง เขาเลือกที่จะซื้อจุดเด่นและยอมรับข้อเสียร้ายแรงไว้ ซึ่งสุดท้ายถ้าจำนวนแฟนพันธุ์แท้ไม่มากพอ และผู้ผลิตไม่ยอมปรับเปลี่ยนให้สนองผู้ซื้อส่วนใหญ่ ยี่ห้อแปลกๆเหล่านี้ ก็จะค่อยๆลดขนาดลง และหายไปในที่สุด(ตัวอย่างในอดีตมีมากมายครับ)
แต่MBPล่ะ ให้อะไรที่"แตกต่าง"มากกว่าbusiness laptopทั่่วไป?ผมตกใจมากที่คุณยกตัวอย่างว่า MBP เป็นดั่งลัมเบอกินี คือAppleทำแบรนด์เกรดพรีเมี่ยมจริง แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่WOWเมื่อเทียบกับexotic carเลยครับ ระดับราคาก็ใกล้เคียงกับยี่ห้ออื่นๆ spec เดี๋ยวนี้ก็ intelเหมือนๆกัน มีoption technologyใหม่ๆ มาก่อนเขาหน่อย ก็แค่แป๊บเดียว(ไม่ถึงครึ่งปีเลยมั๊ง และบางตัวก็หายไป ไม่กลายเป็นมาตรฐานด้วย) OSX เองก็เหอะ ทำไมผมเห็นคนซื้อmac มาลงwindowsกันเต็มไปหมด?
เรื่องระยะเวลารับประกัน ที่อเมริกา Dellก็รับประกันสูงสุดห้าปีครับ ประเด็นเรื่องการsupportหลังหมดประกันนี่แหละที่สำคัญ เพราะเอาแค่home use laptopยี่ห้ออื่นๆในบ้านเรา(เช่น C) บางตัวหมดประกันไปแล้วสองปี ก็หาอะไหล่ไม่ได้แล้วศูนย์ไม่รับผิดชอบครับ ต้องไปหาร้านซ่อมที่ถอดอะไหล่จากซากเครื่องเก่าแทน ตรงนี้แหละในแง่ของbusinessแล้ว เขาต้องการการันตี ว่าจะมีอะไหล่support จากศูนย์ยันหมดอายุผลิตภันฑ์(คือคนซื้อlotสุดท้าย+ประกันไปห้าปี ก็ยังต้องมีอะไหล่ให้เปลี่ยน)
ส่วนทำไมพูดถึง new MBP ทั้งๆที่ประกันก็เท่าๆเดิม ก็ในเนื้อข่าว เวบifixit ที่เขาเน้นเรื่องการซ่อม ยังให้คะแนนการซ่อมไว้แย่กว่ารุ่นอื่นๆ เพราะอุปกรณ์onboardทั้งหมด และยากแก่การบำรุงรักษา ตรงนี้ไงครับ ก็เป็นคำตอบว่า มันมีแนวโน้มว่าการหาร้่านข้างนอกซ่อมหลังหมดประกัน มันยากกว่ารุ่นอื่นๆแน่นอน หรือการบำรุงรักษาด้วยตัวเองก็เป็นไปไม่ได้เลย(เช่นการเปลี่ยนram) จริงอยู่ว่าอาจโชคดีเจอช่างเก่งๆซ่อมได้ แต่โอกาสที่จะเจอก็น้อยกว่าช่างที่ซ่อมรุ่นอื่นๆได้ง่ายกว่าเยอะนะครับ
สุดท้ายใครจะซื้อMBP ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะอย่างน้อยมันก็มีจุดเด่นที่เหมาะสมกับงานเฉพาะทาง ที่คู่แข่งยังไม่มีในเวลานี้ (เช่น Retina display) แต่ที่บอกไป คือถ้ามองในแง่ของการใช้ในองค์กร ยังถือว่าการที่MBPเปลี่ยนรูปแบบอุปกรณ์ภายใน เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการบำรุงรักษาระยะยาว และเป็นการยากที่จะเจาะตลาดcorperate ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากๆได้ จริงอยู่ว่าอาจจะมีบางองค์กรเลือกใช้เพราะจุดเด่นเฉพาะทาง แต่สุดท้ายยอดขายรวมก็เป็นตัวชี้วัดว่าองค์กรส่วนใหญ่เขาคิดอย่างไรกับสินค้าตัวนี้นั่นเอง (เทียบยอดขาย ก็ต้องเทียบที่สินค้าคลาสเดียวกันนะครับคือ business laptop) ซึ่งดูจากแนวโน้มแล้ว อนาคตapple อาจจะไปเน้นสินค้าตัวอื่นเช่น Air แทนด้วยซ้ำ
คือแค่จะบอกว่า จุดเด่นมันมี แต่จุดด้อยร้ายแรงมันก็มีเช่นกันเราก็ยกมาอภิปรายกันด้วยเหตุผล ทำไมคุณคิดว่าการพูดถึงจุดด้อยจะเป็นการดูถูกไปได้ล่ะครับ?
การพูดถึงจุดด้อยไม่ใช่การดูถูกเลยครับ แต่การเรียกคนที่ซื้อสินค้าที่คุณมองเห็นว่ามันมีจุดด้อยและไม่น่าซื้อนั้นว่า "สาวก" ผมว่ามันสามารถตีความว่าดูถูกได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับคุณคำว่า "สาวก" อาจจะแปลว่าแฟนพันธุ์แท้แต่สำหรับอีกหลาย ๆ คนในทีนี่เขาไม่ได้ใช้คำว่า "สาวก" ในความหมายนั้นครับ ส่วนใหญ่ที่พูดเวลาในประโยคมีคำว่า "สาวก" ก็มักจะมีคำอื่น ๆ ที่แสดงความหมายสอดเสียดกระทบกระแทกอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น อูรา ชาบู บูชา แถ ศาสดา อะไรแบบนี้ ซึ่งคุณต้องเข้าใจนะครับว่าคำพวกนี้มันไม่ได้บ่งบอกถึงการใช้สมองคิดวิเคราะห์เท่าไรนัก (คงไม่ต้องยกพจนานุกรมมาถกกันนะครับ) แต่เน้นหนักไปทางด้านการใช้ความเชื่อความลุ่มหลงมากกว่า
อย่างที่ผมบอกตั้งแต่บรรทัดแรกใน comment ก่อนหน้าแล้วครับ คุณเขียนมาดีเกือบทั้งหมดยกเว้นแค่ย่อหน้าสุดท้ายอย่างเดียว
ปล. ผมไม่ได้เปรียบเทียบว่า Apple เทียบเท่า Lamborghini นะครับ จะยกเปลี่ยนเป็นยี่ห้ออื่นก็ได้เพียงแต่ผมว่ายี่ห้อนี้เปรียบเทียบแล้วเห็นได้ชัดเจนถึงความต่างดี จะเปลี่ยน Apple เป็น Audi BMW Benz ก็ได้ครับแต่เวลาเปรียบเทียบควรนับจำนวนเฉพาะ brand นั้น ๆ แล้วเทียบกับรถระดับล่างหลาย ๆ ยี่ห้อรวมกัน เพราะในขณะนี้เรากำลังเปรียบเทียบ MBP กับ notebook อื่น ๆ ทั่วไปอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยถูกต้องนักที่จะนับจำนวนยอดขาย BMW เทียบกับรถญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นอีกเพียงยี่ห้อเดียว สิ่งที่ต้องการสื่อมันต่างกัน
อนึ่งผมก็ยังคงไม่เชื่อนะครับว่ายอดขายรถ BMW ต่อเดือนจะมากกว่ายอดขายของ Toyota Honda หรือ Mitsubishi แบบ 1 ต่อ 1 เพราะเอาที่ผมเห็นบนท้องถนนกรุงเทพ ฯ สัดส่วนมันไม่ใช่ ถ้าอยากคุยเรื่องนี้ต่อและมีข้อมูลรบกวนแนบมาด้วยครับ
That is the way things are.
เอาเถิด ผมจะเลี่ยงไม่ใช้คำว่า"สาวก"ก็ได้ครับ
แต่ประเด็นเปรียบเทียบ ก็ต้องเปรียบเทียบที่ตลาดเดียวกันสิครับ ไม่มีใครเอาBMW ไปเทียบTOYOTA ตรงๆหรอก เขาเอาไปเทียบกับ Mercedez Benz(MB)ตะหาก (หรือจะเทียบ Lexus ก็ถือว่าเท่าเทียม)ซึ่งต้องบอกว่ายอดขาย MBในไทยสี่ร้อยกว่าคันต่อเดือน(ขอแก้ตัวเลขผมจำผิด ไปจำตัวเลขรวม) ส่วนBMW ยังสามร้อยกว่าคันต่อเดือน ก็ยังมากกว่ายี่ห้องูที่ผมเคยพูดถึงนะแ ละรวมถึงรถญี่ปุ่้นค่ายรองๆด้วยซ้ำ(ผมพูดว่าญี่ปุ่นยี่ห้อรองนะ ไม่ใช่เทียบกับเจ้าตลาด)เช่นsuzuki ก่อนเอา swift eco carมาขาย ยอดขายรถยนต์นั่งน้อยกว่า MB/BMW อีักครับ
แต่ถ้าจะเทียบกันจริงๆเขาเทียบเป็น segment เดียวกัน เอาเก๋งE-class ไปเทียบยอดกระบะก็คงไม่ไหว(กระบะพี่โต ยอดขายเดือนละสองหมื่นคันครับ รถเก๋งรุ่นไหนๆไม่มีทางสู้ได้) อย่างรถยนต์ฺนั่งเอง ตลาด mid-size sedan(Accord,Camry,E-Class,Series5)ในบางปียอดขายE-Class มากกว่า Accordนะครับ(ปี2007 ปลายอายุAccตัวนั้นพอดี)
เหมือนๆกับที่ผมและอีกหลายท่านเปรียบเทียบ MBP ก็เปรียบเทียบกับ business laptop ที่ราคาใกล้เคียงกัน ตลาด pro/corporate เหมือนกันเช่น dell latitude ไม่เห็นมีใครเอาไปเปรียบเทียบยอดขายกับ laptop เครื่องละหมื่นต้นๆกันสักหน่อยนี่นา?
อ้างอิงยอดขายรถกระจัดกระจายหน่อยนะครับ แต่ละปียอดแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันมากพอดู ตามช่วงเวลาการออกรุ่นใหม่ และปีหลังๆญี่ปุ่นออก eco car ซึ่งยอดขายกระฉูดมาก
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V12107216/V12107216.html
http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2010/11/V9923652/V9923652.html
http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2011/01/V10153867/V10153867.html
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2270:mercedes-benz-----10-&catid=1:pr-news-network&Itemid=59
http://www.toyota.co.th/th/sale_volum.asp?type_id=0&from_month=9&from_year=2010&to_month=10&to_year=2010&x=100&y=8
ถึงคุณ FourPoint
MacbookPRO ไปเทียบกับ Business Laptop แสดงว่าคุณเป็นแค่ consumer
ที่ไม่ได้มีความจำเป็นต้องทำงานในระดับ workstation และไม่รู้ถึงการมีตัวตนของ Laptop ไลน์ Pro (workstation) ในยี่ห้ออื่นๆ
ซึ่งบางเครื่องยังแพงกว่า Mac เป็นพันๆเหรียญ
การพยายามเปรียบเทียบ MBP vs Laptop บ้านๆ ไม่ได้ต่างจากการเทียบ M4600 vs Latitude
เพราะสุดท้ายมันจะ "แลดูแพงอย่างไร้เหตุผล" "ภายใต้การใช้งานของ comsumer ที่แค่เปิดเน็ต พิมพ์งาน เชคเมล์" และไม่ใช่ PRO user
อุปกรณ์ในเกรด PRO user มันก็จะแพงแบบไร้เหตุผลในสายตาของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งนั้นแหละครับ เมนบอร์ด workstation ราคา 20k /Quadro ตัวละครึ่งแสน / Eizo จอละแปดหมื่น / หรือการ์ด class 10 สองพันกว่าบาท แต่ทำไมมันถึงขายได้ ? เพราะมันมีเหตุผลที่ต้องซื้อไงครับ
คนกลุ่มนี้ก็มักจะให้คำตอบแบบ ' ไร้เดียงสา' ว่า "MacbookPRO คือ Luxury Brand" ทั้งที่มันเขียนคำว่า "PRO"ไว้ชัดเจน
หรือพยายามบอกว่าแบรนด์มันแพงกว่าที่ควรจะเป็น พยายามอิเมจิน เปรียบมวยผลิตภัณฑ์ที่ตนไม่คิดจะซื้อใช้จริง
เวบ ifixit ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเวบไซต์ที่ขาย hardware ในการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ (พ่วงด้วย tutorial) คะแนนที่ตั้งมาจากมุมมองของช่างซ่อมที่เป็น 3rd party (และไม่ใช่ซ่อมได้ทุกอย่าง ได่แค่ชิ้นส่วนง่ายๆ) ผมเองก็เคยสั่งชุดไขควง pro + ซิลิโคน จากเวบนี้ ไปเปลี่ยนแรมกับซิลิโคน (แน่นอนมันทำให้ void ประกัน )
คนที่ใช้ Mac มานานจริงๆ ไม่เคยมีใครคิดว่าตนเองเป็นสาวก เพราะมันอยู่กับเรามาจนน่าจะเรียกว่า friend
การตีกันระหว่างนักเลงเทคโนโลยี (มีเงิน ไม่มีสมอง) กับกุ๊ยเทคโนโลยี (ไม่มีทั้งสองอย่าง มีแต่ความอยาก)
เป็น สงครามโง่ๆในกลุ่มคนที่ "ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทั้งคู่"
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกลุ่มคนที่ใช้แมคมานาน ( และมักจะถูกเรียกว่า สาวก โดยคนโง่ๆที่ไม่รู้อะไรซักนิด) (และไม่มีใครสนใจ)
หลังจากเพิ่งใช้งานที่นี่ได้ไม่นาน ผมเพิ่งจะรับรู้ว่าจริงๆ blognone ไม่ใช่บลอคของ professional อย่างเดียว แต่ยังเป็นบลอคของนักการเมืองสมัครเล่นอีกด้วย ....
Macbook Pro รุ่นที่ไม่ใช่ retina มีอะไรอยู่ในเกรด Pro ที่คุณพูดถึงหรือครับ?
CPU Xeon?
Mainboard รองรับ ECC RAM?
GPU ใช้ FireGL/Quadro?
ผมยอมรับครับว่า Macbook Pro เป็น 'workstation' ที่ดีและน่าใช้มากตัวหนึ่ง แต่สิ่งที่คุณพูดมามันไม่เกี่ยวกันเลยซักนิดเลยครับ และดูเหมือนคุณจะใช้เพียงคำว่า Pro/Latitude ที่เป็นเพียงชื่อรุ่นมาบอกว่าของสิ่งนี้เป็น workstation คุณหลงกลการตลาดไปหรือเปล่าครับ ผมอยากลองถามคุณว่า PC กากๆทั่วไป CPU ก็ Core i7 ธรรมดา แต่ดันใส่ Quadro 6000 คุณคิดว่ามันเหมาะสมไหม และ/หรือ เรียกได้ว่าเป็น workstation ได้หรือไม่?
ปล. Micro SDHC Class 10 ราคาลงเหลือพ้นต้นๆ(1000-1200)แล้วนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จริงๆข้างบนผมเห็นด้วยกับทั้งคุณ zerocool และ Fourpoint นะ ยกเว้นตรงที่เถียงเรื่องคำว่า "สาวก" อันนี้แล้วแต่มุมมองแต่ละคน
แต่ของคุณ 3000anv เนี่ย...
คุณเขียนมาตั้งยาว แล้วบอกได้มั้ยล่ะครับว่า mbp มันต่างกับโน๊ตบุ๊คธรรมดาตรงไหน ที่คุณพิมพ์มาน่ะมันไม่มีสักอย่างเลยนะ
จากคำพูดคุณ แสดงว่าคุณไม่เคยจับbusiness laptop จริงๆเลยสิเนี่ย
latitudeรุ่นบนๆ ก็มี quadro ให้เลือกครับราคาเพิ่มไปถึงหลักแสนได้ด้วย ขึ้นกับการcustomize จะให้เกือบเหมือนMBPรุ่นtopก็ยังได้เลย คุณเองก็เป็นคนจับ M4600 มาเทียบMBP ก่อนเองนะ ผมไม่ใช่คนเทียบคนแรก:P /เพิ่มเติม/ อ่านอีกทีเข้าใจแล้วว่าคุณคิดว่าผมสับสนระหว่าง Latitude กับ Precision ซึ่งจริงๆมันมีส่วนคาบเกี่ยวกันอยู่นะครับ คุณสามารถcustomize Latitude ให้เทียบเท่า Precisionได้ และอันที่จริงbrand Precisionก็แยกตัวมาจากLatitude เพื่อจับตลาด workstationโดยตรง แต่เนื้อแท้แล้วมันก็คือlaptop ระดับเดียวกันครับ(Precision ตัวแรกสุดก็basedมาจาก Latitudeครับ)
และคนซื้อbusiness laptop ราคาแพง คงไม่ได้ซื้อมาเล่นเนทหรืองานพื้นๆสนองความอยากส่วนตัวกันสักเท่าไรหรอกครับ แต่ใช้เพื่อธุรกิจจริงๆจังๆตะหาก เพราะมันตอบสนองในด้านการทำงานล้วนๆ มากกว่าในแง่ของการดีไซน์หรือแฟชั่นสวยๆแบบบางยี่ห้อ
แต่การที่คุณพยายามโจมตียี่ห้ออื่นมั่วๆหลายครั้ง เช่นเรื่องการซื้อประกัน หรือการดูถูกฝาหลังSIII ว่าไม่ใช่polycarbonate(แถมยังบอกว่า Polycarbonateไม่ใช่พลาสติค) ก็เป็นการบ่งบอกว่า คุณไม่ไ่ด้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณโจมตีหรือสิ่งที่คุณใช้ด้วยซ้ำ
กระทู้นี้
แล้วคุณจะยังดูถูกผู้ร่วมสนทนาว่าเป็น กุ๊ย หรือนักเลง อีกได้อย่างไร ในเมื่อตัวคุณเองไม่สามารถอภิปรายอย่างมีหลักการและเหตุผลได้เลย?
blognone เป็นblogทางIT เท่าที่เห็นผู้ร่วมสนทนาก็โต้ตอบอย่างมีหลักการและเหตุผลนะครับ ก็คงดีกว่าการพูดคุยยกยอกันเองแบบไร้เหตุผลกระมัง? ที่คุณเคยดูถูกว่าคนอ้างอิงwikiไม่มีความรู้ ทว่าคุณดันยกหลักการมาผิดๆเสียเอง พอถามจี้ก็เปลี่ยนประเด็น?
จำคำพูดตัวเองได้บ้างไหม?
กระทู้นี้
อย่างอ้างว่าเป็นเพื่อนกับmac เลยครับ เดี๋ยวคนอื่นๆจะเข้าใจผิดเหมารวมว่าเพื่อนmac ต้องเป็นแบบคุณ :P
อ่านไปเรื่อยๆ ก็เดาในใจไว้ก่อนแล้ว จนกระทั่งถึงตรงนนี้ ผมขอ Jam ความเห็นไว้ก่อนกันลืม พอมีเวลาแล้วผมจะมาพิมพ์นะครับ เนื่องจากผมนี่แหละครับ ที่ครอบครองรถตรางูไว้ถึง 6 คัน ซึ่งตามหัวข้อข่าวและสิ่งที่คุณสนทนากันอยู่นั้น ผมคิดว่า ความคิดเห็นของผมที่มีต่อสินค้าลักษณะนี้ น่าจะทำให้คุณเข้าใจมุมมองอีกมุมหนึ่งของผู้บริโภคที่เป็นชนกลุ่มน้อยแบบผมได้ ว่าเรามีมุมมองและวิธีคิดอย่างไร
ขอยืนยันไว้ก่อนครับว่า เท่าที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมเห็นว่าคุณคิดไม่ถึงครับ ทั้ง 2 ฝ่ายเลย (หมายถึง มุมมองและวิธีคิดของ "แฟนพันธุ์แท้" หรือจะเรียกว่า "สาวก" อะไรก็ช่างนั่นแหละ สำหรับผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพิเศษกับการเรียกด้วยคำเหล่านั้นครับ)
เพลานี้ ขอฝากไว้ก่อน ว่างแล้วผมจะได้มาหาง่าย ว่าจะต้องมา Reply ต่อที่ไหนบ้าง
ผมมารอครับ ... นี่แหละที่ผมต้องการ ความเห็นจากคนที่มีเงินซื้อของตามความต้องการของตัวเอง
ผมไม่ได้ว่านะครับ ผมเองก็มีโรคจิตบางอย่างที่คล้ายๆ แบบนั้นเหมือนกัน
จองที่ด้วยครับ อยากรู้ความเห็นจากคนกลุ่มนี้มานานแล้ว -w-
Dream high, work hard.
รอพี่จักรนันท์มาชี้แนะด้วยคนครับ
That is the way things are.
ครับอยากฟังความคิดเห็นของท่านที่ครอบครองไว้ถึง 6 คัน เพราะโดยส่วนตัวรอบข้างผม มีรุ่นน้องที่ซื้อ 156ป้ายแดงตอนสมัยเรียนและบ้านใกล้เรือนเคียงใช้ GT coupe อีกคัน ตอนใหม่ๆมันสวยจริงครับ โดดเด่นและแรงกว่า e46 ที่ราคาใกล้ๆกันด้วย แต่สุดท้ายเขาก็มาบ่นให้ฟังเรื่องการบำรุงรักษาและราคาขายต่อที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆมาก ซึ่งมันก็ฟังดูเหนื่อยจริงๆ แต่เเขาก็ยังใช้อยู่นะ เขาใ้ช้แล้วชอบ อันนี้ก็มีเพื่อนที่ใช้ SAAB และ Volvo ที่พูดคล้่ายๆกัน แต่เจ้าหลังยังพอมีศูนย์เยอะหน่อย ซึ่งผมก็ไม่ได้ใช้เอง อาจจะคาดเดาเหตุผลในการซื้อของท่านที่เก็บไว้ถึง 6 คันไม่ถึงจริงๆ
รถผมก็ยุโรปเก่าๆยี่ห้อนึง(ที่เคยมีสโลแกนว่า UDM) แต่ก็ยังพอบำรุงรักษาไหวปีละ20-30k ไม่ลำบากมากเหมือนยี่ห้อข้างต้นเพราะมีเพื่อนเป็นเจ้าของอู่เฉพาะยี่ห้อ แต่ก็คิดหนักเหมือนกันถ้าจะซื้อคันใหม่ยี่ห้อเดิม เพราะเงื่อนไขทางด้านครอบครัวและอายุมันเปลี่ยนไป ทำให้ไม่สามารถเลือกซื้อรถจากความสนุึกในการขับขี่ได้เหมือนเดิม
มาขอรับฟังล่วงหน้าครับ
ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะทำให้ร้านซ่อมทางเลือกหายากขึ้นไปด้วยมั้งครับ
เพราะร้านที่ไม่ใช่แอปเปิลซ่อมไม่ได้หรือถึงซ่อมได้ก็คิดแพงเพราะซ่อมยากหรือเพราะอุปกรณ์มันมาทั้งชิ้น อันนี้ User ทั่วไปก็น่าจะรู้สึกนะครับ
ส่วนคหสต. ผมแคร์เรื่องการซ่อมอยู่เหมือนเพราะว่าพอถึงจุดที่เอา Notebook ไปเข้าศูนย์ซ่อมไม่คุ้มแล้ว(ประมาณปีที่ 3 ขึ้น) ผมจะชอบหาทางยืดอายุการใช้งานด้วยการหาร้านซ่อมที่คิดถูกๆหรือถ้าชิ้นส่วนที่เปลี่ยนง่ายมาก็ซื้อเปลี่ยนเองครับ แล้วยกเครื่องนั้นๆ ให้คนที่ไม่ต้องการสเปกสูงใช้ไป แบบว่ามันเสียดาย
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
เห็นด้วยครับ
อย่าง NB กากๆ ของผม ... ตอนนี้อยากเปลี่ยนพัดลมระบายความร้อน
บางทีจุดที่เราต้องการบำรุงรักษามันซ่อมไม่นาน แต่ถ้าส่งศูนย์ก็คงหายไปอย่างต่ำๆ ก็อาทิตย์นึง
แต่เดี๋ยว!!! บางทีก็คงต้องบีบเรื่องที่คุยให้มันแคบลงหน่อยครับ
คนนึงพูดถึงคนทั่วๆ ไป / อีกคนพูดถึง geek / อีกคนพูดถึง skilled user
แบบนี้จบประเด็นยากนะครับ
เรื่องหาร้านทางเลือกซ่อมผมพูดถึงคนทั่วไปนะ แต่เจอทักแบบนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแหละว่าคนทั่วไปเค้าเดินพันทิพย์หรือใช้ geek/Skilled user ไปเดินอีกที (อย่างหลังคนแถวนี้ต้องเคยเจอกันมาบ้างล่ะ)
ส่วนความเห็นส่วนตัวผมขอแยกออกมาอันนั้นคือ skilled user ค่อนไปทาง geek ชัดเจนครับ
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
ผมก็แนว DIY ครับ ถ้าทำเองได้สบายใจกว่าเยอะ
แต่เบื่อครับ ญี่ปุ่นชอบให่น็อตเกินมาบ่อยๆ
+1 555
+1 DIY สบายใจกว่า สนุกด้วย(?)
อยากให้ตัว Retina ยังเปลี่ยน SSD กับ RAM ได้เหมือนเดิมจัง T_T
Dream high, work hard.
สำหรับผมคงไม่คิดมากกับเรื่องนี้นะ เพราะมีเครื่องทำงานมากกว่าหนึ่งเครื่อง แถม backup ลง Time Machine ไว้ตลอด แต่สำหรับผู้ใช้โดยรวมแล้ว มันก็ส่งผลกับผู้ใช้ทั่วไปเหมือนกันนะครับ ที่บอกว่าไม่ซีเรียส เค้าอาจจะยังคิดไม่ถึงจุดนั้น
ตัวอย่างเช่น วันนึงเกิดแรมเสียขึ้นมา จากที่แค่เดินไปซื้อแรมใหม่มาเปลี่ยนเองจากห้างใกล้บ้าน ไม่ถึงชั่วโมงก็ทำงานต่อได้เลย กลายเป็นว่า ต้องส่งเข้าศูนย์ รออีกหลายวัน (สำหรับที่ผมเคยเจอกับ iStudio บ้านเรานะ เมืองนอกไม่รู้ว่าได้เร็วแค่ไหน) แค่นี้ก็ส่งผลต่องานเยอะแล้วล่ะ
MBP ของพี่ชายผม HDD เสีย (คือเจ้าของก็เป็น และรู้ว่าอาการนี้ HDD เสีย) ส่งเข้าศูนย์ ก็บอกเค้าไปว่า HDD เสีย
ผ่านไป 1 อาทิตย์ ศูนย์โทรกลับมาบอกว่า "HDD เสียนะครับ"
เออ ... ไม่รู้จะพูดยังไงดี
ร้านขาย Mac ที่เห็นกันอยู่ในไทยนั้นไม่ใช่ Apple Store เป็นแค่ reseller ธรรมดาๆ ที่แต่งร้านให้คล้าย ของจริงครับ
ศูนย์ที่ส่งกันในไทย จะเป็นศูนย์ที่รับรองมาตรฐาณเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ของ Apple โดยตรง
service ต่างๆยังห่างชั้นกับมาตรฐาณ Apple ในต่างประเทศเยอะพอสมควร
อย่างกรณี MBP 2011 ที่มีปัญหา Fannoise บางที่พนักงานตรวจเครื่องแล้วให้ไปหยิบเครื่องใหม่เลย
ป.ล HDD กับ Ram สามารถ ถอดเปลี่ยนเองได้โดยไม่ void warrantly ครับ
ถูกต้องครับ เครื่องผมถูกผมกระทำชำเรา HDD กับ RAM มาอย่างละ 2 รอบแล้วครับ
(HDD 160 -> 320 -> 1TB, RAM 2 -> 4 -> 8)
และประกันยังไม่หมดครับ ตอนนี้เครื่องถูกส่งไปนอนศูนย์เนื่องจากเปลี่ยนแบต (ซึ่งยังคงฟรี)
และคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายืี่เข้าศูนย์ เลยเตรียมใส่ SSD แทน SuperDrive แล้วล่ะครับ...
Dream high, work hard.
ผมแกะฮีทซิงค์เปลี่ยนซิลิโคน Cpu ไปแล้วเรียบร้อย ..... รอแบตครบ cycle จะลองส่งศูนย์ดูครับ :) เผื่อประกันจับไม่ได้ (เพราะไม่ใช่ศูนย์แอปเปิล)
แสดงว่าศูนย์ Apple ในไทยมันห่วย งั้นคนไทยก็ไม่ควรใช้ Apple ถูกต้องไหมครับ ?
พูดให้ถูกคือเดิมที Apple ไม่ได้กะจะขายคนไทยครับ แต่พ่อค้าไทยนำเข้ามาเปิดร้านขาย เองครับ
ถ้าต้องการเซอร์วิส ของ Apple จริงๆคุณนั่งเครื่องบินไปซ่อมได้ที่ AppleStore ทั่วโลกครับ เพราะประกัน Macbook เป็น Worldwide warrantly ไปเสียประเทศใหนก็ซ่อมที่นั่น ไม่ต้องรอหนึ่งอาทิตย์ครับ
ถ้าไม่คิดจะขายไทย แล้วเขาจะเปิด Apple Store Online Thailand ทำไมหรือครับ? เขาตั้งใจขายขนาดทำคีย์บอร์ดภาษาไทย แล้วก็มีราคา Education Price ด้วยนะครับ? หรือกำลังจะบอกว่าแค่บังเอิญ?
อีกเรื่องนึง Apple Service Center ก็ไม่ใช่อยากเปิดก็เปิดได้เลยนะครับ Apple นี่เข้มงวดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน การส่งแล้วรอเครื่องเป็นสัปดาห์นี่ ถ้าไม่เป็นเพราะส่งที่อื่นที่เป็นร้านขายอย่างเดียว ก็เป็นเพราะว่ารออะหลั่ยครับ อะหลั่ยบางตัวทาง Apple ไม่อนุญาตให้ดองไว้ที่ Service Center ได้นานนัก... (เครื่องผมปัจจุบันก็รแเปลี่ยนแบตสัปดาห์นึงเหมือนกัน)
Dream high, work hard.
ของเค้าส่งมาจากสิงคโปร์ครับ (ศูนย์สิงคโปร์ มีพนักงานพูดไทยได้คนเดียว) ยังไม่มี Thai Store ที่แท้จริง แถมยังเพิ่งเปิดไม่นานนี้เอง
แต่ก็นับว่าเป็นก้าวเดินที่ดีครับ ตอนนี้ผมก็เปลี่ยนมาซื้อกับ Online Store แทน เพราะเคยมีประสพการณ์ ***dio แอบถอดแรมแท้ไว้ขายต่ออีกทอด ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ตอนนี้เลยลองของที่ร้านพ่อค้าคนกลาง แต่ซื้อผ่าน store เอา
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า Reseller มีสัญญาอะไรกับทาง Apple หรือไม่ (เช่นห้ามเปิดร้าน Original แข่งเพราะจะกลืนตลาด) เลยเป็นเหตุให้บริการไม่ได้ทัดเทียมกับ store จริงๆซะที
ใช่ครับที่ว่าคลังอยู่ที่สิงคโปร์ แต่ประเด็นที่พูดอยู่คือ "ความตั้งใจเอาเข้ามาขายในไทย" ซึ่งไม่ใช่ว่า "Apple ไม่คิดดจะขายในไทย" ต่างหากครับ
เรื่องเปลี่ยนแรมไว้ขายต่อ -> ไม่เคยเจอครับ อันนี้อยากรู้ แต่การถอดแรมแท้ไว้ขายต่อ มันจะขายได้เหรอครับ? แล้วเค้าถอดออกมาเพราะต้องการ้ปลี่ยนแรมแต่ไม่อยากรอเครื่อง BTO รึเปล่า?
Dream high, work hard.
ก่อนหน้าคำว่า Apple มีสองพยางค์ที่คุณไม่ได้อ่านครับ
เค้าโทรมายืนยันมากกว่านะครับ เพราะบางครั้งเค้าจะแจ้งอย่างอื่นด้วย อย่างเช่นอาการเสียอย่างอื่นหรือค่าใช้จ่าย
Dream high, work hard.
เครื่องอยู่ในประกันครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย
ที่ไม่ชอบใจคือ ตอนไปถึงก็บอกไปแล้วว่า HDD เสีย (ช่างที่หน้างานก็ดูแล้วบอกว่า HDD เสีย)
แต่ผ่านไป 1 อาทิตย์ ช่าง(อีกคน) กลับโทรมาบอกว่า HDD เสียอีกรอบ แล้วจะให้รอทำไม 1 อาทิตย์ - -"
สงสัยเพิ่งถึงมือหมอ...
แนะนำคราวถัดไปถ้าสะดวก ส่งกับศูนย์ซ่อมตรงๆ เร็วกว่าเยอะครับ ไม่ต้องรอคิวรถขนส่ง เผลอๆ 1-2 คืนเสร็จซะงั้น
Dream high, work hard.
มาขอคั่นชื่อไว้ด้วยคน เด๋วมาตอบ
อ่าน comment ของ 3000anv แล้วเพลีย
That is the way things are.
เกเตอร์เรทมั้ยครับ?
M Sport อาจช่วยได้ครับ :-P
บาวแดงช่วยคุณได้
ผสมเหล้าจำพวกรัมแบบแสงโสม หงส์ทอง อร่อยนะครับ
พักผ่อนเยอะๆ นะครับ อย่าหักโหม
หาผ้าเย็นเช็ด เผื่อจะสดชื่นขึ้นครับ...
Dream high, work hard.
สารภาพ: ผมไม่ได้อ่านเนื้อข่าวเลยจริงๆ ผมแค่เข้ามาอ่านหลายๆ คห. ที่ถกเถียงกันในเรื่องที่ผมไม่รู้เลย นานแล้วนะครับที่ไม่มีอะไรแบบนี้ให้อ่าน ^_^
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ซวยจริงๆ ดันเผลออ่านข่าวนี้แบบไม่ดูตัวเลข comments ! ยาวเบยยย
แต่ที่ได้จากข่าวนี้คือ เพิ่งรู้ว่า Dell มีประกัน 5 ปีด้วย (อยากได้มั่ง /me ดิ้นๆๆ ประกันหมดไปปีนึง ตอนนี้แบตเจ๊งอ่า) และการถกกันใน comments ข่าวนี่... "แซ่บเว่อ" 5555
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
สำหรับผมไม่แซ่บเท่าไรครับ ... สาระไม่ค่อยมี มีแต่แถไปเรื่อยๆ
แต่ถือว่าสนุกดีครับ :D
นี่คุณอ่านคอมเม้นจนหมดเลยเร๊อะ !!!
รู้สึกว่าคุณ virusfowl จะมีปัญหาทางสายตา ต้องใช้ screen reader อ่านครับ
นั่นแหละครับ ผมเลยตกใจว่าเค้าใช้ screen readerอ่านจนหมดเลยเหรอ ขนาดผมอ่านด้วยตายังอ่านหมดไม่ไหวเลย อึดมากๆ
ปล. ในความเข้าใจผม screen reader มันอ่านเป็นตัวอักษรให้เราฟัง ไม่ได้อ่านเป็นคำ หรือป่าว?
อยากเห็นตอนมันทำงานเหมือนกันครับ
/\/\ ในสมัยก่อนโน้นนน ก็เคยเป็นอย่างที่คุณเข้าใจครับ ตอนที่เรายังไม่มี TTS ภาษาไทย เราก็ต้องกำหนด dict ของ เสียง tts ภาษาอังกฤษนี่แหละให้มันรู้จักอักษรไทย และอ่านให้ฟังเป็นตัวๆ
แต่พอมีคนพัฒนา TTS ภาษาไทยออกมา เช่นที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในตอนนี้ ก็เช่น "ตาทิพย์" มันก็อ่านเป็นคำๆ เหมือนภาษาอังกฤษได้แล้วครับ
เห็นว่าคุณแปะป้าย iPhone ลองเล่นเจ้า VoiceOver ดูก็ได้ครับหากอยากรู้ว่า screen reader มันทำอะไรยังไง ประมาณไหน เข้าไปเปิดที่ settings > general > Accessibility > voiceOver on > ok ยืนยัน จากนั้นพอคุณแตะอะไรมันจะอ่านให้ฟังเลยครับ แล้วแตะครั้งที่สอง ถึงจะเป็นการ activate ส่วนลูกเล่นอื่นๆ พวก gesture อื่นๆ ลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ พอดีผมเองก็ไม่ได้ใช้ iOS ซะด้วย ฮาฮา
หรือจะลองกดเข้าไปฟังจากคลิปนี้ Narisa vs Vaja vs Tatip (เคยแปะในนี้หลายครั้งละ) ก็จะเป็นการเปรียบเทียบเสียง TTS ภาษาไทยแต่ละตัวครับ อย่าง นาริสานี่ก็คือเสียงที่ใช้ใน iOS วาจานี่ก็คือเสียงที่ทาง NECTEC กำลังพัฒนาอยู่ (แต่ยังนำมาใช้กับ screen reader ไม่ได้) ส่วนตาทิพย์ ก็เป็นเสียงที่คนตาบอดส่วนใหญ่ใช้กันครับ
ป.ล. กว่าจะอ่านเม้นในข่าวนี้จบ ก็ซัดไปน่าจะเกือบๆ ชั่วโมงอยู่เหมือนกันครับ พอดีตาทิพย์เขาอ่านได้ไม่ค่อยเร็วน่ะ
ป.ล. 2 หรือจะลองโหลด ไฟล์ Narisa for NVDA testing ไปลองฟังดูก็ได้ครับ พอดีล่าสุดมีคนนำเสียงนาริสามาทำให้ใช้กับ screen reader บน Windows ได้แล้ว ผมเลยทำคลิปตัวอย่างการอ่านไว้ ^^
ป.ล. 3 พักหลังที่อ่านข่าวใน BN นี่ ผมเก็บทุกข่าวทุกเม้นเลยครับ เลยรอให้ข่าวเก่าสักพักค่อยเข้ามาอ่าน จะได้เก็บเม้นได้เยอะๆ หน่อย :P #ว่างมาก 555
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
ขอบคุณครับ พอเข้าใจคอนเซป screen reader แหละครับ แต่ไม่รู้ว่ามันอ่านภาษาไทยได้ด้วย นึกว่ายังมีแต่ภาษาอังกฤษ แหะๆๆ
แต่ยังไงคุณก็อึดอยู่ดีแหละ ที่นั่งฟังมันอ่านเม้นท์จนหมดได้เนี่ย 555
จริงๆ มีอะไรอยากรู้อยากถาม เรื่องของคุณอีกหลายอย่างเลยแหละ คุณน่านับถือมากครับ อุปสรรคทางร่างกาย ไม่เป็นอุปสรรคของการเรียนรู้จริงๆ
จุดนี้ทำให้ผมเศร้าใจครับ
เพราะเมืองไทยไม่ค่อยอำนวยความสะดวกกับคนที่มีอุปสรรคแบบนี้สักเท่าไร ฝรั่งยังงงว่าบ้านเราไม่มีคนพิการหรือ?
เราเห็นได้ชัดเลยนะครับ ว่าถ้ามีการ support แล้วทุกคนก็อยู่ร่วมกันได้อย่างคุณ virusfowl นี่แหละ