ผู้ใช้สมาร์ทโฟนคงจะต้องทำใจกันอย่างจริงจัง เพราะดูเหมือนอุตสาหกรรมตั้งใจจะเปลี่ยนผ่านรูหูฟัง 3.5มม. ไปเป็น USB-C กันอย่างจริงจัง กระทั่ง Qualcomm เองที่ถึงแม้จะทำ DAC และ Audio Codec อยู่แล้วก็เปิดตัว AQT1000 Hi-Fi DAC ที่รองรับพอร์ท USB-C โดยเฉพาะ
AQT1000 มีขนาดกระทัดรัด รองรับการสตรีมเพลงที่ 32 บิต และไดนามิกเรนจ์ที่ค่อนข้างสูงที่ 123 เดซิเบล อย่างไรก็ตาม AQT1000 ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ฝั่งผู้บริโภคโดยตรงแต่เป็นฝั่งของผู้ผลิตหูฟัง ซึ่งจะมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ในปีหน้า
ที่มา - Engadget
Comments
ขอบคุณ apple
ประชด
เนื้อข่าวนี้มีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับ Apple บ้าง
จงอภิปรายอย่างกว้างขวาง (10 คะแนน)
เขาคงหมายถึงแอปเปิ้ลเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พอร์ต 3.5 หาย
Apple เป็นผู้นำเทรนการตัด port 3.5mm ออกเป็นเจ้าแรกรึเปล่าครับ
จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ใช่นะครับ Oppo R5 ตัดออกไปตั้งแต่ 2014
อ่ะ ผมช่วยครับ NOKIA ไม่มีพอร์ตหูฟังมาตั้งกะปี 94
apple นี่มันขี้ลอกจริมๆ
ไม่เป็นไร ผมสาวก Sony ยังเชื่อว่า 3.5 มม.จะยังอยู่กับ Sony อีกนาน
นอกจากต้องการจะลดช่องเชื่อมต่อ
ที่เหลือมันได้ประโยชน์อะไรจาก USB-C บ้างครับ?
แย่งรูสายชาร์ต
ทำให้หูฟังและมือถือ integrate กันดีขึ้น เช่น การให้มือถือเป็นตัว process noise cancelling ให้ แทนที่ปกติหูฟังจะต้องมีแบตและวงจรของตัวเอง ถ้าเป็น type c ก็ดึงไฟจากมือถือได้เลย
อื่นๆ เช่น เนื่องจากสัญญาณที่ผ่าน type c เป็น digital หูฟังจะต้องมี DAC และ Amp ของตัวเอง ซึ่งหูฟังจะแพงขึ้น แต่ก็จะไม่มีปัญหาว่า มือถือดันเสียงออกหูฟังนี้ไม่ดีงพอ
ผมอ่านย่อหน้าสุดท้ายแล้วเหมือนกับเป็นการผลักภาระให้ผู้ผลิตหูฟังเลยนะครับ
ซึ่งปกติพื้นที่ของอุปกรณ์ที่จะยัดเข้าไปในตัวหูฟังก็น้อยอยู่แล้ว
ลดพื้นที่ในเครื่องมือถือ เอาไว้ใส่อุปกรณ์อื่น หรือแบต เพิ่มเติมได้ เครื่องอาจจะบางลงได้อีก น้ำหนักเบา
ผมว่า DAC+Opamp ตัวเดียวมันไม่น่าจะหนักหรือหนาอะไรขนาดนั้นนะครับ
เผลอๆ จะอยู่ใน Package เดียวกับ CPU ด้วยซ้ำ
ถึงจะมันจะแยกออกมาก็จริง ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างใส่แบตเพิ่มได้อีก เพราะมันเล็กมากครับ
เหมือนเป็นข้ออ้างเอามาขายของแยกซะมากกว่า
ที่มันกินพื้นที่คือพอร์ต 3.5mm ครับ ส่วน DAC+Amp นั้นต่อให้เอาพอร์ต 3.5mm ออกยังไงก็ต้องมีอยู่ในเครื่องอยู่ดีครับ ตราบเท่าที่เราต้องฟังเสียงคนที่คุยโทรศัพท์ด้วย
+1 พอร์ต 3.5mm นี่ใหญ่นะครับ ถึงจะพยายามทำให้เล็กกันแต่มันก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะในช่วงหลังที่เครื่องมักจะต้องกันน้ำ ทำให้พอร์ต 3.5 เล็กและกันน้ำนี่ยากเลย
ใช้ 2.5 mm ของ Nokia ก็ได้นะครับ
กินที่น้อยกว่ากันไม่เท่าไหร่เองนะครับ - -"
ถ้าจะเปลี่ยนจาก 3.5mm จะเปลี่ยนเป็น 2.5mm หรือ USB-C ผลลัพท์มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ คนส่วนมากก็มีหูฟังแบบ 3.5mm ก็ต้องใช้อแดปเตอร์แปลงอยู่ดี เพราะงั้นเอาออกไปเลยดีกว่า
ในแง่ของหลักการทำงาน USB-C สามารถทำงานแบบเดียวกับ 3.5mm ได้ ไม่เหมือนกับ Lightning เพราะงั้นมันสามารถใช้แทนกันได้อยู่แล้วด้วย (เพียงแต่ไม่มีเจ้าไหนบอกว่าทำ)
ใช้หูฟังผ่านพอร์ต USB-C => สามารถส่งสัญญาณเสียงในรูปแบบ Digital ได้
ส่งผลให้ย้าย DAC ไปอยู่ที่ตัวหูฟังได้ ทำให้ระยะทางระหว่าง DAC กับหูเราน้อยลง เพื่อไม่ให้มีสัญญาณรบกวน แน่นอนว่าการทำแบบนั้น DAC ต้อง Built-in ที่ตัวหูฟังเลย (ต่างจากแบบเก่าที่ DAC กับหูฟังแยกกัน) ทำให้สามารถปรับจูนให้เข้ากันได้ดีที่สุด (แน่นอนว่าราคาก็แพงกว่าหูฟังแบบเก่าเช่นกัน)
นอกจากนี้ตัวหูฟังยังสามารถใช้พลังงานจากพอร์ต USB-C เพื่อให้ DAC ทำงาน รวมไปถึงใช้สำหรับ Feature อื่นๆได้เช่นกัน (แน่นอนว่ากินแบตในตัวเครื่องขึ้นไปอีก)
ความเห็นส่วนตัว เสียงเพลงมันเป็นเรื่องของรสนิยม การผสมผสาน DAC กับหูฟังเข้าได้ด้วยกันเพื่อให้ได้เสียงที่เราชอบ เป็นสิ่งที่ผมต้องการมากกว่า (ผมเลิกสนใจมือถือไปแล้ว แต่หวังว่าระบบนี้จะไม่ลามไป DAP นะ)
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับผม
กระทัดรัด => กะทัดรัด
ในรูปเปิดตัวทำออกมาเป็น DAC หัวแปลง USB-C to 3.5mm แฮะ แต่ดูจากตัวข่าวเหมือนจะไม่ทำมันออกมาขายโดยตรง จะเอาไปขายให้ผู้ผลิตหูฟังมากกว่า น่าเสียดาย
แต่ต่อให้ทำออกมา ราคาก็คงไม่ใช่ย่อยๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิด DAC เสปคระดับนี้น่าจะอยู่ใน DAP หรือเครื่องเล่นเพลงระดับหมื่น+ทั้งนั้น
สำหรับผมคงไม่ "Courage" อีกพักใหญ่ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่สะดวกเท่าไรนักกับการใช้หูฟังบลูทูธอย่างเดียว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ตอนนี้ผมเลิกใช้หูฟังแล้ว ลองหูไร้สาย gear icon x เสียงดีมาก ตัวประมวลผลเสียงไปอยู่ในหูฟังเลย เสียงดี เวทีกว้าง
อยากให้เปิดตัว Bluetooth DAC บ้าง ขอแบบรองรับ Aptx, Aptx HD, LDAC