หลังจากได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือไอโฟนรุ่นแรกมาร่วมปี สตีฟ จ็อบส์หวังว่า เขาจะเปลี่ยนแปลงโลกของโทรศัพท์มือถือไปตลอดกาล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาก็ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือไอโฟนรุ่นที่สองของแอปเปิล
ไอโฟน3G ได้แก้ไขจุดอ่อนจำนวนมากของไอโฟนรุ่นแรกและได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ ที่สำคัญคือ การเชื่อมต่อกับโครงข่ายไร้สายความเร็วสูงรุ่นที่3 เพิ่มระบบGPS(The Global Positioning System) ซึ่งเปิดทางให้เกิดบริการใหม่ๆที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น บริการข้อมูลข่าวสาร ที่สืบเนื่องจากตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้ การเชื่อมต่อกับระบบเมลและเครือข่ายของบริษัทอย่างราบรื่น และความสามารถในการสั่งลบข้อมูลส่วนตัวในเครื่อง จากระยะไกลได้อย่างหมดจดในกรณีที่โทรศัพท์หาย
ทั้งๆที่มีทุกอย่างดีกว่าไอโฟนรุ่นแรกมาก แต่ที่คนทั่วไปประหลาดใจก็คือ ไอโฟน3G กลับเปิดตัวด้วยราคาที่ถูกกว่ารุ่นแรกมาก ทั้งยังถูกกว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ใกล้เคียงกัน จากคู่แข่งค่ายอื่นๆด้วย โดยไอโฟน3G รุ่น 8GB ราคา 199 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 6600 บาทเศษ) รุ่น 16 GB ราคา 299 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 10000 บาทเศษ)
สาเหตุคือแอปเปิล ได้ตัดสินใจเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของไอโฟนใหม่ โดยเฉพาะคือ ความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการโครงข่ายไร้สาย เช่นเอทีแอนด์ทีที่อเมริกา จากแบบเดิมที่ผู้ให้บริการ ต้องแบ่งค่าบริการในการใช้งานตามสัญญาแก่แอปเปิล
เป็นแบบใหม่ที่ ผู้ให้บริการฯออกเงินชดเชย(subsidise)แก่แอปเปิล สำหรับค่าเครื่องไอโฟน3G ทุกเครื่องที่ขายได้ โดยผู้ให้บริการฯ จะทำสัญญาผูกมัดผู้ซื้อ ให้ใช้โครงข่ายฯเป็นเวลา 2 ปีและไม่ต้องแบ่งค่าบริการการใช้งานแก่แอปเปิลอีกต่อไป นั่นคือการเดินตามโมเดลธุรกิจดั้งเดิมของผู้ผลิตรายอื่นๆ เช่นโนเกียหรือซัมซุง
แอปเปิลพบว่า โมเดลธุรกิจของไอโฟนแบบเดิม ทำให้ยอดขายของไอโฟนเติบโตช้าเกินไป แอปเปิลหวังว่า รายได้จากยอดขายของไอโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะสามารถชดเชยรายได้ที่หายไปจากส่วนแบ่งค่าบริการจากการใช้งาน
ด้วยการลดราคาและเพิ่มจำนวนประเทศที่ขายไอโฟน3Gอย่างถูกกฎหมายจาก 6 ประเทศเป็น 70 ประเทศ แอปเปิลหวังว่าจะสามารถขายไอโฟนได้ 10 ล้านเครื่องภายในปีนี้ตามเป้าหมายที่สตีฟ จ็อบส์ได้เคยแถลงไว้(ปัจจุบันขายได้แล้ว 6 ล้านเครื่อง)
ปัจจุบันบริษัทโนเกีย ประเทศฟินแลนด์ ขายสมาร์ทโฟนได้มากที่สุด ครองส่วนแบ่งตลาดโลกในไตรมาสแรกของปีนี้ ประมาณร้อยละ 45 บริษัทรีเสิชอินโมชั่น(RIM)ประเทศแคนาดา ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบลคเบอร์รี่ที่มีชื่อเสียง ครองส่วนแบ่งตลาดโลกประมาณร้อยละ 13 เฉพาะในตลาดอเมริกาซึ่งโนเกียไม่ได้รับความนิยม รีเสิชอินโมชั่นเป็นผู้นำ ด้วยส่วนแบ่งร้อยละ 42 ตามด้วยแอปเปิลร้อยละ 20
แต่ไอโฟนได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ มากกว่าแค่ส่วนแบ่งทางการตลาด ไอโฟนได้กลายเป็นผู้กำหนดมาตราฐานใหม่ ในด้านการออกแบบและความง่ายในการใช้งาน
ตามสถิติการใช้งานที่จ็อบส์เปิดเผยคือ ผู้ใช้ร้อยละ 98 เข้าอินเตอร์เน็ตด้วยไอโฟน ร้อยละ 94 ใช้อีเมลด้วยไอโฟน ร้อยละ 80 ใช้งานโปรแกรมต่างๆมากกว่า 10โปรแกรมรวมทั้งโปรแกรมเล่นเพลงไอจูน
เขายังแซวว่า ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ไม่สามารถจะหาโปรแกรมใช้งานได้เกินกว่า 10 โปรแกรมเพราะเมนูการใช้งานที่ยุ่งยาก
มีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตั้งแต่ก่อนปีคศ.1984 แต่เครื่องแมคอินทอชของแอปเปิล ได้เป็นผู้นำในการใช้รูปแบบการติดต่อ ระหว่างคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้ด้วยกราฟิกและไอคอน ซึ่งทุกรายต้องเลียนแบบและเดินตาม เปิดยุคใหม่ของพีซีเช่นที่เราเห็นในทุกวันนี้
มีเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลก่อนปีคศ.2001 แต่เครื่องไอพ็อดของแอปเปิ้ล ได้ทำให้มันใช้งานได้ง่ายและแพร่หลายไปทั่วทุกแห่งหน
เช่นเดียวกับที่ผ่านมา บทบาทที่สำคัญที่สุดของไอโฟนต่อจ๊อบ ต่อแอปเปิลและต่ออุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ คือการกำหนดทิศทางและมาตราฐานใหม่ ของโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนให้คนอื่นเดินตาม ในยุคของการสื่อสารแบบไร้สาย
สตีฟ จ็อบส์กำลังพยายามนำการปฏิวัติใหม่ครั้งที่สามในชีวิตของเขา ในโลกของเทคโนโลยี่ที่คนทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ที่มา-นิตยสารอีโคโน
มิสต์
Comments
รู้สึกเหมือนเป็น โฆษณา มากกว่าข่าวแฮะ
ไม่ถึงกับเป็นโฆษณาหรอกครับ ประมาณว่าเป็น บทความสั้น มากกว่า เกือบๆจะ advertorial เพราะเชียร์เฮียจ๊อบเหลือเกิน แต่ก็พอยอมรับได้น่ะ
ดูแล้วเป็นเหมือนบทความ ถ้าแยกบทความออกจากข่าวก็จะดี
ต้องติดตามกันต่อไปครับว่าทิศทางจะไปทางไหนครับ น่าติดตามจริงๆ ครับ
อยากใช้ในเมืองไทยแบบ ถูกต้อง ต้องรอถึงเมื่อไหร่ T_T
© NgOrXz ™ ®
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เก่งที่สุดในโลก
คงอีกนานหรือเปล่าครับ ตอนนี้ iTunes Store ยังแบนเมืองไทยในแบล็กลิสต์อยู่เลยมั้งครับ
http://itshee.exteen.com/ -- Can you upgrade Vista to XP Pro?
เรื่อง iPod ทำให้เครื่องเล่น mp3 กระจายเป็นวงกว้างนี่ความเห็นส่วนตัวผมรู้สึกว่า "ขี้โม้" ไปหน่อยครับ iPod สร้างมาตราฐานใหม่ให้วงการจริงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชิปเสียงคุณภาพดี หรือหน้าจอที่เรียบง่าย จนได้ส่วนแบ่งตลาดไปจำนวนมาก แต่เอาเข้าจริงแล้วเครื่องเล่น mp3 มันได้รับความนิยมเป็นวงกว้างมาก่อนหน้านั้นแล้ว
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ดีจริงเหรอ ผมว่าเสียงมันแย่ว่าฟังจาก N800 นะ
ผมว่าขึ้นกับคุณภาพของหูฟังด้วยนะ... แต่เท่าที่อ่าน review รุ่นที่ได้รับการยอมรับว่าเสียงดีที่สุด รู้สึกจะเป็น ipod 5G พอเป็น 5.5G คุณภาพแย่ลง.. แล้วก็ขยับมาดีขึ้นในตัว 6G (Classic)
ตอบคุณ lew
เครื่องเล่น mp3 ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างมาก่อนหน้านั้น ก็จริง
แต่เครื่องiPod นอกจากออกแบบได้สวยงาม ใช้ง่ายและราคาไม่แพง ยังสามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพีซีและแมคอินทอช ด้วยโปรแกรมไอจูนอย่างง่ายดาย สามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซ้ท์ขายเพลง วีดีโอและเนื้อหาอื่นๆ ของแอปเปิล รวมทั้งการทำข้อตกลงกับค่ายเพลงและสารพัดค่ายอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้ iPod สามารถซื้อเพลงและเนื้อหาอื่นๆได้ในราคาถูก สามารถนำเพลงและอื่นๆเก็บไว้ในเครื่อง iPod เพื่อนำไปฟังและชมได้ทุกที่ ทุกเวลา
เหล่านี้ ล้วนเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ทำให้ iPod ชนะใจผู้ใช้ทั่วโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ สามารถเอาชนะ walkman ของโซนี่ ครองส่วนแบ่งตลาดของเครื่องเล่นเพลงดิจิตอล เป็นอับหนึ่งมาหลายปีติดต่อกัน ตราบจนทุกวันนี้
"ขี้โม้" หรือไม่ ? กรุณาดูภาพประกอบตามลิ้งแนบ
http://fortuneapple20.files.wordpress.com/2008/01/shrinking-ipod.jpg
ถ้าตัดช่วงที่ iPod เป็น major player มาแล้วมันก็ดูดีครับ
แต่ iPod นั้นเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2001 และครองตลาดเป็นส่วนน้อย (ต่ำกว่า 30%) มาตลอด จนถึงช่วงปี 2004-2005 ที่สามารถทำสถิติชิงส่วนแบ่งตลาดจาก 31% มาเป็น 65% ได้ นวัตกรรมนี้ต้องใช้เวลาสี่ปีถึงจะได้รับการยอมรับ???
เทียบกับ Rio ที่เปิดตัวตอนคริสตมาสปี 1998 แล้วได้รับการยอมรับถล่มทลาย (ในตลาดยุคนั้นที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก) ใช้เวลาไม่กี่เดือน???
ถ้า iPod เป็นนวัตกรรม มันเป็นนวัตกรรมเดียวเลยหรือที่ทำให้ตลาด mp3 โตได้ถึงทุกวันนี้
ผมไม่ได้เกลียดอะไร iPod โดยส่วนตัวแล้วจากที่เคยใช้มาก็ประทับใจในคุณภาพเสียงที่ได้พอสมควร แต่ถ้าจะให้เครดิตสำหรับการเปลี่ยนตลาดจากแผ่น CD มาเป็น MP3 ผมไม่คิดว่าเราควรจะลืม Rio หรือ Creative Nomad ไปได้
ที่มา - Wikipedia
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ใช้เวลา 4 ปีในการก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งและครองแชมป์ ตลาดเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลมาจนถึงปัจจุบัน เรียกว่าช้าหรือเร็ว?
มันขึ้นอยู่ว่าเปรียบเทียบกับอะไร ไอพอด คงไม่ใช่นวัตกรรมเดียว ที่ทำให้ตลาดเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลโตมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ที่แน่ๆ ไอพอดคือความสำเร็จยิ่งใหญ่ ที่พลิกฟื้นฐานะทางการเงินและเกียรติภูมิของ แอปเปิลขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากตกต่ำมายาวนาน
ไอพอด มีสถิติที่น่าทึ่งมากมาย เช่น
เมื่อเดือนมค.2007 แอปเปิลรายงานยอดขายสามเดือนแรก จำนวน 7.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปรากฎว่ามียอดขายของไอพอดอยู่ถึงร้อยละ 48
เมื่อเดือนมค.2008 แอปเปิลรายงานยอดขายสามเดือนแรก จำนวน 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปรากฎว่ามียอดขายของไอพอดอยู่ถึงร้อยละ 42
ดูเพิ่มเติม ได้ที่ วิกีพีเดีย
ที่จริงไอพอดเป็นเพียงจิ๊กซอว์สำคัญตัวหนึ่ง ของยุทธศาสตร์ใหญ่ทางการตลาดของแอปเปิล ในการยึดครองตลาดออนไลน์ดิจิตอลมีเดีย จิ๊กซอว์ที่สำคัญอีกตัว ซึ่งสำเร็จยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน คือร้านไอจูน(iTunes Store) ซึ่งก็มีสถิติที่น่าทึ่งมากมาย เช่น
เมื่อวันที่ 15 มค.2008 ร้านไอจูนขายเพลงได้รวมกันมากกว่า 4 พันล้านเพลง(ราคาปกติ เพลงละ $0.99 หรือประมาณ 30 บาท)
เมื่อวันที่ 3 เมย.2008 ร้านไอจูนมียอดขายปลีกเพลง มากกว่าห้างวอลมาร์ท(แชมป์เดิม)กลายเป็นผู้ขายปลีกเพลงรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
ดูเพิ่มเติม ได้ที่ ITunes Store
MP3 ก็ส่วน MP3...iPod ก็ส่วน iPod
เหมือนยุคหนึ่งที่ Soundabout ไม่ใช่เครื่องเล่นเทป/ซีดีแบบพกพานั่นแหละ...
เห็นในหนังเวลาคุยกัน จะไม่พูดว่า "คุณมีเพลงอะไรในเครื่องเล่น MP3 ของคุณบ้าง?" แต่จะพูดว่า "คุณมีเพลงอะไรใน iPod ของคุณบ้าง" เป็นต้น
เครื่องเล่นยุคแรกๆ มี Media คือ Flash ซึ่งมีขนาดเล็กและราคาสูง Apple นำเสนอ Harddisk ซึ่งจุได้มากกว่าเป็นจุดเด่น รวมไปถึง Solution การแปลงเพลงจาก CD ลงเครื่องและ Library ในตัว ทำให้ลูกค้าไม่ต้องแสวงหาอะไรมากมาย ก็เลยฮิตกันมากมาย
ผมว่าปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่า iPod..."ไม่ได้โม้"
ถ้าไม่มี iPod เครื่องเล่นเพลงดิจิตอลแบบพกพาอาจจะไม่มาไกลขนาดนี้ก็เป็นได้
จนถึงวันนี้ คำว่า อารายธรรม iPod (เหมือนที่ Sony เคยนำเสนอ อารยธรรม Walkman) ก็เป็นคำที่ไม่เกินจริงเลย
มันเป็นโฆษณาแฝงรึเปล่าน่ะ
PoomK
มุมมองจากคนที่ยังไม่เคยใช้สินค้าตระกูล Apple เลย...
คิดว่าการตลาดแบบ Subsidy คงไม่เกิดในเมืองไทยอย่างแน่นอน ตอนนี้เห็นแค่แบล็คเบอเร่อเท่านั้นที่เป็นแบบนี้กับเครือข่ายไทย
@TonsTweetings
เอาจริงๆ Nokia Symbian ไม่ได้เป็น smartphone ด้วยซ้ำ แค่ มือถือตามกระแสนิยม ผมมองว่า Ericsson Symbian UIQ เป็น smartphone มากกว่า Nokia ถึง ล้านๆเท่า แต่ก็ยังไม่ชนะ Windows Mobile Smartphone วัสดุ iPhone ผมมองว่า สู้ตัวแรกที่ออกมาไม่ได้เลยแต่ยังไงก็จะซื้อ หาก DTAC นำเข้ามาไทยได้ หาก ais เอาเข้ามาผมคงไม่ซื้อ
แมคไซด์ โปรไฟล์, เรื่องราว it state 44
ขึ้นหัวข้อว่า "ทำไมไอโฟน 3G จึงมีราคาถูกมากๆ"
แต่อ่านเนื้อหาแล้วไม่เห็นมีตรงใหนบอกกล่าวเลยครับว่าทำไมไอโฟน 3G จึงมีราคาถูกมากๆ
ย่อหน้าที่ 2 ?
"สาเหตุคือแอปเปิล ... "
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
วางยอดขายไว้ที่ 10ล้านเครื่อง รายได้ = 1990,000,000USD จากข่าวเก่าว่าสั่งผลิตล๊อตแรก 1 ล้านเครื่องนี่ครับ คนอื่นเค้าแน่ๆยังสั่งผลิตแค่แสนสองแสนเครื่อง แถมยังแอบเปลี่ยนหน้ากากเป็นหลายๆรุ่น ท่านศาสดาแน่มาก สั่งทีเดียวล้าน สมมุติว่าต้นทุนกดได้ที่ 199 ให้เครือข่ายซับซิไดซ์ 100 หรือมีมาร์จิ้น= 100 คิดแบบนักบัญชี ก็กำไรขั้นต้น = 1000,000,000USD
มันก็แบ่งกำไรกันเหมียนเดิมแหละ แต่ว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์จากราคาที่ถูก น่าซื้อมากขึ้น หวังว่าพี่ไทยจะช่วยกันหิ้วเข้ามาปลดล๊อคใช้กับเครือข่ายบ้านเราได้นะเหอๆ ศาสดาจ๊อบสงสัยเป็นลมเพราะขายคนไทย 199 ได้แต่ทุนเหอๆ
\(@^_^@)/ M R T O M Y U M
หิ้วมาขายในราคา 199 ไม่ได้แน่นอน เพราะต้องรวมค่าเครื่อง 199 USD + ค่าสัญญาอย่างน้อย 30 USD และค่ายกเลิกสัญญาอีกประมาณ 200 USD รวม ๆ แล้วก็เกือบ 429 USD นี่ยังไม่รวมค่าหิ้ว ค่าความเสี่ยงที่ ตม. จะยึดอีก ค่าภาษีอีกจิปาถะ นะครับ เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่า 199 นั้นถูกจริงเพราะยังไม่รวมราคาอะไรไปเลย และคนหิ้วคงไม่ยอมรับค่าใช้จ่ายในสัญญาในแต่ละเดือนให้แน่
molecularck โม-เล-กุล่า-ซี-เค
sci news on foosci.com
http://www.digimolek.com
อ่าวเผลอกดสองที \(@^_^@)/ M R T O M Y U M
แต่ว่าไอโฟน ก็สร้างมาตรฐานใหม่ๆ จริงๆ
เลียนแบบกันเยอะแยะ
เห็นด้วยครับ
1.multi-touch
2.หน้าจอใหญ่ๆ ขอบเงิน
มีกี่ยี่ห้อแล้วที่ทำเลียนแบบ Iphone (samsung นับสิบรุ่น) ผลิตโดยจีนอีกร้อยกว่าแบบที่คล้ายๆและบางส่วนเหมือนกันอย่างกับผลิตจาก apple
ข่าวแบบนี้ถ้าลงในไทยรัฐ จะมีวงเล็บที่มุมขวาล่างว่า (ข่าวประชาสัมพันธ์)
ถ้าลงใน TIME Magazine จะมีตัวน้อยๆที่ขวาล่างเขียนว่า Advertisement เป็นหน้าแยกให้เห็นชัด
นอกจากน้ำที่ท่วมบทความเยินยอ Apple แล้ว
เนื้อหามันมีแค่ iPhone 3G ขายถูกได้เพราะ Apple เปลี่ยนมาให้ผู้ให้บริการฯออกเงินชดเชยให้ Apple 200$-400$ แทน
จบข่าว
ตอบคุณnonarav
สาเหตุที่ทำให้ไอโฟน 3G มีราคาถูกมากๆ คือ "แอปเปิล ได้ตัดสินใจเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของไอโฟนใหม่ โดยเฉพาะคือ ความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการโครงข่ายไร้สาย เช่นเอทีแอนด์ทีที่อเมริกา จากแบบเดิมที่ผู้ให้บริการ ต้องแบ่งค่าบริการในการใช้งานตามสัญญาแก่แอปเปิล
เป็นแบบใหม่ที่ ผู้ให้บริการฯออกเงินชดเชย(subsidise)แก่แอปเปิล สำหรับค่าเครื่องไอโฟน3G ทุกเครื่องที่ขายได้ โดยผู้ให้บริการฯ จะทำสัญญาผูกมัดผู้ซื้อ ให้ใช้โครงข่ายฯเป็นเวลา 2 ปีและไม่ต้องแบ่งค่าบริการการใช้งานแก่แอปเปิลอีกต่อไป นั่นคือการเดินตามโมเดลธุรกิจดั้งเดิมของผู้ผลิตรายอื่นๆ เช่นโนเกียหรือซัมซุง "
แปลว่า แทนที่แอปเปิล จะไปรอรับค่าส่วนแบ่งจากการใช้บริการในอนาคต ก็ตกลงกันใหม่ว่า ผู้ให้บริการฯไม่ต้องแบ่งค่าใช้บริการอีกต่อไป แต่ให้จ่ายเป็นเงินชดเชย จำนวนที่ตกลงกันเพื่อนำไปหักจากราคาเต็มของเครื่อง แล้วให้ผู้ซื้อจ่ายเฉพาะค่าเครื่องส่วนที่เหลือ
ค่าชดเชยต่อเครื่องเป็นเงินเท่าไหร่ เป็นความลับสำคัญของข้อตกลงระหว่างแอปเปิลกับผู้ให้บริการ แต่มีผู้สันทัดกรณีคาดว่า น่าจะอยู่ระหว่างเครื่องละ 150 ถึง 175 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ทำให้ค่าเครื่องถูกลงอย่างมาก
สำหรับผู้ให้บริการฯ เนื่องจากมีสถิติข้อมูลว่า ผู้ใช้เครื่องไอโฟน ใช้งานด้านข้อมูลและอินเตอร์เน็ตสูงมาก เมื่อเทียบกับผู้ใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ผู้ให้บริการฯ จึงคาดหวังรายได้จากค่าบริการด้านข้อมูลและอินเตอร์เน็ตตามสัญญา 2 ปีว่าจะสูง เมื่อนำประมาณการค่าบริการด้านข้อมูลและอินเตอร์เน็ตต่อเครื่อง มาหักค่าความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายต่างๆ คำนวณกลับมาเป็นราคาปัจจุบัน(present value) จึงสามารถจ่ายเงินชดเชยจำนวนหนึ่งแก่แอปเปิลได้
โดย apple จะหวัง ยึดตลาด ดีจังเลย จะได้รู้กันเสียทีว่าใครเป็นต้นฉบับ ใครก๊อปปี้ apple ทำอะไรยิ่งใหญ่เสมอ ไม่มีใครคิดได้เองแม้กระทั้ง HTC, SAMSUNG, อื่นๆอีกมากมาย ทุกคนต้องอาศัย Apple ...
อีกเหตุผลคือจากยอดขายของรุ่นแรก รุ่นต่อไปก็ผลิตจำนวนมากในราคา Mass ได้เลย ต้นทุนถูกลงไปอีก
ศาสดาจงเจริญ!!!
จะว่าไรไหม ผมเกลียดการตลาดของ Apple จัง
ไม่ว่าอะไรหรอกครับ ว่าไปผมก็ไม่ชอบการตลาดของแอปเปิล เพราะสินค้าโดยทั่วไป มักจะมีราคาสูงกว่าสินค้าคู่แข่ง ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันหรือเหนือกว่า
แต่ผมก็เข้าใจดี ถึงเหตุผลทางธุรกิจของแอปเปิล ที่ว่าธุรกิจเอกชน ต้องมีกำไรและยิ่งได้กำไรมาก ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อฝ่ายบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัท
เพื่อให้สามารถขายสินค้าในราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง แอปเปิลใช้ 1.การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ 2.การออกแบบที่สวยงาม 3.การผนวกฮาร์ดแวร์กับซอฟแวร์ เพื่อประสิทธิภาพและคุณภาพที่แข่งขันได้ 4.ระบบการจัดจำหน่ายเนื้อหาดิจิตอล(เพลง วีดีโอ หนังสือฯ)ทางอินเตอร์เน็ต และ 5.ล่าสุด ข้อตกลงกับผู้ให้บริการโครงข่ายให้ ร่วมออกค่าโทรศัพท์มือถือไอโฟน 3G แก่แอปเปิล
นั่นคือการสร้างลักษณะพิเศษของสินค้าและบริการจากแอปเปิล ให้แตกต่างโดดเด่นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากสินค้าและบริการของคู่แข่งรายอื่นๆ แลกกับราคาที่สูงกว่า เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคกลุ่ม premium
ผมเข้าใจว่า นี่เป็นกลยุทธ์หลักทางการตลาดในยุคแมคอินทอชและไอพอดช่วงแรก จนกระทั่งเริ่มเปลี่ยนไปสำหรับไอพอดช่วงหลังและร้านไอจูน เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น จนถึงไอโฟน 3G ที่เปลี่ยนข้อตกลงกับผู้ให้บริการ จนสามารถเสนอราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งมากๆ
ทำให้น่าคิดว่า คู่แข่งจะสามารถเลียนแบบกลยุทย์ที่ว่าของแอปเปิล ได้หรือไม่?
ขอโทษ กดซ้ำ
กำลังเช็คกับทางเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศอยู่อ่ะครับ ว่ามันมีข้อผูกมัดเกี่ยวกับ AT&TT อย่างไรบ้าง ถ้าไม่ต้องทำราคาก็โอเคนะ
ปล. ไม่แน่ใจว่ามีแนวทางที่จะใช้กับ 3G ที่จะมีใช้ในประเทศไทยเปล่าครับ
จะรอดูว่าจะเกิดอะไร ถ้า Android มา
แต่กว่าจะมา.. ตอนนี้ใช้ WM อยู่ก็โอเคนะสำหรับคนที่ใช้ฟังค์ชั่น pda มากกว่าโทรศัพท์อย่างผม เคยอยากได้ Iphone มากๆ แต่หลังจากได้ลองเล่นของเพื่อนแล้วก็เลยไม่อยากได้ละ มันไม่เหมาะกับผมเท่าไหร่ ถ้า Android ออกมาก็อยากลองดูคาดว่าน่าจะเหมาะกับสไตล์ของผมมากกว่า เรียบ ง่าย ข้อจำกัดบางด้านน้อย ยิ่งถ้าปรับแต่งได้สะดวกๆ นี่ยิ่งดีเลย
เป็นข่าวที่ยาวดีครับ ;)
แต่ผมชอบ Creative นะครับ เรื่อง MP3 Player
ส่วนมือถือ ผมยังเอาไว้รับสายเข้ากับโทรออก อยู่เลยครับ
นานาจิตฺตํ
Jusci - Google Plus - Twitter
เหมือนกันครับ ใช้ ZEN Neeon จนมันลาโลกไป จนได้ไปจับ Samsung i450 ก็ไม่คิดจะพกเครื่องเล่น MP3 อีกเลย ส่วน iPod ผมไม่ชอบ iTune ผมก็เลยไม่ใช้มันซะเลย ถึงแม้จะผ่านโปรแกรมอื่นๆ ได้ แต่ผมชอบลากวางเอา ง่ายดี เวลาฟังก็ฟังเป็นโฟลเดอร์เอา
อีกอย่าง iPod เสียงก็ใช่ว่าจะดีมาก
ยังชอบ Creative อยู่เหมือนกัน
PoomK
อิอิ คุณ mementototem ใช้เหมือนผมเลยครับ อีกอันที่ใช้ก็เป็นนาฬิกาปลุก คุณ shikima ผมก็ชอบลากเหมือนกันครับ เห็นด้วยทำไม่ต้องจำกัด
ส่วนตัวตอนแรกก็อยากซื้อเหมือนกันน่ะ กับ ipod เอ้อเห็นที่แรก มันสวยดี ใช้ง่าย แต่มันแพงไปกับการทำงานที่ฟังเพลงได้ยังเดี่ยว (เจ้าอื่นมีทุกอย่าง) แล้วก็ ทุกวันผมก็นั่งทำงานกับคอมก็ไม่รู้จะเปิดเพลงอะไรแล้ว เป็นไปทุกแนวเลย เลยไม่ซื้อมันดีกว่า
แล้ว iPhone ตกลงมันจะขายราคาเท่าไหร หล่ะเนี้ยกว่าจะได้เครื่องมา สับสนจัง จ่ายค่าเครื่อง ค่าคลื่นเท่าไหร แล้วค่าอย่างอื่นๆ เท่าไหร กว่าจะได้มานี้มันจะเสียเท่าไหรหรือครับ ช่วยอธิบายให้ผมหน่อย
ปล. จะซื้อ iPhone ก็ต่อเมื่อ บริษัท apple เห็นแผนที่ประเทศไทยมีในแผ่นที่ของบริษัท apple ไม่งั้นก็ฝันเถอะ ปล. ผมเป็นคนไอที ที่ไม่ทันสมัยมัง ---- ดาวนับล้านลอยอยู่บนท้องฟ้า จะมีไม่น่าที่ลอยอยู่เองเฉยๆ อย่าท้อแท้ที่จะเรียนรู้ และจงเป็นครูสอนผู้อื่นต่อ
เมื่อก่อนก็ชอบลากวางเหมือนกัน ใช้ Windows Media Player 9, 10 + PocketPC นี่สบายๆ
พอมีรุ่นใหม่ Windows Media Player 11 ชักไม่ไหวละ รู้สึกจัดการ Library และการเลือกเพลงมาเล่นยากเกินไปแล้ว (มารู้สึกหลังจากใช้ iPod ว่า WMP11 พยายามลอกระบบของ iTunes มาหรือเปล่าเนี่ย!!! ถ้าพยายามจะลอกจริงก็สอบตกละ!!!)
พอได้มาใช้ iPod กับ iTunes นี่รู้สึกได้เลยว่า อืมมมม...ใช่เลย!!! ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ยิ่งเก็บเพลงมากๆ ยิ่งสะดวก เพิ่งสำนึกได้ว่าทำไมเมื่อก่อนไม่ยอมใช้นะเรา :)
อันนี้ไม่ต้องซีเรียสครับ ผมเองก็ไม่เคยมีทั้ง iPod และ iPhone เหมือนกัน
ของผมเน้น ถึก ทน อึด สัญญาณดี เสียงฟังชัดทั้งผู้รับและผู้โทร เลยลงเอยที่โนเกียพันกว่าบาท ตกพื้นไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวหาย โปรโมชั่นเปลี่ยนตามใจ เลยรู้สึกเฉยๆ กับไอพอด
ตอนนี้ใช้ iriver E100 (ภาษาไทยจากโรงงานเลยไม่ต้อง hack) ประจำครับ ถึงแม้ iPod nano 1stGen จะเกือบลาโลกไปแล้ว และยังใช้งานได้ดีอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช้แหละติดใจ iriver มากกว่า (ถึงแม้ Control/UI จะห่วยกว่า Click Wheel ก็ตามที)
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ผมใช้ไอโฟนแล้วด้วยตัวผมเองงง
รวมข้อมูลจากผมเอง
เสียง
9.5/10 ที่จริงเรื่องเสียง มันแนวใครแนวมันว่าไหมครับ แต่ถ้าหาหูฟังดีๆเสียบ แล้วจะรู้ครับ
ความทน
8.5/10 จะว่าทนมันก็ทนนะ แต่เป็นรอยง่ายไปหน่อย ควรหาอะไรมาใส่กันไว้
เปิดใจ และปรับตัวเข้าหา อย่าปิดกั้น แล้วมันก็จะลงตัวเอง
บางอย่างฟังชั้นเยอะไปมันก็ใช่ว่าจะดีนะครับ เอาแค่เท่าที่ใช้และจำเป็น*
ทั้งหมดนี่แค่ความคิดเห็นของผมนะครับ
+1 ใช้เท่าที่จำเป็นก็น่าจะโอเคครับ
.
จ็อบ นายแน่มาก ทำให้คนเป็นบ้าเป็นหลังได้
ipod ดังขึ้นมาได้ เพราะ click wheel (ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ ของ user interface) บวกกับโมเดลการตลาดแบบ longtail ของ itune music store
iphone ดังได้ด้วย multi touch (ซึ่งก็เป็นแนวคิดใหม่ ของ user interface อีกครั้งหนึ่ง และสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการมือถือ)
ถ้ามองย้อนไปที่เครื่อง apple ก็เช่นเดียวกัน เมาส์กับไอคอน ก็สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการคอมพิวเตอร์เช่นกัน (ถึงจะได้ไอเดียมาจาก xerox parc ก็เถอะ แต่เขาไม่เห็นศักยภาพของมัน แต่เฮียจ๊อบเห็น)
ผมว่าส่วนสำคัญที่สุดของเฮียจ๊อบ ที่สามารถสร้างอะไรใหม่ๆได้ขนาดนี้ คือเขามองทะลุ ว่าจะแหกกฎได้อย่างไร และที่สำคัญ เขาสามารถผลักดันคนที่ทำงานให้ ให้สร้างสิ่งที่เขาเชื่อมั่นได้สำเร็จออกมาจนได้
ส่วนตัวบอกไว้ก่อนว่า anti พวกของเล่นจาก apple ที่ไม่ทำให้ใช้ไทยได้มานานนม(ได้ข่าวว่ารุ่นใหม่จะใช้ได้เสียที) แต่ถ้าเรื่อง mp3 นี่ส่วนตัวแล้วไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับ apple ตรงไหนเลย เพราะผมก็หาซื้อแผ่น mp3 มาตั้งนานแล้วพยายามหาเครื่องเล่น mp3 มาตั้งนาน ก็ไม่เห็นว่าจะมีของ apple เป็นเจ้าแรกที่ทำผมเห็นแต่ พวก Creative,Sony ออกมาวางขายที่พันทิพย์ก่อน เห็นของ apple อีก
ส่วนเรื่อง apple ถูกเมื่อเทียบต่อขนาดความจุ แต่ขอโทษครับ เครื่อง mp3 ทั่วไปสมัยนั้นราคา 5000 กับ 10k+เกือบๆ 20k เนี๊ยะ ผมว่ามันคนหละเรื่องกันเลย มุมผมมองจากกลุ้มผู้มีรายได้ต่ำครับ :D
Ton-Or
Ton-Or
ผมชอบข่าวแบบนี้นะ แม้ว่ามันจะเหมือนบทความ แต่ก็มีข่าวสารอยู่ด้วย ไม่ใช่ทัศนะของผู้เขียนอย่างเดียว ส่วนว่าจะคล้ายเชียร์แอปเปิ้ล หรือไม่? ผมไม่สนหรอก เพราะการอ่านอะไรก็ตาม เราต้องมีดุลยพินิจกับสื่อทุกตัวอยู่แล้ว
มันคือบทวิเคราะห์ครับ ไม่ใช่ข่าว เพราะไม่ได้มีแต่ข้อเท็จจริงผมยึดตามที่เรียนมาก็เลยแยกแยะอย่างนี้น่ะครับส่วนเรื่องมีอิทธิพลหรือผลกระทบต่อผู้อ่านในระดับไหน ขอละเว้นไม่วิจารณ์เพราะบทวิเคราะห์นี้ถูกปล่อยขึ้นหน้าหนึ่งแล้วให้ถือว่าได้รับความเห็นชอบ ตามดุลยพินิจของ blognone ครับ
เรื่องข่าวหรือไม่ใช่ข่าวนี่ ผมว่าจะตอบในคอมเมนต์บนๆ แล้วแต่ลืมครับ ขอตอบตรงนี้รวบยอดละกัน
ปกติแล้วเรามีส่วนที่ไม่ใช่ข่าวในหมวด In-depth ซึ่งถือเป็น opinion หรือความคิดเห็นของผู้เขียน (เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครเขียนมาลง เลยยุบรวมเข้ากับ Special Report ไป) ส่วนที่ข่าวนี้ไม่มีแท็ก in-depth ก็เป็นความผิดพลาดของผมเอง
นอกจากนี้ บทความนี้ยังมีลิงก์อ้างอิงจาก The Economist ซึ่งเป็นนิตยสารทางด้านเศรษฐกิจที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ก็ไม่มีปัญหาอันใดครับ ถูกต้องตามกติกา ผู้อ่านสามารถไปอ่านข่าวต้นฉบับเพื่อตรวจสอบความแม่นยำได้เช่นเดียวกับข่าวอื่นๆ
ต้องชม Apple และ Steve Jobs ละครับ คนไทยที่ว่าวิจารณ์เก่ง ๆ รู้ทุกเรื่อง ก็ยังทำไม่ได้อย่างเขาเลย
ผมว่าของแบบนี้มันเหมาะสำหรับแต่ละคนรึเปล่าต้องลองกันเอาเอง ยังไม่ได้ลองกับมือก็พูดอะไรมากไม่ได้ ไว้รอมันมาขายก่อนค่อยตัดสินใจ -3-
ผมเองก้อใช้อยู่เหมือนกันนะครับ (iPod touch หาได้ใช่ iPhone ไม่แฮะๆ) ผมไม่ได้มีความรู้ว่า iPod เกิดก่อนหรือว่าหลังยุคทองของ mp3 แต่เท่าที่รู้ก็คือ iPod คิดต่างจากเครื่องเล่นที่มีอยู่เดิม ในด้านที่ตรงกับตลาดมากกว่า เลยทำให้กลายเป็นแรงบันดาลใจของเครืองเล่น mp3 หลายเครื่องก็เท่านั้น ผมว่า Apple เขาคงจะทำวิจัยพอดูเหมือนกัน
แต่ก็ใช่ว่า iPhone หรือว่า iPod จะเป็นเครื่องที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกครับ แค่เป็นเครื่องที่ใช้ง่ายแล้วน่าใช้แค่นั้นเอง เพราะสำหรับผม N-Gage เครื่องเก่าของผมก็ดีสุดยอดแล้ว ส่วนที่ดังก็เป็นเพราะเหตุข้างบน + กระแส มากกว่า
--
Silence of the Valar
เห็นด้วยกับคำว่าวิจัยครับ R&D ของแอ๊ปเปิ้ลนี่ไม่เคยหลุดคอนเสปท์เลยจริงๆ(แต่จะว่าไปก็อยากจะยกเว้น ipod HI-FI -_-")
ผมเชื่อว่าแอ๊ปเปิ้ลทำงานหนักกว่าจะได้เครื่องต้นแบบหน้าตาเป็นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่เราใช้กันส่วนตัวก็ยังใช้ N-Gage QD แต่กำลังรอเหมือนกันว่าเพื่อน.fr จะซื้อ 3G กลับมาฝากได้สำเร็จหรือไม่
ผมก็ N-Gage QD ครับ แต่ขอบยางมันจะหลุดแล้ว
อยากจะพาเข้าศูนย์ให้มันเปลี่ยนให้ แต่ศูนย์โนเกียที่หาดใหญ่มันบอกไม่มีของ(ตอนนั้นนะ) ตอนนี้จะไปหาดใหญ่ทีนึงก็ลำบาก จะฝากไว้ก็ไม่มีมือถือจะใช้อีก (ถึงปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้ก็เหอะนะ)
สำหรับมือถือรุ่นใหม่ๆ ขอให้ได้ลองจับลองเล่น สัก20-30นาที ผมก็พอใจแล้ว
รอให้ N-Gage QD ตัวนี้มันเสีย ค่อยว่าเรื่องมือถือใหม่กัน ถึงวันนั้นอาจจะได้อยากได้ iPhone?
Jusci - Google Plus - Twitter
ของไอ้กระผมหลุดไปแล้วล่ะครับ ซื้อของปลอมใส่โลด รุ่นนี้รุ่นล่า(เข้ากรุ)แล้วครับ อะไหล่หาอยากเอาการ
--
Silence of the Valar
แนะนำว่าใส่ของปลอมไปก็ชิลๆ นะครับ :D
ถ้าเป็น geek คนคลุกคลีในวงคอม คงชินกับ mp3 player ไปแล้วตั้งแต่ก่อน apple ออกมา
แต่สำหรับคนทั่วๆไป เค้ารู้สึกว่า mp3 มาตอน ipod นั้นแหละครับ เครื่องเล่น mp3 ก็คือ ipod ไปโดยปริยาย
ประมาณน้องๆของเครื่องถ่ายเอกสาร ถูกเรียกว่า xerox นั้นแหละ
แต่แถวบ้านผมเอาเพลงใส่มือถือกันมากกว่านะ (imobile)
เป็นข่าวที่คนสนใจตอบเยอะมาก (ยกนิ้วให้คนเขียนข่าวเลย)
Jusci - Google Plus - Twitter