ผู้อ่าน Blognone คงจำต้นแบบแท็บเล็ต Microsoft Courier ที่เป็นข่าวตั้งแต่ปี 2009 (ก่อน iPad เปิดตัวด้วยซ้ำ) แท็บเล็ตตัวนี้ยังเป็นแค่โครงการภายในของไมโครซอฟท์ ที่ไม่เคยเปิดตัวอย่างเป็นทางการ (แต่ Gizmodo เป็นคนนำมารายงาน) น่าเสียดายว่าไมโครซอฟท์ยกเลิกโครงการไปเมื่อเดือนเมษายน 2010 และสุดท้ายก็ลงเอยอย่างที่เรารู้กันว่า ยุทธศาสตร์ "แท็บเล็ต" ของไมโครซอฟท์หันมาดัน Windows 8 แทน
แต่เรื่องราวเบื้องหลังโครงการ Courier ซับซ้อนมาก ซึ่งเว็บไซต์ CNET มีสกู๊ปพิเศษในเรื่องนี้ ข้อมูลของ CNET นำมาจากการสัมภาษณ์อดีตพนักงานไมโครซอฟท์ที่เคยอยู่ในทีม Courier จำนวน 18 ราย ดังนั้นไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการนะครับ
เรื่องราวของ Courier แบบสรุปสั้นๆ ให้เข้าใจก่อน ก็คือ "การต่อสู้" ระหว่างทีมภายในของไมโครซอฟท์แต่ละทีม โดยมีเดิมพันเป็น "ยุทธศาสตร์แท็บเล็ต" ในภาพรวมของไมโครซอฟท์ว่าจะมุ่งไปทางไหนกันแน่ และเหตุการณ์รอบนี้ คนชี้ขาดว่าเลือกทางไหนชื่อว่า "บิล เกตส์"
การปล่อยให้ทีมงานภายในแข่งขันกันเองเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของไมโครซอฟท์มาช้านาน ทีมที่แพ้จะจบลงด้วยการปิดแผนก และย้ายพนักงานไปอยู่ในทีมอื่นๆ แทน
ตัวละครสำคัญในเรื่องนี้คือ J Allard (ประวัติบน Wikipedia) เขาเป็นผู้บริหารดาวรุ่งของไมโครซอฟท์ ผลงานชิ้นสำคัญคือ Xbox ที่เขาปั้นขึ้นมากับมือ ภายหลังไมโครซอฟท์ตั้งฝ่าย Entertainment and Devices Division โดยมี Robbie Bach เป็นหัวหน้า และมี J Allard เป็นมือขวาคนสำคัญ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของฝ่ายนี้ได้แก่ Zune, Kin และ Windows Phone
J Allard เป็นผู้บริหารของไมโครซอฟท์ที่ไม่มีบุคลิกแบบไมโครซอฟท์เท่าไรนัก เขาชอบกีฬากลางแจ้ง ชอบการดีไซน์ ทำงานในสตูดิโอแทนที่จะเป็นออฟฟิศ และใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล
Allard ตั้งทีมย่อยขึ้นมาอีกสองทีมคือ Pioneer Studios และ Alchemie Ventures ขึ้นมาเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมของคอมพิวเตอร์ในยุคหน้า จนได้ออกมาเป็นแท็บเล็ต Courier ที่เน้นการสร้างสรรค์เนื้อหา (content creation) และแตกต่างอย่างมากจาก iPad ที่เอาไว้บริโภคเนื้อหา (content consumption)
ทีมงานที่พัฒนา Courier ไม่ใช่เล็กๆ มีคนทำงานรวมกัน 134 คน แยกส่วนประกอบกันชัดเจนว่าใครทำฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บริการบนกลุ่มเมฆ ฯลฯ ข้อมูลจากทีม Courier ระบุว่าตอนนั้นยังไม่มีผู้ผลิตรายใดสามารถตอบสนองไมโครซอฟท์ได้ จึงต้องลงมือทำเองเกือบหมดทุกส่วนประกอบ ในส่วนของระบบปฏิบัติการใช้วินโดวส์รุ่นพิเศษที่ปรับแต่งมาสำหรับ Courier โดยเฉพาะ
สถานะของ Courier ตอนที่ถูกสั่งยกเลิกถือว่าเริ่มมีตัวตนพอสมควร แต่ยังห่างไกลกับคำว่าผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์อยู่มาก
อีกทีมหนึ่งที่พัฒนาแนวคิด "แท็บเล็ต" ภายในไมโครซอฟท์ คือทีมของ Steven Sinofsky ผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายวินโดวส์ ที่เพิ่งออก Windows 7 ได้สำเร็จ และกำลังมองหาแนวทางพัฒนา Windows 8 ให้รองรับแท็บเล็ตได้
Sinofsky เองก็เป็นผู้บริหารดาวรุ่งของไมโครซอฟท์ เขาสร้างชื่อมาจากการคุมฝ่าย Office ที่กระบวนการพัฒนาราบรื่น จนบริษัทต้องดึงเขามาแก้ปัญหาในทีมวินโดวส์หลัง Vista ออกมาแย่ ผลงานของเขาใน Windows 7 พิสูจน์ชัดว่าเขา "เอาอยู่" และคนที่ดูงานเปิดตัว Windows 8 คงเห็นหน้าเขากันทุกคน
Sinofsky เป็นขั้วตรงข้ามกับ Allard เขารักษาค่านิยมของไมโครซอฟท์ที่เน้นซอฟต์แวร์ธุรกิจแบบดั้งเดิม เน้นประสิทธิภาพมากกว่าความสร้างสรรค์ และการที่เคยคุมทั้ง Windows และ Office ทำให้เขาเข้าใจความสำคัญของ "ขุมทรัพย์" ทั้งสองอย่างนี้เป็นอย่างดี
ส่วนแนวทางการพัฒนาแท็บเล็ตของ Sinofsky ทุกคนคงเห็นจาก Windows 8 กันแล้วนะครับ (แปลว่าเรื่องนี้จบลงด้วยชัยชนะของ Sinofsky)
สถานการณ์ของไมโครซอฟท์ในปี 2009 และต้นปี 2010 คือมีทีมสองทีมกำลังแข่งกันทำแท็บเล็ตอยู่ ทั้งสองทีมนำโดยผู้บริหารดาวรุ่งของไมโครซอฟท์ที่มีโอกาสขึ้นมาเป็นซีอีโอในยุคถัดไป ทีมแรกนำโดย J Allard ที่เคยมีผลงาน Xbox และอีกทีมคือ Sinofsky ที่เคยทำ Office/Windows
ทั้งสองทีมพอฟัดเหวี่ยงกันแบบนี้ คนที่ปวดหัวว่าจะเลือกใครย่อมเป็นสตีฟ บัลเมอร์ ในฐานะซีอีโอของบริษัท
แต่สตีฟ บัลเมอร์ก็ฉลาดไม่ใช่เล่น ในเมื่อตัวเองตัดสินใจไม่ถูก ก็แก้ปัญหาโดยไปเชิญบิล เกตส์ กลับมาตัดสินใจ
บิล เกตส์ นัดประชุมกับ J Allard, Robbie Bach และพนักงานของทีม Courier สองคน เพื่อรับฟังข้อมูลและพิจารณาก่อนตัดสินใจ การประชุมเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2010 (ช่วงที่ iPad เปิดตัว) และจุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่คำถามของบิล เกตส์ ต่อ J Allard ว่า Courier จะอ่าน-เขียนอีเมลได้อย่างไร
คำตอบของ J Allard คือ Courier ไม่มีโปรแกรมอีเมล เพราะไม่ได้ออกแบบมาใช้แทนพีซี แต่เป็นส่วนเสริมของพีซี และคนที่มี Courier ก็ควรจะมีสมาร์ทโฟนสำหรับอ่านอีเมลอยู่แล้ว
ข้อมูลจากทีม Courier ที่ได้มาจากห้องประชุมคือ บิล เกตส์ ไม่พอใจกับคำตอบนี้ และพยายามท้าทายแนวคิดนี้ของ Allard สุดท้ายเกตส์ให้ความเห็นของเขาต่อบัลเมอร์ ซึ่งตัวบัลเมอร์เองก็ฟังความเห็นจากคนอื่นๆ ในบริษัทด้วย
CNET ประเมินว่าตรรกะของเกตส์มาจาก Exchange ที่เป็นผลิตภัณฑ์ทำเงินของไมโครซอฟท์อีกตัวหนึ่ง ถ้า Courier ไม่สามารถวางตัวอยู่ในยุทธศาสตร์ร่วมกับ Windows/Office ได้ (Exchange ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Office) ก็ย่อมไม่มีที่ยืนภายในบริษัท
จุดจบของ Courier ตามมาหลังจากการประชุมของบิล เกตส์ เพียงไม่กี่สัปดาห์ โดยสตีฟ บัลเมอร์ เดินทางไปที่สำนักงานของ Pioneer Studios เพื่อบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง บัลเมอร์เรียกประชุมทีมงานในห้องประชุมใหญ่ และบอกว่า Courier ถูกยกเลิกเพราะยุทธศาสตร์ไม่สอดคล้องกับภาพรวมของบริษัท
ทีมงาน Courier เล่าว่าในห้องประชุมมีแต่ความเงียบ และทุกคนช็อคเพราะตั้งใจทำงานเต็มที่ โดยไม่ได้สนใจเรื่องยุทธศาสตร์ของฝ่ายบริหารเลย
พนักงานบางคนของทีม Courier เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ถ้าทีมของเขาทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นๆ ในไมโครซอฟท์มากกว่านี้ โครงการ Courier (อาจจะในรูปแบบที่ต่างออกไป) อาจเดินหน้าต่อไปได้
ทีมงานคนหนึ่งบอกว่า "การซุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ซักชิ้นจะทำให้งานเดินหน้าได้เร็วจริง แต่ถ้าโครงการใหญ่ ต้องใช้ทรัพยากรจากส่วนอื่นๆ ของบริษัทด้วย ก็ต้องเลิกซุ่มและหันมาพูดคุยแนวทางกับฝ่ายอื่นในบริษัทจึงจะประสบผล"
Courier ไม่ใช่โครงการเดียวที่ Allard ล้มเหลว เพราะ Kin ก็มีชะตากรรมคล้ายๆ กัน (อ่าน เบื้องหลังความตายของ Kin การเมืองภายในไมโครซอฟท์ทำพิษ)
สรุปปิดท้ายว่าความตายของ Courier และ Kin อาจมีสาเหตุมาจากแนวทางการทำงานของ Allard ที่ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของไมโครซอฟท์นั่นเอง
ที่มา - CNET (ตอนที่ 1), CNET (ตอนที่ 2)
เว็บไซต์ Ars Technica วิจารณ์ว่าการตัดสินใจของไมโครซอฟท์ที่เลือก Sinofsky/Windows 8 นั้นถูกต้องแล้ว เพราะคำนึงถึงอนาคตระยะยาวของบริษัทเป็นหลัก แต่เหตุผลในการตัดสินใจเลิก Courier เพราะไม่มีแอพอีเมล (ตามที่ CNET กล่าวอ้าง) อาจดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร - Ars Technica
Comments
จริงๆผมแอบชอบ Courier มากกว่านะ แหวกแนว แหวกตัวตน MS ดี
ไม่งั้นก็ให้ทั้งทีมย้ายเข้ามา Apple แล้วมาสร้าง Courier เวอร์ชั่น Apple คงจะดีมิใช่น้อย :)
ก็แตกต่างที่ content consumption กับ content creation อยู่นะครับน่าจะไปอยู่กับ Adobe
ในความคิดผมเห็นว่าแบบ Apple คุมอำอาจหมดสบายดีบริษัทก็ไปได้ด้วยดีไม่ต้องแข่งกันเอง
อาา น่าเสียดายจริงๆ
ปล. ขำกับคำว่า "เอาอยู่" มากครับ :)
ผมว่า Allard อยู่ผิดบริษัทนะ
น่าจะไปอยู่กับ Adobe ถ้า Adobe มีแท็บเล็ตอย่างนี้คงได้เห็นอะไรแจ๋วๆ
โดยส่วนตัว ผมเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ MS ในเรื่องนี้
เพราะผมได้ทดลองใช้ tablet แล้วตัดสินใจขายมันทิ้งไป ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
เพราะมันเป็นได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ สำหรับคนที่เอาไว้ใช้"ทำงาน" จริง ๆ ไม่ได้เอาไว้เล่น
ตอนนี้ tablet ตัวต่อไป คงจะรอดู tablet ที่ใช้ win 8 ว่าจะเป็นอย่างไร
เพราะความต้องการผม ต้องการสิ่งที่มาใช้ทำงานแทน notebook ได้จริง ๆ ไม่ใช่ทำได้หลายอย่าง แต่"เกือบ"ใช้ได้ทุกอย่าง
ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของผม เกี่ยวกับลักษณะการใช้งานของผม เพราะผมตั้งใจเอามาใช้งานจริงจัง ไม่ได้ใช้เพื่อความบันเทิง
ดังนั้น tablet ที่มีอยู่ในเวลานี้ ไม่ใช่คำตอบสำหรับผม ตัวที่น่าจะใกล้เคียงความต้องการผม คือ tablet win8 ครับ
สำหรับท่านอื่น มันอาจจะใช่ก็ได้ ผมเคารพในความคิดเห็นของทุกท่าน
+1 ผมมองกว่า Allard ตอบผิดไปหน่อยตรง "เพราะไม่ได้ออกแบบมาใช้แทนพีซี" เพราะการที่จะทำให้ product พวกนี้มันขายดีมันจะต้องมีคุณสมบัติสามรถใช้แทนอุปกรณ์อื่นได้ด้วย เนื่องจาก scope การทำงานมันลดลงเหตุผลที่คนจะซื้อไปใช้มันย่อมลดลงด้วย
+1
ผมไม่ได้มอง มันเป็น OS หลักๆๆของ tablet นะครับ แต่ ถ้ามองว่าเอามันมาเป็น UI ของ tablet นี้น่าจะสุดยอดมากๆๆ
ผมว่า MS พลาด ที่ฆ่า มัน แต่น่าจะเอามัน ไอเดียของมันมาเป็นส่วนนึง UI ของ win 8 for tablet นะครับ
ผมมีสมาร์ทโฟนสำหรับอ่านอีเมลอยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้พอใจการอ่านอีเมลบนโทรศัพท์เสมอไปหรอกนะครับ - -" ถ้าหาทางทำแอพเพิ่มตัวเดียวก็มีสิทธิ์รุ่งแล้วเนี่ย
แต่ถ้ามันออกมาเป็น Courier + Windows 8 ด้วยผมอาจจะ Happy ก็ได้แฮะ แบบเป็นแอพพิเศษ รองรับสองหน้าจอสัมผัสโดยเฉพาะ ด้านซ้ายเป็น Desktop ด้านขวาเป็น Metro ฯลฯ
ตอบว่า [ใช้ office web] ก็จบแล้ว ตอบตรงไปนิดนะ
ขอบคุณสำหรับบทความยาวๆ ขนาดนี้ครับ ^^
my blog
ที่ตลกคือสิ่งที่คนอยากได้ กลับไม่ออกมา แต่สิ่งที่ไม่ใครต้องการเลยอย่าง Kin หลุดมาได้
@TonsTweetings
เพราะ Kin ไม่มีทีมที่จะแข่งด้วยหรือเปล่าครับ
Windows Mobile ที่เปลี่ยนมาเป็น Windows Phone ไงครับ
Microsoft มีความโดดเด่นเรื่อง Integration อยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าทำ Product ที่จะเป็น Hardware ออกมาซักตัว แต่ Integrate งานร่วมกับ Microsoft Product ไม่ได้เลย (โดยเฉพาะ Core Product อย่าง Windows หรือ Office) เป็นผมก็ถือว่า Fail เหมือนกันครับ
แล้วในแนวคิดที่ว่า "Courier ไม่มีโปรแกรมอีเมล เพราะไม่ได้ออกแบบมาใช้แทนพีซี แต่เป็นส่วนเสริมของพีซี" สำหรับผมถือว่า ยิ่งกว่า Fail ซะด้วยซ้ำ เพราะ ถ้าหลุดออกมาได้ รับรองว่าโดน iPad ตียับแน่นอน เพราะ iPad สำหรับลุงแล้ว มัน คือ Post-PC ไม่ใช่ option นะ
สำคัญมีปากกา แล้วไม่มี Email Component เนี้ย เกือบจะเรียกว่าเสียชาติเกิดแล้วแหละ เพราะ เรื่องขีด ๆ เขียน ๆ เนี้ย รองจาก Word ก็เป็น Outlook แล้วแหละ...(ไม่นับพิมพ์ Blog เน่อออออ)
งานนี้ผมเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ บิล เกตส์ ครับ
ผมอยากเป็น PC+ มากกว่า Post-PC อิอิ
seeking for New Frontier...
เหมือนย่อหน้าที่สี่ถูกยกมาลอยๆ ยังไงไม่รู้แฮะ อ่านแล้วเข้าใจประเด็น แต่เหมือนน่าจะแทรกลงส่วนอื่นได้
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมก็เข้าใจฝ่ายที่เลือก win8 อยู่นะ เพราะดูๆไปแล้ว Courier มันเป็น product ที่เจ๋งมาก แต่น่าจะขายไม่ออกแน่ๆ ถ้าดูจากมุมมองของบริษัทที่ต้องการทำกำไรแล้วล่ะก็ ยังไงๆ win8 ก็ผ่านแน่นอน
กลับกันนะ ผมว่าเป็นสิ่งที่ออกแบบมาตอบความต้องการของ "ผู้ใช้" มากกว่าและน่าจะ "ขายได้" แต่เนื่องจากไม่ "ผูกติด" กับผลิตภัณฑ์ยุทธศาสตร์ต่างหาก เหมือนกับ Xbox ถ้าจะมองนะ Xbox ก็ไม่ได้ผูกกับ Office และ Windows ซึ่งการจะนำมาผูกในภายหลังก็ไม่น่าจะเกินความสามารถนัก
ผมว่าเขาพลาดตั้งแต่การไม่มีที่โปแกรมอ่านเมล์ซึ้งเป็นโปรแกรมที่จำเป็นที่ต้องมี แต่กลับไม่มี
และผมคิดว่า เขาคงไม่ค่อยถนัดงานนำเสนอผลานของเขา เพราะดูจากการตอบแล้ว ถ้าเป็นผมจะไม่ต้อบแบบนั้น
อีกอย่างคงไม่มีผู้บริหารคนไหนหรอกที่จะปลื้มกับงานที่ลูกน้องทำแต่ไม่ได้ดูเลยว่าบริษัทมีอะไรบ้าง
อะไรที่ควรโยงกัน อะไรที่ควรเอามาใส่ไว้ ถ้าเข้าคิดแบบนั้นได้ ผลงานนี้จะเป็นตัวที่สุดยอดมาก
ถ้ามองในมุมคนฟันธง แล้วพลิกกับมามองในมุมบริษัทคู่แข่งอย่าง Apple ซึ่งถ้าออก iPod รุ่นที่ Sync กับ iTunes และ Apple Services ไม่ได้เต็มที่ มันก็ไม่สมควรออกมา ยิ่งถ้ามัน Sync เพลงหรือวิดีโอที่เป็นธุรกิจหลักไม่ได้แล้ว มองในมุมข่าวนี้ก็น่าจะเจอผลแบบเดียวกันกับ Courier ซึ่งตัวสินค้ามันมีแนวคิดดีแต่ขาดการทำงานร่วมกับสินค้าตัวอื่นๆ ของบริษัท มันก็ยากที่จะอยู่ร่วมกันได้
ผมว่าตัดสินใจถูกแล้วนะ
ยังไง microsoft ก็ไม่ควรทิ้ง core ของบริษัท อะไรที่ไม่เชื่อมโยงกับ core บริษัท ก็ควรตัดใจทิ้งไป
"พนักงานบางคนของทีม Courier เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ถ้าทีมของเขาทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นๆ ในไมโครซอฟท์มากกว่านี้ โครงการ Courier (อาจจะในรูปแบบที่ต่างออกไป) อาจเดินหน้าต่อไปได้"
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
ขอบคุณคุณ mk ที่มักทำเรื่องราวที่ซับซ้อน ให้เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายๆ อยู่เสมอๆ
เยี่ยมมากครับ
+1
เน้น Tablet Windows 8 ให้ทำงานได้เหมือน Notebook ดีกว่าทำให้เหมือน iPad
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ผมว่ามันไม่ใช่คำตอบที่โง่อะไรนะ คิดว่าเค้าตอบแบบนี้เพราะมั่นใจในจุดยืนของ Courier ที่เค้าคิดไว้มากกว่า
คือไม่ได้มาแทนอะไรทั้งนั้น แต่มาเป็นอุปกรณ์ที่ 3 (PC , สมาร์ทโฟน , Courier)
Courier ไม่มีโปรแกรมอีเมล เพราะไม่ได้ออกแบบมาใช้แทนพีซี
แท็บเล็ต Courier ที่เน้นการสร้างสรรค์เนื้อหา (content creation) และแตกต่างอย่างมากจาก iPad ที่เอาไว้บริโภคเนื้อหา (content consumption)
ตลาดคงแคบมากเลย คิดถูกละที่ยุบไป
อุปกรณ์ยุคหน้ามันต้องทำได้ทุกอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะตัดส่วนไหนออกควรจะมีคำตอบที่ดีว่าทำไมถึงตัดทิ้ง
จะแทนพีซีหรือไม่ผู้บริโภคเป็นคนตอบ
ของอาจจะเจ๋งจริงแต่ตลาดคงวงแคบเกินไปจริง ๆ
ทีม Courier น่าจะไปอยู่ apple ป่านนี้คงรุ่งไปแล้ว
จริงๆๆ หลั่งจากขายนี้ apple น่าจะ รีบเข้าซื้อตัวที่มนี้เลยนะครับ เพราะผมมองว่า มันน่าจะกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของ iPad ได้ดีมากๆๆ แต่จะให้ Courier ยื่นเป็นตัวหลักคนเดี่ยวคงไม่เกิดจริงๆๆอะละครับ
เท่าที่เข้าใจคือ สายของ J Allard ที่มี Courier กับ Kin เนี่ย เป็นสาย product ที่เน้น product เด่นๆ เดี่ยวๆ แต่มันไม่เข้ากับ platform ของ Microsoft
ถ้าอ่านใน Ars Technica เขาจะคิดเรื่องอีเมลไว้ว่า Microsoft นั้นได้เงินจาก Exchange Server เป็นจำนวนมาก ถ้า Courier มันไม่สามารถใช้เมลได้ ก็จะขายของไม่ออก
= ="
ผมว่าถ้าเรากำลังนั่งทำงานอยู่ แต่ต้องสลับไปอ่านเมลลูกค้าบนโทรศัพท์ แทนที่จะอ่านได้จากตัวมันเลยเนี่ย มันเสียเวลาไปบ้างเหมือนกันนะ
ว่าไป Courier ของตา Allard นี่คอนเส็ปท์ไปแนวๆ PlayBook นะ ใช้ร่วมกับ BlackBerry เอา
ก่อนจะ สร้างสรรค์เนื้อหา คนเราต้อง บริโภคเนื้อหา
ถ้าทำต่อกันได้ก็คงดี
ปล.ทำให้รู้อะไรนิดนึงว่า เกตส์ ยังคุมส่วนสำคัญอยู่
ผมชอบแนวทางของ Windows 8 มากกว่า ตัวเดียว เป็นได้ทั้ง PC, Notebook, Tablet นั่นแหละกลยุทธที่สมบูรณ์แบบที่ Android, iPAD ให้ไม่ได้
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ผม ว่า อนาคต anidroid จะทำได้ทุกอย่างนะครับ MS วิ่งจากใหญ่ หา เล๊ก
google วิ่งจากเล๊กไปใหญ่
apple ให้ 2 OS วิ่งเข้าหากัน แต่เหมือนกกะว่า mac จะ วิ่งเข้าหา iOS มากว่า iOS วิ่งเขาหา mac นะครับ