Ming-Chi Kuo นักวิจัยจากค่าย KGI Securities ได้ออกมาเผยว่า iPhone 5S น่าจะมาพร้อมกับปุ่ม Home ที่มีเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือแน่นอน โดยปุ่มนี้จะใช้ "แซฟไฟร์" หรือพลอยสีน้ำเงินเคลือบไว้ และเปลี่ยนรูปร่างจากเดิมที่จะโค้งบุ๋มลงไป มาเป็นนูนขึ้น
Kuo บอกว่าการที่แอปเปิลได้เลือกเปลี่ยนรูปร่างปุ่มให้นูนออกมาจากตัวเครื่อง เป็นการเพิ่มพื้นที่ภายในเพื่อที่จะใส่เซ็นเซอร์เข้าไปใต้ปุ่มนี้ได้ โดยก่อนหน้านี้การใส่เซ็นเซอร์เข้าไปบริเวณนี้ของตัวเครื่องสามารถทำได้ยาก เพราะมีชิ้นส่วนของ Lightning connector, ลำโพง และไมโครโฟนอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนไปใช้แซฟไฟร์ทำให้ปุ่มสามารถกันรอยขีดข่วนได้มากกว่าเดิม เนื่องจากแซฟไฟร์แข็งแรงมาก และเป็นรองเพียงแค่เพชรเท่านั้น มันจึงเป็นวัตถุที่เหมาะสมที่สุดในการปกป้องชิ้นส่วนที่เปราะบางอย่างเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือนี้ ทุกวันนี้ แอปเปิลใช้แซฟไฟร์แทนที่กระจกบนกล้องของ iPhone 5
เซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือของแอปเปิล จะไม่เหมือนกับเซ็นเซอร์ที่เราเห็นทั่วไปบนอุปกรณ์พกพา แอปเปิลได้เลือกใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) ของบริษัท AuthenTec ที่แอปเปิลได้ซื้อกิจการไปแล้วในการอ่านลายนิ้วมือ
ที่มา - MacRumors
Comments
น่าจะสะกดว่า แซฟไฟร์ หรือเปล่าครับ แซฟเฟร์ฟังแปลกๆ *-*
ตอนแรก เฟย์ สิงอันหลังไฟร์ น่าจะมาถึงสิ่งเดียวกัน น่าจะสะกดไปในทางเดียวกันนะคับ
ฟังแปลกๆด้วย 5555+
ตัวแรกพิมพ์ผิดครับ
@TonsTweetings
คว่ำหน้าก็ไม่ต้องกลัวเป็นรอยสินะ
@mamuang
กำลังรอสิ่งที่หรูหราสไตลแอปเปิลอยู่เลย
แล้วโครงสร้างปุ่มคงเป็นแบบกดแล้วสแกน หลังจากนั้นก็จดสิท "ปุ่มที่แสกนลายนิ้วมือได้"
รอติดสติ๊กเกอร์กับกันรอยปุ่ม Home อยู่ฮะ
ห๊ะ !?
ผมว่าคนคงมีปัญหาเรื่องนี้แน่ๆ !
มันเป็นแซฟไฟร์สังเคราะห์ครับ ไม่มีสีฟ้งสีฟ้าใดๆครับ
เดี๋ยวนี้เค้าก็เอามาทำหน้าปัดนาฬิกาหรือปิดหน้าเลนส์เพื่อกันรอยขูดขีดครับ
เอาจริงๆแซฟไฟร์ คืออะลูมิเนียมออกไซต์เจือปนด้วยโลหะเลยทำให้มีสีครับ มีหลายสีด้วย ฟ้า ส้ม เหลือง ฯลฯ
เคยอ่านเจอเหมือนกันว่า ขนาดเพชรด้วยเทคโนโลยีสมัยนึ้ก็สังเคราะห์กันได้จริงๆครับ
สังเคราะห์ได้แต่ก็แพงมากนะครับ แพงกว่าเพชรจริงอีก
แต่ก็อยู่ในระดับที่คุ้มที่จะเอาไปทำหัวขุดเจาะน้ำมัน
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันราคาเท่าไร เข้าใจว่าเมื่อมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้ราคามันคงจะลดลงในอนาคคแน่ๆ คงเหมือน sapphire เนี่ยแหละที่เอามาสังเคราะห์ใช้ในอุตสาหกรรม ราคามันจึงไม่แพงแล้ว เดี๋ยวนี้ผมมีเงินเลยไม่กล้าซื้อเก็บของพวกนี้เลย ><
ถูกเป็นขี้ครับ แท่งเก้านิ้ว (ได้ยินคำว่าเก้านิ้วนึกถึงแท่งอะไรผมก็หมายถึงอันแบบนั้นแหละ) ราคาแค่ 200 กว่าบาท พวกผมเอามาเรียนวิชาเจียระไนครับ ราคาไม่ได้แพงเลย เพชรและพลอยมีค่า ราคาสูง เพราะ "สวย หายาก ทนทาน" เช่นเดียวกับเงิน หรือธนบัตรที่เราใช้ครับ เพชรสังเคราะห์อาจจะต้นทุนสูงที่ใช้ HTHP (High Temperature, High Pressure) แต่ว่าสุดท้ายแล้ว "อยากผลิตเท่าไหร่ก็ได้" มูลค่าความ "หายาก" หายไป ราคาก็ถูกกว่าเพชรจริงครับ ผมไม่แน่ใจ แต่เชื่อว่าราคาถูกกว่าเพชรจริงเกิน 100 - 1000 เท่าครับ
ขอบคุณครับ สงสัยข้อมูลผมเก่าสนิทไปหน่อย
ราคาแบบนั้นเป็น cubic zirconia หรือปล่าวครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมเรียนมหาลัยมีงบให้แค่กลุ่มละแท่งครับ (ทั้งที่แต่ละแท่งถูกจะตาย) ไม่มี cz หลุดมาให้เจียรครับ อาจจะเพราะมันประกายเกินเลือกเหลี่ยมเจียรยาก ว่าแต่สนใจสนับสนุนการศึกษารุ่นปัจจุบันไหมครับ #ได้ทีถือโอกาส
ตัว CZ ผมเข้าใจว่าค่าความแข็งมันน้อยกว่าเพชรสังเคราะห์ ถ้าเอามาเจียรมันให้อารมณ์หรือความยากแตกต่างกับแท่งเพชรสังเคราะห์ป่าวครับ
Moissanite มากกว่ามั้งครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Moissanite
สรุปแล้วอะไรที่ถูกครับ synthetic sapphire? เพราะถ้าเป็นเพชรสังเคราะห์ก็แพงอยู่นะครับ ดูราคาจาก gemesis.com ก็แพงไม่น้อยแต่ก็ไม่ทราบว่าเทียบกับเพชรธรรมชาติแล้วเป็นอย่างไรแต่ก็นะมันไม่ใช่เพชรอุตสาหกรรมที่ราคาน่าจะถูกลงอีก
แล้วเจ้า synthetic sapphire ถูกกว่า cubic zirconia อีกหรือครับ
ราคาผมว่าขี้นอยู่กับเกรดด้วยมั้งครับ แต่คงไม่ได้แพงเวอร์นะครับสำหรับ sapphire
รายละเอียด sapphire 1
รายละเอียด sapphire 2
รายละเอียด 3
กรณีแซฟไฟร์สังเคราะห์มันเหมือนทำแท่งซิลิกอนออกไซต์บริสุทธิ์สำหรับทำแผงวงจรแหล่ะครับ เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางได้ถึง 50 เซนต์ หนักทั้งแท่งร่วม 500 กิโลกรัม
ส่วนเพชรสังเคราะห์ เดี๋ยวนี้ก็อาจจะใหญ่ระดับ 1-2 กะรัต เอาไปทำเครื่องประดับจริงๆ และมีบริษัทที่ขายเพชรแบบนี้เพื่อลูกค้า consumer ปกติแล้วนะ ทำเป็นเล่นไป (บริษัท Gemesis) เรื่องราคาเทียบกับเพชรธรรมชาตินี่ไม่ทราบจริงๆ ครับ
ใช่ครับ สังเคราะห์ได้แล้วก็มีสถาบันรับรองแล้วออกใบ cert รับรอง จริงๆ พวกบริษัทที่ทำขายมีหลายเจ้า ที่ผมเคยตามๆ ดูว่าจะลองซื้อมา ก็มี gemesis.com เท่าที่ดูมาราคาก็ถูกกว่าของแท้เหมือนกัน
เป็น RF แล้วต้องกดปุ่มลงไปมั้ยครับ
เห็นหลายๆท่านที่ใช้ ยอมที่จะให้มี "จุด" บนจอแทนที่จะกดปุ่ม Home
อีกหน่อยคงมีการจ่ายเงิน แล้วคอนเฟิร์มผ่านลายนิ้วมืออีกที
อยากได้แบบ ไม่ต้องล็อคหน้าจอ แค่เอานิ้วไปแปะจอติด พร้อมอันล็อค
สามคันเลยเหรอครับ :p
ไม่น่าใช่นะครับ น่าจะผิด สามรถ ==> สามรส ออกเปรี้ยวหวานเผ็ด
ดะ ดะ เดี๋ยวนะ...
ทำไมผมนึกถึงสามกรอบ
ขอภาพปลากรอบด้วยครับ!
เปลี่ยนเป็นปุ่มนูนนี่ไม่ค่อยจะเชื่อ ถึงแค่นูนออกมาแค่นั้นก็เถอะ แต่การออกแบบที่ไม่ลงตัวมักเป็นปัญหาใหญ่ของแอปเปิ้ลเลย
ไม่เชื่อตรงนู่นขึ้นนี่แล ผมว่าเค้าผ่านการออกแบบมาหลายอย่างแล้วหละว่าต้องเว้าลงไป ไม่งั้นไปโดยปุ่มโฮมเองง่ายมาก วางคว่ำก็ไม่ได้ เลยทำเว้าให้รู้ว่าจุดไหนเป็นปุ่มแทน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เซนเซอนี้มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรอครับ เห็นอยากให้มีกันจัง
พอมันนูนขึ้นมา วางคว่ำแล้ว Siri ตื่นแน่ เหมือนเวลาแปะ sticker
ไม่มีทางนูน gender concept ของแอปเปิลไม่ใช่แบบนั้น
ขนาดนั้นเลยรึ..
ใครหนอช่างคิดว่าปุ่มจะนูนขึ้นมา
ที่ปุ่มมันเว้าลงไปตั้งแต่ไอโฟนรุ่นแรกมันเว้าเพราะมันมีเหตุผล
ลองให้ปุ่มนูนขึ้นมาสิ Siriได้พูดทั้งวันแน่
ผมไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างปุ่มนูนกับสิริครับ ใครก็ได้ช่วยหน่อยยย
เมื่อกดค้างจะเรียก Siri ขึ้นมาครับ พอมันนูนจะเผลอกดทับได้บ่อยครับ
แค่พวกสติกเกอร์ติดตกแต่งปุ่มโฮมเนี่ย พอใส่กระเป๋า หรือใส่ซองมันยังทำเอาเครื่องร้อนเลยครับ ควักมาดูเจอสิริสแตนบายอยู่ -..-'
my blog
ขอบคุณครับ ทีแรกนึกว่ามุกอะไรแปลกๆ จริงๆคือมาจากการใช้งานเลยสินะ
เลือกใช้คำหรูมากเลยครับ "พลอยสีน้ำเงิน" เขียนเก่งแบบนี้ น่าจะไปเขียนข่าวให้มติชนออนไลน์นะครับ หุหุ
http://en.wikipedia.org/wiki/Sapphire ก็ถูกแล้วนิ
[ทะเล1]ร้องโหยหวนว่าอยากได้ 7970
[ทะเล2]ทำไมต้องข้าวผัดกับโอเลี้ยง?
???
WTF? I don't get it. LOLs
คงจะหมายถึง Sapphire Radeon HD7970
แต่อันที่2ไม่ทราบ งงด้วยคน? -..-*
พลอยสีน้ำเงินมันแปลแบบแถๆกลับมาว่า Blue Diamond ได้ล่ะมั้งครับ
ผมเดาว่าเรื่องที่มันเสี่ยงคงมีแค่อันนี้ที่เข้าเค้า
เปลี่ยนเป็น "ไพลิน" แทนดีไหมครับ :p
ต้องเจาะจงว่าเป็นมติชนออนไลน์ด้วยเหรอครับ ?
มีคนแปลแบบนี้กันอยู่แล้วนะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
[เรื่องข่าว] Sapphire ไม่มีสีนะครับ (ต้นข่าวใช้คำว่า Sapphire ไม่ใช่ Blue Sapphire)
[นอกเรื่อง] สำหรับหลายๆ คนที่สงสัย ผมคิดว่ากระจกแซฟไฟร์นี้น่าจะเป็นสังเคราะห์ครับ Al2O3(แน่นอนล่ะ นาฬิกาหรืออุปกรณ์อื่นๆ ถ้าไม่ใช่เครื่องประดับบนนิ้ว บนสร้อยคอ เขาใช้เพราะความทนทาน ไม่ใช่สวยงาม) และพลอยสังเคราะห์ (เอ้า เหมาเพชรเข้าไปด้วยก็ได้) ราคาถูกมากครับ เพราะสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้ ยิ่งเอาไปเทียบกับของจริงแล้วคนละเรื่องครับ เพราะเราๆ เจอแต่เกรดเครื่องประดับครับ ถ้าลองไปเจอเกรด "ไม่ใสพอจะเป็นเครื่องประดับ" อย่างเพชรนี่ก็เป็นขี้เลยครับ (ขี้เพชรนะ อย่าคิดว่าผมประชดถึงที่เราปล่อยบนโถส้วม) ไปจบเป็นพวกใบมีดเพชรตามที่ต่างๆ อย่างใบมีดตัดพลอยเป็นต้นครับ
อย่าไปทำลายความเชื่อของแฟนบอยเลยครับ เค้าเชื่อว่าวัสดุทำ iPxxxx เป็นของราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสน แต่ Apple ใจดีเอามาขายแค่สองหมื่นมานานแล้วครับ ปล่อยเค้ามีความสุขไปดีกว่าครับ
ไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบคุณ
และโชคดี ที่ไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบคุณ
อย่าไปทำลายความเชื่อของ anti-แฟนบอยเลยครับ เค้าเชื่อ fanboy ทุกคนเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่มีแต่เค้านั่นแหละที่เชื่อว่าวัสดุทำ iPxxxx เป็นของราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสน แต่ Apple ใจดีเอามาขายแค่สองหมื่น ปล่อยเค้ามีความสุขไปดีกว่าครับ
ใช่ครับ ขอบคุณครับ อย่ามาทำลายความเชื่อของ Anti-Apple อย่างผมเลย ผมแค่เชื่อในความจริงที่ว่าวัสดุที่ Apple ใช้ทำตัวเครื่องมันแพงกว่าเจ้าอื่นไม่เกินสี่ถึงห้าร้อย แต่สเป็คที่กักไว้ เช่น CPU RAM และอื่น ๆ นั้น น่าจะราว ๆ หลักพันครับ เค้าเลยขายราคาเท่าเจ้าอื่นแต่กำไรมากกว่าครับ
ผมว่าถ้าจะเอามือถือไว้ชื่นชมวัสดุ ไว้ชื่นชมสเป็คเป็นหลัก ผมก็เห็นด้วยกับคุณครับ
วัสดุเอาไว้ชื่นชมครับ สเป็คเอาไว้ใช้ครับ ตอนนี้ผมใช้ iPad with retina display (iPad 4 เผื่อใครไม่รู้) เจอ force close บ่อยจนรำคาญ แถมดันไม่เป็น multitasking เวลาเล่นอินเตอร์เน็ตเปลี่ยนแท็ปต้องโหลดใหม่ทุกครั้งเสียเวลา ถ้ามีแรมสัก 2 กิ๊กปัญหา force close น่าจะหาย แต่ก็ต้องมีการจัดการหน่วยความจำใหม่ให้เป็น multitasking จะได้ไม่ต้องโหลดใหม่บ่อย ๆ ท่านรู้สึกว่าสเป็คเอาไว้ชื่นชมอยู่หรือเปล่าครับ
"วัสดุเอาไว้ชื่นชมครับ สเป็คเอาไว้ใช้ครับ"
ชอบๆ คำนี้ ไว้รอ iOS7 ก่อน ผมว่าแรมต้องขยับล่ะ 1G คงไม่น่าจะพอจริงจัง
ผมเองก็เจอ Force close ครับในไอโฟน 4 ของผม ซึ่งมันก็เป็นไปตามยุคสมัยของแอพที่เปลี่ยนไป แต่ผมมองโดยภาพรวมครับนอกจากเรื่องเสป็คมันก็มีปัจจัยอื่นๆ ประกอบอีกหลายอย่างในการเลือกใช้อุปกรณ์อะไรสักอย่าง ส่วนอุปกรณ์ idevice ที่ออกใหม่มา คืออย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าประสบการณ์ที่ได้รับโดยรวมนั้นจะยังคงดีหรืออย่างน้อยก็ยังใช้งานได้ดีในการใช้งานทั่วๆ ไปอยู่ ทั้งนี้มองไปถึงอุปกรณ์ค่ายอื่นที่ไม่ใช่ iOS ด้วยครับ อย่าง Moto หรือ Nokia ที่จะมุ่งเน้นไปทางด้านการ Optimize อุปกรณ์ มีความพิถีพิถันมากกว่าการพยายามอัดเสป็คอัดฟีเจอร์อย่างเดียวเหมือนบางค่าย
ผมมีมุมมองที่ต่างออกไปครับ ผมมองถึงการใช้งานในระยะยาวครับ เพราะต่อให้ Optimize มาดีมากแค่ไหน แต่มันก็ได้แค่เพียงปัจจุบันครับ ไม่ทางที่ใครจะสามารถคาดการณ์ไปถึงอนาคตได้อย่างแม่นยำว่าการใช้งานมือถือจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใด การเผื่อสเปคไว้ย่อมดีกว่าถ้าคิดจะใช้ต่อเนื่องสักสามถึงสี่ปีโดยไม่ทำตกเจ๊งไปก่อน
ในปัจจุบันผมใช้ Note 1 อยู่ ยังรู้สึกว่าใช้ได้ดีและคงยังไม่เปลี่ยนจน Note 4 ออก (ถ้าเป็นไปได้) และวันนี้เองพ่อผมก็โยน Note 2 มาให้เพราะแกไม่ค่อยได้ใช้ แกพึ่งไปซื้อ S4 Zoom มาใช้แทนเพราะเน้นถ่ายรูป ผมก็ยกโทรศัพท์โทรหาเพื่อน ขายไป 12,000 รอมันมาเอาจะได้เอาตังให้พ่อ เพราะเครื่องผมยังใช้ดีอยู่เพราะเลือกสเปคเหลือไว้แล้ว น่าจะใช้ได้อีกนาน
แต่สำหรับคนที่คิดจะเปลี่ยนมือถือทุกปี เพราะขายได้ราคา ผมเชื่อว่าเลือกเครื่องที่ Optimize มาดีแล้ว น่าจะเหมาะกว่าครับ
ปล. เป็นความเห็นส่วนตัวทั้งหมดน่ะครับ ไม่ได้บังคับให้เชื่อ
นั่นก็คงเหมือนกับที่ผมยังใช้ iPhone 4 หรือเพื่อนๆ ผมหลายคนที่ยังใช้ 3GS อยู่นั่นแหละครับ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกในความคุ้มค่า ถ้ามันตอบสนองต่อการใช้งานของผมหรือของเขาเหล่านั้นแล้ว มันก็คือจบ เพราะไม่ว่าเราจะเผื่อไว้มากแค่ไหนสุดท้ายเราก็ไม่สามารถหามือถือหรืออุปกรณ์ที่สมบูรณ์แบบได้อยู่ดี เพราะความต้องการของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด
iPad 4 แล้ว force close บ่อยๆนี่น่าสนใจดีเหมือนกัน เพราะน้องแฟนผมมันเล่น XCOM แต่ตัว tasklist เห้นมี final 4 กับ KR กับแอปไรไม่รู้เป็นแถว ยังไม่โดน force close เลยครับ(แต่มี force close บ้างแต่หลังๆไม่เป้นแล้วพออัพเดต ios ตัวล่าสุดนะครับ) อยากรู้ว่าเล่น app ไรหรือครับถึงโดนขนาดนั้น
Chrome นี้บ่อยมากครับ แล้วก็มีอาการมีอัพเดทแต่กดแล้วไม่อัพให้ งงทั้ง ๆ ที่มี Account เดียว บางที wifi ก็ต่อไม่ติดทั้ง ๆ ที่เครื่องอื่นก็ใช้ได้ ต้องปิดเครื่องเปิดใหม่ถึงจะหาย และที่รำคาญที่สุดคือเครื่องร้อนมาก เล่นในห้องแอร์แต่ยังร้อนได้ขนาดนี้เลย ต้องเอาอะไรมาลองมือจับ
สรุปเครื่องผมมันเจ๊งหรือเปล่าเนี้ย
เครื่อง jail หรือเปล่าครับ ?
IPad mini ของผม Stable มากเลยนะ Force Close นับครั้งได้ (ไม่ถึง 5 ครั้ง, เครื่อง jail แต่ app แท้ 98% ไม่ได้ tweak อะไร)
Chrome นี่ใช้ทุกวันไม่มีปัญหา update ทุก app ไม่มีปัญหาเช่นกัน
ไม่ใช่กองอวย แต่มาจากประสบการ์ณจริงครับ
ตอบคุณ Perl ครับ
ไม่ได้ jail ครับ เครื่อง iPad 4 wifi 64 gig ครับ ส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Chrome ครับ เกมเล่นน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่จะซื้อใน Note 10.1 ไว้แล้ว วันนี้เองอาการ App อัพเดทไม่ได้ก็หายไปก็อัพได้เฉยเลย มีคนของ Apple เฝ้าดูอยู่หรือเปล่าเนี้ย :D
ตอบคุณ redgene ครับ
ครับ ไม่มีอะไรเปอร์เฟค ข้อดีคือจอชัดมากน่ะครับ ทำให้ทนใช้ได้ แต่บางครั้งอาการ wifi ต่อไม่ติดบ่อย ๆ ก็ต้องไปคว้า Note 10.1 มาใช้แทน แต่จอมันชัดไม่เท่าอ่ะ
อาการท่านคล้าย iPad3 ของผมมากครับ เพียงแต่ chrome ผมไม่ค้างครับ(แต่ดันค้าง safari เป็นบางครั้งเวลาเปิดพวกเวปไทยนี่แหละ) แต่ร้อนมากเปิดแอร์ยังร้อนเลย เป็นรุ่นที่ผมอยากเผา Apple ทิ้งมาก
อคติ
ท่าทางจะเก็บกดมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโดนใครทำอะไรกระทบกระเทือนจิตใจมาก่อนหรือเปล่าถึงได้ต้องพิมพ์แสดงออกเยี่ยงนี้
สงสัยจะอ่านใจคนอื่นได้ ถึงขนาดรู้ลึกไปถึงว่าคนอื่นเชื่อแบบไหนอย่างไร ถ้าแน่จริงช่วยบอกชื่อคนที่คุณรู้จักที่เขาเชื่ออย่างที่คุณกล่าวอ้างหน่อยได้ไหมครับ จะได้รู้เลยว่าคนๆ นี้มีอยู่จริงไม่ใช่เป็นแค่มโนภาพ
That is the way things are.
โอ้ว คุณ zerocool ยอมรับว่าเป็นแฟนบอย Apple แล้วเหรอครับ เห็นเมื่อก่อนปฎิเสธตลอด
ดีแล้วครับ ยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น เป็นแฟนบอยไม่ได้ผิดอะไรครับ
ไม่ทราบว่าภาษาไทยที่เขียนไปของผมนั้นมีตรงไหนที่บอกว่าผมยอมรับว่าเป็น fanboy หรือครับ ? หรือเพียงแค่ผม reply ไม่เห็นด้วยกับความคิดอคติคิดไปเองของคุณ คุณเลยเหมารวมว่าผมต้องเป็น Apple fanboy แน่นอน ?
ผมว่าแต่ก่อนคุณก็คุยมีเหตุผลดีนะ มามี comment อันก่อนหน้านี่แหละที่ดูแย่มาก ไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักฐาน กล่าวหาลอย ๆ แดกดันแบบลอย ๆ พอถามหาหลักฐานก็มาแถย้อนหาว่าคนอื่นเป็น fanboy อันนี้มันใช่ตรรกะหรือครับ ลองถามตัวเองดูอย่างจริงจังดีไหม ?
ปล. ผมเพิ่งสั่งซื้อ HTC One มาจากเพื่อนที่ USA และกำลังจะขาย iPhone แบบนี้เรียกว่าเป็น fanboy ด้วยไหมครับ ?
That is the way things are.
ไม่ตอบคำถามยังไม่พอ ดิฟสะงั้น
ตอบคุณ okataru อื่มมันมีโควต้าแค่แปดครั้งอ่ะครับ แล้วก็มีงานต้องทำด้วย เลยไม่ได้มานั้งรอตอบ แล้วก็ต้องเลือกตอบที่น่าสนใจด้วยครับ หวังว่าจะเข้าใจน่ะครับ
ขอตอบรวมความเห็นข้างล่างของคุณเลยแล้วกันน่ะครับ
แนวคิดทำลายฝั่งตรงข้ามนี้ต้องฟัง keynote ก่อนถึงจะเกิดแนวคิดนี้ครับ แต่พอดีผมไม่ได้ฟังอ่ะ ถ้าเป็นแฟนบอย Apple ก็ต้องรู้เรื่องนี้ดีน่ะครับ
แล้วความเห็นของผมมันเกิดจากการอ่านความเห็นที่ผ่านมาใน Blognone ทำให้เกิดภาพของแฟนบอย Apple เป็นแบบนี้ครับ ซึ่งการรับรู้ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันครับ ฝ่ายเดียวกันก็จะไม่รู้สึกว่าฝั่งตัวเองทำอะไรไม่ดีบ้าง แต่จะมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีของฝั่งตรงข้าม การรับรู้สะสมของผมทำให้ผมคิดออกมาได้แบบนี้ ว่าแฟนบอย Apple มักจะดูถูกคนอื่นและยกตัวเองเหนือกว่าอย่างไม่มีเหตุผลครับ
ขอตอบคุณ Zerocool ในนี้ด้วยเลย เดิ๋ยวโควต้าหมดอีก
คือผมดูจากความเห็นที่ผ่าน ๆ มาอย่างที่กล่าวไว้ข้างบนโดยไม่ได้ใช้พลังพิเศษครับ
แต่ผมว่าคุณ Zerocool นี้ต้องเป็นผู้ชำนาญด้าน ซึนเดเระ(Tsundere) แน่เลยครับ เพราะรู้ว่าแฟนบอย Apple ที่แสดงความเห็นออกมาในแบบดูถูกคนอื่นนั้นไม่ได้คิดอย่างที่เขียน เรียกว่า ถึกปากจะร้ายแต่ใจแสนรักก็ว่าได้น่ะครับ
ขอตอบคุณ เอ็มเคลบ ด้วยเลยแล้วกันน่ะครับ
การตอบเยอะ ๆ ของผมนี้น่าจะเรียกว่าโง่มากกว่าน่ะครับ คนฉลาดแบบคุณก็พิมพ์สั่น ๆ ก็ทำให้คนเสียใจได้นี้เรียกได้ว่าฉลาดจริง สิ่งที่ผมพยายามอธิบายคือ สิ่งที่แฟนบอย Apple สร้างภาพไว้ในหัวผมคือการดูถูกผู้อื่นว่าของตัวเองดีกว่าเยอะ ทั้งที่ความจริงมันก็ไม่ได้แตกต่างกับเจ้าอื่นเท่าไหร่เลยมีปัญหาเหมือน ๆ กับเจ้าอื่น
ผมว่าที่ส่วนหนึ่งคนเข้าใจว่าคุณวางตัวเป็นกลางก็เพราะ "Not to much, not to less, in the middle, that's the way to go.
" มั้งครับ ซึ่งมันค่อนข้างขัดกับข้อความที่คุณเคยตอบเป็นส่วนใหญ่ในเว็บนี้ครับ
ผมไม่เคยอ่านใจใครเหมือนคุณครับ วิเคราะห์ไปตามตัวหนังสือที่เห็นเท่านั้น คุณบอกว่ามีสิ่งที่เรียกว่า "Apple fanboy ที่แสดงความเห็นออกมาในแบบดูถูกคนอื่น" (สำหรับกกรณีข่าวนี้ผมขอสงวนให้จำกัดเฉพาะเรื่องวัสดุอย่างที่คุณพิมพ์ใน comment แรกนะครับ) ผมก็ถามไปแต่แรกแล้วครับว่าคนอย่างที่คุณว่านี่น่ะเขาชื่ออะไร มีอยู่จริงหรือไม่ ถ้ามีก็เอา link มา post เอาคำพูดมา quote ได้เลยแต่การที่คุณทำอย่างที่ผมและอีกหลายคนบอกไม่ได้ มันทำให้หลายคนรวมถึงผมคิดว่าสิ่งที่คุณพูดน่ะมันไม่จริง มันเป็นจินตนาการที่เกิดจากอคติของคุณเอง
พฤติกรรมประเภทตอบไม่ตรงคำถามเพราะตอบไม่ได้หรือไม่กล้าตอบอะไรก็แล้วแต่ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวเรื่องมาจิกกัดคนที่ถกเถียงอยู่ด้วยแทน (แบบมั่ว ๆ ไม่ตรงเรื่อง) คุณคิดว่าคนอื่นเขาอ่านแล้วไม่รู้หรือครับว่าคุณกำลังพยายามเลี่ยงประเด็น ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอก็เลิกแถเอียงไปเอียงมาเถอะครับ
พอผมบอกว่าจะเปลี่ยนไปซื้อ HTC One ก็เลยกล่าวหามโนภาพว่าผมเป็น Apple fanboy ไม่ได้ ตอนนี้เลยจะให้ผมเป็นพวกซึนเดเระแทน ? เปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ เลยนะครับ ไม่รู้สึกละอายแก่ใจ ไม่่รู้สึกละอายต่อวิชาตรรกศาสตร์ที่เรียนมา (หากคุณเคยเรียนนะ) บ้างหรือครับ ?
ผมว่าคุณนี่เข้าขั้นกู่ไม่กลับแล้วจริง ๆ พิมพ์อะไรก็ได้ มั่วอะไรก็ได้ ขอให้ตัวเองไม่โดนต้อนจนมุมก็พอ ขอแค่มีพื้นที่เล็ก ๆ ให้ตัวเองได้รักษาความเชื่อไว้ว่า Apple fanboy นั้นเป็นอย่างที่ตัวเองคิด 100% ใครจะมาหักล้างความเชื่อนี้ไม่ได้ Apple fanboy จะเป็นแบบอื่นไม่ได้ ผมว่าคุณคงหมกหมุ่นกับ Apple มากเกินไปแล้วล่ะ บางทีมากเกินไปกว่าคนทั่ว ๆ ไปที่เขาใช้ผลิตภัณฑ์ Apple เองเสียอีก
ไร้สาระสิ้นดี
That is the way things are.
คำตอบของคำถามคุณก็คือ มโนภาพของผมมันเป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาจากสิ่งที่ผมได้อ่านความเห็นของบุคคลต่าง ๆ น่ะครับ หรือเรียกอีกอย่างว่า อคติ ของผมเกิดจากความเห็นต่าง ๆ ที่ผมได้อ่านมาครับ ซึ่งผมก็ว่าผมตอบไปแล้วนี้ ทำไมกลายเป็นว่าผมเลี่ยงไม่ตอบไม่เป็นลูกผู้ชายไปได้ครับ ถ้าอยากได้ link ได้ quote นี้ ก็จากคุณก็ได้ครับ ย่อหน้าสุดท้ายไงครับ หรือของคุณ expextoz ข้างล่างก็ได้ครับ ใช้ได้เหมือนกัน เรื่องพวกนี้มันเป็นแค่เรื่องโต้เถียงไปมาบางทีผมก็เกรงใจคุณไม่พูดตรง ๆ แต่ถ้าคุณอยากได้ตรง ๆ ก็ขออนุญาตไม่สุภาพน่ะครับ -> HTC One นี้ก็ iPhone ของ Android หรือเปล่าครับ ดีแล้วครับเพราะถ้าเป็น Butterfly นี้อาจจะแรงไปสำหรับคุณน่ะครับ เพราะมันต่างจาก iPhone เกินไป คุณอาจจะไม่ชอบก็ได้น่ะครับ excellent choice ครับ เพราะคุณรู้ว่าคุณต้องการอะไร จริงไหมครับ
ผมบอกว่าคุณชำนาญเรื่อง ซึน เพราะคุณสามารถรู้ได้ว่าคนไหน ซึน ไม่ ซึน เวลาอ่านความเห็นที่เค้าด่าคนอื่นแล้วคุณดูออกว่าในใจเค้าไม่ได้ด่าครับ ผมไม่ได้ว่าคุณเป็น ซึน ครับ เพราะผมค่อนค้างเชื่อในสิ่งที่คนบอกมาว่าจะไม่โกหก หรือไม่ก็เป็นความจริงที่อยากให้คนอื่นเชื่อ ค่อนข้างซับซ้อนน่ะครับ เอาเป็นว่า คุณไม่ซึน ไม่ได้เป็น Apple fanboy ในความคิดของคุณครับ ส่วนในความคิดของคนอื่นนี้ก็อยู่ที่ว่าพอเค้าได้อ่านความเห็นของคุณแล้วเค้าจะคิดกันไปแบบไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่รู้สึกว่าคุณจะโดนบ่อยน่ะครับ
ผมมี iPad 1 กองอยู่ออฟฟิต iPad 4 อยู่ที่ห้องนอนครับ รอ iOS7 มาลองเล่นอยู่ครับ
แต่วัสดุมันก็ดีกว่าชาวบ้านจริงๆ นะ =..=
ถ้ามียี่ห้อไหนที่วัสดุดีกว่าช่วยบอกด้วย
ผมว่าถ้าเป็นคนที่มีสมองและความคิดก็คงจะแยกออกแหละครับว่า iPhone เครื่องละสองหมื่นกว่าๆ เล็งกำไรต่อเครื่อง 50% ขึ้นไป จะมีที่ไหนใส่ต้นทุนราคาสูงๆมาให้
นอกจากพวกไม่ค่อยจะคิด สักแต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินไปวันๆอะครับ
ขอถามสองคำถามครับ
พลาสติกราคา 20k+ ยังซื้อกันเลยครับ มันไม่ใช่แค่วัสดุ มันคือทุกอย่างที่รวมกันเป็นอุปกรณ์แล้วถูกใจคนที่จะซื้อ ก็เลยซื้อกันไม่ใช่หรือครับ (ซึ่งมือถือผมก็พลาสติก 20k เช่นกัน)?
Dream high, work hard.
ผมอาจจะเขียนไม่ละเอียดนะครับ ต้นทุนในที่นี้ ไม่รวมถึงพวก R&D หรือพวก Overhead ทั้งหลาย และเนื่องจากผม(รวมถึงหลายๆคน) ไม่ใช่นักการตลาดมืออาชีพ การจะคำนวนหาต้นทุนที่แท้จริงคงทำได้ยากมากจึงขออ้างอิง ต้นทุนจาก iSuppli ว่าไว้ราวๆ $200 ครับ
ส่วนอุปกรณ์ต่างๆมันเกิน 50% อยู่แล้วครับ แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับที่ผมโพสต์เลย
ที่ผมต้องการจะสื่อคือที่เค้าบอกว่าใส่วัสดุราคาเป็นแสนเป็นล้านใน iPhone ผมถึงบอกว่าคนที่คิดเป็นก็รู้กันหมดแหละครับว่ามันเป็นไปไม่ได้ นอกจากจะไม่คิดกันใช้แต่อคติมอง
อ้อ อาจจะเป็นที่ผมอ่านแล้วตีความผิดด้วยครับ
ผมก็ไม่รู้นะครับว่าเจ้าปุ่ม Home เคลือบแซฟไฟร์มันจะต้นทุนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพราะเห็นว่าเลนส์ของ iPhone 5 มันก็แซฟไฟร์คริสตัลอยู่แล้ว...
Dream high, work hard.
ขอชื่อครับ
ลายออกเเล้วเหรอครับ เมื่อก่อนเห็นแซะแอปเปิ้ลบ่อยๆ
แต่ตอนนั้นบอกตัวเองเป็นกลาง ที่แท้ก็พวก anti fanboy นี่เอง
เอ่อ ผมไม่เคยบอกว่าเป็นกลางครับ และผมก็เคยบอกว่าเป็น Anti-Apple ไปหลายครั้งแล้วด้วยครับ ไม่เคยโกหกครับ เพราะเป็น Anti-Apple มันผิดอะไรตรงไหนเหรอครับ ไม่เคยไม่ภูมิใจที่ Anti-Apple ครับ เพราะผมไม่ชอบแนวทางระบบปิดของ Apple แต่ไม่เคยคิดให้ Apple เจ๊ง เพราะผมเชื่อว่าการแข่งขันของแต่ละค่ายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้บริโภค การมีอยู่ของ Apple เป็นตัวขับสำคัญที่ทำให้มือถือฝั่ง Android ต้องพัฒนาสู้ ถ้าหากขาดผู้เล่นสำคัญระดับนี้ไปการพัฒนาก็ไม่เกิด ซึ่งก็กลับกันกับ Apple เอง Android ก็มีความสำคัญที่เป็นตัวกดดันให้ต้องพยายามพลักดันให้เทคโนโลยีของตนเองดีขึ้นไป การคงอยู่ของทั้งสองฝั่งเป็นสิ่งจำเป็นครับ ที่คิดแบบนี้เพราะไม่ได้ถือหุ้นบริษัทเหล่านี้เป็นแค่ผู้บริโภคธรรมดาคนหนึ่ง
แฟนบอยหลายคน (ทุกฝั่ง) มักจะคิดตามแบบเจ้าของบริษัท คือมีแนวคิดที่จะทำลายฝั่งตรงข้ามเพี่ยงอย่างเดียว ซึ่งในความเป็นจริงมันจะเป็นผลดีสำหรับบริษัทเท่านั้น เพราะหลังจากที่ผูกขาดตลาดได้ก็ไม่จำเป็นต้องพัฒนาเร็วอีกต่อไป เพราะไม่มีคู่แข่งอีกต่อไป อยากให้แฟนบอยเหล่านั้นคิดให้มากขึ้นครับ
ผมเป็นแฟนบอยของ Samsung กับ Sony (นอกใจ Sony) แต่ก็ไม่เคยอ่อนข้อหรื่ออ่วยให้ถ้าเกิดค่ายมือถือเหล่านี้ทำสิ่งที่ไม่ดี และจะปกป้องก็ต่อเมื่อเจอความไม่ยุติธรรมและการใช้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงครับ ขอให้ท่านพิจารณาดูแล้วกันครับว่าการที่ผมเป็นนี้มันไม่ดีอย่างไร และถ้าเป็นไปได้พิจารณาตนเองด้วยครับ
คุณจะ Anti-Apple ก็ควรด่า Apple ครับไม่ใช่ด่าคนที่เขาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Apple มโนภาพไปเองว่าเขาต้องคิดอย่างนั้นอย่างนี้แล้วก็มาพิมพ์คำพูดแดกดัน ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงยังไม่มีคนใช้ผลิตภัณฑ์ Apple คนไหนออกมาพิมพ์ก่อนอย่างที่คุณจินตนาการไปเองเลย รู้ดีไปถึงความคิดและความเชื่อของคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงอะไรประกอบเลยนี่คุณเป็นผู้มีพลังพิเศษอ่านความคิดคนอื่นได้อย่างนั้นหรือครับ ?
ลองพิจารณาตนเองครับว่าการกระทำแบบนี้มันสมควรแก่เหตุไหม
That is the way things are.
แฟนบอยหลายคน ที่คุณพูดก็คงหมายถึงตัวเองด้วยสินะครับ "มีแนวคิดที่จะทำลายฝั่งตรงข้าม" แอบขำที่ด่าพฤติกรรมคนอื่นจนลืมดูว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็น
คิดตลกๆ เหมือนคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียว คนอื่นโง่หมด
ไม่เคยเจอ สาวก Sony HTC LG หรือ Motorola โจมตี Apple ส่วนใหญ่เจอแต่พวกซาวก Samsung โจมตี Apple เรื่องกั๊ก spec ไม่แรงงั้นงี้ //ใช้พลาสติกขันน้ำ spec แรงๆแต่ใส้ในเน่าต่อไป
ไม่แน่ใจเรื่องสีนะครับ แต่ dict หลายๆ ที่จะแปลว่าพลอยสีน้ำเงิน สีคราม ผมเล่นเกมไหนที่มี sapphire ก็สีน้ำเงินนะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่เรื่องสแกนลายนิ้วมือมือถือสมัยก่อนก็มีหลายรุ่น แต่เหมือนเอามาทำใหม่เลยเฉยๆ
มันก็เหมือนกับที่เมื่อก่อนตอนไอโฟนตัวแรกออกมาแหละครับ มือถือหรือ PDA ทัชสกรีนก็มีอยู่หลายรุ่นในตอนนั้น ไอโฟนก็แค่เอามาปรับปรุงใหม่ ถ้าระบบสแกนที่ว่านี้ได้ถูกเอามาใช้จริง ก็คงต้องรอดูว่ามันจะช่วยอะไรให้ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า คงต้องดูกันยาวๆ ครับ
ถ้า integrate กับระบบดีๆ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าใช้เลยล่ะ
หยิบเครื่องมา -> กดปุ่ม home -> ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ -> unlock
ไม่ต้องกลัวใครเห็นรหัสผ่านเลย
HI-SO เช่นเคย
ทำปุ่มนูนมา เวลาใส่กางเกงมันไม่กดให้เองหรือ ?
นั่นสิ ผมก็สงสัยเหมือนกัน เพราะปุ่มที่มันบุ๋มลงไปทำให้หมดปัญหาว่าเวลาใส่กางเกงแล้วจะไปโดน แต่ถ้านูนขค้นมาก็สงสัยเหมือนกันว่าจะเป็นปัญหาหรือไม่
ใส่ในกระเป๋ากางเกงแล้วโดนปุ่มก็ไม่เป็นไรครับ ลายนิ้วมือไม่ตรงเครื่องไม่ติด
...แต่ปุ่มพังเร็วแทน
กลัวว่าแตะโดนแล้วจอจะสว่างน่ะสิครับ ถ้าเป็นบ่อยๆเปลืองแบตแย่
หรือเป็นปุ่มแบบสัมผัส?
แก้ปัญหาปุ่ม home เจ๊งได้ระยะยาวเลยนะครับถ้างั้น
โดนขโมยทีนี้ไม่ได้หายแต่ iPhone นะ นิ้วสงสัยโดนตัดไปด้วยแหง๋
ถ้าจะออกแบบ แบบนี้จริงๆ เรื่องกดไปโดนผมคิดว่า Apple คงแก้ปัญหาไว้แล้วมั้งครับ
ใส่ capacitive sensor เข้าไปด้วย กันวาง/ใส่ซอง/ใส่กระเป๋าแล้วกดโดน XD
ที่จริง Apple ควรใส่ NFC มากกว่าเจ้านี่นะ ? หรือว่าแอปเปิ้ลพยายามจะเข้าตลาดองค์กรณ์มากขึ้น ?
หรือ เอาไว้จับว่าเป็นนิ้วเจ้าของเครื่องจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นอะไรมากดโดน แล้วปุ่ม home ถึงจะทำงาน ?
องค์กรณ์ --► องค์กร
คิดว่าคงใช้ร่วมกับ NFC นะผมว่า คงใช้เรื่องความปลอดภัยเบื้องต้น (ล็อกเครื่อง) และก็ยืนยันตนเวลาทำธุรกรรมด้วย
น่าจะเรียกว่ามองคนละมุม เจ้าอื่นเลือก NFC ก่อนแล้วค่อยพัฒนาความปลอดภัยตามหลัง แต่ Apple เลือกความปลอดภัยก่อนแล้วค่อยพัฒนาระบบอื่น ๆ ที่ต้องการใช้การยืนยันตัวตนตามหลัง
มีก็ไม่ใช้อ่ะ เห็นแต่ละคนจะสแกนนิ้วเข้างานทีกว่าจะติดตั้งสามสี่รอบ เสียเวลาเปิดเครื่อง -*-
ราคาอย่าแพงมากเน้อ ซื้อไม่ไหวครับ
ถ้าปุ่ม home พังค่าเปลี่ยนแพงขึ้นอะดินี่
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อันนี้โหดจริง
อะเฮื้อออออ!!!!!
ไม่ช่วยให้ปุ่มโฮมพังยากขึ้นเลยยยย = = อายุ iphone มันสั้นกว่าปกติเพราะปุ่มโฮมไปก่อนเพื่อนนี่แหละ จริงๆน่าทำเป็น capacitive button เหมือนมือถือแอนดรอยด์หลายรุ่นไปเลยนะจะได้แก้ปัญหานี้ไปเลย
รุ่นหลังๆมาไม่ค่อยจะเป็นแล้วนะครับผมเองใช้ I5 มาปีกว่าแล้วยังปกติอยู่เลยแต่ไม่เห็นด้วยตรงปุ่มนูนขึ้นเนี้ยแหละครับ