Sigma เปิดตัวกล้อง mirrorless เซนเซอร์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ fp L โดยยังคงขนาดกะทัดรัดเหมือนกับ Sigma fp

Sigma fp L ใช้เซนเซอร์ 61 ล้านพิกเซล (9,520 x 6,328 พิกเซล) ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมระบบเอาท์พุตรองรับสูงสุดถึง 12-bit Cinema DNG Raw ออกไปยัง SSD นอกตัวกล้อง หรือจะเอาท์พุตเป็น Raw ผ่านทาง HDMI และ encode เป็น ProRes RAW หรือ Blackmagic RAW ก็ได้ (ขึ้นกับ recorder ที่ใช้งาน) รวมถึงรองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD ที่ 120 เฟรมต่อวินาที (ในโหมดครอป)

Sigma เปิดตัว fp กล้องฟูลเฟรมแบบ mirrorless รุ่นใหม่ ใช้เมาท์ L พร้อมขนาดกะทัดรัดในระดับที่ Sigma เคลมว่าเล็กและเบาที่สุดในโลก

สเปคของตัวกล้อง Sigma fp ใช้เซนเซอร์ BSI-CMOS 24.6 ล้านพิกเซล พร้อม Bayer color filter มี ISO ช่วงระหว่าง 100-25600 ขยายได้ถึงช่วง 6-102400 ถ่ายภาพ RAW DNG ได้ถึง 14 บิต ใช้ระบบออโต้โฟกัสเป็น contrast-detection ที่ Sigma เคลมว่าสามารถใช้ได้ที่แสงต่ำสุด -5EV ส่วนชัตเตอร์เป็นอิเล็กทรอนิกส์ล้วน รองรับ Eye AF และ HDR

ในด้านวิดีโอนั้น ตัวกล้องรองรับการถ่ายวิดีโอ 12-bit UHD 4K/24p DNG มี waveform monitor, ระบบควบคุมมุมชัตเตอร์ และ timecode ให้ใช้งาน มีโหมดผู้กำกับให้ทดลองพรีวิววิดีโอที่ aspect ratio อื่น ๆ ด้วย

ตอนนี้ค่ายกล้องใหญ่ทั้งสามคือ Canon, Nikon และ Sony ต่างก็มีกล้อง mirrorless ที่ใช้เซนเซอร์ฟูลเฟรมอยู่ในไลน์แล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า ทั้ง Leica, Panasonic และ Sigma เตรียมร่วมกันประกาศความร่วมมือในการทำกล้อง mirrorless เซนเซอร์ฟูลเฟรมร่วมกัน โดยใช้เมาท์เลนส์ Leica SL

สำหรับการร่วมมือระหว่างค่ายกล้องทั้งสาม ซึ่งจากรายงานบอกว่าทั้ง Leica และ Panasonic จะทำกล้องและเลนส์เมาท์ SL แน่ ๆ แต่สำหรับ Sigma ค่อนข้างชัวร์ว่าจะทำเลนส์เมาท์ SL แต่ไม่มีข้อมูลว่าจะทำกล้องหรือไม่ และถ้า Sigma ทำกล้องจริงก็เป็นไปได้ว่า Sigma อาจทิ้งเมาท์ SA ของตัวเอง

Sigma ได้ประกาศเปิดตัวเลนส์ใหม่สำหรับกล้อง DSLR 4 รุ่น โดยทั้งหมดใช้สำหรับกล้องขนาด Fullframe โดยทั้งหมดจะถูกเปิดตัวในงาน CP+ ที่จะถึงในอีก 1 สัปดาห์นี้ โดยเลนส์ใหม่ล่าสุดนี้ประกอบไปด้วย

UPDATE: ที่จริงแล้วกล้องตัวใหม่นี้เป็นการดัดแปลงของผู้ใช้เอง โดยใส่เมาน์เข้าไปในกล้อง (ดูความเห็นของคุณ agent5 และกระทู้ฟอรั่ม xitek.com)

ผู้ผลิตเลนส์อิสระอย่าง SIGMA นั้นมีกล้องเป็นของตัวเองมานาน แม้จะไม่ได้รับความนิยมนัก แต่กระแสกล้อง EVIL ช่วงหลังๆ ก็ทำให้ช่างภาพกล้ามไม่โตอย่างเราๆ พร้อมจะเปลี่ยนค่ายกันได้ง่ายขึ้น ดังนั้นมันอาจะเป็นโอกาสใหม่ให้กับแบรนด์รองๆ อย่าง SIGMA ได้

หลังจากปล่อยให้คู่แข่งอย่างแทมรอนส่งเลนส์ซุปเปอร์ซูมอย่าง 18-270 VC ออกมาสู่ตลาดได้ก่อน ซิกม่าผู้ผลิตเลนส์อิสระอันดับหนึ่งของโลก ก็ออก 18-250 F3.5-6.3 DC OS HSM ออกมาลงแข่งในตลาดเลนส์ช่วงยาวนี้บ้าง

18-250 ของซิกม่านี้มาพร้อมระบบกันสั่นและมอเตอร์แบบ Hyper Sonic ของซิกม่า ทำให้โฟกัสได้เร็วและเงียบเช่นเดียวกับเทคโนโลยี USM และ SWM ของแคนนอนและนิคอน มีรูรับแสง F3.5 ถึง 6.3 ตัวเลนส์จะมีเลนส์แก้ความคลาดทรงกลม (Aspherical) และเลนส์ลดความคลาดเคลื่อนของสี (SLD) ด้วยครับ

Sigma Corporation แห่งประเทศญี่ปุ่น ซื้อหุ้นทั้งหมดของ Foveon เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมานาน 8 ปี โดย Foveon นั้น เป็นผู้ผลิตเซนเซอร์รับภาพ X3 ให้กับกล้องดิจิตอล SLR ทั้งหมดของ Sigma อันได้แก่ SD9, SD10 (อดีต) SD14, DP1 (ปัจจุบัน) และ SD15, DP2 (อนาคตอันใกล้?)

ปัจจุบัน Foveon ตั้งอยู่ที่เมือง San Jose รัฐ California หลังจากการเข้ารวมกับ Sigma ในครั้งนี้ บริษัทยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ไม่ย้ายไปประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด

มีใครใช้กล้อง Sigma อยู่บ้างครับ

ที่มา - Foveon's Press Release

ซิกม่า บริษัทผู้ผลิตเลนส์อิสระอันดับหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวกองทัพเลนส์สู่ตลาดกล้องในงาน PMA ปี 2008 นี้ เลนส์ที่ซิกม่านำมาเปิดตัวปีนี้ประกอบไปด้วยเลนส์ดังนี้ครับ

ขณะที่ทางแคนนอนมีเลนส์ USM ใช้กันเป็นเรื่องปรกติ ทางฝั่งนิคอนนั้น เลนส์ Slient Wave ยังมีจำนวนไม่มากนัก และราคาค่อนข้างแพง งานนี้ทาง Simga ผู้ผลิตเลนส์อิสระที่มีเทคโนโลยี HSM (Hyper-Sonic Motor) อยู่ในมือจึงได้เวลาปล่อยเลนส์สองตัวที่ใช้เทคโนโลยีนี้มาให้กับผู้ใช้กล้องนิคอน

เลนส์สองตัวที่ว่าคือ 17-70mm F2.8-4.5 DC MACRO HSM และ 18-50mm F2.8 EX DC MACRO HSM โดยทั้งสองตัวประกอบด้วยชิ้นเลนส์ Special Low Dispersion (SLD) และ Aspherical ทั้งคู่ ส่วนตัว 18-50 นั้นยังใส่ เลนส์ ELD (Extraordinary Low Dispersion) เข้ามาด้วย

ยังไม่มีภาพตัวอย่างหรือราคาทางการจากเลนส์ทั้งสอง

ซิกม่า หนึ่งในผู้ผลิตเลนส์รายใหญ่ของโลก เปิดตัวเลนส์อภิมหาเทเลซูม (Ultra-Telephoto Zoom) ความยาวโฟกัส 200-500 มิลลิเมตร โดยที่รูรับแสง 2.8 ตลอดช่วง!!!

สำหรับเจ้า Sigma APO 200-500mm F2.8 EX DG ตัวนี้เป็นเลนส์ระดับมืออาชีพที่มีขนาดใหญ่มากๆ (ดูภาพ) ถึงกับต้องมีจอ LCD ไว้บอกระยะโฟกัสโดยเฉพาะ และต้องใส่ฟิลเตอร์ที่ท้ายเลนส์แทน (เลนส์หน้ากว้างๆ มักจะต้องใช้แบบนี้ครับ) และซิกม่ายังกลัวว่าระยะ 200-500 จะไม่พอ(ยังไม่ได้นับใส่กับกล้องดิจิทัลแล้วต้องมีตัวคูณนะครับ) ยังมี APO TELE CONVERTER 2x EX DG II มาไว้เพิ่มระยะเป็น 400-1000 อีกต่างหาก