เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีข่าวลือว่าไมโครซอฟท์จ่ายเงินให้กับผู้ผลิตมือถือหลายรายเพื่อให้ทำ และโปรโมต Windows Phone ในปี 2014 ซึ่งในรายชื่อก็มีทั้งซัมซุง โซนี่ และหัวเหว่ยในจำนวนเงินที่ต่างกันไป ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกมาตอบในประเด็นนี้แล้ว
Frank Shaw หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของไมโครซอฟท์พูดถึงประเด็นนี้ว่าไมโครซอฟท์นั้นจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตมือถือจริง แต่ก็เป็นเงินที่จ่ายเพื่อทำการตลาดร่วมกันเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เคยกับผู้ผลิตรายอื่นทั้งโนเกีย และเอชทีซี แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขออกมา แต่ Shaw ก็ระบุว่าตัวเลข 2,600 ล้านเหรียญที่ลือมานั้นถูกแต่งมาแน่นอน
ทางฝั่ง Eldar Murtazin บล็อกเกอร์รัสเซียที่ช่วงนี้มีข่าวลือบ่อย และเป็นต้นข่าวลือนี้ตอกกลับว่า ไม่ว่าไมโครซอฟท์จะเรียกเงินส่วนนี้ว่าอะไร แต่มันไม่ได้เพียงพอแค่จ่ายค่าการตลาด แต่ครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ อาทิ ค่าวิจัยและพัฒนาเลยทีเดียว
คำถามที่เหลืออยู่คือ ไมโครซอฟท์จ่ายไปเท่าไหร่นั่นเองครับ
ที่มา - unwired view
Comments
ตัวเลข 2,600 ล้านเหรียญที่ลือมานั้นถูกแต่งมาแน่นอน
เพราะเราจ่ายระดับ 26,000
ฮา
เอางบไปทำวิจัยและพัฒนาดีกว่านะ ดีกว่าโปรโมทโครมๆ ให้คนอยากใช้ แต่พอใช้จริงคนใช้ร้องยี้
งานวิจัย MS มีแผนกนี้อยู่แล้วครับแล้วทำไมเขาจะเอาเงินทำตลาดไม่ได้ คราวที่แล้วก็ไม่ค่อยทำตลาดจนผู้ใช้สับสนไปหมด ว่า Surface Pro กับ Surface RT ต่างกันอย่างไร
เอาไปเพิ่มงบวิจัยอีกไงครับ เพราะปัจจุบันทำตัวเหมือนวิจัยยังไม่มากพอ
และอีกอย่าง นี่คืองบ WP ครับไม่ใช่ Surface
ผมว่างบวิจัย ms สามารถเขย่าวงการมือถือได้เลย แต่ที่ยังทำไม่ได้เพราะการเมืองภายในล้วนๆ
อิงจากลิงค์ ตัวเลขเยอะเพราะอาจใช้งบในหลายๆส่วน
http://money.cnn.com/2013/11/20/technology/mobile/apple-rd-spend/
เพราะฉะนั้นงบเยอะไปก็เท่านั้น
มันเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกันครับ คือมีงบอยู่ก้อนนึง สิ่งนึงก็คือทำผลิตภัณฑ์ให้มันดี อีกสิ่งนึงก็คือทำให้มันขายได้
ทำให้มันดีก็ต้องทุ่มงบวิจัยครับ ทำให้มันขายได้ก็คือการตลาด
ในวงการนี้มีของหลายอย่างครับ ดีจริงแต่ขายไม่ออก แต่บางอย่างไม่ได้ดีอะไรมากแต่ขายดี
พอขายได้ก็มีงบเพิ่ม งบที่เพิ่มเนี่ยแหละครับจะเอามาลง งบวิจัยได้
แต่ถ้ามัวแต่วิจัยไม่ทำตลาด ขายไม่ได้สุดท้ายก็หมดงบ ก็มีมาเยอะครับ หลาย ๆ บริษัท Startup ที่ล้มไม่เป็นท่าเพราะมัวแต่วิจัยแต่ไม่ได้ขายสักที
และการวิจัยนอกจากเงินลงทุนวิจัยแล้วยังมีเรื่องของเวลาและต้นทุนของวัตถุดิบอีกครับ
อย่าง WP ถ้าอัดเต็มสูบเลยสุดท้ายราคาแพงเกินไปก็ไม่มีใครอยากได้ ของดีจริงแต่มาเร็วไปหน่อย หรือสื่อให้คนซื้อเข้าใจไม่ได้ก็ขายไม่ออกครับ
WP ผมว่ามันประสบความสำเร็จนะ บริษัทเริ่มจากที่เรียกได้ว่าเกือบ 0
สร้างใหม่บางทียังง่ายกว่า นี่สร้างจากชื่อเสีย มันเป็นอะไรที่ยากลำบากนะครับ
ไม่ใช่ว่าคนไม่มั่นใจในสินค้าว่าดีหรือไม่ แต่คนมั่นใจเลยว่าสินค้ามันไม่ดี ถ้าไม่ทุ่มงบการตลาดให้มาก สื่อให้คนคลายความมั่นใจในตัวสินค้า(ว่าไม่ดี)ลงไป มันก็เพิ่มยอดขายได้ยากนะครับ
คุณกำลังพูดถึง Microsoft อยู่นะครับ O_O!!
สองล้านล้าน?
-..-
ไม่เคยเข้าใจว่าตลาดต้องการอะไร ก็อยู่รอดในตลาดไม่ได้หรอกครับ
ต้องรู้ และปรับเปลี่ยนไปตามโลก ตามยุคสมัย
ลองช่วยอธิบายหน่อยสิครับว่าตลาดต้องการอะไร?
น่าจะเป็นพวก ผัก หมูเป็ด ไก่ เนื้อ ปลา อาหารสำเร็จ อะไรพวกนี้รึเปล่าครับ
อ่อ ถ้าตลาดนัด น่าจะต้องมีเสื้อผ้าด้วย // เผ่น
ผมว่าทุกค่ายต่างทราบดีว่าลูกค้าที่บริษัทกำลังโฟกัสต้องการอะไร แต่จะให้สำเร็จคงยาก เพราะลูกค้านี่ล่ะเอาแน่เอานอนไม่ได้ เช่นสาวก iphone วัดดีคืนดีเปลี่ยนไปใช้ android ซะงั้นเนื่องจากความไม่ยุ่งยากในการใช้งานร่วมคอมพิวเตอร์ อีกตัวอย่าง i5c นี่จะว่าแป๊กก็ได้ เพราะลดเกรดอุปกรณ์หลายส่วนหวังจะจับลูกค้าที่ระดับฐานการเงินรองลงมา แต่กลายเป็นว่าตั้งราคาแทบไม่ห่างตัวท๊อป จะใช้คำว่าไม่เข้าใจตลาดได้ปะครับ
ต่อให้คุณทำการตลาดมาเฉียบขาดมากแค่ไหนมั่นใจ100เปอเซน พอวันดำเนินการจริงๆผมว่าผลมันไม่เต็ม 100 อย่างที่หวังหรอก ถ้าได้ซัก 90เปอเซน ผมว่าคนๆนั้นฝีมือการตลาดระดับโลกแล้ว
แต่มีบางสิ่งที่เหนือกว่าการตลาดระดับโลก งบวิจับมหาศาลล้นพ้น ทั้งหมดล้วนแพ้ บุญ หรือ ดวง 5555 ใครจะคิด social network ที่ใช้ในวงแคบๆจะกลายเป็น social network ที่คนใช้มากที่สุด
อย่าว่าแต่คนขายเลยครับ ว่าไม่รู้ว่าคนซื้อต้องการอะไร
บางทีคนซื้อเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการอะไร
บางทีก็ต้องการแค่ ใช้มือถือที่คนอื่น ๆ เค้าใช้กัน
แบบนี้จะแก้ยังไงดีล่ะครับ
ถ้าตลาดจริง ๆ แล้วต้องการแค่ "มือถือรุ่นเดียวกับที่คนรอบข้างใช้"
ไม่ใช่ 2,600 ล้าน แต่เป็น 2,599 ล้านสินะ
A smooth sea never made a skillful sailor.