Apple เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีประวัติการทำแคมเปญโฆษณาที่โดดเด่น ตั้งแต่โฆษณา "1984" ที่ Apple มาในมาดผู้ปลดแอกจากทรราช, "Think Different" ที่เน้นเรื่องพลังของการคิดต่าง, จนมาถึงโฆษณาที่เปรียบเทียบผู้ใช้ Mac กับ PC ที่เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วอย่าง "Get a Mac"
ในงานถ่ายทอดพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกที่ผ่านมา ทาง Apple ก็ได้แพร่ภาพแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ล่าสุด 3 ชิ้น โดยโฆษณาชุดนี้จะเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ของ Genius Bar ที่เป็นแผนกรับแก้ไขและปรึกษาปัญหาต่างๆ สำหรับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ผ่านหนุ่มหน้าใสจาก Genius Bar ที่คอยแก้ปัญหาให้กับคุณผู้ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากโฆษณาชิ้นก่อนๆ หน้านี้ ที่ใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์ (เช่น โฆษณา Siri)
กระแสตอบรับหลังจากแพร่ภาพออกไปก็ต้องบอกว่ามีทั้งคนชื่นชอบ เฉยๆ จนถึงไม่ชอบ อาทิ เว็บไซต์ IT ชื่อดัง The Verge บอกว่า "น่าขายหน้า" (embarassing) ส่วนเว็บ Business Insider นั้นใช้คำว่า "น่าสยดสยอง" (dreadful) ทาง Mashable ก็บอกว่าโฆษณาของ Apple ชิ้นนี้ก็พยายามใช้อารมณ์ขันเข้าช่วย เพียงแต่ดูออกจะหลุดจากภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปหน่อย จากที่ควรจะแสดงให้เห็นว่า Mac นั้นใช้ง่าย กลับกลายเป็นราวกับว่าคนที่ซื้อ Mac ไปใช้แล้วนั้นใช้เองไม่เป็น เพราะไม่ง่ายอย่างที่คิด
แต่ความจริงจะเป็นอย่างไร ขอเชิญพิสูจน์ด้วยตาตนเองดีกว่าครับ หลังเบรค
ที่มา: Apple, The Verge, Business Insider, Mashable
Comments
ป.ล. ดูเหมือนโฆษณานี้ Apple จะเจาะตลาดกลุ่มคุณพ่อที่ใช้คอมไม่เก่ง (ว่าไม่ต้องห่วง เรามี Genius Bar คอยช่วยคุณ) แปลกดีเหมือนกัน โฆษณา 3 ตัว ผู้ชาย 3 คน
ป.ล.2 ผมชอบโฆษณาแบบ conceptual สมัย "Think Different" มาก ดูแล้ว Apple หล่อสุดๆ
ดูทั้ง 3 ชิ้นละมันให้ความรู้สึกว่า mac มันไม่ได้ใช้ง่ายจริงๆด้วย ถ้าโชว์แก้พวกปัญหาเทคนิคที่ซับซ้อนหน่อยให้ดูง่ายๆผมว่าจะดูดีกว่านี้ อันนี้มันดูเป็นปัญหาพื้นๆไปหน่อยทำให้ mac ดูใช้ยากไปซะงั้น
สงสัยออกมาแก้ปัญหาคนมีตังซื้อแต่ไม่กล้าเปลี่ยน หลังจากที่บอกให้ไป get a mac ในภาคก่อน
เรียบร้อยครับ :)
ไม่ว่าสินค้าอะไรมันก็ต้องมีผู้ใช้ที่ใช้ไม่เป็นกันทั้งนั้นหล่ะ
ใกล้ตัวก็..คนรู้จักผม (ผู้หญิง, non-geek) ใช้เป็นแต่ Windows แต่พอซื้อ Mac มาใช้ ก็ใช้ไม่เป็นเช่นกัน
นี่คือโลกแห่งความจริง..
ไม่ต้องอื่นไกลเจอ Mac ผมก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ฮา
ตอนแรกๆผมก็ใช้ไม่เป็น คือแต่ก่อนใช้แต่ windows นั่งมั่วอยุ่สองวันเท่านั้นแหละครับ แทบไม่อยากกลับไปใช้ windows อีกเลย (ผมไม่ใช่ geek นะ)
ผมนั่งมั่วอยู่ราว ๆ สองชม. ก็ใช้เป็นเกือบหมดนะครับ เพียงแต่ชอบ Windows มากกว่า
+1 ใช้คล่องแล้ว ติดใจ Mac มากกว่า Windows แต่แอบเซ็งที่ Mac ไม่มีโปรแกรม Proshow เคยลองสลับไปใช้ในwindows ไม่ชินเอาเสียเลย เมาท์ก็ลากไม่ถนัด T_T
คนที่ผมพูดถึงนั้นเขาขายไปแล้วครับ ผู้หญิงกับผู้ชายความสนใจใน IT มันไม่เท่ากันครับ
ย้ำอีกทีครับว่านั่นคือ End User จริงๆ ไม่ใช่ Geek หรือแม้แต่คนที่เล่นคอมเป็นประจำ ซึ่งสามารถลบ-ลงโปรแกรมเป็น (รวมถึงแวะมาส่องข่าวที่ Blognone เป็นประจำ)
และคนประเภทนี้คือประชากรส่วนใหญ่ครับ เราหน่ะชนกลุ่มน้อย
ห๊ะ ส่องสาวที่ Blognone เป็นประจำ ???
เท่าที่ผมจำยูสได้ ที่นี่มีคนเดียวเองมั้ง -_-
ผมนั่งมั่วอยู่วันเดียว ไม่มั่วมาสี่เดือน แต่ยังไงก็ชอบ windows , ubuntu มากกว่า
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
แอปเปิลยุคไม่มีสตีฟ เริ่มออกมาให้เห็นทีละนิด
@TonsTweetings
+1 เรากำลังสูญเสียความเป็นสตีฟไปปเรื่อยๆ
+1 แปลกไปมาก
555+ ไม่นะ เหมือนกำลังพูดว่า เริ่มเละเทะขึ้นเลย เหอะๆ
+1 เริ่มรู้สึกได้
+1 ถ้า iPadmini ออกมาอีกอัน ไม่อยากนึกภาพความเละเทะเลย
ตอน iPod mini Nano Shuffle ออก ก็ไม่เห็นเละเทะอะไรเลยนี่ฮะ
นั่นมันไม่ก่อให้เกิด Fragment นี่ครับ ไม่มีผลอะไรเลย
แล้ว ipad กะ iphone มันก็ไม่ fragment นี่ฮะ แล้วทำไม ipad mini จะ fragment?
ไม่ fragment เหรอ แต่ผมว่า fragment นะ ไม่งั้นใน app store จะแยก app iphone,ipod กับ ipad ทำไม
แถมเมื่อก่อนต้องใช้ mode x2 กันอยู่พักนึง ก่อนจะปรับลง ipad ได้สมบูรณ์
ไม่ว่าสิสนค้าอะไรออกมา โดยปกติมันก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว
ปัญหามันอยู่ที่จ๊อบส์เคยแควะฝั่ง Android ไว้เยอะต่างหากล่ะครับ :P
ถ้า iPad mini คือเอา iPad 2 มาย่อส่วน หรือเอา iPod Touch ม่ขยาย ผมว่าไม่ Fragment หรอกครับ
แล้วถึงจะเป็น อะไรใหม่มาเลย ก็ไม่เท่าไรหรอกครับ เพิ่มอีกชิ้นก็ไม่เท่าไร Android หลากกว่ามาก
+1 เค้าลางแห่งการล่มสลายเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
"Post Steve Era" haha
คิดได้ไงเนี้ยหมดคำพูด
ปล. อันสุดท้ายพอรับได้นิดหน่อยนะ
ดูแปลก ๆ จริง ๆ ด้วย แต่ถ้าจะให้พูดคือ โฆษณาแนวที่มี Genius ช่วย ไม่ว่าจะเรื่องยาก ๆ หรือเรื่องง่าย ๆ ไม่ควรมีออกมา เพราะ
ถ้าเป็นโฆษณา Genius ช่วยเรื่องง่าย ๆ มันทำให้เหมือน Mac ใช้ยาก
ถ้าเป็นโฆษณา Genius ช่วยเรื่องยาก ๆ ก็ทำให้ดูว่า Mac ซับซ้อน
ควรจะออกมาประมาณว่า Genius คือผู้ช่วยปัญหาทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะ Mac
+1 ออกมากากมาก
ผมว่าเหมือนเขาจะสื่อว่าจีเนียสช่วยลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลามากกว่า แล้วที่เขาพูดมันก็สองสามขั้นตอนเท่านั้น
แค่เสียงตอบรับจากเว็บไซต์ชื่อดัง ก็พอให้ apple ต้องกลับไปทำการบ้านใหม่แล้วล่ะ
ตอนลุงจ็อบส์อยู่ ถ้าโฆษณาไม่ดีจริงไม่มีทางผ่านออกมาได้เลย
WE ARE THE 99%
นึกถึงads apple ตัวที่ผุ้บริหารเรียงแถวกันโดดฆ่าตัวตายหมู่ loopเดิม =.=
ไม่เฉียบ
Failed.
ดูแล้ว น่าจะใช้ยากจริงๆ
Apple เริ่ม จะเป็น Ifailed ละ
ผมก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องหาว่า Apple Fail ด้วยถ้าไม่มี Jobs ทุกคน Fail ได้ตลอด
ลองดูสมัย Jobs ก็ได้ครับ โฆษณา Lemmings ที่มีผู้บริหารโดดหน้าผาตายเป็นแถว โดนด่าเละเลยครับโฆษณานั้น
ผมว่าโดนด่าด้วยสาเหตุคนละแบบนะ
Lemmings โดนด่าเพราะมันแรงมว๊าก
ส่วนอันล่าสุดนี้โดนวิจารณ์เพราะมัน"ไม่เฉียบ"เท่าไหร่ (อย่างที่ท่านข้างบนว่า) ผมเองก็ว่ามันทื่อไปนิด ส่วนประเด็นที่มีการลาก Apple ยุคหลัง Jobs มาเกี่ยว อันนั้นก็ว่ากันไปตามแต่ใครจะคิดสนุกๆ ผมเฉยๆ
(แต่ผมชอบโฆษณา Lemmings นะ มันบ้าดี)
Jobs ไม่ใช่ทุกอย่างของ Apple นะครับ ที่ผ่านมา Jobs ทำผิดหลายเรื่อง หลายครั้งเกือบจะเป็นหายนะของบริษัทด้วยซ้ำ ประเด็นคือทุกคนทำผิดได้ แต่กลับตัวทันหรือเปล่าและทำได้ไวแค่ไหน
เอ๊ะ รู้สึกว่าผมจะไม่ได้พูดว่าลุงจ๊อบส์ดีเลิศทุกอย่างอะไรแบบนั้นเลยนะครับ แค่บอกว่าชอบไอ้เจ้าโฆษณาเลมมิ่งโดดหน้าผานั่นเป็นการส่วนตัวเฉยๆ แค่นั้นเอง
(เอ๊ะ ชักงงๆ หรือเราจะพูดคนละประเด็นกัน 55+)
เป้าหมายน่าจะเป็น Switcher มากกว่า Maclover
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
อันที่สาม เหมือนท่านนายกเลย
ไม่รู้อ่ะ แต่ Genius Boy หล่อ
+1
ผมว่ามันไม่ใช่ Apple เลย
ดูแล้วงงๆครับ -*-
ไม่ผ่านนะ
ถ้า Genius มาที่บ้านเราตรงที่ไม่มี 3G จะเป็นยังไงน้า
ใครเป็นคนเลือกสีเสื้อ ???
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
สีน้ำเงินน่าจะสื่อถึงความน่าเชื่อถือมั้ง
อันนี้จริง สีน้ำเงินสื่อถึงความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ (แต่ในวิดิโอดูสีแปร๋นจริงๆ 55)
ใน Apple Store ก็ใส่สีนี้กันนะ
/กด enter รัวๆ 99 ครั้ง
อันแรกพอเข้าใจได้ว่า ตื่นเต้นที่จะมีลูก เลยทำอะไรไม่ถูก
Jusci - Google Plus - Twitter
โฆษณาดู Geek เกินไปที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ ผมลองกลับไปดูคลิป 1984 และ Think Difference ยังดูดีกว่าอันนี้เยอะ โฆษณานี้รู้สึกว่าเป็นแนว MS มากกว่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมใช้ทั้ง MAC และ Windows
ได้เห็นพัฒนาการหลายๆอย่างๆ ที่มันสวนทางกัน
windows สมัยก่อน เวลาซื้อ Hardware ใหม่ อย่าง printer หรือ การ์ดจอ โห Setting อย่างเยอะ ถอดนั้นก่อน ลงตัวนี้ ตามด้วย patch อีก 2-3 ตัว แล้วต้องมานั่งเซ๊ดใน preference อีก
ส่วน mac นั้นแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เสียบ usb ใส่แผ่นลาก app เข้าเครื่องจบ
4 ปี ต่อมา เมื่อมี windows 7 กับ OSX Lion
ซื้อ printer มาเสียบเข้า windows 7 กำลังควานหาแผ่น Driver จากในกล่อง ..... ปรากฎว่า windows มันหา Driver ในเน็ตให้ ลง Driver ให้ set ค่าให้
ก่อนที่ผมจะหยิบ DRIVER ออกจากซองด้วยซ้ำ
OSX มันช่วงสวนทางกันสิ้นเชิง .........
555 แต่ปกติผมอ่านคู่มือก่อนนะว่ามันให้ลง Driver ก่อนเสียบหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ค่อยเสียบแล้วอ่านคู่มือต่อ
ด้วยเหตุ Printer HP ถ้าลง driver อัตโนมัติหลาย ๆ รุ่นจะสั่งพิมพ์ได้ แต่ออกสำเนามาจนกว่ากระดาษจะหมด ถ้าเติมกระดาษก็ออกอีก (เคยพลาดที่บ้านแล้วไปเจอบนดอยห่างไกลลิบ ๆ ตอนออกค่ายเลยรู้ว่าแก้ยังไง)
ปัจจุบันนี่ผมว่าใช่เลย Windows เสียบปุ๊ป บอกๆ ใช้ได้แล้ว
แมค ผมงงเลย พึ่งหัดใช้ เสียบปุ๊ป นิ่งเงียบ ไม่บอกไร มึน ใช้ได้ยังนะ ฮ่าๆ
ตอนนั้นผมต่อจอจาก MacBook Pro ของเพื่อนเข้าโปรเจกเตอร์ พูดคำเดียวว่าโคตรเบลอ นึกว่า Auto Connect เหมือน Windows 7 up (ขนาดใช้ F7 แล้วก็ไม่ไป) นึกไปนึกมา ต้องเข้า Preference ตาสว่างเลย แต่ก็เบลออยู่ดี #ชาตินี้ขอไม่ใช้Macแล้ว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
MBP รุ่นไหนครับ ปกติต่อแล้วมันออกจอนอกเลยนะ ที่ต้องเข้า Preference ก็คือเข้าไปเลือกว่าจะออกจอนอกแบบไหนเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าต้องเข้าไปที่ Preference ก่อนแล้วถึงจะออกจอนอกได้ Mac ไม่ได้ใช้ยากเลยนะครับ คุณพ่อคุณแม่ผมใช้ Windows สิบปีก็ยังไม่คล่อง แต่ใช้ Mac แค่อาทิตย์เดียวก็คล่องแล้ว มันเพียงแต่แตกต่างกับ Windows คำที่ควรใช้น่าจะเป็น "ไม่คุ้นเคย" มากกว่า ก็ไม่แปลกที่จะเบลอ เพราะไม่คุ้น
ผมว่าน้องเค้าอาจมาตัวปล่าว ที่ว่าใช้ของเพื่อนก็คงพูดขึ้นมา ลอยๆเท่านั้นเอง ส่วนที่ว่าไม่ใช้แมค เป็นเพราะชาตินี้ไม่มีวันได้ซื้อมากกว่า ไม่ขอใช้= ไม่มีใช้
จริง ๆ ผมซื้อได้นะ แต่ไม่ซื้อ ถนัดใช้ Windows มากกว่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แปลกใจจริง ทำไมเวลามีคนติสินค้า Apple แล้วมักจะมีคอมเมนต์แบบนี้ออกมาบ่อยๆ
u r Genius Bar 555
คุณควรเข้าใจเสียใหม่ว่าคนที่ใช้แต่ Windows ไม่เคยใช้ Mac กับคนที่ใช้แต่ Mac ไม่เคยใช้ Windows มันต่างกันด้านพื้นฐานนะครับ
Windows ลอกมาก่อน แต่พึ่งหาตัวตนจริง ๆ ก็ไม่นานมานี้ แต่ Mac มีเอกลักษณ์มาตลอดและการใช้งานมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนใช้ Windows แล้วมาใช้ Mac ก็ใช้เป็นเลย แต่บางคนก็ไม่ใช้นะ ไปทางกลับกันก็ทำนองคล้าย ๆ กันกับคนใช้ Mac ที่บางคนถึงกับเอ๋อเมื่อมาใช้ Windows
อีกอย่างในจอโปรเจคเตอร์ก็บอกไว้ว่า สำหรับ Mac ให้กด F7 แต่ผมกดแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ ผมแค่อยากบอกแค่นี้
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เรื่องต่อจอนอก ยืนยันครับว่า Windows ยากกว่ามาก (แต่ละเครื่องมีวิธีไม่เหมือนกัน) บางอันต่ออย่างไรก็ไม่ได้จนกว่าจะรื้อเข้าไปใน Nvidia settings หรือ ATI Catalyst
@TonsTweetings
ถ้าเป็น windows 7 นี่ง่ายมากครับ ใช้ win+p เหมือนกันทุกยี่ห้อ
เท่าที่ผมลองมายังไม่มีตัวไหนทำไม่ได้นะ อาจต้องเป็นเคสประหลาดจริงๆ
+1
ถ้าเป็น XP นี่ใช่ครับ
แต่ Win 7 ผมว่าง่ายแล้วก็ออโต้มากเลยนะ เสียบปุ๊บออกปั๊บ อยากเปลี่ยนโหมดใช้ Windows + P เลือกเหมือนกันทุกยี่ห้อ
AMD Catalyst นี่ผมแทบไม่เข้าไปแตะตรงการตั้งค่าจอเลย นอกจากจะสลับจอ 1, 2 หรือหมุนจอ
Windows ง่ายกว่าครับ
Macbook ผมอัพเดต OS ใหม่ ยิ่งงง กว่าเดิมอีกจะปรับ Res ของอีกจอ เอาเมนูไปซ่อนไว้อีก รันอีกหน้าแบบ Full Screen (เปิดยูทูป) เอาเมาส์กลับมาอีกจอไม่ได้ด้วย
ผมใช้ 7 กดแค่ Windows + P จบ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
จากประสบการณ์ของผมๆ Ok กับ mac นะ แค่ปรับตัวนิดๆ หน่อยๆ (อาจจะเพราะผมชอบ OS สไตล์ Unix ด้วยมั้ง)
แต่ที่ไม่โอเคเลย คือ Finder... ขอฉลาดๆ แบบ Windows Explorer ได้ไหม -..-
(อันนี้เป็นทีเด็ดของ M$ เขาจริงๆ)
ps. แต่ก็นั่นหล่ะ Win8 ถ้ามาแบบ Metro ล้วนๆ ผมเองก็ทำใจใช้ไม่ค่อยลงเหมือนกัน
ผมว่า Finder มีดีอยู่อย่างครับ Quicklook ของเขาดีจริงๆ ต้องยอมรับ
คือเปลี่ยนเครื่องกลับมา Windows ทีไรแล้วคิดถึงเลย(มือมันชอบเลื่อนไปกด spacebar เอง 55)
// นอกนั้นสยดสยองตามแบบฉบับ Finder เขาล่ะ
เรื่อง Finder หลังจาก Lion ไปแล้วผมว่ามันก็ดีกว่าแต่ก่อนนะครับ
ไมโครซอฟท์เหมือนจะเห็นโมเดลคุกกระจกแล้วติดใจขึ้นมา
@TonsTweetings
ถ้าเป็นผู้หญิง ผมจะไปซื้อ Macbook เลย 555+ (รอเงินก่อนนะ)
โฆษณาเพื่อฆ่าตัวตายหรือไง
จะใช้ยากหรือง่ายยังไง โฆษณาแนวนี้ไม่ควรออกมา
เพราะนั่นหมายถึงว่ามันใช้ยากไม่ส่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
Destination host unreachable!!!
โฆษณาคุณพ่อมือใหม่พอดูได้ คุณพ่อมือใหม่มักทำอะไรไม่ถูกเรื่องง่ายๆก็คิดไม่ออกได้
โฆษณา basically ไม่สมเหตุสมผล รู้จักgeniusแต่ไปไม่มาปรึกษาก่อนซื้อ
โฆษฌา flight mac-shal (เก็ทชื่อกันไหม ผมตั้งเอง) ทำเรื่องง่ายให้ดูยาก และไม่ควรมีคำว่า We 're not gonna make it. สองครั้งเลย เหมือนไม่ไว้ใจgenius
ปล.พิมพ์ด้วยiPad
เห็นด้วยว่าห่วย (โดยส่วนตัวไม่ชอบกับคำว่า Genius ด้วย อย่างมากเรียก Apple Expert ยังดีกว่าเลย)
Fail อย่างแรงอะ
ทำไม Apple ชอบย้ำจังเลย ว่าคนซื้อผลิตภัณฑ์ของตัวเองซื้อของไม่ดูตาม้าตาเรือ (ว่าลูกค้าของตัวเองว่าโง่นั่นแหละ) ทั้งทางการฟ้องร้อง ตามมาด้วยโฆษณาอีก
เห็นโฆษณาแล้วนึกถึงวลีเด็ดของ Apple อย่างมีนัยยะสำคัญ
"It just works" - Apple
....ดูโฆษณาแล้วแอบคิดคนรอบๆข้างใช้ Mac คล่องมากแถมยังชักชวนให้ซื้อมาใช้แต่พอให้ใช้ windows ดันถามว่าใช้ยังไงสอนหน่อยสิ แถมสัดส่วนคนใช้Mac เก่ง 1 คนแต่ใช้ windows เก่ง 7 คน แบบว่าจะชวนไปใช้มันก็ไม่มีปัญหาแต่คือมันก็ทำงานได้เหมือนกันทำไมต้องมานั่งเรียนรู้ใหม่ในสิ่งที่ทำได้เหมือนกัน แถมถ้าไม่ยอมใช้ Mac ตามก็ไม่ยอมใช้ Windows ซะด้วยแถไปซะอีกว่างานนี้มันใช้บน Mac ไม่ได้โถ่ชีวิตคนทำงานสมัยนี้ - -* มันก็แค่โปรแกรม Office เองนะอย่าเอาหรูเกินเลย
รู้สึกว่ามันจะแย้งๆยังไงพิกลกับ image ของ Mac เลยน่ะครับ
ถ้า Steve Jobs ยังอยู่โฆษณาพรรค์นี้คงไม่ได้ออกมา
That is the way things are.
ถ้าเทียบ learning curve สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐาน OS ใดมาก่อนเลย 7 กับ Lion อันไหนจะเรียนรู้ได้ไวกว่ากันนะน่าสงสัย