หลังจากที่เราอ่านข่าวลือมาจำนวนมาก วันนี้ก็ถึงเวลาแถลงข่าวของงาน WWDC 2011 จริงๆ ในรอบนี้ข่าวหลุดจำนวนมากก็เป็นจริงแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Lion ใหม่, iOS5 ที่ปรับปรุง notification, และ iCloud ที่ช่วยซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์
เราจะไล่ตามลำดับงานเปิดตัว
ระบบปฎิบัติการสำหรับเครื่องเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุดของ Mac มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ 10 ตัวหลัก และฟีเจอร์ย่อยอีกกว่า 250 ฟีเจอร์
Multi-Touch Gestures: การควบคุมต่างๆ จะใช้ทัชแพดมากขึ้น โดยสามารถสวิตซ์ระหว่างแอพลิเคชั่น หรือกลับไปที่หน้า Mission Control ได้จากทัชแพดอย่างเดียว
Full Screen Application: Lion จะมีวิธีมาตรฐานในการพัฒนาแอพลิเคชั่นที่เป็นแบบเต็มจอ และการสวิตซ์ระหว่างแอพลิเคชั่นจะใช้ทัชแพด
Photo Booth: รุ่นใหม่จะสามารถติดตามใบหน้าคนได้ ปรับแต่งหน้าได้ทันที
Mission Control: รวมเอา Dashboard, Exposé, และ Spaces เข้ามาเป็นหน้าจอเดียวกัน โดยเรียกจากทัชแพด
Mac App Store: ติดมากับ Lion ในตัว และแอปเปิลสัญญาว่าจะมี In-App Purchase ในอนาคต
Launchpad: หน้าจอเริ่มต้นสำหรับเรียกแอพลิเคชั่น เรียกจาก Dock เป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะทำให้ Mac OS X คล้ายกับ iOS มากขึ้น
Resume: ทำให้การเปิดแอพลิเคชั่นกลับไปอยู่สถานะก่อนปิดทันที และตอนเรียกแอพลิเคชั่นก็ไม่ต้องสั่งเซฟก่อนแล้ว
Auto Save/Versions: แม้ในงานจะแยกเป็นสองฟีเจอร์แต่จริงๆ แล้วมันทำงานใกล้กันมาก คือเหมือนเราใช้งาน Google Docs ในเครื่องของเราเอง เอกสารจะถูกเซฟเองเป็นช่วงๆ โดยเราสามารถย้อนกลับไปตอนไหนก็ได้ และสามารถสั่งล็อกเอกสารไว้ที่สถานะไหนก็ได้ หากล็อกแล้วต้องการแก้ไขมีสองทางคือปลดล็อกหรือสร้างไฟล์ใหม่แยกออกไป
AirDrop: แชร์ไฟล์ผ่าน Wi-Fi โดยตรง ถ้าที่ทำงานไม่ได้ใช้ Mac กันหมดใช้ Thumbdrive อย่างเดิมน่าจะสะดวกกว่า
Mail: ออกรุ่นใหม่เป็นสองคอลัมน์ มีพรีวิวเนื้อหาใต้หัวข้อเมล
นอกจากนี้แล้ว Lion ยังมี Lion Server เป็น "แอพลิเคชั่น" ขายแยกในราคา 49.99 ดอลลาร์เพื่อให้บริการไฟล์, อีเมล, ปฎิทิน, และ Wiki
ตัว Lion ราคา 29.99 ดอลลาร์ซื้อได้จาก Mac App Store โดยตรง
ที่มา - Apple
Notification: ปรับปรุงหน้าจอแจ้งเตือนใหม่ แจ้งเตือนได้ในตอนล็อกหน้าจอ, เมื่อมีการแจ้งเตือนมากๆ จะขึ้นไปรวมกันที่ด้านบนให้ลากลงมาดูทีเดียวได้เหมือน Android, และสามารถคลิกเพื่อเรียกแอพลิเคชั่นที่เตือนมาได้โดยตรง
Newsstand: หน้ารวมสำหรับคนที่ซื้อนิตยสารรหรือหนังสือพิมพ์
Twitter: จะทำงานร่วมกับ iOS5 อย่างแนบแน่น แอพลิเคชั่นมาตรฐานเช่น Camera,Safari, Maps, และ YouTube จะสามารถส่งทวีตได้ทันที
Camera/iPhoto: ใหม่จะควบคุมได้มากขึ้น ล็อกโฟกัสได้, ใช้ปุ่ม Volume Up เพื่อแทนปุ่มชัตเตอร์, เรียกใช้กล้องจากหน้าจอล็อก ส่วน iPhoto จะสามารถปรับแต่งได้มากขึ้น และทำงานร่วมกับ iCloud ได้
Safari รุ่นใหม่สามารถเลือกเฉพาะตัวเนื้อหาออกมาให้อ่านได้, และเซฟรายการที่อยากอ่านไว้กลับมาอ่านทีหลังได้
PC Free: อุปกรณ์ iOS ทั้งหมดจะไม่ต้องการเครื่องพีซีเพื่อใช้งานอีกต่อไป การอัพเดตทั้งหมดสามารถทำผ่าน Wi-Fi ได้เลย
Wi-Fi Sync: สามารถซิงก์กับ iTunes ผ่าน Wi-Fi ได้แล้ว โดยตรงต่อสายชาร์จก่อน (แต่ไม่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง) พอชาร์จอยู่เครื่องก็จะต่อกับพีซีเพื่อซิงก์เอง
AirPlay Mirror: สามารถแสดงหน้าจอออกทางจอทีวีได้แล้วผ่านทาง AppleTV แต่ใช้ได้กับ iPad 2 เท่านั้น
Multitasking Gestures: สวิตซ์ข้ามแอพลิเคชั่นด้านการใช้ gesture ด้วยมือ ปัดทั้งห้านิ้วบนจอเพื่อสวิตซ์แอพลิเคชั่น
Game Center: รองรับการหาเพื่อนเล่นเกมเพิ่มเติม หาเพื่อนของเพื่อนได้
Mail/Calendar: เชื่อมต่อกับ iCloud ได้แล้วเป็นฟีเจอร์หลัก ที่เหลือเป็นการอัพเดตระบบ UI ให้ดีขึ้น
ที่มา - Apple
iCloud ดูจะเป็นพระเอกของงานนี้อย่างเต็มรูปแบบ แอปเปิลเอาจริงกับมันมากถึงขั้นสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ให้มันโดยเฉพาะ โดยมันคือเซิร์ฟเวอร์สำหรับซิงก์ข้อทูลทุกอย่างตั้งแต่เอกสาร, ภาพ, เพลง, และแอพลิเคชั่นที่เราซื้อมาโดยไม่คิดเงิน แต่มีข้อจำกัดได้แก่
บริการ iCloud ยังเปิด API ให้นักพัฒนาภายนอกสามารถส่งเอกสารเข้าไปเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลได้ โดยคาดว่าพื้นที่จะรวมอยู่ใน 5GB ที่จำกัดเอาไว้
ที่มา - iCloud
บริการ Music Match เป็นส่วนเสริมของ iCloud แต่มันมีความสำคัญมาก เพราะจากเดิมที่ระบุกันว่าแอปเปิลจะทำบริการเก็บเพลงแข่งกับ Google และ Amazon นั้นดูเหมือนจะไม่ตรงกันนัก โดย Music Match จะเป็นการค้นหาเพลงในเครื่องของเรา และเทียบดูว่ามีเพลงนั้นๆ อยู่ในฐานข้อมูลของแอปเปิลหรือไม่ หากมีก็จะสามารถซิงก์ผ่าน iCloud ได้ โดยคิดค่าบริการปีละ 24.99 ดอลลาร์ และเครื่องที่ซิงก์จะได้ไฟล์ ACC แบบ 256kbps ไม่มี DRM
ข้อจำกัดสำคัญของบริการนี้คือหากเพลงนั้นๆ ไม่มีบนฐานข้อมูลของ iTunes ก็หมดสิทธิ์ทันที และการคิดค่าบริการรายปีกับเพลงที่เราเป็นเจ้าของอยู่แล้วอาจจะไม่สมเหตุผลสำหรับผู้ใช้บางคน แอปเปิลเองก็ยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการบริการนี้ อย่างไรก็ตามราคา 24.99 ดอลลาร์ต่อปีเพื่อบริการริปเพลงคุณภาพสูง, ใส่ข้อมูลเพลงให้อย่างถูกต้อง, แถมภาพสแกนปกซีดี, และสามารถซิงก์ได้ทุกเครื่องก็น่าจะทำให้คนจำนวนไม่น้อยใช้บริการนี้
จบงานแถลงข่าว WWDC ครั้งนี้เราได้เห็นแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น แอปเปิลเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะทำให้ Mac OS X คล้ายกับ iOS เข้าไปทุกที ขณะที่ iOS เริ่มกลายเป็นประชากรชั้นหนึ่งที่ไม่ต้องการพีซีอีกต่อไป ในอีกแง่หนึ่งแอปเปิลเองเริ่มผันตัวจากผู้ขายฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาเป็น "ผู้ให้บริการ" มากขึ้น อุปกรณ์ iOS รุ่นต่อๆ ไปคงต้องผูกกับบริการของแอปเปิลมากขึ้นเช่นเดียวกับที่ Android ผูกติดกับกูเกิล เรากำลังเห็นสงครามในโลกที่ความร่วมมือในแนวนอนเริ่มหายไป ทุกคนต้องเลือกฝั่งในแนวตั้งว่าจะลงทุนกับ ฮาร์ดแวร์+แพลตฟอร์ม+บริการของค่ายใดค่ายหนึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนกับค่ายใดๆ หลังจากนี้เราอาจจะต้องระวังที่จะเลือกให้ดีมากขึ้นเพราะมันคือการเลือกที่จะฝากตัวเองและข้อมูลจำนวนมากไว้กับค่ายนั้นๆ โดยที่ความลำบากในการย้ายอาจจะมากกว่าที่เราเคยใช้ระบบ IT กันมา
Comments
notification ช่างคุ้นตา
สรุปอนาคต MobileMe ผู้ใช้ที่ใช้ MobileMe และจ่ายค่าสมาชิกไปแล้ว 99 ดอลลาร์จะถูกยืดอายุสมาชิกไปถึงเวลาเดียวกันปีหน้านี้ทุกคน และบริการ MobileMe ก็จะถูกปิดลง (แต่ให้บริการฟรีเป็นส่วนหนึ่งของ iCloud แทน)
อีกเรื่องที่น่าตลกคือวันนี้แอปเปิลทำให้คนต่อไปนี้กระทบไปเต็ม ๆ:
@TonsTweetings
ขอ Refund
ลองใช้ iOS5 Beta แล้วพบปุ่มขอซื้อพื้นที่เพิ่มเติมได้ เป็นไปได้ว่า mobile me user ที่ยังไม่หมดอายุ อาจจะได้พื้นที่เพิ่มก็ได้นะครับ
สักพักคงมีข่าวแอปเปิลโดนฟ้องออกมาเป็นระลอกๆ......
WhatsApp กระทบยังไงหรอครับ
อัพเดตครั้งใหญ่ เป็นก้าวสำคัญของ Apple จริงๆ พยายามหนีคู่แข่งไปอีกขั้นหนึ่งด้วย คู่แข่งคิดหนักเลย
คุณคิดแบบนั้นจริงๆ หรือครับ?
คิดแบบนี้จริงๆ ครับ
เช่น iPad + iCloud
คู่แข่งพยายามเอา Tablet ของตัวเองเพิ่ม Port นั่น Port นี่ มี SDCard เพิ่มจะเอาไฟล์เข้าไฟล์ออกให้เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ๆ กันอยู่ แต่ Apple มองข้ามช๊อตไปแล้ว เช่นถ่ายภาพด้วย iPhone ภาพมาโผล่ที่ Notebook ให้เลย
บริการ Free email @me.com ไม่มีโฆษณา อัด Google เต็มๆ Google จะใจปล้ำถอดโฆษณาออกจาก Gmail ไหม
iTunes Match / Google Music Beta/ Amazon / อันนี้ก็เห็นได้ชัดๆ ว่า Apple เหนือกว่าคู่แข่งมาก คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ระบบจะสแกนรายชื่อเพลงแล้วไปค้นหาให้ในคลังเพลงของ iTunes ถ้าเจอคุณก็มีเพลงอยู่ใน Cloud ให้เลย / ราคาค่าบริการก็ถูกกว่า amazon แต่ Google ยังไม่ทราบราคา
นี่ก็เป็นตัวอย่างบางส่วนอะครับ
ส่วนฟังชั่นอย่างระบบ Notification แบบใหม่ iMessage มีหรือไม่มี Widget ผมมองว่าเป็นส่วนหยิบย่อยครับ ที่สำคัญมากๆ ผมว่า iCould นี่แหละ เป็นก้าวที่สำคัญของ Apple จริงๆ ผมว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นด้วย
ก็พูดยากนะครับ สิ่งที่คุณยกตัวอย่างมาบางอัน Apple เข้ามาในตลาดก่อนเช่นเรื่องเพลง ลอง Apple ไปทำ search engine บ้าง ก็ยังคงลูกผีลูกคนเหมือนกัน
เรื่องภาพส่งไปที่คอมได้เลย ถ้าใช้ memory SD Wifi มันก็ส่งได้เลยเหมือนกันครับ --"
iTunes Match ผมยังไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไรมาก ถ้าคุณดาวโหลดเพลงเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเป้าหมายเพียงแค่ป้องกันไฟล์ซ้ำซ้อน
ระบบ notification สำหรับผม ผมว่ามันสำคัญ ผมเปลี่ยนจาก ip4 มาเปน android ผมรู้สึกว่าง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น แต่ก็มีจุดแข็งกันไปคนละแบบ
ผมว่า iCloud นี่แหละครับ คือสิ่งที่ Apple คาดหวังไว้สูง และต่อจากนี้จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ Apple เปิด API ให้นักพัฒนาเข้าถึง iCloud ได้ด้วย ลองนึกดูว่าจะเกิด App หรือบริการดีๆ ออกมาอีกเพียบ
ผมว่าวิธีคิดของคุณไม่เหมาะกับ Blognone แล้วล่ะครับ ขอออกปากเชิญอย่างเป็นทางการ
คิดว่าไม่ต้องไล่หรอกฮะ
ชี้นิ้วใส่แล้วบอกว่า Android! Dropbox! น่าจะหงายแล้วฮะ
อันนี้มุกหรือเปล่าครับเนี่ย
ถ้าไม่มุกนี่ก็ค่อนข้างจำกัดความคิดเห็นพอสมควรเลยนะครับ ถึงแม้ว่าความคิดนั้นจะค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงก็ตาม ผมว่าควรที่จะให้ท่านอื่น ๆ พิจารณาตัดสินใจเองว่าสิ่งที่เขาแสดงความคิดเห็นออกมานั้นเป็นอย่างไร ควรจะเชื่อถือหรือไม่จะดีกว่านะครับ
ไม่มุขครับ
Blognone ไม่ได้สร้างมาสำหรับทุกคนครับ เราไม่ต้อนรับสาวกแอปเปิลที่เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตาครับ ขอแนะนำให้ไปอยู่ที่อื่นจะดีกว่า
เข้าใจว่า me.com นี่ต้องใช้ client เข้าไปอ่าน ยังไงก็ไม่ได้เป็นแนวเดียวกับ gmail อยู่แล้วนี่
ที่บอกว่า sync on the air นี่ฟังดูโอเค แต่ว่า ด้วย dropbox มันก็ทำได้อยู่แล้วนี่
จริงๆที่ wow ที่สุดสำหรับผมคือ Notification นะ ส่วน iCloud นี่เฉยๆ มากเลย มันยังดูเพ้อฝันไปนิดนึง ผมยอมเสียเวลา sync เองนะ แลกกับอายุการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เพราะส่งข้อมูลแบบนั้น แบตคงหมดไวแหงๆ
onedd.net
+10 สูบหมดแน่นอน Sync แบบนั้น
ให้เครดิต cydia บ้างก็ดีน๊ะ
ส่วนตัวผมกลับผิดหวังนะครับ ที่ตามข่าวมาบอกว่า iOS 5 จะยกเครื่องนู่นนี่ สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไร
ระบบ notification มีตั้งหลายแบบใน youtube ดันไปเลือก android มา
งาน WWDC ทุกปีมี ไอโฟน เปนไฮไลท์ของงาน แต่คราวนี้พอไม่มีไอโฟน งานกร่อยไปถนัด --"
ก้าวสำคัญน่ะใช่ครับ แต่ผมว่าเป็นการตามคู่แข่งให้ทันมากกว่า =w="
ถ้าไม่บอกว่า os5 ผมนึกว่า 4.4
รออย่างใจจดจ่อ ไม่ผิดหวัง แต่ไม่มี surprise
ลอกเค้ามาเยอะอยู่นะ, Jailbreak Developer นี่คงหัวฟูเลย
แต่เพราะอย่างนี้หรือเปล่า Apple ถึงปล่อยให้ Jailbreak ได้เรื่อยมา
อย่าไปคิดแทนคนอื่น
+65535!
ดูลู่ทางจาก cydia, แล้วนำมาพัฒนาลงใน iOS
ที่ดูจะคุ้นตาที่สุดก็เห็นจะเป็น Notification นี่แหละ... . . (ผู้ใช้ด๋อยหงายเงิบบบบ)
น่าจะเรียกว่าขอยืมส่วนดีมาใช้ (ศาสดาอุบันตุกล่าวไว้) ถ้าผู้บริโภคได้รับประโยชน์ก็น่าจะยินดี
โอว มันช่างเป็นคำที่ดียิ่งนัก ข้าน้อยขอคารวะท่านศาสดาอุบันตุ :)
พอชาร์จอยู่เครื่องก็ "จะจ่อ" กับพีซีเพื่อซิงก์เอง
"จะต่อ" รึเปล่าครับ?
a link
เจออีกจุด
"ไม่มีจำกัดขนาดแต่ลงได้ไม่เดิน 10 เครื่องพร้อมกัน"
น่าจะเป็น "เกิน" หรือเปล่า
แจ้งเตือน
May the Force Close be with you. || @nuttyi
แล้วก็ "โดยตรงต่อสายชาร์จก่อน" หมายถึง "โดยต้องต่อสายชาร์จก่อน" รึเปล่าครับ?
Jusci - Google Plus - Twitter
OSX Lion ซื้อผ่าน App Store เท่านั้น ตัวขนาด 4GB นี่มันจะโหลดนานแค่ไหนหว่า...
net บ้าน 3BB โหลดผ่านบิตล่อเข้าไป ชั่วโมงละกิ๊กละ
Server ของ Apple เองปล่อยโหลดเร็วนะครับ BuddyBB 3 MB โหลด Podcast 1 GB ไม่ถึง ชม.
ผมเคยโหลด xcode 4.3 GB มันก็วิ่งเต็มสปีดนะ เปิดทิ้งไว้ทั้งคืนเช้ามาก็เสร็จ คิดซะว่าโหลดบิตนานกว่านี้ละกัน
โหลดไฟล์จาก Apple ไวมากครับเต็มความเร็วเน็ตเลยสำหรับเมืองไทย บางประเทศที่โหลดแล้วไม่ค่อยมานี่สิลำบากกว่าไทยเยอะ
apple มี cdn แถวนี้ครับ เน็ตไทยโหลดเต็มสปีดตลอด
ดีๆๆ แต่ต้องไปจัด mac แท้มาก่อน ตอนนี้เล่นแมคเทียมโหลดมาก็เดี่้ยงสินะ.. :-}
iOS5 ดูดีเนอะ .. น่าใช้
ถ้า iPhone ตัวหน้าจอ 4 นิ้วอัพ .. คงได้เจอกันนะจ๊ะผลไม้ อิอิอิ
ทำไมมีแต่คนอยากได้จอใหญ่อ่า ตอนนี้ผมใช้ด๋อยอยู่ รอดู ip5 ถ้าจอเท่าเดิมหรือ 3.7 อาจจะจัด แต่ถ้าใหญ่กว่านั้นคงมองหาตัวเลือกอื่นก่อน เทอะทะไปหน่อย :p
เสริม iOS 5 ยังมีอัพเดตให้ iPhone 3GS ด้วย รุ่นนี้ได้อัพเกิน 2 ปีเลยแฮะ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
3G ก็อัพ 4.2 ได้
ถูกใจอันนี้ที่สุด แต่ต้องดูว่าจะโดนจำกัดอะไรบ้าง
ชอบ Notification มากเลยครับ
ยังแอบหวังว่า iOS5 for iPad ใช้ App iPhone x2 แล้วจะไม่แตก (เสมือนว่าเราใช้ RetinaPad อยู่) จะได้เลิก J/B iPad :D
ว่าแต่ iOS5 Target Release Date เมื่อไหร่น่ะครับผม
fall ปีนี้ครับ ประมานช่วงเดือนกันยาเป็นต้นไปอะครับ
อ๊ะ มาพร้อมไอโฟน 5 รึเปล่า
น่าจะเป็นเยี่ยงนั้นแหละขอรับ
อะ ถ้าใช้ไอแพดแล้วใช้แอพอะไรใน cydia เพื่อไม่ให้ iphone/ipod app ภาพแตกได้ด้วยเหรอฮะ ชื่ออะไรฮะ
RetinaPad ครับผม
ผม Jailbreak iPad เพื่อโปรแกรมนี้โปรแกรมเดียวเลยครับ :)
ผมติดใจ iMessage ครับ ตอนดูถ่ายทอดสด เห็นพูดกันว่าจะเป็น BBM Killer
จริงๆ ดูแล้ว ไม่ WOW เท่าไหร่เลยนะ
แต่ด้วยจุดเด่นตรงที่ Brand Apple แข็งแกร่งอยู่แล้ว พอมีอะไรที่ควรมี มันก็เหมือนแซงคนอื่นเลย
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
iOS5 เหมือนมาแก้จุดอ่อน + มาเติมเต็มให้สมบูรณ์ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ๆ ให้ wow มาก แต่ก็ทำให้น่าใช้ขึ้นอีก
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
โดยตรงต่อสายชาร์จก่อน?
ไฟล์ ACC คืออะไรเหรอคะ?
เหมือน AAC รึเปล่าคะ?
พึ่งอ่านจบกำลังงงเหมือนกันเลยคับ
"โดยตรงต่อสายชาร์จก่อน (แต่ไม่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง) "
พยายามสลับแล้วก็ยังงงๆอยู๋ดี
"ต่อสายชาร์จโดยตรงก่อน (แต่ไม่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง)" [แบบนี้รึเปล่าคับ???]
คนที่ Jailbreak (เพื่อ Tweak performance) น่าจะเห็นพวกนี้กันมาบ้างแล้วนะครับ ผมเลยไม่ประทับใจเท่าไร
แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้ผมลดความอยากในการ jailbreak ไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อยหละ
Technology is so fast!
"2011 Year of the copycats"
The best way to fight with copycat is to become copycat
{$user} was not an Imposter
อืมมมมมมมม CopyCats :P
World Wide Developer Copycat ...
ถ้าไม่เหน็บเค้าไว้เยอะคงไม่อะไรเท่าไหร่ ><"
like บรรทัดล่าง
copy อันไหนบ้างเหรอครับ?
เรื่อง notification ผมว่า android ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก palm pre อีกทีนึงนะครับ
That is the way things are.
Notification นี่ Android มีตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก ออก ปี 2008
Palm Pre ออกตัวแรก ปี 2009
ลอก?
ปล. แต่ Pre ผมว่าไม่ได้ลอก Android นะ
อ่อ งั้นผมคงเข้าใจผิดไปเองครับ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย - -
That is the way things are.
ออกหลัง android ทั้งคู่ แต่ไหงจัดหนักให้ iOS เจ้าเดียวว่าลอก แบบนี้ต้องชี้แจงงงง อิอิ
Plam Pre มันยังเหลือให้ด่าอยู่เหรอครับ
I need healing.
ไม่ได้จัดหนักที่ลอก แต่จัดหนักที่ไปว่าคนอื่นว่าลอก แต่ตัวเองดันทำเอง
ดีซะด้วยซ้ำที่ลอก เพราะยังไงประโยชน์ก็ตกอยู่กับ User
ลอกน่ะดีแล้วครับ User ชอบถ้าลอกของดีๆมา
...แต่วันหลังเวลาชาวบ้านเค้าลอกของตัวเองบ้าง คงไม่ออกมาหงุดหงิดว่าร้ายหรือฟ้องศาลนะครับ 555
ต้องไปขุดหลุมเรียกพวก Palm มาฟ้องด้วยว่าลอก Reminder ( TodoList ) มาอีกอย่าง
ของ Palm ทำมาตั้งเป็นสิบปีแล้ว
ดูดีๆ Apple เขามีแนวทางก่อนทำอะไรเขาวางแผนเป็นปีนะครับ และไม่สนว่าต้องออกก่อนคนอื่นแต่ต้องดีกว่าคนอื่น นี้คือแนวทาง Apple ครับ
ping
lewcpe.com, @wasonliw
ชอบบรรทัดล่างเช่นกันครับ เหน็บแนมเค้าไว้เยอะ ว่าก๊อปมั่งลอกมั่ง นี่เล่นลอกเค้ามาเองเล้ยยยย ว่าไงศาสดา ???
เค้าลอกมาตั้งแต่สมัย Mac ปี 1984 แล้วครับ เรื่องแค่นี้ศาสดาเค้าเฉยๆ อยู่แล้ว
แดกเค้าแต่ก็ซื้อของเค้าใช้อยู่ดี เวรตู..
iOS 5 new features:
iCopy
iSteal
iRecycle
So on..., iDontCare
อุบส์ (แซวแล้ววิ่งหนี ฟิ้วววววว)
แจ่ม ขอแค่คีย์บอร์ดไทย 4 แถวผมจะเลิก JB แน่นอน เพราะซื้อแอปส์อยู่แล้ว
ผมขอลบ เบอร์โทรเข้าออก ทีละเบอร์ด้วยได้มั้ยอะ จะได้ไม่ต้องลง recent call log
มีแล้วครับใน iOS5
+1 ครับ เจลเพราะคีย์บอร์ดอย่างเดียวเลย
Notification เนียนมาก ใส่มาตรงจุด iAd เลย -"-
5555 ทับพอดี
นิตยสาร ร เรือเกินมาตัวนึงครับ
รอดู MS กับ Google เปิดไพ่ของตัวเองบ้าง
มาเมื่อไรหว่า
เพิ่มเติมครับ รู้สึกว่า music match ในกรณีที่ไม่มีใน iTunes Store มันจะอัปโหลดให้ครับ ไม่จำกัดพื้นที่
อีกหน่อย Jail ได้ปุ๊บ OTA จะมาปั๊บ
2011 is indeed the year of copycats...
มาอ่านด้วยคนนน
ซื้อ OS X อย่างเดียวพองานนี้
จะได้ไม่ต้องสลับไปใช้ windows มากเท่าไหร่
นึกว่าจะมี widgets ใน iOS ออกมา
อยากได้มากครับ -0-
ไม่ Wow มากแค่สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม
แต่ iM นี่ตัดปัญหาคนเลือกระหว่าง iPhone กับ BB ในบ้านเราไปได้เยอะเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ดูดีๆ เหมือน Road map ของ apple กำลังค่อยๆ บีบไอโฟน กับพวกแมคบุคทั้งหลายแหล่ ให้มาจบลงตรง iPad
ผมว่ามันใช้งานคนละด้านอ่ะคับ ขืนเปลี่ยนไอโฟนมาเป็นไอแพดนีมีหวังกล้ามขึ้น หรือเปลี่ยนแมคบุคมาใช้ไอแพดเวลาออกแบบอะไรแต่ละทีคงอึดอัดน่าดู
Google ได้จดสิทธิบัตร Notification bar มั้ยครับ? มันเหมือนกันเห็นๆ!
ไม่ค่อย WoW จริงๆ ด้วย ทั้งๆ ที่มาจาก California :)
"ข้อจำกัดสำคัญของบริการนี้คือหากเพลงนั้นๆ ไม่มีบนฐานข้อมูลของ iTunes ก็หมดสิทธิ์ทันที"
ไม่ใช่นะครับ หากเพลงไม่มีบนฐานข้อมูลก็จะให้อัพโหลดขึ้น iCloud ได้ครับ
ข้อดีคือ ไม่ต้องอัพโหลดเพลงทุกเพลงที่อยู่ในเครื่อง อัพเฉพาะที่ไม่มีอย่างเดียว
ตามในเว็บ "All you have to upload is what iTunes can’t match."
ตามนี้เลยครับ
apple ตีไปทุกด้าน ใครจะเป็นเจไดมาปราบได้เนีย
ไม่มีเจได มีแต่กองทัพ โคลนดรอย
when Apple do it, they simply do it better.
As always.
มาทีหลังแล้วยังแย่กว่าก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วแหละ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผู้บริโภคต้องมีสายตาที่แหลมคมมากขึ้นในกรเลือกซื้อเลือกใช้งานครับ เพราะระบบ ecosystem ที่แต่ละเจ้าเสนอมามีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน การยึดติดเจ้าไหนมากเกินไปอาจเสียโอกาศดีๆไปได้ครับ