iPhone X เป็น Smartphone ที่ สร้างกำไร สูงสุดในไตรมาส 4 ปี 2017 โดยมีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 35% เมื่อเทียบกับ Smartphone รุ่นอื่นในตลาด
iPhone X ทำกำไรได้ดีมากในไตรมาส 4 ปี 2017Counterpoint รายงานข้อมูลการเติบโตของ Smartphone ว่าในช่วงเดือน ต.ค. – ธ.ค. 2017 หรือไตรมาส 4 ปี 2017 การเติบโตของตลาด Smartphone โดยรวมลดลง 1% ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ซื้อกำลังเปลี่ยนมือถือรุ่นใหม่
ถึงแม้ตลาด Smartphone โดยรวมจะมีสัดส่วนลดลงแต่ Counterpoint เผยว่า Apple เติบโตขึ้น 1% จากยอดขาย iPhone X ถึงแม้ iPhone X จะเปิดขายในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของไตรมาสก็ตาม
ในรายงานเผยว่า iPhone X สามารถสร้างยอดขายได้ 21% จากรายได้ทั้งหมดในตลาด Smartphone และสามารถสร้างกำไรได้ 35% ซึ่งสูงที่สุดในบรรดา Smartphone ที่ขายได้ในไตรมาส 4 ปี 2017
เมื่อดูในอันดับของ Counterpoint พบว่า iPhone ของ Apple นั้นติด 10 อันดับแรกของ Smartphone ที่สร้างกำไรได้ดีในไตรมาส 4 ปี 2017 และ iPhone 6 ที่เป็นรุ่นเก่าก็ยังสามารถทำกำไรให้ Apple ได้อยู่ (มากกว่า iPhone 6s)
สำหรับ iPhone X ที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดนั้นแน่นอนว่าปัจจัยด้านราคามีผลอย่างแน่นอน เนื่องจาก iPhone X เป็น iPhone ที่มีราคาเปิดขายสูงที่สุด คือ เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ และ Tim Cook เผยว่า iPhone X สร้างยอดขายได้ดีมากตั้งแต่เปิดขาย ส่วนปี 2018 นี้จะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อไป
ที่มา – iClarified
The post iPhone X สร้างกำไรสูงสุด 35% ในตลาด Smartphone ไตรมาส 4 ปี 2017 appeared first on iPhoneMod.
ก่อนหน้านี้ Apple ได้ปล่อยอัปเดต iOS 11.4 Beta 2 ให้นักพัฒนาได้อัปเดต และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ปล่อยอัปเดต Public Beta ให้ผู้สนใจทั่วไปได้อัปเดตทดสอบกันด้วย
Apple ปล่อย iOS 11.4 Public Beta 2 สำหรับผู้สนใจทั่วไปสำหรับ iOS 11.4 Public Beta 2 นี้เป็น iOS สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการทดสอบโดยแน่นอนว่าใน iOS 11.4 Public Beta 2 จะยังมีปัญหาเรื่องการใช้งานทั่วไป ปัญหาการใช้งานแอปต่างๆ และอื่นๆ ดังนั้นผู้ที่จะทดสอบควรพิจารณาความเหมาะสมให้ดี
สิ่งใหม่ใน iOS 11.4 Beta 2ผู้ใช้ทั่วไปที่ลงทะเบียน iOS 11 Public Beta สามารถอัปเดตเป็น iOS 11.4 Public Beta 2 ผ่าน OTA ได้เลย
อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 11.4 Public Beta 2สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการติดตั้ง iOS 11 Public Beta เพื่อทดสอบหรือทดลองใช้งาน สามารถชมวิธีติดตั้งตามนี้ได้เลย
วิธีติดตั้ง iOS 11 Public Betaเริ่มต้นโดยกดที่ Download Profile
เลือก iPhone
เลือก ติดตั้ง
เลือก เริ่มการทำงานใหม่
จากนั้นเครื่องจะรีบูตใหม่แล้วสามารถตรวจสอบซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ผ่าน OTA ได้เลย
ข้อควรจำThe post Apple ปล่อย iOS 11.4 Public Beta 2 สำหรับผู้สนใจทั่วไป ได้อัปเดตทดสอบกันแล้ว appeared first on iPhoneMod.
บทความโดย นฤพนธ์ ชมภูศรี
ปัญหาเรื่องขยะพลาสติกล้นท้องทะเล เป็นปัญหาที่หลายๆ ประเทศได้พยายามแก้ไขอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ได้รับผลกระทบ แต่สัตว์ในท้องทะเลที่ไม่รู้ว่าอันไหนขยะหรืออาหารก็สูญเสียไปมาก จากขยะถุงพลาสติกในแต่ละปี
ดังนั้น TESCO ที่ประเทศมาเลเซีย ได้คิดแคมเปญ Unforgettable Bag หรือ ถุงพลาสติกที่คุณจะลืมไม่ได้! ออกมาเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนนำถุงพลาสติกมาใช้ซ้ำ (Re-use) มากขึ้นนั่นเอง โดยสาเหตุหลักที่จะทำให้เราไม่ลืมถุงพลาสติกนี้ เพราะสามารถเอามาเป็นส่วนลดได้!
นำถุงกลับมาใช้ซ้ำ ได้รับส่วนลดไปอีกวิธีการ คือ ผลิตถุงพลาสติกที่มีบาร์โค้ดติดไว้ที่ตัวถุง เมื่อลูกค้านำถุงพลาสติกที่ได้ กลับมาใช้ซ้ำอีกรอบ พวกเขาก็จะได้ส่วนลดราคาในการซื้อของครั้งถัดไปนั่นเอง นอกจากนั้น ตัวบาร์โค้ดที่ถุง ยังเป็นรูปของสัตว์ทะเลต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากขยะพลาสติก อย่าง ปลาวาฬ เต่า เป็นต้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนเห็นถึงความสำคัญของการใช้ถุงพลาสติกอย่างจำเป็น
สำหรับในไทย มีการรณรงค์ให้ลดการใช้ถุงพลาสติก อย่าง TESCO Lotus ของไทยมีการแจก แต้มกรีนพ้อยท์ เพิ่มสำหรับคนที่ไม่รับถุงพลาสติกและรณรงค์ให้นำถุงผ้ามาใช้ น่าเสียดายที่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่ไม่แน่ ด้วยนิสัยของคนไทยที่ชอบส่วนลดอยู่แล้ว ไอเดีย Unforgettable Bag นี้อาจจะได้รับความนิยมในไทยก็ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
เทศกาลดนตรี Coachella นอกจากจะเป็นสวรรค์ของคนรักดนตรี และศิลปะแล้ว ยังกลายเป็นพื้นที่ระเบิดแฟชั่นอย่างเต็มที่ ภายในงานยังได้กลายเป็นเวทีสำหรับแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ในการโปรโมทคอลเล็กชั่นใหม่ด้วย
ด้วยหลายปีมานี้อิทธิพลของโซเชียลมีเดียมีมีมากขึ้น ส่งผลต่อกลุ่ม Gen M ทั้งหลาย กลายเป็นว่าภายในงาน Coachella ได้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำหรับแบรนด์แฟชั่นในการทำการตลาด ยิ่งภายในงานมี Influencer เข้าร่วมงานเพียบ แบรนด์ไม่พลาดที่จะตะครุบช่วงเวลานี้ไว้อย่างแน่นอน
แบรนด์ H&M ฟาสต์แฟชั่นจากสวีเดนได้ใช้งานอีเวนต์นี้ประกาศความร่วมมือกับนางแบบชื่อดัง Gigi Hadid และโปรเจคต์ Collaboration กับ Moschino ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้จะแฝงความขี้เล่นของ Moschino ในราคาเบาๆ ฉบับ H&M
สำหรับ Adidas เป็นอีกหนึ่งสปอนเซอร์ของงานนี้ โดยใช้โอกาสนี้ในการเปิดตัว Ultra Boost Clima รองเท้ารุ่นใหม่ในราคา 200 เหรียญ มีจำหน่ายที่ร้านป็อปอัพ
ส่วน Puma ได้ร่วมมือกับ Drippin ในการจัดปาร์ตี้สระว่ายน้ำสำหรับคอลเล็กชั่นใหม่ Fenty X Puma พร้อมกับ Rihanna และ Levi’s ได้ Snoop Dog มาร่วมเปิดมินิเฟสติวัลของตัวเอง สร้างความฮือฮาไม่น้อย
ในขณะที่แบรนด์ความสวยความงามก็ไม่น้อยหน้า แบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Urban Decay, Sephora tent และ Dior ใช้โอกาสนี้ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ น้ำหอมใหม่ๆ เช่นกัน
ไม่ใช่แค่แบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์อย่างเดียวที่ใช้พื้นที่งาน Coachella เป็นเครื่องมือการตลาดในการสื่อสารแบรนด์ ยังมีแบรนด์อื่นๆ อีก ทั้ง HP, Red Bull, BMW i พร้อมกับสร้างแคมเปญ #roadtocoachella บนโซเชียลมีเดีย เพื่อแนะนำเทศกาลดนตรีนี้
ในปีนี้งาน Coachella ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 19 แล้ว สามารถสร้างรายได้รวม 114.6 ล้านเหรียญ มีคนเข้าร่วมงาน 125,000 คน โดยที่บัตรขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
สาเหตุที่หลายคนยังเลือกใช้ HDD เพราะราคาต่อความจุถูกกว่า SSD เป็นอย่างมาก แต่ข่าวดีก็คือปีนี้ NAND Flash ซึ่งหมายถึงหน่วยความจำแบบแฟลชทุกชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟน, แฟลชไดร์ว, หน่วยความจำคอมพิวเตอร์, ฯลฯ อาจมีราคาของชิปที่ถูกลงตามการคาดการณ์ของ บริษัท วิจัยตลาด DRAMeXchange
ด้วยกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2018 ที่ผลิตมาเกินความต้องการเล็กน้อย แถมช่วงนี้ลามไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ก็ยังไม่น่ามีสินค้าตัวใหม่ ๆ มากระตุ้นตลาด ซึ่งส่งผลให้ราคาของ NAND Flash มีแนวโน้มที่จะต่ำลงเรื่อย ๆ นั่นเอง แต่หากครึ่งปีหลังหากตลาดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ยังมีความต้องการที่จะผลิตรุ่นความจุสูงขึ้นกว่าเดิม ก็มีแนวโน้มที่ราคา NAND Flash จะไม่ตกต่ำลงกว่านี้
หลายปีก่อนหน้านี้เคยมีความต้องการ NAND Flash อย่างมหาศาลจะผู้ผลิตต้องขยายโรงงานเพิ่ม ส่วนในเรื่องของอนาคตในการผลิตเม็ดความจำรุ่นถัดไป 9x-layer ก็ดูเหมือนจะต้องเลื่อนไปจนถึงปี 2019 และสุดท้ายนี้ก็ได้แต่หวังว่าราคาของ NAND Flash จะตกลงไว ๆ เพราะคอเกมหลายคนก็อยากอัปเกรด RAM, SSD, VGA กันเต็มทนแล้ว และสำหรับ iPhone ความจุสูง ราคาจะถูกลงหรือไม่ คงต้องลุ้นกันต่อไป
ที่มา – guru3d
The post NAND Flash (RAM, SSD) ปีนี้อาจราคาถูกลงเพราะผลิตมาเยอะเกินไป appeared first on iPhoneMod.
บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2561 ซึ่งประเด็นเรื่องของ NPL ธนาคารที่ลดลง และรวมไปถึงเรื่องสัญญาโอนขายลูกหนี้ส่วนบุคคล รวมไปถึงธุรกิจบัตรเครดิต ให้กับธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น. เอ. สาขากรุงเทพ (Citibank)
รายได้รวมของ TISCO ไตรมาสนี้อยู่ที่ 5,518 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว 25.4% สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,765 ล้านบาท เติบโตกว่าไตรมาส 1 ปีที่แล้ว 18.5% กำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ส่วนหนึ่งมาจากการตั้งสำรองหนี้ที่ลดลงของบริษัท
ส่วนรายได้ที่ได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้น 22.4% อยู่ที่ 260.84 ล้านบาท ส่วนทางด้านธุรกิจจัดการกองทุนยังคงเพิ่มขึ้นจากการออกกองทุนใหม่ๆ รับความต้องการของลูกค้า โดยรายได้เพิ่มขึ้น 27.9% อยู่ที่ 385.03 ล้านบาท
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการรับโอนลูกค้ามาจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไทย ทางบริษัทได้แจ้งว่าบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดีอยู่
ในส่วนของเรื่องของ NPL ของบริษัทนั้นอยู่ที่ 2.32% อยู่ที่ 5,711.82 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาคือเรื่องของสัญญาโอนขายลูกหนี้ส่วนบุคคล รวมไปถึงธุรกิจบัตรเครดิต ของบริษัทให้กับธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น. เอ. สาขากรุงเทพ จำนวน 132,000 ราย เป็นลูกค้าสินเชื่อบุคคล 32,000 ราย ลูกค้าบัตรเครดิตอีก 100,000 ราย มูลค่าของสินเชื่อที่โอนให้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5,700 ล้านบาท
ซึ่งมูลค่าสินเชื่อทั้งหมดที่ต้องโอนให้ทาง ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น. เอ. สาขากรุงเทพ อยู่ที่ 6,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อที่ทางธนาคารซื้อต่อมาจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไทย ในปีที่ผ่านมา ซึ่งการโอนขายลูกค้ากลุ่มนี้นั้นเป็นกลยุทธ์ระยะยาวของธนาคาร ซึ่งทางธนาคารคาดว่าจะทยอยโอนแล้วเสร็จไตรมาสที่ 4
ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
บทความโดย นฤพนธ์ ชมภูศรี
เห็น Logo ของแบรนด์ชื่อดังทั้งหลาย บางครั้งก็สงสัยว่าใช้ font อะไรกัน ทาง Emanuele Abrate กราฟฟิกดีไซเนอร์ชาวอิตาลี เลยออกมาทำ Logofonts โปรเจคค้นคว้าว่าแต่ละแบรนด์ให้ฟอนต์อะไร โดยการแทนชื่อของแบรนด์บน logo ด้วยชื่อของฟอนต์นั้นๆ ที่นี้ละก็เห็นภาพชัดเจนเลย เพิ่งได้รู้ว่าหลายแบรนด์ก็ใช้ font ที่เบสิคมากๆ
ลองไปดูกันว่า แบรนด์ที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ ใช้ฟอนต์อะไรบ้าง บางแบรนด์อาจจะไม่ได้เป๊ะมาก เพราะมีทั้งที่ใช้ตรงๆ และนำไปออกแบบต่อยอด
source: Emanuele Abrate – Logo & Identity designer
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า Samsung จะเริ่มผลิตจอ OLED สำหรับ iPhone X, X Plus รุ่นใหม่ปี 2018 โดยจะเริ่มผลิตในช่วงเดือน พ.ค. 2018
Samsung เตรียมเริ่มผลิตจอ OLED สำหรับ iPhone X, X Plus รุ่นใหม่ พ.ค. 2018 นี้UDN รายงานว่า Samsung จะเป็นผู้ผลิตจอ OLED สำหรับ iPhone X, X Plus รุ่นใหม่ปี 2018 โดยวางแผนจะผลิตจอในเดือน พ.ค. 2018 ประมาณ 2 – 3 ล้านชิ้น และจะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 4 – 6 ล้านชิ้นในเดือน มิ.ย. 2018
ในรายงานเผยว่า Apple เริ่มสั่งผลิตชิ้นส่วนเพื่อเตรียมผลิต iPhone รุ่นใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดปัญหาผลิตไม่ทันและสินค้าไม่พอขาย เหมือนกับปัญหาที่เจอใน iPhone X ปี 2018
สำหรับปี 2018 นี้คาดว่าเราจะได้เห็น iPhone รุ่นใหม่ 3 รุ่น คือ iPhone X จอ OLED 5.8 นิ้ว ($899), iPhone X Plus จอ OLED 6.5 นิ้ว ($999) และ iPhone จอ LCD 6.1 นิ้ว ($799) คาดว่าจะเปิดตัวปลายปี (ก.ย. 2018) ติดตามกันต่อไป
ที่มา – iClarified
The post (ลือ) Samsung เตรียมเริ่มผลิตจอ OLED สำหรับ iPhone X, X Plus รุ่นใหม่ พ.ค. 2018 นี้ appeared first on iPhoneMod.
หรือว่าการจัดส่งที่รวดเร็วจะกลายเป็นหัวใจสำคัญในตลาดนี้ 2 ผู้เล่นยักษ์ใหญ่ Walmart และ Amazon ต่างลงทุนอย่างหนักในธุรกิจร้าน Grocery เน้นหนักที่การจัดส่งให้รวดเร็วถึงใจมากที่สุด
การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกรูปแบบ Grocery หรือร้านขายอาหารสดได้ถูกเดิมพันด้วยการจัดส่งสินค้าไปแล้ว เมื่อผู้เล่น 2 รายใหญ่ Walmart ได้ประกาศเปิดตัว Postmates เป็นพันธมิตรในการจัดส่งสินค้า ส่วน Amazon ได้เปิดตัวบริการ Prime delivery สำหรับร้าน Whole Foods เป็นแห่งที่ 7 ในเมืองลอสแองเจลิส
ถ้าถามว่าอะไรถึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้การขนส่งถึงเป็นปัจจัยหลักในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งก็คือการช้อปออนไลน์นั่นเอง นักวิเคราะห์ของ eMarketer ได้กล่าวว่า อาหาร และเครื่องดื่มเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ถึง 700,000 ล้านเหรียญ แต่สัดส่วนการซื้อจากออนไลน์ยังมีน้อยกว่า 3% เรียกว่าล้าหลังกว่ากลุ่มสินค้าอื่นๆ ดังนั้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การลงทุนในเรื่องของ Same-day Delivery หรือการจัดส่งสินค้าในวันเดียวจะเป็นตัวเร่งที่ทำให้ตลาดเติบโต และนำคนเข้ามาช้อปออนไลน์ได้อีกหลายหมื่นล้านเหรียญได้เลย
ผู้ประกอบการรีเทลเองก็รู้ดีว่าเรื่อง Same-day Delivery จะเข้ามาปลดล็อกในการขายออนไลน์ เพราะกลายเป็นบรากรที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา
ซึ่งผลสำรวจจาก Dropoff ในเดือนมีนาคม 2018 พบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกาได้ใช้บริการ Same-day Delivery ถึง 31% เพิ่มขึ้นจาก 17% ในปีก่อน ซึ่งกลุ่มอาหารสดเป็นกลุ่มที่มีความต้องการใช้บริการสูงสุดถึง 64%
นอกจากการจัดส่งอาหารที่เป็น Food Delivery แล้ว ในกลุ่มรีเทลก็คงจะเป็นกลุ่มอาหารสดที่มีความต้องการจัดส่งที่รวดเร็วมากที่สุด หลังจากที่เกิดการซื้อสินค้าแล้ว ซึ่งการพัฒนาบริการให้ส่งรวดเร็วเท่าไหร่ ยิ่งอุดช่องว่างของผู้บริโภคได้มากเท่านั้น
Amazon ได้เปิดบริการ Prime delivery และมีข้อเสนอสำหรับสมาชิกของ Prime ในการจัดส่งฟรีใน 2 ชั่วโมง มีออเดอร์ขั้นต่ำ 35 เหรียญ
ส่วน Walmart มีค่าธรรมเนียม 9.95 เหรียญสำหรับการจัดส่งในวันเดียว และมีออเดอร์ขั้นต่ำ 30 เหรียญ และได้วางจุดยืนว่าไม่จำเป็นจะต้องมีการสมัครสมาชิกเหมือนกับทางคู่แข่ง
ซึ่ง Amazon มีส่วนอีคอมเมิร์ซของตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็จำเป็นต้องมีร้านออฟไลน์ไว้ด้วย ขณะที่ทาง Walmart รวมถึง Target มีธุรกิจ Grocery เป็นธุรกิจใหญ่ ทำให้ตอนนี้อยุ่ในช่วงทดลองหาอะไรใหม่ๆ และกำลังจับตลาดดิจิทัลมากขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้นการที่ทั้ง 2 รายใหญ่ลงทุนในด้านโลจิสติกส์ การจัดส่งแบบภายในวันเดียวมากขึ้น เป็นการปูทางสู่โลกออนไลน์มากขึ้น เพราะยังมีโอกาสอีกมากที่เม็ดเงินจะย้ายจากออฟไลน์ไปออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารสดที่ตอนนี้ยังมีสัดส่วนน้อยมาก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
หลายคนคงจะเคยได้รับไฟล์ ZIP ที่ส่งผ่านอีเมลหรือแอปสนทนา แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถเปิดไฟล์ดูได้ เนื่องจาก iPhone หรือ iPad ไม่รองรับแตกไฟล์ วันนี้ทีมงานจึงมีวิธีรวมไฟล์แตกไฟล์ ZIP บน iPhone, iPad ผ่านแอป Zipped มาฝากกัน
Zippedแอป Zipped เป็นแอปสำหรับการรวมไฟล์และแตกไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น ZIP ที่สามารถใช้งานบน iPhone หรือ iPad ได้ โดยจะทำงานร่วมกับแอปไฟล์ (Files) ที่มีมาพร้อมกับเครื่องใน iOS 11 เราสามารถเลือกไฟล์ในแอปไฟล์มารวมกันให้เป็นไฟล์ ZIP และสามารถแตกไฟล์ ZIP ที่บันทึกในแอปไฟล์ได้อีกด้วย มีวิธีอย่างไรนั้นมาชมกันเลย
ก่อนอื่นให้ดาวน์โหลดแอป Zipped มาให้เรียบร้อยก่อน สามารถดาวน์โหลดได้ที่ Zipped ราคาเพียง 35 บาท
วิธีรวมไฟล์ให้เป็นไฟล์ ZIP บน iPhone, iPadไปที่แอป Zipped ที่ดาวน์โหลดมา > แตะ รูปกล่อง > ไปยังโฟลเดอร์ที่ต้องการ และแตะ เลือก > แตะเลือกรูปที่ต้องการ และแตะ เปิด
เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการนำไฟล์ ZIP ไปเก็บ และ แตะเพิ่ม
เมื่อเข้าไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บ ก็จะเห็นว่ามีไฟล์ ZIP ถูกบันทึกไว้
ไปที่แอปไฟล์ (Files) และไปยังโฟลเดอร์ที่ต้องการ > แตะ เลือก > แตะไอคอนแชร์ > เลือกแอป Zipped
แตะ Save File > เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการนำไฟล์ไปเก็บ และแตะ เพิ่ม
หมายเหตุ หากต้องการแตกไฟล์แล้วแชร์ไปยังแอปอื่นๆ ก็สามารถแตะแชร์ได้
เมื่อบันทึกไฟล์ที่แตกไว้ในแอปไฟล์แล้ว สามารถเข้าไปดู โดยแอปจะสร้างเป็นโฟลเดอร์ เพื่อให้เข้าถึงไฟล์ได้ง่าย
แอป Zipped มีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องดูไฟล์งานรูปแบบไฟล์ ZIP บ่อยๆ เนื่องจากแอป Zipped เป็นแอปที่ใช้งานง่ายแบบพื้นฐาน และแอปมีราคาถูกเพียง 35 บาท คุ้มค่ากับการใช้งานมาก แต่สำหรับใครที่ต้องการใช้ทั้งรูปแบบ ZIP และ RAR ก็สามารถหาแอปอื่นๆ มาใช้งานได้ เช่น iZip, Zip Extractor เป็นต้น
The post วิธีรวมไฟล์และแตกไฟล์ ZIP บน iPhone, iPad ด้วยแอป Zipped ง่ายๆ appeared first on iPhoneMod.
สำหรับผู้ใช้ Apple Watch ที่มีการส่งข้อความผ่านแอป Message บ่อยๆ ลองชมวิธีการส่งข้อความโดยใช้การเขียน Scribble ง่ายๆ บน Apple Watch กัน
ส่วนใหญ่การเขียนข้อความส่งให้กับผู้อื่น เรามักจะใช้ไมโครโฟนพูดแล้วส่งกลับไป แต่กรณีที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ห้ามใช้เสียง เราสามารถใช้วิธีการเขียนแทนได้
วิธีส่งข้อความ โดยใช้การเขียน (Scribble) บน Apple Watchไปที่แอปข้อความ บน Apple Watch > แตะรายชื่อที่ต้องการตอบกลับ (หรืออาจจะแตะค้าง เพื่อสร้างข้อความใหม่) > แตะ Scribble > ใช้นิ้ววาดตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ต้องการ เช่น wh
ลื่อนปุ่ม Digital Crown ลง เพื่อค้นหาคำศัพท์อื่นๆ ที่ต้องการ และแตะส่งได้เลย
แต่ข้อจำกัดของฟีเจอร์การเขียน (Scribble) คือ สามารถใช้งานในเฉพาะแอปข้อความ (Message) และไม่สามารถใช้งานในภาษาไทยได้ (ชมวิธีการเปลี่ยนภาษาในแอปข้อความ บน Apple Watch)
สำหรับใครที่จะตอบเป็นภาษาไทย ก็แนะนำให้ใช้ข้อความตอบกลับที่ตั้งค่าไว้ หรืออาจจะใช้วิธีการเขียนทับศัพท์หรือคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ ตอบกลับในเวลาฉุกเฉินไปก่อนนะคะ
ขอบคุณ 9to5mac
The post วิธีส่งข้อความ โดยใช้การเขียน (Scribble) บน Apple Watch appeared first on iPhoneMod.
สำหรับฟีเจอร์ Hey Siri เป็นฟีเจอร์ที่ไว้เรียก Siri ใช้งานโดยไม่ต้องกดปุ่มโฮมค้างไว้ ซึ่งมีตั้งแต่ยุค iPhone 6 และหลังจากนั้นแอปเปิลก็พัฒนา Siri อย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้เราสามารถใช้ฟีเจอร์ “Hey Siri” แทบจะทุกอุปกรณ์ของแอปเปิล เช่น iPhone, iPad, Apple Watch และ HomePod
ล่าสุดทีมพัฒนา Siri ได้ออกมาบอกว่า ตอนนี้กำลังพัฒนาฟีเจอร์ “Hey Siri” ให้สามารถจดจำเสียงของเจ้าของเครื่องได้ โดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning ซึ่งข้อดีของฟีเจอร์ดังกล่าวนี้คือ เมื่อเราอยู่ในสถานที่ที่คนเยอะ ๆ และมีคนข้าง ๆ เรียก Siri อาจจะทำให้เครื่องของเรามีการใช้งาน Siri ขึ้นมา แอปเปิลจึงต้องทำฟีเจอร์นี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
นอกจากนี้แอปเปิลยังบอกอีกว่า กำลังพัฒนาให้ Siri สามารถใช้งานในห้องกว้าง ๆ หรือมีเสียงรบกวน เช่น เสียงรถยนต์ เวลาใช้งาน Siri ริมถนน
ต้องมาคอยดูกันว่าในอนาคตแอปเปิลจะพัฒนา Siri ได้ดีแค่ไหน มาติดตามงาน WWDC 2018 หรืองานที่จะเปิดตัวระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ของแอปเปิลในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ ว่าจะมีอะไรใหม่ ๆ บ้าง
ที่มา – MacRumors
The post Apple เตรียมพัฒนาฟีเจอร์ “Hey Siri” ให้แยกแยะเสียงของแต่ละคน ด้วย Machine Learning appeared first on Macthai.com.
ปัญหาเรื่องการผลิตไม่ทันของ Tesla Model 3 ไม่ใช่เรื่องใหม่ ล่าสุด Tesla สั่งปิดไลน์ผลิตกะทันหัน โดยให้เหตุผลว่า ขอเวลาพัฒนาระบบ และจะกลับมาผลิตให้ได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเจ้าปัญหาที่ทำให้ Elon Musk ถึงกับบ่นว่าเครียด เพราะผลิตไม่ทันตามเป้า
จากเดิมที่ประกาศไว้ว่า จะผลิตให้ได้ 2,500 คันต่อสัปดาห์ในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า ผลิตได้เพียง 2,000 คันต่อสัปดาห์เท่านั้น และที่สำคัญขณะนี้ Tesla ได้สั่งปิดไลน์ผลิต Model 3 อีกครั้งแล้ว
คำถามคือ ทำไม Tesla ต้องหยุดพักการผลิต Model 3 ชั่วคราว เพราะถ้าดูตามความเป็นจริง เอาแค่กำลังตอนนี้ก็ผลิตไม่ทันตามเป้าหมายที่วางเอาไว้แล้ว?
Tesla ระบุว่า เหตุผลที่ต้องสั่งปิดไลน์ผลิตกะทันหัน เป็นเพราะบริษัทต้องการเวลาในการปรับปรุงระบบผลิตอัตโนมัติ (automation) ซึ่งปัญหาหลักก็คือต้องการแก้ปัญหาคอขวดในการผลิตของ Model 3 นั่นเอง ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Model 3 ผลิตไม่ทัน คือการพึ่งพาหุ่นยนต์มากเกินไป (แต่เข้าใจได้ว่ารถยนต์รุ่นนี้ Tesla ใส่เทคโนโลยีไปจำนวนมาก จึงต้องจำเป็นต้องใช้หุ่นยนต์ในการผลิต)
ด้านของซีอีโอบริษัท Elon Musk ก็เคยบอกไว้ว่า การใช้หุ่นยนต์มากเกินไปนั้นเป็นความผิดของเขาเอง และเขาประเมินมนุษย์ต่ำไป
การปิดโรงงานชั่วคราวครั้งนี้จะกินเวลาประมาณ 4 – 5 วัน มีรายงานระบุว่า พนักงานของ Tesla จะมี 2 ทางเลือกคือ สามารถใช้วันลาไปพักผ่อน หรือไม่ก็ขอหยุดอยู่บ้านแบบไม่รับเงินได้ (stay home without pay)
อย่างที่บอกว่า ปัญหาการผลิต Tesla Model 3 ไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องใหม่ นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ถึงกับฟันธงไว้เลยว่า Tesla จะผลิต Model 3 ไม่ทันตามเป้าอย่างแน่นอน ตัวเลขที่ระบุไว้คือ มากสุดเท่าที่ Tesla จะผลิตได้อยู่ที่ 2,200 คันต่อสัปดาห์ หรือถ้าคิดแบบเฉลี่ยจะอยู่แค่เพียง 1,190 คันต่อสัปดาห์เท่านั้น ถือว่ายังห่างไกลความจริงอยู่มากที่บอกว่า ไตรมาสแรกจะผลิตให้ได้ 2,500 คัน ส่วนไตรมาสที่ 2 จะผลิตให้ได้ 5,000 คัน
ไม่นานมานี้ Musk ได้ออกมาตอบโต้กระแสที่ว่า Tesla อาจต้องเพิ่มทุนอีกประมาณ 2.5 – 3 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพราะหุ้นตกจากหลายสาเหตุ โดยซีอีโอของ Tesla ได้บอกไว้ว่า
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ คือคำมั่นสัญญาของ Elon Musk ต้องติดตามดูต่อไปว่า เขาจะขอเวลาอีกนานเท่าไหร่ จึงจะทำได้ตาม Roadmap ที่วางเอาไว้
ที่มา – Business Insider, ฺBloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา