เว็บไซต์ StatCounter รายงานส่วนแบ่งตลาดการค้นเว็บประจำเดือนกรกฎาคม 2010 โดยแบ่งเป็นการค้นหาบนคอมพิวเตอร์ และการค้นหาบนโทรศัพท์มือถือ (mobile search)
ส่วนของค้นเว็บทั่วไป กูเกิลมีส่วนแบ่งตลาด 90.57% ตามด้วยยาฮูและ Bing ที่ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ สำหรับมือถือ กูเกิลมีส่วนแบ่งตลาดสูงยิ่งกว่า โดยครอบครองถึง 98.29% ของตลาด
เว็บไซต์ Royal Pingdom ให้ความเห็นว่า ถ้า iPhone เลิกใช้กูเกิลหรือเปลี่ยนมาใช้ Bing ก็อาจทำให้สัดส่วนนี้เปลี่ยนได้อย่างมีนัยยะสำคัญ (แต่เป็นไปได้ยาก) และอีกทางคือ Windows Phone 7 ฮิตมาก ก็คงเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ Bing ได้บ้าง
หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่า Yahoo! Japan จะเปลี่ยนมาใช้ระบบค้นหาของกูเกิล (ข่าวเก่า) วันนี้ ทางบริษัทได้ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวแล้ว
Yahoo! Japan ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจินอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ได้ประกาศแล้วว่า จะเปลี่ยนมาใช้ระบบค้นหาของกูเกิล แทนที่ระบบเดิมของยาฮู ซึ่งสวนทางกับข้อตกลงความร่วมมือของ Yahoo! Inc. ที่จับมือกับไมโครซอฟท์
Yahoo! Japan มีผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งคือ SoftBank ในขณะที่ Yahoo! Inc. ถือหุ้นเป็นอันดับสอง ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์
ข่าวระบุว่า ความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนกลยุทธ์ (strategic partner) การถือหุ้น และการใช้แบรนด์ Yahoo! จะไม่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงนี้
Yahoo! Japan เป็นกิจการร่วมลงทุนของยาฮู (35%) กับ SoftBank (40%) และมีการดำเนินงานที่เป็นอิสระจากทั้งสองบริษัท
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่า Yahoo! Japan จะประกาศความร่วมมือด้านค้นหากับกูเกิลในวันนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า Yahoo! Japan จะย้ายมาใช้ระบบค้นหาของกูเกิลแทนระบบของยาฮูเดิม ถ้าข่าวนี้เป็นความจริง ข้อตกลงระหว่างยาฮูบริษัทแม่กับไมโครซอฟท์สะเทือนแน่นอน
ในญี่ปุ่น Yahoo! Japan มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 56% กูเกิลมี 31% และ Bing มีเพียง 3%
ที่มา - AllthingsD
เป็นเรื่องที่พอคาดเดากันได้ แต่ตอนนี้ไมโครซอฟท์ยืนยันแล้วว่า Windows Phone 7 จะมี default search engine ได้เพียงอันเดียวคือ Bing เท่านั้น
Greg Sullivan ผู้บริหารของไมโครซอฟท์บอกว่า Bing ผูกกับตัวระบบปฏิบัติการอย่างมาก ดังนั้นการเปลี่ยน default search engine เป็นตัวอื่นจึงทำได้ยาก (ไมโครซอฟท์เลยไม่เปิดโอกาสให้ทำเสียเลย) อย่างไรก็ตาม Sullivan บอกว่า search engine ยี่ห้ออื่นสามารถสร้าง app หรือ hub บน Windows Phone 7 ได้ เพียงแต่จะไม่มีวันเป็น default
ที่มา - Pocket-lint
หลังจากมหากาพย์ข้ามปีระหว่างยาฮูกับไมโครซอฟท์ จบลงด้วยข้อตกลงว่ายาฮูจะดึงผลการค้นหาจาก Bing ไปใช้แทน และยาฮูจะยุบทีม search engine แล้วโอนพนักงานให้ไมโครซอฟท์ (อ่านรายละเอียดใน สรุปความ: เกิดอะไรขึ้นระหว่างไมโครซอฟท์กับยาฮู) ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องใช้เวลาพอสมควร ที่ผ่านมาเราค่อยๆ เห็นข่าวอย่าง ข้อตกลงยาฮู-ไมโครซอฟท์ ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลแล้ว และ ยาฮูเริ่มโอนพนักงานบางส่วนให้ไมโครซอฟท์ แสดงให้เห็นความคืบหน้าเรื่อยๆ
เรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า Bing ทำได้ดีคือการค้นหารูป แต่กูเกิลก็เริ่มปรับตัวเพื่อเอาชนะกันอีกครั้งแล้วด้วยการปรับหน้า Image Search ใหม่
การอัพเดตนี้จะค่อยๆ ปล่อยไปทีละประเทศจนครบ เช่นเดิม
ที่มา - Google Blog
เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ตามเวลาสหรัฐฯ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลประกาศซื้อกิจการของ Metaweb โดยไม่เปิดเผยตัวเลขมูลค่าการซื้อขาย แต่เดาๆ กันว่าประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง Metaweb เป็นเว็บแบบ Semantic Web มีตัว Freebase เก็บฐานข้อมูลที่สามารถใช้แยกแยะ เพื่อระบุคน สถานที่ ตลอดจนสิ่งของต่างๆ ได้มากกว่า 12 ล้านรายการ ซึ่งรวมถึง ภาพยนตร์ หนังสือ รายการทีวี คนดัง สถานที่ บริษัท เป็นต้น และยังเข้าถึงแหล่งข้อมูลบนเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และบล็อกส่วนตัวอีกด้วย
บริษัทเก็บสถิติ Hitwise เผยส่วนแบ่งตลาด search engine ประจำเดือนมิถุนายน 2010 (เฉพาะตลาดสหรัฐ)
นี่เป็นสัญญาณที่ดีของไมโครซอฟท์ แม้ว่าหนทางโค่นกูเกิลจะยังอีกยาวไกลก็ตาม ว่าแต่อย่าลืมทำ index ภาษาไทยให้มันดีๆ ด้วยนะครับ
ที่มา - Hitwise
กูเกิลเริ่มออกช็อปปิ้งรอบใหม่อีกแล้วครับ ล่าสุดประกาศซื้อ ITA Software บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการขายตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ซึ่งมีข้อมูลด้านตารางการบินและผู้โดยสารจำนวนมหาศาล
ITA เป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลการบินจากสายการบินต่างๆ แล้วนำมาประมวลผล ก่อนขายข้อมูลนี้ให้เว็บรับจองตั๋วเครื่องบินอย่าง Kayak, Expedia, Cheapflights.com และ Bing (รวมถึงขายให้เว็บสายการบินเองด้วย) ดูแผนผังความสัมพันธ์ได้จากกูเกิล
การเข้าซื้อกิจการของกูเกิลทำให้เว็บข้างต้นกังวลว่าจะไม่ได้ใช้ข้อมูลจาก ITA อีก และรวมตัวกันลงขันซื้อ ITA แข่งกับกูเกิล แต่สุดท้ายไม่สำเร็จ กูเกิลได้ไปด้วยมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์
อันที่จริงก็แว่วมานานแล้วเหมือนกันครับ แต่ครั้งนี้ทางกูเกิลได้ยืนยันไปยัง Forbes แล้วว่า กูเกิลบอท หรือโปรแกรมดูดข้อมูลเว็บไซต์ของกูเกิลนั้นสามารถประมวลผล JavaScript บางส่วนได้ด้วย
นอกจากนี้ กูเกิลบอทยังสามารถอ่านเข้าไปถึงไฟล์มีเดียประเภทต่างๆ ได้ค่อนข้างมาก ประกอบกับการเปิดใช้งานระบบดัชนีเว็บตัวใหม่ จะยิ่งทำให้กูเกิลบอทสามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น เร็วขึ้น และทันสมัยขึ้นอีกด้วย
เผลอๆ ไม่แน่อีกหน่อยอาจเห็นกูเกิลบอทเก็บผักได้ด้วย !
คงไม่มีใครนึกถึงบริการ social network ยอดนิยมอย่าง Facebook ในฐานะ search engine มากนัก แต่ถ้ามองข้ามล่ะก็ ยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลอาจโดนโค่นได้เช่นกัน
เมื่อเดือนเมษายน Facebook ได้ประกาศแผนสำคัญ Open Graph ซึ่งจะทำให้หน้าเว็บเพจต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต กลายเป็นวัตถุและสิ่งของในจักรวาลของ Facebook ได้ผ่านการกดปุ่ม Like ของผู้ใช้ ตอนนี้เวลาผ่านไปสองเดือน มีเว็บจำนวนไม่น้อยที่รองรับ Open Graph (ของ Blognone รอหน่อยนะครับ ทำแน่) และ Facebook ก็มีข้อมูลของวัตถุเหล่านี้เป็นจำนวนมหาศาล
ส่วนแบ่งตลาดค้นหาข้อมูลล่าสุดที่ออกโดย comScore ประจำเดือนพฤษภาคมนั้น Bing และยาฮู ได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น ส่วนกูเกิลกลับลดลงเล็กน้อย แต่ comScore ได้ตั้งข้อสงสัยว่า Bing และยาฮูอาจใช้เทคนิคบางอย่างเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดค้นหาข้อมูลของตนเอง
Business Insider ได้เปิดประเด็นว่า ทั้ง Bing และยาฮูได้รวมลิงก์ที่มาจากเว็บท่า MSN และยาฮู รวมถึงลิงก์จากการแสดงผลภาพแบบสไลด์โชว์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผลการค้นหาอีกด้วย
จาก กูเกิลจะนำภาพจากช่างกล้องชื่อดังมาแสดงในหน้าแรก ซึ่งมีแผนจะแสดงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ปรากฎว่าเสียงตอบรับไม่เป็นไปอย่างที่กูเกิลคาดหวัง มีเสียงบ่นมาเป็นจำนวนมาก กูเกิลเลยปรับหน้าเว็บกลับเป็นแบบปกติ หลังจากเริ่มแสดงภาพไปได้เพียง 10 ชั่วโมง
กูเกิลให้คำอธิบายว่า ตอนแรกจะแสดงภาพเพื่อให้คนรู้ว่ามันทำอย่างนี้ได้ โดยมีลิงก์อธิบายเรื่องราวแสดงประกอบ แต่มีบั๊กทางเทคนิคทำให้ลิงก์ไม่ถูกแสดง ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเข้าใจว่ากูเกิลจะเปลี่ยนหน้าเว็บอย่างถาวร กูเกิลเลยตัดสินใจหยุดโครงการนี้ก่อนกำหนด
ที่มา - TechCrunch
จากเดิมที่ กูเกิลเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เปลี่ยนพื้นหลังหน้าค้นหาหน้าแรกได้ ล่าสุดกูเกิลพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยจับมือกับช่างภาพชื่อดังหลายคน นำภาพถ่ายมาให้เลือกใช้เป็นพื้นหลังได้ นอกเหนือไปจากภาพของเราเอง
เท่านั้นยังไม่พอ เพื่อเป็นการโปรโมต กูเกิลจะนำภาพจากช่างกล้องชื่อดังเหล่านี้ แสดงในหน้าแรกของกูเกิลเป็นเวลา 24 ชั่วโมงอีกด้วย
ระวังเข้ากูเกิลช่วงนี้ จะนึกว่าเป็น Bing
ที่มา - Official Google Blog
เมื่อปีก่อนผมเคยเขียนเกี่ยวกับ Caffeine ระบบดัชนีเว็บ (web index) รุ่นใหม่ของกูเกิลไปบ้าง (ข่าวเก่า กูเกิลเปิดให้ทดสอบ Caffeine ระบบดัชนีเว็บรุ่นใหม่)
ตอนนี้ Caffeine เสร็จสมบูรณ์แล้ว และกูเกิลก็นำมันมาใช้งานจริงแล้วในศูนย์ข้อมูลทุกแห่ง และกูเกิลทุกภาษา
กูเกิลบอกว่าระบบดัชนีแบบเก่า เก็บข้อมูลเว็บเป็นเลเยอร์ที่มีความถี่ในการอัพเดตไม่เท่ากัน (ดูภาพประกอบ) ส่วนของเลเยอร์หลักมีขนาดใหญ่มาก และการอัพเดตข้อมูลทั้งหมดของเลเยอร์หลักต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ ทำให้ข้อมูลในดัชนีของกูเกิลเก่าเกินไป เริ่มล้าสมัยสำหรับความต้องการของผู้ใช้ยุคนี้แล้ว
เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว (สมัยที่ Bing ยังมีชื่อว่า Live Search) ทาง Blognone เคยมีข่าว ไมโครซอฟท์จะจ่ายเงินคืนให้กับผู้ใช้ Live Search
จ่ายเงินคืนให้กับผู้ใช้ Live Search เมื่อผู้ใช้ได้ทำการซื้อสินค้าผ่านจากผลการค้นหาของทางเว็บ ซึ่งเงินที่จะสามารถเคลมคืนมาได้นั้นจะขึ้นอยู่กับราคาของสินค้า
แนวทางนี้เป็นจุดเด่นอันหนึ่งของ Live Search ที่คู่แข่งอย่างกูเกิลและยาฮูไม่มี แต่สองปีให้หลัง ไมโครซอฟท์ประกาศปิดโครงการนี้แล้ว (สิ้นสุด 30 ก.ค.) โดยบอกว่าไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดไว้ในตอนแรก แต่ก็ยังทิ้งท้ายว่ามันเป็นการทดลอง และไมโครซอฟท์ก็ได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่ากลับไป
ใครๆ ก็คงจะเคยชินกับหน้าค้นหาหน้าแรกแบบจอขาวว่างๆ และมีช่องให้พิมพ์พร้อมปุ่มสองปุ่มของกูเกิล บัดนี้หน้าจอขาวว่างๆ นั้นสามารถเปลี่ยนพื้นหลังได้แล้ว
โดยผู้ใช้งาน Google.com นั้นสามารถเปลี่ยนพื้นหลังหน้าแรกได้ง่ายๆ (แต่ต้องล็อกอินเข้า Google ก่อน) โดยคลิ๊กที่ลิงก์ด้านซ้ายล่างของหน้าเว็บ และเลือกรูปภาพที่จะนำมาเป็นพื้นหลังได้ รูปภาพพื้นหลังนี้สามารถเลือกได้ทั้งจากรูปยอดนิยมที่กูเกิลเสนอ รูปที่มีอยู่ในอัลบั้มของ Picasa Web Albums หรือจะอัพโหลดรูปจากเครื่องก็ได้ครับ (แต่จะไปเก็บไว้ใน Picasa ครับ)
ที่มา: Official Google Blog
คำว่า "ศัตรูของศัตรูอาจเป็นมิตร" อาจใช้กับวงการไอทีได้ดีที่สุดในช่วงนี้ เราเห็นความเคลื่อนไหวของคู่ Google/Adobe กันไปแล้ว คราวนี้อาจเป็นคิวของ Apple/Microsoft บ้าง
เว็บไซต์ TechCrunch อ้างแหล่งข่าวในวงการ บอกว่า iPhone รุ่นสี่ที่จะเปิดตัวเดือนมิถุนายนนี้ จะเปลี่ยนมาใช้ Bing เป็นเครื่องมือค้นหาหลักแทนกูเกิล อย่างไรก็ตามมีแหล่งข่าวอีกสายแจ้งมาว่า กูเกิลจะยังอยู่บน iPhone เช่นกัน และ "เรื่องราวมันซับซ้อนกว่าที่เห็นมาก"
เดี๋ยวก็รู้ครับว่าข่าวนี้จริงแค่ไหน
ที่มา - TechCrunch
AllThingsD รายงานว่า ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (ตามเวลาในสหรัฐฯ) โนเกียและยาฮูจะประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกันใน Project Nike โดยโครงการดังกล่าวโนเกียจะเพิ่มแอพพลิเคชั่นและบริการของยาฮูลงมือถือ
ยาฮูนั้นเป็นบริษัทเดียวในบรรดาสามบริษัทชั้นนำอย่างไมโครซอฟท์และกูเกิลที่ไม่ได้เน้นทำแอพพลิเคชั่นและบริการเข้าสู่ตลาดมือถือมากนัก หากข่าวนี้เป็นจริงก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญครั้งหนึ่งของยาฮูเลยก็ว่าได้
ที่มา: AllThingsD
comScore ได้เปิดเผยส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้การค้นหาทางอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ ประจำเดือนเมษายน พบว่ายอดผู้ใช้ยาฮูเพิ่มขึ้นจาก 16.9% เป็น 17.7% และ Bing ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 11.7% เป็น 11.8% ส่วนกูเกิลตกลงเล็กน้อยจาก 65.1% เป็น 64.4%
comScore ได้ระบุว่าที่ยอดผู้ใช้ยาฮูและ Bing เพิ่มขึ้นเนื่องมาจาก site navigation แบบใหม่ที่ผูกคอนเทนต์และผลลัพธ์การค้นหาที่เกี่ยวข้องจากหลายช่องทางเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถนำเสนอผลลัพธ์การค้นหากับผู้ใช้ขณะที่ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆ ได้ และการนำเสนอผลัพธ์ดังกล่าวยังตรงกับเงื่อนไขใการนับการค้นคืน (query) การค้นหาข้อมูลต่างๆ ของ comScore อีกด้วย
เมื่อปีที่แล้ว โลกของ search engine ได้ตื่นเต้นไปกับ Wolfram Alpha เครื่องมือค้นหาแนวใหม่สำหรับคำตอบเชิงข้อมูลและคณิตศาสตร์ ซึ่งมีผลสะเทือนจนเจ้าพ่ออย่างกูเกิลต้องออก Google Squared มาสู้
เมื่อสัปดาห์ก่อน กูเกิลได้ปรับโฉมหน้าผลการค้นหา และเพิ่มเครื่องมืออย่าง Google Squared เข้ามา ล่าสุดกูเกิลได้รวมผลการค้นหาบางส่วนจาก Squared เข้ามาในหน้าหลักแล้ว โดยเรียกมันว่า "short answer" ผมขอแปลว่า "คำตอบทันใจ" ละกันครับ
กูเกิลประกาศปรับโฉมหน้าผลการค้นหาใหม่อีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือเพิ่ม "ตัวกรองผลการค้นหา" เข้ามาที่แถบเครื่องมือด้านซ้าย
ตัวกรองผลการค้นหา จะช่วยให้เรากรองผลการค้นหาได้ตามชนิด (เช่น ภาพ วิดีโอ) และเวลา รวมถึงแนะนำคำค้นอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกันให้ด้วย การปรับโฉมครั้งนี้เป็นการรวมเครื่องมือของกูเกิลที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ Universal Search, Search Options panel และ Google Squared เข้ากับหน้าค้นหาหลักของกูเกิล
หน้ากูเกิลบนมือถือก็ได้รับฟีเจอร์ใหม่ด้วยเช่นกัน โดยจะถูกซ่อนไว้เป็นค่า default (ตามภาพด้านใน) ต้องกดเปิดใช้เองเพื่อประหยัดเนื้อที่
กูเกิลประกาศเปลี่ยนชื่อ Local Business Center เป็น Google Places พร้อมเพิ่มฟีเจอร์อีกจำนวนมากสำหรับธุรกิจที่ต้องการโฆษณาร้านของตัวเอง เช่น
สรุปว่าตอนนี้กูเกิลกำลังทำสมุดหน้าเหลืองออนไลน์ แบบมีแผนที่ประกอบครบวงจรนั่นเอง วิดีโอด้านใน
ชิ้นแรก: ของถนัดกูเกิลเลยคือ การค้นหาทวีต (กูเกิลเรียก Updates) สามารถเลือกดูตามช่วงเวลาได้ หากเลือกเป็นปัจจุบันก็จะมี AJAX เห็นทวีตไหลไปเรื่อยๆ ด้านข้างแสดง Top Links ประกอบ ซึ่งสามารถค้นหาย้อนกลับได้ด้วยว่าใครเป็นคนทวีตลิงค์นั้นๆ บ้าง ลองดูตัวอย่างคีย์เวิร์ด redshirt
อีกสิ่งหนึ่งที่มาใหม่กับ iPhone OS 4.0 ของแอปเปิลในคราวนี้คือการถอดเอาแบรนด์ Google ออกจากปุ่มค้นหาที่อยู่บนคีย์บอร์ดเวลาใช้ Safari บนไอโฟน โดยก่อนหน้านี้เมื่อผู้ใช้ต้องการจะค้นหาอะไรก็ตามบน Safari นั้น ปุ่มสีฟ้าด้านล่างขวาของคีย์บอร์ดจะมีคำว่า Google ติดอยู่โดยผู้ใช้จะต้องกดปุ่มนี้เพื่อเริ่มการค้นหา แต่ตอนนี้ได้มีการเปลี่ยนปุ่มนี้มาเป็นคำว่า Search แทนแล้ว
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเคยมีข่าวมาว่าแอปเปิลอาจจะเปลี่ยน Default search engine มาเป็น Bing ของไมโครซอฟท์
ที่มา - MacRumors