รัฐสภาออสเตรเลียได้ทำหนังสือเรียกตัวแทนผู้บริหารของแอปเปิล เพื่อให้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการสภาว่าเหตุใดสินค้าของแอปเปิลจึงมีราคาขายในประเทศสูงมาก หากเทียบกับราคาที่จำหน่ายในประเทศอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการก็ได้เรียกไมโครซอฟท์และ Adobe เข้าชี้แจงเช่นกัน แต่ทั้งสองบริษัทปฏิเสธที่จะให้การ
ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ออสเตรเลียมีมูลค่าเท่ากับ 1.03 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกันมาก แต่เมื่อดูรายละเอียดราคาสินค้าแล้ว iPad 16GB WiFi ที่ขายในอเมริกา 499 ดอลลาร์ กลับมีราคาถึง 539 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งสินค้าไอทีตัวอื่นก็มีการตั้งราคาในออสเตรเลียสูงกว่าแบบนี้เช่นเดียวกัน
ส.ส. Ed Husic ซึ่งเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนี้ระบุว่าการที่สินค้าไอทีมีราคาแพงเกินไปเช่นนี้ ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจในออสเตรเลียมีมูลค่าสูงกว่าประเทศอื่น การอ้างต้นทุนค่าแรงว่าเป็นปัจจัยหลักก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะสินค้าเหล่านี้ไม่ได้ผลิตในออสเตรเลีย ยิ่งกับสินค้าซอฟท์แวร์แล้วแทบไม่ควรมีต้นทุนส่วนเพิ่มเข้ามาเลย ข้อมูลจากการศึกษาของ Husic เองพบว่าออสเตรเลียต้องจ่ายเงินส่วนเพิ่มนี้มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ภาษีคืนกลับเข้ามาในประเทศนั้นมีไม่ถึง 1% ของส่วนนี้ด้วยซ้ำ
ตัวแทนแอปเปิลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกับข่าวดังกล่าว
ที่มา: Reuters
Comments
ของไทยอยากให้มาดู iPod Shuffle นะ
ของไทยอยากให้ดู nexus 4 nexus 7 บ้าง แพงกว่าเยอะมากๆ
อันนั้นเค้าน่าจะชี้แจงได้ครับ :|
:: DigiKin8 ::
กรำ
ใน us นั่น nexus 4 มีกูเกิ้ลช่วยเรื่องราคาครับ ขายที่ประเทศอื่นแพงหมด
nexus 7 ถ้ารวมภาษีแต่ละรัฐแล้ว ถูกกว่าของศูนย์ไทยนิดเดียวเองครับ
ความเชื่อนี้ก็ยังอยู่เนอะ ! เรื่องภาษี ดูราคาสินค้า apple ก็ใด้ ไม่เห็นมีชิ้นใหนบวกขนาดนั้นเลย
Google จ่ายเงินลดราคาให้ยังพอฟังขึ้น แต่วันแรกที่วางขาย Google บอกชัดเจนว่า Nexus 7 ขายใด้กำไรน้อยมาก แปลว่าไม่ใด้จ่ายส่วนต่างให้ แถมความจริงเอามาขายในไทยหลังจากเปิดตัวครึ่งปี ต้นทุนน่าจะหดจนใด้กำไรแล้วหละ (Nexus 4 ก็ไม่น่าจะแตกต่าง)
ไอ้ที่แพงกว่าชาวบ้านมีกรณีเดียวเท่านั้นคือ โดนบวกอย่างรุณแรง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อันนี้คือความจริงเลยครับ บ้านเราได้ใช้ช้ากว่า แต่กลับแพงกว่า (มาก) อยากจะบอก Google ว่าถ้าอุุ้มราคาให้ได้แค่ไม่กี่ประเทศอย่าทำเลยดีกว่า เพราะมันทำให้ Demand ในประเทศนั้นๆสูงขณะที่ Google ประกันราคาขั้นสูงไว้แล้วและผลกระทบที่ตามมาคือประเทศอย่างเราๆที่ได้รับผลกระทบใช้ของแพง
นั่นต้นทุนกับค่าขนส่งเข้าประเทศอเมริกา ยังไม่รวมค่าเทรนพนักงาน หน้าร้าน สต๊อค และบริการหลังการขาย อเมริกาขายราคานั้นได้กำไรน้อยมาก ยังไม่ทันหักค่าพวกนี้เพราะขายผ่านเว็บ (แต่ก็ไม่เข้าใจ ก็มีขายตามร้านด้วยนี่หว่า)
ส่วนต้นทุนในครึ่งปีจะลดแค่ไหนผมไม่ทราบ อันนี้ขอไม่ค้านและสงสัยในใจต่อไป ไม่มีความรู้เรื่อง Supply ขนาดนั้น
ขอโทษที่งมงายครับ
คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นพวกบูชาผีสางสมัยยุคหิน
ในอเมริกา google บวกกำไรน้อยมากครับ ไม่มีเหตุผลที่google จะยอมขาดทุนเพื่อ nexus
บ้านเรา lg กับ asus บวกโหดมาก เกือบสองเท่า ลองเทียบกับ samsung galaxy nexus หรือ nexus s ดูครับ ราคาต่างกับในอเมกาไม่มาก
ผมเห็นว่าราคา nexus 4 ในประเทศที่ไม่ได้ขายผ่าน google play store แพงกระฉูดหมดเลย
http://www.blognone.com/node/37759
ราคา nexus 7 บางประเทศก็พอๆกับศูนย์ไทย
http://www.talkandroid.com/136307-32gb-version-of-the-nexus-7-could-launch-this-week/
LG กับ Asus ไม่ได้อะไรครับ ถ้าขายเครื่องได้มาก ๆ นอกจากกำไร ส่วน Google สามารถนำไปต่อยอดได้ถ้าขาย Nexus ได้มาก ๆ ครับ เพราะเจ้านี้ Core business เค้าไม่ได้ขายมือถือ แต่ LG กับ Asus ใช่ ซึ่งมันก็ถูกแล้วที่ LG กัย Asus จะบวกกำไรมากขึ้นน่ะครับ แต่เดี๋ยวก็ลดลงเองถ้า Demand น้อยลง
อันนี้เอาฮาใช่ไหมฮะ
ของไทย อยากให้ดูพวก iTune Store นะ เพราะเท่าที่ดูๆแล้ว ซื้อขายกันแต่เสียภาษียังไงหว่า?
อยากทราบมานานแล้ว ของไอทีออสเตรเลียทุกยี่ห้อทำไมเป็นแบบนี้หมด?
ดีที่รัฐบาลเขาเริ่ม active เพราะตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนซื้อตรงจาก ตปท ไม่ผ่านภายในประเทศ รัฐอดได้ภาษี retailer อดได้เงิน
@TonsTweetings
แล้วของออส มาขายบ้านเราแพงกว่าที่ออสหรือเปล่า?
ใครรู้บ้าง ภาษีสินค่าไอทีในออสเตรเลียเท่าไหร่ ต่างจากอเมริกามากไหม ในข่าวไม่เห็นท่านส.ส.พูดถึงเรื่องนี้เลย
ออสเตรเลียนำเข้าไอทีไม่ต่างจากนำเข้าสินค้าอื่นครับ flat rate
@TonsTweetings
ไทยแลนด์ตอนนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ 29 พี่ขายใช้หน่วย 31 อยู่เลย
ปล. ถ้ารัฐบาลไทยเอาจริงมั่ง คงถูกเรียกเกือบทุกผลิตภัณฑ์ทุกยี่ห้อที่ขายในท้องตลาด ไม่ว่าสินค้าอะไรเข้าไทยราคา + หมด ประชาชนรวยกันจริงนะครับแหม่
ข้ออ้างของเขา
ตอนบาทแข็ง
ของที่ขายอยู่มันสต๊อกเก่าตอนค่าเงิน 1 ดอล = 31-32 บาท
ตอนบาทอ่อน
ปรับราคาขึ้นทันที
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอครับ ก็ผู้มีอำนาจที่นั่งอยู่เต็มสภา
ส่วนใหญ่ไม่ตัวเอง ก็เครืองญาติ ก็คือนายทุนใหญ่ของประเทศ
ได้ใช้ของฟรีอีกตะหาก ดูอย่างการซื้อ iPad แจกทั้งสภาเลย เป็นไงล่ะ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ที่ดูจาก online store ของออสเตรเลียนี่เป็นราคาที่รวมภาษีแล้ว มีเขียนไว้เลยว่าสินค้าแต่ละชิ้นโดนภาษีไปเท่าไหร่ใต้ปุ่มกดเลือกสินค้า อย่าง iPad wifi 16GB นี่โดนไป 49 A$ แปลว่าถ้าไม่รวมภาษีก็จะอยู่ที่ 490 A$ ในขณะที่ของอเมริกาไม่ได้เขียนข้อมูลตรงนี้ไว้ แต่ที่หน้า help จะมีเขียนไว้ว่าจะโดนบวกภาษีตามที่อยู่จัดส่ง(ภาษีแต่ละรัฐเก็บไม่เท่ากัน) ซึ่งภาษีที่แสดงตอน checkout ก็เป็นแค่โดยประมาณ ผลสรุปภาษีจริงๆ ให้ไปดูใน invoice นั่นแปลว่าถ้าผมแปลและเข้าใจไม่ผิด รัฐสภาออสเตรเลียไม่ได้ทำการบ้านอะไรมาเลยครับ
http://store.apple.com/us/help/payments#tax
นั่นสิ ราคาอเมริกายังไม่รวม tax
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
tax แต่ละรัฐก็ไม่เท่ากัน ไหนจะค่ากำจัดขยะบลาๆอีก +กระจาย ผมเคยซื้อ กดไปกดมา แพงแฮะ
ถูกครับ ถ้าเทียบราคาจึงควรเทียบไม่มี tax ทั้งคู่ เพราะแพงด้วย tax มันเห็นๆ อยู่แล้วว่าแพงเพราะอะไร
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
Confirm ครับ หน้า web เป็นราคารวม TAX 10% แล้ว ไปลองจิ้มมาดู
ผมว่า เค้าไม่ได้ทำการบ้านจริง ๆ ส่วนของ US เป็นราคาไม่รวม TAX
อยู่แต่ไหนแต่ไรแล้ว มันก็น่าอยู่ที่ทาง Apple จะไม่ สนใจอะไร
กับการเรียกร้องอันนี้
รองเท้า nike ที่ผมซื้อจาก us 99, aus 160
ครีมมาร์คหน้า us 6, aus 11
ทำไม !!!!
เคสนี้ผมเชื่อว่าเป็นสินค้าผลิตจากประเทศอื่น ผลิตส่งก็ส่งไป qc ที่ us เสร็จแล้วก็ส่งไปขายประเทศอื่น ทำให้มีราคาเท่ากับราคาหน้าร้านใน us + ค่าขนส่ง + กำไรหน้าร้านที่ aus
เจอรองเท้าไอซ์สเก็ตของผมนี่ร้าวรานครับ เมดอินไทยแลนด์ ส่งไป qc ที่อเมริกา แล้วส่งกลับมาขายที่เอสพลานาด ราคาออกมาแพงกว่าที่ amazon ขายตั้งครึ่ง
Asics ราคา us กับไทยเราก็โดดกว่ายี่ห้ออื่นเยอะเลย
บ่นนิดเรื่องราคารองเท้า 555
ว่าแต่บริษัทพวกนี้มีสิทธิ์ปฏิเสธการให้การต่อคณะกรรมการสภาได้ด้วยเหรอ ช่างกล้า ;/
ดีที่ไม่มีรับสมัคร Apple ID
ถ้ายังมีคนไปต่อแถวซื้อกันอยู่ ก็แปลว่า ยังไม่แพงครับ ท่าน ส.ส.
ไม่ใช่แค่สินค้าไอทีหรอก มันแพงทุกอย่าง ของยี่ห้อออสซี่ซื้อที่ประเทศอื่นยังถูกกว่าเลย มีที่ถูกกว่าคือพวกยากับวิตามิน
ตอนนี้ถ้าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาสามารถลดราคา
จากราคานักศึกษาอีก$100
ไปออสครั้งก่อนผมกะจะซื้อ Apple TV แต่พอ check ราคา ไหนจะราคาค่าตัวแพงกว่า แถมอัตราแลกเปลี่ยนแพงกว่า US เลยเปลี่ยนใจไม่เอา (ตอนนั้น AUD ประมาณ 33 ของ USD 31) ส่วนของชิ้นอื่นๆโดยรวมแพงกว่าไทยพอควร
แต่พอไปเจอ shop apple ในสนามบิน ปรากฏว่าถูกกว่าซื้อในบ้านเราอีก อย่าง mac book ถูกกว่าราวๆ 3-4 พัน