จาก iPhone 5 ที่เพิ่งเปิดตัวไปและกระแสตอบรับก็แรงพอสมควร Samsung ก็ไม่รอช้า ออกโปสเตอร์โฆษณาใหม่ ในชื่อ "It doesn't take a genius."
รายละเอียดภายในก็ไม่มีอะไรมาก เอาสเปกของ iPhone 5 และ Samsung Galaxy S III มาเทียบกัน ตามสไตล์ Samsung ดูภาพได้จากด้านล่าง
ที่มา: AllThingsD
Comments
แก้เรียบร้อย ขออภัยด้วยครับ พอดีเพิ่งโพสต์รูปเป็นครั้งแรก
ไหนๆ ลงภาพแล้ว ก็น่าจะเป็นเวอร์ชันที่อ่านข้อความได้ชัดๆ ด้วยเลยนะครับ
ครับผม
Speck ไม่ได้ใช้ว่า สเปคเหรอครับ ผมว่า ค ถูกแล้วนะ เพราะมันมี k อ่ะ อย่าง spectrum มันอ่าน สเปกตรัม เพราะมันไม่มี k นะ
ปกติ spec เขียนแบบนี้ครับ ย่อมาจาก specifition ไม่ใช่ speck
เอ่อขอโทษทีครับ ผมมึนเอง ไปคิดอะไรหลายๆเรื่องพร้อมกัน พอดีผมไปนึกถึง speck ที่เป็นเคสของ iPad อยู่ - -" ขออภัยครับผม
แต่ผมว่า iPhone5 ก็ยังสวยกว่านะซุง -.-
เออ s3ดีกว่า งั้นเดี๋ยวขอตัวไปต่อคิวซื้อไอโฟนก่อนนะ(s3...เธอดีเกินไป)
+1024
+1000
+1000
+พันล้าน
สเปคดีกว่าแต่แบรนด์ยังสู้ไม่ได้
สเปคดีกว่าทุกอย่าง ถ้า benchmark หรือใช้งานจริงออกมาช้ากว่านี่ฮาไม่ออก
ถ้้าให้เดาผมว่า iPhone 5 เร็วกว่า S3 เพราะแค่กับ 4S ก็สูสีแล้ว
ผมสงสัยแค่ว่า Android 4.0 นี่มันเป็นจุดขายตรงไหนกัน!
55555
แท็บเล็ตจีนก็ 4.0
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ขายคนใช้รุ่นที่ค้างเติ่งอยู่ 2.3 แล้วอดกินไอติมไงครับ :P
ได้ 4.1 เมื่อไหร่ค่อยมาโม้
ฮาาาา
ใส่มาเยอะแต่ใช่้งานจริงได้หรือเปล่าครับ ถ้าไม่ได้มันก็ไร้ประโยชน์ เป็นได้เพียงขอโฆษณา เท่านั้น ว่าแล้วไปซื้อ ipod touch มาจับ คู่กับน้อง neo V ดีกว่า
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจสเปก
แต่เห็นตอน WP7 ออกมาแต่ละตัวโดนข้อหาสเปกต่ำทั้งนั้นเลยนะครับ
นั่นสิ ทั้งๆที่เร็วกว่า android เสป็กสูงกว่าแท้ๆ
ผู้ใช้ธรรมดาส่วนมากดูสเป็กก่อนเลย (หรือไม่ก็ดูว่ามันใช่ iPhone หรือเปล่า 555)
ถ้าใช่ iPhone ก็ไม่ดูสเปกครับ ถ้าไม่ใช่ iPhone ค่อยดูสเปกอีกที 555
+1024 ในโลกของแอปเปิ้ล ซื้อของไม่ต้องดูสเปคครับ
เลือกจากตัว product เลย (ถึงดูก็ไม่มีให้เลือก)
เฉพาะคนที่ใช้iPhoneหน่ะครับ (พิมพ์สั้นไปนิด) ผมดูจากรอบๆตัวผมนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง และผู้หญิงส่วนใหญ่ ไม่ค่อยสนใจความแรง,ฟีเจอร์ต่างๆของโทรศัพย์ เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ครับ
คนรอบตัวผม ส่วนใหญ่ทำงานสาย IT โดยเฉพาะคนของ Cisco ที่ผมรู้จักซึ่งส่วนใหญ่ถือ iPhone (พ่วง iPad) หมดเลยครับ xD (มันใช้ WebEx ได้)
ผมว่าคนที่ใช้ iPhone ไม่ได้ไม่รู้อะไรเลยเป็นส่วนใหญ่หรอกครับ มันคือส่วนน้อยที่เป็นแบบนั้น แต่คนมักเข้าใจกลับกันเพราะไอ้ส่วนน้อยมันดันเด่นไง :)
อ่อครับ ตรงนี้หล่ะที่ผมไม่รู้ คืออย่างรอบๆตัวผม (คนสวน พ่อค้าผลไม้ พนักงานออฟฟิศ นักศึกษา คนขายเสื้อผ้า ฯลฯ) บางคนเปิดปิดคอมพิวเตอร์ยังไม่ค่อยจะเป็น แต่ก็ซื้อ iPad iPhone ใช้กัน ก็เลยเข้าใจไปแบบนั้น
ถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าส่วน UI ของ Apple นั้นเดินมาถูกทางแล้ว
มันก็แปลกดี ไม่เห็นใครอยากได้ ss เพราะมันคือ ss หรือมันคือ galaxy เลยแฮะ
หลายคนยังอยากได้ 3GS เพราะเพียงว่ามันยังลื่นกว่า หลายๆตัวที่เพิ่งออกขายตอนนี้ ?
ถ้าไม่แหลมไปลง iOS ตัวใหม่ๆมันก็ลื่นนะ
มีสไตล์สมกับเป็นซัมซุง
แลัวไงงะ
ปัญหาคือ คนซื้อ iPhone เขาไม่สนสเปกน่ะสิ ถ้ามันใช้งานได้ดีเหมือนกัน ราคาพอกัน เขาก็เอาเครื่องที่วัสดุดีกว่า แบรนด์ได้รับความนิยมกว่าดีกว่า
ปล. จุดนี้สาวกเกทับได้อีกว่า ต้องสเปกเยอะเนอะถึงจะลื่น เราสิลื่นมาตั้งแต่รุ่นแรก อิๆ
เคยใช้ ss 7+ มีแต่เรื่องติดขัดกวนใจ
ถ้าให้เดาผมว่า dualcore A6 เร็วกว่า quadcore Samsung แน่ๆ แค่ A5 มันก็พอๆกันแล้ว
ประเด็นคือ Samsung ผลิตทั้งหมด
ที่สำคัญ Apple ออกแบบเองทั้งหมด
แต่ Samsung ผลิตให้
เอาละไง!!! Galaxy S4 running Apple A6 ship
ผมคิดไปไกลเลย ฮาๆๆๆ คิดถึงออกแบบ Galaxy S เลยน่ะเออ
ประเด็นคือทำไม Samsung ผลิตให้คนอื่นดีกว่าผลิตให้ตัวเอง
ผลิตให้คนอื่น คือทำตามแบบร่างของเค้า ไม่ได้คิดเอง คล้ายกับจีนนะครับ เก่งผลิตแต่ไม่เก่งสร้างสรรค์ขั้นมานะครับ
ซึ่งจะลอกมาก็อาจโดนฟ้องได้
Samsung รับจ้างผลิตตามใบสั่งนิครับ เหมือนเป็นแค่ผู้รับเหมา สร้างบ้านตามแบบที่เจ้าของ project ให้มาเท่านั้น
ผมหมายถึงเคสชิปตระกูล Ax ของ apple นะ ชิปที่ซัมซุงทำเองก็มีหลายตัว
เครื่องยนต์ผลิตมาดี ไม่ได้แปลว่ารถคันนั้นจะดีเสมอไป
เหมือนเรือผีบ้านเราเอาเครื่องสิบล้อไปใส่เรือหางยาว เครื่องแรงจริงแต่ประสิทธิภาพที่ได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
การผลิตเอง กับ จ้างคนอื่นผลิต การควบคุมคุณภาพจะต่างกันมากครับ
หะ? GPU เร็วกว่า(เยอะ) จริง แต่ CPU ไม่ใช่นะครับ
เร็วกว่ากับลื่นกว่า มันคะละเรื่องกันครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมใช้ S3 อยู่ แต่แอดอันนี้ ดูแล้ว iPhone สวยกว่าเยอะ เรียบ หรู ดูขรึมๆ สวยงาม แต่ S3 ดูเหมือนของเล่นเลย
ผมว่านี่เค้าพยายามทำ iPhone ให้สวยน้อยที่สุดแล้วนะ
+1
555 พยายามทำให้มันดู i4 ด้วย
จริงครับ แต่ความจริง ตัวจริงก็ไ่ได้สวยอะไรมากมาย -
+1
facetime? icloud? app store?
มือถือทุกวันนี้ก็เหมือนแฟชั่นอยู่ที่ว่าจะชอบดีไซน์ของใคร ชอบมีเงินก็ซื้อเลย
Bullshit
1- ถ้า Android อยากจะให้ using experience ลื่นไหล มันต้องใช้ spec สูงกว่า iOS อยู่แล้ว
2- จะมาอวด function ไร้สาระทำไม
3- วัสดุและการผลิตนี่ผมว่่คนละชั้นเลย เทียบกันไม่ติด แค่เครื่อง CNC Machine ของ Apple ก้อเจ๋งกว่าแล้ว ของซัมซวยใช้พลาสติก Apple ยังใช้กล้องถ่ายชิ้นส่วนเพื่อหาชิ้นที่ประกบกันได้ perfect ที่สุดแบบในโฆษณาอีก แค่การผลิตก้อเจ๋งกว่าเห็นๆแล้ว
4- จอใหญ่แล้วดีกว่าตรงไหน แล้วเทียบ pixel กันอย่างงี้ จอ Apple เล็กกว่าตั้งเยอั ทำไมไม่เทียบ ppi
+1024 ซัมซุงเหมือนหลงประเด็นไปในเรื่องสเป็ค ทั้งที่สเป็คต่อให้เด็กอมมือทำจะให้สูงส่งขนาดไหนก็ทำได้ สำคัญที่ว่า สูงกว่าแล้วไง มันทำงานได้ลื่นกว่ามั้ย ก็ไม่ น่าขำ
ใช่เลยครับ เรื่องจอใหญ่นี่ใหญ่ไปก็ไม่ดี ใช้มือเดียวไม่สะดวกเลย
ยังมี User ยุคเก่าหลายคน
ที่ยังติดว่า ซื้อของต้องดูสเปค สเปคสูง
ราคาต่ำกว่า ถือว่าคุ้มกว่าครับ
มันไม่ใช่สำหรับโลกของแอปเปิ้ลครับ
+1 โดน Benchmark โซนี่ Xperia dualcore ไปแล้วยังไม่เข็ด lol
แบบนี้จะเรียกว่า "นวัตกรรมการผลิตสินค้า" ได้หรือเปล่า การต่อยอดจาก MacBook Unibody มาทำ iPhone เครื่องบางๆและเนียบจากอลูมิเนียม...(ไม่เหมือน iPhone รุ่นแรก) ซึ่งก็มีคู่แข่งบางรายใช้ Al เหมือนกัน แต่เทคโนโลยีการผลิตไม่เท่ากัน iPhone 5 หน้าตาอาจจะคล้ายๆ iPhone 4 และ 4S ใช้เสาอากาศแบบเดียวกัน เพราะถือสิทธิบัตรไว้ ถึงแม้จะเคยมีปัญหามาก่อนแต่ก็แก้ไขไปแล้ว
55 อย่าให้ทาง iPhone 5 ออก Poster มาแก้นะ กลัวว่าจะยาวกว่าที่ซัมซุงลิสต์มาซะอีก แถมมีคำต่อท้ายทุกฟีเจอร์ว่า Original! >_<
my blog
เป็นแค่โฆษณาจริงๆ ไม่มีความจริงรวมอยู่เลย
http://sphotos-e.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/483363_474511432569225_149425654_n.jpg
เงิบไปสามวิแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
May the
forcepatent be with you.ขอ
พลังสิทธิบัตรจงอยู่กับเจ้าDream high, work hard.
55
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ฮาเงิบเลย 55
=_= ฝั่งนึงจอยาวขึ้น อีกฝั่งขอใหญ่ขึ้น
เงิบ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ข้อ ios / android นี่ใครเลือกให้มาโชว์นะ - -'
โฆณณาเปรียบเทียบกันโจ่งแจ้งเกิน ไร้จริยธรรมทางการค้ารึเปล่าซัมซุง
ไม่ได้เป็นสาวกของ Apple นะ ดูแบบเป็นกลางๆ แค่นั้นเอง ผมก็ใช้ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงด้วย แต่ทำแบบนี้มันเกินไปหน่อย
ฝรั่งเล่นแบบนี้กันตลอดอยู่แล้วครับ
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
ปกติแหละมั้งผมว่า เกทับกันไปเรื่อยจริงไม่จริงเรารู้อยู่แล้ว
มันเป็นปกติจริงๆของตปท. ที่ฮามากคือPepsi/coke MC/Burgerking
ผมกลับมอง Apple vs MS มากกว่า แต่ Samsung เล่นข้างเดียว
อเมริกาให้โฆษณาโดยระบุชื่อสินค้าของคู่แข่งได้ แต่ทุกข้อความต้องเป็นความจริง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
บ้านเรามีกฎหมายควบคุมก็เลยทำแบบนี้ไม่ได้ครับ
แต่ต่างประเทศนี่เป็นเรื่องปรกติมาก ผมเห็นสินค้าทุกประเภททำแบบนี้หมด นี่ยังเด็ก ๆ ด้วยนะ
แบบนี้แหล่ะ ดีแล้ว
นึกถึง ผลประโยชน์สูงสุด ของผู้บริโภค ไม่ใช่เจ้าของกิจการ
Jellybean ออกมา ผมก็ไม่เห็นว่า iPhone จะใช้ข้ออ้างเรื่องความลื่นกับ Android ได้แล้วนะ
แต่ก็นะ Samsung... ถ้าไม่ใช่ Nexus ก็ไม่อยากแตะแล้ว
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
โอ้ว RAM 2GB
ram 2GB ได้ข่าวว่ามีเฉพาะในรุ่นที่เป็น LTE อย่างที่ขายในเกาหลีใต้และอีกบางประเทศน่ะครับ ของที่ขายในไทย (ไม่ใช่ LTE) ก็เห็นว่าใส่มา 1GB เท่านั้นเอง
http://www.blognone.com/node/33931
เวลาพูดถึง galaxy s3 ต้องบอกด้วยว่าตัวไหน flagmentation เยอะเหลือเกิน..
สเปคล้วน ๆ ไม่นับแอพกับระบบนิเวศหน่อยเหรอ
SS แน่จริงเพิ่มยอดขายลงไปอันล่างด้วยดิคับ เทียบแค่ S3 กะ iPhone 5 นะ
สเป็กสูงไม่ได้ทำให้น่าใช้มากขึ้น ...
ต้องชมพู่อารยา ครับ ทำให้ดูน่าใช้มากขึ้น 555+ ดูวีดีโอเปิดตัว ผมรู้สึกเหมือน iphone ออกจากโลกของเทคโนโลยี ไปสู่โลกของความหรูหราไร้ที่ติ (ตลาดเดียวกับ เครื่องประดับ และ นาฬิกา) สอดรับกับความ premium ของ brand apple
มันอยู่ที่ APPPPPP และคุณภาพของสินค้าคร้าบบ ช่าวหัว Spec มันดิ ไม่ได้เอามา Benchmark
อยากน้อยiphoneก็support3ปีอย่างต่ำสำหรับผมก็พอละ
+1
ผมสนประเด็นนี้มากกว่านะ ซื้อมือถือมาสักเครื่อง แล้วไม่ถูกทอดทิ้ง
ไม่ต้องมาคอยลุ้นว่า จะได้ไปต่อหรือไม่
ยิ่งถ้าไม่ใช่รุ่นท๊อปละก็ โอกาสไปต่อริบหรี่
+1 ครับ galaxy ผมไม่ได้ไปต่อครับ
ในขณะที่ iphone , ipad ยังอัพเดท ได้เรื่อย ๆ TT
ไปแต่ตัวเลข ฟีเจอร์ไม่ตาม ก็ไร้ค่านะครับ
ไร้ค่ายังไงครับ? ในเมื่อมันยังทำให้ลง app ใหม่ๆได้?
น่าจะคนละประเด็น มันอยู่ที่ข้อจำกัดฮาร์ดแวร์มากกว่า
สมมติ S1 อัพ 4.1 ได้ มันก็ยังไม่มี NFC ให้ใช้อยู่ดี
ควรจะหยุดอัพไปเลยแบบบางยี่ห้อหรอครับ ขาดไปบางอันก็ยังได้อย่างอื่นมาบาง อย่าง Android บางรุ่นนี่เจอแค่ app ต้องการ 2.2 ขึ้นไป 4.0 ขึ้นไป แค่นี้ก็ช้ำแล้วครับ ไม่ต้องพูดถึง feature ที่เพิ่มเลย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+1 ถ้าคิดว่าการอัพเวอร์ชั่นแล้วเปล่าประโยชน์ ถ้างั้นการปล่อยลอยแพ Android หลายๆ รุ่นก็ถือว่าเป็นการประทำที่เหมาะสมแล้ว?
อย่างน้อยใช้ไป 2 ปี ราคาขายต่อยังมากกว่าหลายๆรุ่นที่ใช้ไปปีเดียว สำหรับผมก็พอละ
ผมว่าซื้อโทรศัพท์ อย่าห่วงเรื่องขายต่อเลยครับ
เราน่าจะมองเรื่องว่าเราจะได้รับการดูแลจากผู้ผลิตไปอีกนานเท่าไหร่ดีกว่านะ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
งั้นข้อนี้ก็ผ่านสบายๆ
ไม่มี ecosystem เป็นของตัวเอง จะเอาอะไรไปเทียบเทียมความเป็น premium ของ Apple
อ่านมาทุกความเห็น...เห็นได้ชัดว่า iPhone5 ได้คะแนนเสียงเยอะกว่า
นาทีนี้ต้องยกให้เค้าไป แต่ก็น่ะ
ชิป A6 ของ Apple "ยัง" ใช้หน่วยประมวลผลจาก Samsung
หน่วยประมวลผล หรือ ชิปความจำครับ
เท่าที่อ่านมา เดี่ยวนี้ซื้อโทรศัพท์ ไม่ดู Spec แล้วจริงอะ !!?
:: DigiKin8 ::
ถ้า Android รุ่นใหม่ๆ ผมคงดูแค่แรม
Windows Phone ดูที่ Nokia อิอิ
ผมว่าความชอบส่วนตัวเลย แต่อย่าลืม Iphone กว่าจะออกอีกที ?? ปีหน้าเลยนะปานั้นคงล่าสมันไปละ ถ้าเอาไปเปรียบกับ lumia 920 ละ มีทุกอย่างแบบ S3 และเร็วมากๆและดีมากๆผมใช้ (900) คนบางคนบอกว่า Iphone 5 สเปกแค่นี้พอแล้ว ไม่จำเป็น แต่เทคโนโลยีกับราคานี้สิต่างกันนะครับ
ผมว่ามม่นะ
กระบวนการผลิต คุณภาพชินส่วนเนี่ย iOS service economy ผมว่านี้มันยิ่งกว่าคุ่มอีกนะครับ
ผมซื้อ note ให้พ่อแทน iPhone เพราะเห็นว่าจอใหญ่ดีอาจจะชอบ + ราคาลงด้วยช่วงนี้ เค้าบอกว่าอะไหร่เหมือนของเล่นเด็กจัง
สุดท้ายตอนนี้ก็ประกาศขายอยู่
iPhone ขายในไทยปีนี้ละครับในสไลด์สุดท้ายบอกว่าไม่เกิน dec เมืองนอกขายก่อน 920 ด้วย
samsung iphone nokia เอาสเปกมาเทียบกันไม่ได้หรอกครับ OS ต่างกัน User experience ที่ได้รับมันก็ต่างกัน
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
Samsung คงลืมว่า iPhone 5 ใช้ material อะลูมิเนียม ส่วน S3 ใช้พลาสติกกะละมัง และ iPhone 5 อัพได้ถึง iOS 10 S3 โดนลอยแพในอีก 3 เดือน - -
+1 เสียดายกับomnia
ถ้าจะเอาครบๆ น่าจะเอาจำนวน App และ contents ทั้งหมด (หนัง, เพลง, หนังสือ, podcast) มาเทียบลงไปด้วย
.
.
.
พูดยาก.. ฝ่ายนึงขาย ecosystem ส่วนอีกค่ายยังไงๆ ก็ยังขายมือถือ
สงสัยใน spec หน่อยเดียว
stanby time ของ s3 มากกว่า i5 สามเท่า (300%) แต่..
talk time ของ s3 กับ i5 ต่างกันแค่ 30%
สับสนอะไรหรือเปล่านะซัมซุง..
จริงหรือไม่จริงนี่ไม่รู้นะ แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่แปลกอะไรครับ การโทรกับอยู่เฉยๆ มันไม่ได้กินแบตต่างกันเป็นสเกลแบบ linear ซะหน่อย
ถ้าเวลาที่ใส่มาเป็นจริง ก็บอกได้ว่าเป็นเพราะ idle mode ของ android กินพลังงานน้อยกว่าของ ios ครับ
ไม่แปลกครับ ผมว่า ใช้ กับ ปล่อยไว้เฉยๆ มันแล้วแต่ OS และ แบตด้วยนิครับ ^^
ยังไม่ผมก็ไม่มีทางซื้อไอโฟน เพราะมันมีดีแค่ลื่นกับเกมสนุก ในขณะที่ android มันทำได้แทบทุกอย่างที่เราต้องการ อาจจะมีหน่วงบ้าง แต่ชาวandroid ทุกคนก็รับข้อนี้ได้ เพื่อแลกกับการเป็นอิสระ ทุกวันนี้ผมสตรีมมิ่งหนังมาดูบน atrix 4G ของผมทุกวันสนุกดีไม่เปลืองเมมสตรีมมิ่งผ่านไวไฟ โดยไม่ต้องใช้เน็ต
ส่วนเรื่องความลื่น ใครที่ชอบนั่งปาดหน้าจอไปมาทั้งวันเพื่อชื่นชมความลื่น อันนี้มันก็แล้วแต่รสนิยม แต่สำหรับผมผมเน้นใช้งานมากกว่าการชื่นชมความลื่น
ส่วน S3 ผมคงยังไม่ซื้อแน่ รู้อยู่ว่าเป็นพลาสติกเกรดดี แต่ว่าจะราคาถูกจนไปถึงแพงบรรลัย วัสดุเหมือนกันหมด ทำมาดีเมื่อไหร่คงได้ตังจากผม
ล้างจานซักเสื้อผ้าได้ด้วยชิมิครับกิกิ
ถ้าเรื่องสตรีมหนัง iOS ก็ทำได้ครับ สตรีมจากเน็ต สตรีมจากคอมส่วนตัวผ่าน wifi ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ แค่ลง iTunes แล้วยัดหนังลง library ไว้ แล้วเปิดจาก iPad ผ่าน wifi ได้เลย
ถ้าจะโม้ android ต้องเรื่องอื่นครับ เช่นก็อปไฟล์ง่าย (จริงๆ iOS ยิงไฟล์เข้าเครื่องผ่าน wifi ได้เลยนะ) หรือปรับ home screen ได้ เปลี่ยนคีย์บอร์ดได้ ไรงี้
แต่ Android ไม่ต้องไปลง iTunes ครับ สมมุติถ้าจะแชร์กับเครื่องอื่นหละครับที่ไม่ใช่เครื่องเราหนะ ถ้าเครื่องนั้นไม่ได้ลง iTunes ก็จบ
จะเปลี่ยนคีย์บอร์ดต้อง เจลเบลค ก่อนนี่ครับ
จะไม่ลง iTunes ก็ได้ครับ เอาแบบลงโปรแกรมในคอม แล้วใช้แอพของมันสตรีม อย่าง sumocast (ที่ขายให้โมโตไปแล้ว และเลิกทำแอพ ios) หรือใช้ dlna แล้วใช้แอพเล่น dlna ก็ได้ทั้งนั้น
ที่ยก iTunes มา เพราะมันง่ายที่สุดแล้ว 555
เปลี่ยนคีย์บอร์ด ผมว่าผมพิมพ์ว่า android เปลี่ยนได้นะ ไม่ได้บอกว่า iOS เปลี่ยนได้ (จุดนี้ชม android)
เรื่อง คีย์บอร์ด ขออภัยครับ ผมดูผิด
สุดท้ายมันก็แล้วแต่คนซื้อเปนคนตัดสินใจครับ ของมันก็ดีกันคนละแบบ คนเราใช้ของในจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป นานาจิตตังครับ
แต่ Android ไม่ต้องไปลง iTunes ครับ สมมุติถ้าจะแชร์กับเครื่องอื่นหละครับที่ไม่ใช่เครื่องเราหนะ ถ้าเครื่องนั้นไม่ได้ลง iTunes ก็จบ Android มันก็สะดวกตรงนี้หละครับ
จะเปลี่ยนคีย์บอร์ดต้อง เจลเบลค ก่อนนี่ครับ
อีกฟังก์ชั่น ที่ผมชอบมากคือ ฟังก์ชัน Share ของ Android สะดวกมาก
ลื่นกับเกมสนุก คิดใหม่เถอะครับ iOS มีดีมากกว่าจะให้คุณมานั่งปาดจอเพื่อชมความลื่นนะครับ
ผมใช้แอนดรอยด์และเริ่มจะรับไม่ได้กับความอืดครับ เพราะฉนั้นไม่ใช่ทุกคนหรอกครับที่รับข้อเสียของแอนดรอยด์ได้
ถ้าคุณรับได้กับอาการกระตุก โดยไม่ปวดตา ไม่เวียนหัว เวลาปาดจอหน่วง ๆ ยินดีด้วยครับ
ถ้ารุ่นที่คุณใช้อยู่มันมีอาการกระตุกจนคุณรับไม่ได้ ผมแนะนำให้ไปซื้อ galaxy nexus มาใช้เถอะครับ แล้วคุณอาจจะลืมไปว่าการ กระตุก เป็นข้อด้อยอย่างหนึ่งที่ชอบโดนกระแนะกระแหนจากแฟนบอยค่ายแิิอปเปิ้ล
ทำไมในposterไม่เขียนว่าจะซัพพอร์ทโทรศัพท์เครื่องนี้กี่ปี หวังว่าคงจะไม่โดนโลยแพตั้งแต่ปีแรกเหมือนgalaxy tabผม
apple ถึงจะ update ให้ก็ตาม แต่ก็เริ่มตัดฟังชั้นตั้งแต่ปีแรกนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ปีแรก 4S ก็ได้ครบตามที่เขาประกาศนะครับ เอ๊ะหรือว่าผมเข้าใจผิดไป!!?
แล้วก่อนหน้านี้หละครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ เมือ่ทรัพยากรณ์เครื่องไม่พร้อมเพียงพอ ก็ถูกตัดออกก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน?? หรือคุณคิดว่าแปลกครับ??
เช่น ip4 ไม่ใด้ siri ...ซึ่งก็มีคน hack จนใด้ไช้ แต่ apple ก็ update กันไม่ให้ลูกค้าเดิม ที่อยากไช้จนต้อง hack เครื่องเก่า เพื่อผลการตลาด
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
@put4558350 เหมือนเคยอ่านเจอว่าเหตุผลอย่างหนึ่งที่ Apple ไม่ให้ iPhone 4 ใช้งาน Siri ได้เพราะ Hardware มีข้อจำกัด (จำไม่ได้ว่า Mic หรือ Chip) ซึ่งจะทำให้ Siri ใน iPhone 4 ได้ยินคำสั่งไม่ชัดเจนอาจจะส่งผลด้านลบต่อประสบการณ์ผู้ใช้ได้
จริงหรือแถผมก็ไม่แน่ใจนะ
เคยอ่านเจอเหมือนกันว่าเป็นเรื่องไมค์ครับ
Dream high, work hard.
คุณพูดถึงปีแรกไม่ใช่หรอครับ?
i4 ก็ได้ ฟีเจอร์ OS5 มาครบ (ในปีแรก) i3GS ก็ได้ iOS4 มาครบ i3G ก็ได้ iOS3 มาครบ มันผิดตรงไหนครับ ก็ได้ครบตั้งแต่ปีแรก!!? เอ๊ะหรือว่าผมมองผิดไป?
/i4S มันเก็บ Siri ไว้เป็นจุดขายอยู่แล้วนี่ ถ้าจำไม่ผิดอ่านมาซักที่ i4S ก็ย่อมาจาก iPhone 4 Siri
ยอมให้ตัด ถ้ามีแล้ว ไม่ลื่น
ผมใช้ ip4 ทำอะไรไม่ได้หลายอย่าง
แต่เหมือนว่า สิ่งทีรุ่นอื่นทำได้ มันมีความต้องการทางฮาร์ดแวร์ หรือ ประสิทธิภาพของเครื่องที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ซึ่งข้อนี้ ก็ต้องยอมรับ ของเก่า จะให้ ทำอะไรได้เหือนรุ่นใหม่ก็ใช่ที่
แต่ คอหลักๆ ของตัว os มันก็ มีมาให้ครบ แค่นี้ ผมก็ ok แล้ว
รอดูอีกปีหรือสองปี S3จะถูกแทนที่ด้วย S4หรือS5... ไม่ก็S6
แต่ iPhone5 จะยังอยู่ให้เปรียบเทียบแบบนี้อีก
อย่างน้อย ios6 ก็ยัง support มือถือเมื่อ 3-4 ปีก่อนแต่ Samsung??
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
มาถึงตอนนี้ผมไม่ค่อยสนใจอะไรมากแล้ว รู้สึกเหมือนตลาด smartphone มันอิ่มตัวทั้งสองค่าย
ผมเองก็ใช้ Atrix 4G ซึ่ง Spec มันก็เทพในระดับนึง ลื่นไหลใช้งานดี
เสียบ Dock ต่อออก LCD กลายเป็น computer ได้ด้วย
สุดท้ายต้องไปวัดกันที่ Add on ของแต่ละค่าย
กล้าเทียบเนอะ ผมว่า s3 น่ะไปสู้กับแอนดรอยด้วยกันยังจะไม่ไหวเลย
ใครก็รู้ ss มีดีแค่เปลือกเท่านัันแหล่ะ
ปอลอ ใช้ nexus นี่ถือว่าใช้ ss ป่ะครับ
เหวอ ทำไมมีโฆษณา blognone ด้วยล่ะครับ
มีใครไปแอบโปรโมทให้รึเปล่าครับ :P
Dream high, work hard.
ผมเข้าใจว่าเข้าให้ดูลิ้งที่สองนะ แต่ผมก็ตกใจกับลิ้งแรกเหมือนกัน O_O
แต่เข้าลิ้งค์ไปจะเจอ "บทวิเคราะห์ iPhone 5 - จังหวะการเดินที่ช้าลงของแอปเปิล" เหมือนวางระเบิดตัวเองยังไงไม่รู้แฮะ 555
เห็นที่เทคเอ็กไซท์ก็ขึ้น เขาก็งงกันเหมือนกัน
สงสัย apple ไปกว้านซื้อ adwords ไว้
ดูจากโปสเตอร์โฆษณาแล้ว อยากได้เครื่องที่อยู่ซ้ายมือ!
นั่นอาจไม่ใช่ Apple ก็เป็นได้ครับ
----------------- Yokey My Blog
ถ้าให้เลือกซ้ายกับขวาครับ :)
รูปนี้ต่างหากของจริง
โม้แบบเปลี่ยนด้าน
*A6 มัน quad-core?
Dream high, work hard.
ดูบรรทัดสุดท้ายครับ Above listed features are representative, not all inclusive. สรุปว่าเทคนิคการขายล้วนๆ ใครเหมาะกับอะไรใครอยากซื้ออะไรก็ซื้อใช้ไปเถอะครับ ไม่เคยเห็นมือถือ Smart phone ไหนในโลกที่สมบูรณ์แบบ 100% สักเครื่อง
ต่อให้สเปคเทพยังไง แต่ประสบการณ์การใช้งานสู้ไม่ได้ ก็คือสู้ไม่ได้
กรณีนี้ผมไม่โทษซัมซุงนะ มันอยู่ที่ Android ในช่วงแรกของ Android ผมรับได้ที่มันจะกระตุกไปบ้าง ประสบการณ์การใช้งานมีปัญหาบ้าง (iPhone ก็มี) แต่ผ่านมาหลายปี Android ขึ้นเบอร์หนึ่ง Google ทำเงินได้จาก Android มหาศาล แล้วประสบการณ์การใช้งานยังแย่อยู่ อันนี้ผมรับไม่ได้ (พูดจากการลองเล่น Galaxy Tab 7.7 อยู่วันสองวัน และการลอง S3 ในร้าน ทั้งคู่เครื่องแรงกว่าโน้ตบุ้คผมอีก แต่มันไม่มีความไหลลื่นเอาเสียเลย)
ผมเคยเขียนเรื่องความไหลลื่นของ Android กับ Java ไว้แล้ว อ่านได้ที่ http://www.ximplesoft.com/blog/203/Target-Android-Never-Reach.html
แรงกว่าโน๊ตบุคนี่ไม่จริงครับ ต่อให้ clock โน๊ตบุครันไม่ถึง 1 GHz ก็ยังต่างกันหลายสิบเท่าครับ
ปัญหา UI มันไม่ได้เป็นที่ Java/Dalvik ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1 ปัญหา UI มันเกิดจาก Android ก่อน 3.0 จะเขียนหน้าจอของทุก app เวลาเปิดหลายๆอันเลยเขียนไม่ทัน แต่ก็มีการปรับแก้แล้ว
3.0 ย้ายงานเขียนหน้าจอไปให้ gpu ทำงานแทน
4.0 ปรับเป็นเขียนหน้าจอทั้งหมด เหลือเพียงเขียนบางส่วนที่แสดงผล
4.1 ปรับการตอบสนองการสำผัสให้เร็วขึ้น
ผมว่า Android ตาม apple ทันแล้ว ถ้ายอมไช้ multitask ปลอม ตั้ง priority การวาดหน้าจอให้สูง และ freeze หน้าจอเวลามี animation ตามที่ apple ไช้ Android ก็น่าจะลื่นใด้เท่า ios แล้ว แต่ Google ชอบประสิทธิผล มากกว่า ui สวยๆ และคงอยากให้ตัวเองแตกต่างออกไป
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เพราะ Java/Dalvik มันเร็วส์ใช่ไหมครับ
ไม่เกี่ยวเลยครับ
"ปัญหา UI มันไม่ได้เป็นที่ Java/Dalvik" แปลว่า "ปัญหา UI มันไม่ได้เป็นที่ Java/Dalvik" ครับ
ผมลองอ่านบทความที่คุณเขียนแล้ว รู้สึกว่ามันมั่วๆ โมเมๆ ยังไงชอบกลนะครับ ลิ้งที่เอามาให้เห็นความช้าของ Dalvik ก็เก่าซะจนไม่ทันสมัยที่ Dalvik มี JIT แล้ว
อ้อการ link web ที่ไม่ใช่ blog ส่วนตัวใน signature เป็นสิ่งที่ห้ามทำในเว็บนี้ไม่ใช่หรือครับ เป็น writer น่าจะรู้นะ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เรื่อง signature ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ ตอนนี้เอาออกแล้ว
ในส่วนของตัวเนื้อหาที่ผมเขียนแล้วเอาลิงก์มาแปะ ช่วยบอกได้ไหมครับว่าตรงไหนมั่วหรือโมเม เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนกัน และผมเขียนถึง JIT ไว้ตรงไหน
เรื่อง UI ในมุมมองของผมหากเรายังเขียนโปรแกรมผ่าน Java/Dalvik อยู่ Java/Dalvik มีผล เนื่องจาก Java/Dalvik มี overhead ซึ่งมีผลกับ latency time (ในหลายกรณีการใช้ JIT อาจให้ผลโดยรวมดีขึ้น แต่อาจแย่ลงในเรื่องของ latency time) หากเป็นโปรแกรมลักษณะอื่น อาจยังมีผลไม่มากในกรณีที่การประมวลผลมันมากกว่า latency time มาก ๆ แต่ในส่วนของ UI มีผลแน่นอน แม้จะวาด UI ออกมาเร็วแค่ไหน เพิ่มขนาดบัฟเฟอร์ยังไง แต่หาก Event Handling ยังต้องผ่าน Java/Dalvik มันก็ต้องมีผลเป็นธรรมดา
ใช่ครับ Dalvik มี overhead+ช้า มีผลกับ latency time แต่มัน'ไม่มากขนาดนั้น'ครับ overhead latency+polling rate latency ยังไงก็ไม่น่าจะถึง 10ms ซึ่ง'ประสาทสัมผัสของมนุษย์'รับไม่ได้อยู่แล้ว
เรื่อง touch Event polling rate เป็นค่าที่ปรับได้ windowsmgr.max_events_per_sec ค่า 150 จะมี latency 6.5s และผมคิดว่าตรงนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับ Dalvik นะ
สิ่งที่มีผลจริงๆคือ UI rendering หลังจากเหตุการณ์พวกนั้น เราต้องมาดูว่า แต่ก่อนการทำงานหลังจากนั้นเป็นอย่างไร ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
1.5-2.3 การ render UI 'ส่วนมาก'อยู่ที่ CPU ซึ่ง CPU มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ render stack UI จำนวนมากขนาดนั้นอยู่แล้ว(ARM มีพลังประมวลผล FP ที่ต่ำมาก) ส่วนทำไมไม่เลือกให้ GPU render ตั้งแต่แรก คิดว่าเป็นเพราะผู้ผลิตไม่พร้อม(GPU/driver/performance/etc.)ไม่ใช่นักพัฒนาไม่พร้อมครับ
4.0 การ render UI เกือบทั้งหมดทำบน GPU รวมทั้ง SDK รุ่นเดียวกันก็ตั้งให้ App ใช้ GPU ตั้งแต่ต้น ทำให้ performance โดยรวมดีขึ้นมาก แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เนื่องจาก stack UI ที่ยังมีจำนวนมากเหมือนเดิม ทำให้หน้าจอเดียวต้อง render หลายครั้ง โดยเฉพาะถ้ามี widget หลายๆอันในหน้าต่างเดียวก็ยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ ถ้าทำ constant 60fps ไม่ได้ก็จะเกิดการกระตุก นอกจากนี้ยังมีอาการ tearing เหมือนเดิม
4.1 แก้ปัญหา stack UI โดยการใช้ hardware overlay เข้ามาช่วยทำให้ render ครั้งเดียว ซึ่งแก้ปัญหา stack UI ได้โดยชัดเจน นอกจากนี้ยังแก้ปัญหา tearing โดยใช้ vsync และ triple buffering(ที่ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา) เข้ามาช่วย
ความช้าของ Dalvik มันก็มีส่วนครับแต่มันเป็นส่วนน้อยมากๆจนเราสัมผัสไม่ได้ ถ้าคุณจะบอกว่า UI มันช้าเพราะ Dalvik ผมก็จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องกันเหมือนเดิม จริงๆผมยั๊วะหน่อยๆด้วยเพราะผมพูดเรื่องนึง คุณเอาอีกเรื่องนึงมาพูดโดยเฉพาะเป็นประโยค "เพราะ Java/Dalvik มันเร็วส์ใช่ไหมครับ" ซึ่งถ้าคำพูดของผมใช้อารมณ์มากไปต้องขอโทษด้วยครับ
ตัวอย่าง 4.1 1,2
iPhone ทุกตัวมี GPU(PowerVR) ที่ดีเลิศ พัฒนาง่าย iOS เองมี stack UI น้อย(ยกเว้นหน้า search ซึ่งเข้าไปทีไร i4 กระตุกทุกครั้ง) และแนวทางการทำ SoC ของ Apple ก็ดำเนินแนวทาง GPU นำ CPU อยู่แล้ว
ส่วน Windows Phone นั้นการที่ทำ Animation บน metro แบบนั้นได้คิดว่าน่าจะใช้ hardware overlay เข้ามาช่วย ซึ่งการทำ animation พวกนั้นมันทำได้ง่าย/เร็ว/ไม่เปลืองแรง GPU โดยใช้พวก transform ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อย่าดูถูก latency time ในระดับ ms ไปนะครับ เราสังเกตไม่เห็นด้วยตาเปล่าอยู่แล้วครับ แต่ใช้ไปจะรู้สึกได้ ผมเคยเอา android มาเทียบกับ iPhone ผลคือสังเกตไม่เห็นจริง ๆ แต่เวลาใช้จะรู้สึก มากด้วย (อารมณ์อิจฉา)
การใช้ GPU มาช่วยอาจแก้ปัญหาได้ไม่ทั้งหมดครับ GPU จะใช้งานได้ดีกรณีที่มีการประมวลผลมาก แต่มีอัตราการ transfer ข้อมูลต่ำ เพราะการส่งข้อมูลระหว่าง CPU กับ GPU แพงมาก ผมเคยทำงานกับ CUDA มันเร็วก็จริง แต่ไปตายตรงส่งข้อมูลนี่แหละ หลายกรณีใช้เวลาส่งข้อมูลมากกว่าการประมวลผลเสียอีก ยิ่งกรณี Java/Dalvik มันมีอีก layer หนึ่ง ยิ่งไปกันใหญ่
ไม่ว่า Google จะพยายามแค่ไหน ใส่ไอเดียไปยังไงมันก็มี theoretical limit อยู่ ซึ่ง Java/Dalvik มันมีส่วนสำคัญ หากอยากข้ามตรงนี้ไป ก็ต้องพัฒนา Dalvik ให้มันเร็วส์ขึ้นและผมคิดว่าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ด้วยเทคนิคแบบ register based แต่ดู Google จะไม่สนใจเท่าไร
เรื่อง Google ทำได้ดีขึ้นแน่นอนครับ แต่จะให้เทียบกับ native คงยาก ที่น่าสนใจคือ Microsoft ทำยังไงใช่วิธีไหนกับ .NET ทำให้มันใกล้เคียง native ขนาดนั้น
ก็คิดดูและกัน มันทำ spec ซะเวอร์ขนาดนี้แล้วโฆษณาแต่spec ถ้าspecเท่ากันมันจะมีอะไรโฆษณา?? เหมือนถ้าไม่บอกว่า tab เล่นFlash ได้ ณ ปีสองปีที่แล้ว มันก็เงิบแบบนอนมาเลย แล้วตอนนี้ Adobe ก็เลิกทำFlash บนโมบายแพทฟอร์มเรียบร้อย มันก็เป็นไปตามการคาดคะเนของตาลุงจ้อปส์เรียบร้อย :)
ปล ไม่ต้องถามหาความเป็นกลางนะครับ ผมเลือกข้างแล้ว :p
+1
การซื้อสินค้าโดยดูสเปกอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำครับ ที่ควรทำคือเลือกโดยดูเงินในกระเป๋า และความต้องการใช้งานของเราต่อสินค้าชนิดนั้น เชื่อผม
เอา Acer Aspire 4730ZG ของตรูคืนมา!(กำลังซ่อม) เอา Asus A45V ของเอ็งคืนไป!!(ซื้อมาจากร้านที่ซ่อมนั่นแหละ) #ก็ได้แค่คิดในใจ ประเทศเราน่าจะมี สามารถคืนสินค้าได้ ถ้าไม่พอใจ ภายใน 7 วัน มั่งเนอะ
ผมว่าวัดกันที่ฟีเจอร์ที่ใช้ในไทยได้กันดีกว่าน่ะครับฮาๆๆๆส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยมีเงินเลยไม่ได้ใช้รุ่นท๊อบขนาดนี้จึงไม่สามารถวิจารณ์ได้มากแต่ผมว่าน่ะการทำ OS embedded ให้มันครอบคุลมสามารถเอาไปใส่ได้ในทุก Device เป็นเรื่องยากต้องอาศัยการปรับแต่งสูงจริงๆผมมองว่าการยัดสเปคแรงๆให้พวกอุปกรณ์ embedded นั้นไม่สมควรเพราะตามหลักการแล้วมันควรจะต้องใช้ resource น้อยแต่ได้ประสิธิภาพเต็มที่ การที่คุณต้องคิดสร้าง OS ที่ใส่ได้ทุก device กับการสร้าง OS เพื่อ device ตัวเดียวความยากจึงต่างกันมาก เอาเป็นว่าชอบอะไรก็ใช้อันนั้นครับ
โฆษณาแบบนี้ ก็เป็นการลดคุณค่าของ กาแลกซี่ ซะเอง / เอ๊ะ หรือว่าเป็นการเจาะตลาดผู้ใช้กลุ่มล่างๆ
อ่านอันนี้แล้วนึกถึงโฆษณา I am mac, I am PC...
โมเดลต่อโมเดลมันวัดกันยากจริง ๆ อีกฝ่าย 2 ปีเปลี่ยนบอดี้ที อีกฝ่ายซอยยิกก็คงต้องขยันลอยแพ