เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลจากบริษัทข้อมูลเครดิต Equifax เมื่อปี 2017 เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงของสหรัฐฯ ที่กระทบประชาชนถึง 143 ล้านคน โดยก่อนหน้าที่บริษัทจะเปิดเผยเหตุครั้งนั้นต่อสาธารณะ ก็มีผู้บริหารสามคนขายหุ้นบริษัทก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน
สัปดาห์ที่แล้ว Jun Ying อดีต CIO ของบริษัทก็ถูกลงโทษจำคุก 4 เดือน และจะถูกคุมความประพฤติอีก 1 ปี ฐานใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น (insider trading)
FBI ระบุว่า Ying รู้ถึงเหตุข้อมูลหลุดก่อนเปิดเผยต่อสาธารณะ และได้ค้นหาข่าวผลกระทบของเหตุข้อมูลหลุดต่อราคาหุ้น จากนั้นจึงขอใช้สิทธิ์ออปชั่นหุ้นทั้งหมดที่ตัวเองได้รับและขายหุ้นออกในทันที ได้รับค่าหุ้น 950,000 ดอลลาร์ โดยหากเขาไม่ขายหุ้นในจังหวะนั้น หุ้นเหล่านี้จะมีมูลค่าลดลงไปกว่า 117,000 ดอลลาร์
นอกจากโทษจำคุกแล้ว Ying จะต้องจ่ายค่าปรับเป็นกำไรที่ได้จากหุ้นทั้งหมด 117,117.61 ดอลลาร์ และค่าปรับเพิ่มเติมอีก 55,000 ดอลลาร์
Ying เป็นผู้บริหารคนที่สองที่ถูกจำคุกจากเหตุข้อมูลหลุด โดยคนแรกคือ Sudhakar Reddy Bonthu อดีตผู้จัดการที่ยอมรับผิดไปเมื่อปีที่แล้ว
ที่มา - Justice.gov
Comments
โดนน้อยไป สำหรับคนที่ทำกำไรบนความเดือดร้อนคนอื่นแบบนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ที่ว่าโดนน้อยนี่ก็เสียกำไรจากการการขายหุ้นไปอย่างน้อย $55,000 แถมเสียเวลาในคุกอีก 4 เดือน และไม่รวมค่าทนายที่ไม่เปิดเผยกับชื่อเสียงที่เสียไปอีกครับ
อยากทราบว่าถ้าให้โดนสมน้ำสมเนื้อนี่จะประมาณไหนเหรอครับ พร้อมทั้งหลักการด้วยครับ
อย่างน้อยก็ติดคุก 2 ปีขึ้นไป ยึดทรัพย์ทั้งหมด พร้อมชดใช้ค่าเสียหายลูกค้าทั้งหมดทุกคน และตัดสิทธิ์การดำเนินธุรกิจด้านการเงิน เครดิต และตลาดหุ้นตลอดชีวิตทั้งนักลงทุนและเจ้าของกิจการ แน่นอนว่ารวมค่าทนายและค่าคดีความด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
มันหนักเกินไปหรือเปล่า เพราะนี่คือคดี insider trading (ใช้ข้อมูลภายในทำการซื้อขายหุ้น) แล้วบทลงโทษในข่าวคือสำหรับคดี insider trading เท่านั้น ไม่ใช่บทลงโทษคดีทำข้อมูลลูกค้าหลุด อีกอย่างถ้ายึดหมดมันจะกระทบกับทรัพย์สินทุกอย่างที่หามาอย่างสุจริต ซึ่งอาจจะกระทบกับคนในครอบครัวที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย แล้วโทษก็กำลังพอดีอยู่เพราะแค่ในส่วนของเงินก็เยอะอยู่ เนื่องจาก
รวมๆ ผมตีมั่วๆ ก็หมดไป $300,000 แล้ว นอกจากนั้นยังโดน
ดูเผินๆ เหมือนจะเบา แต่ถ้าลงรายละเอียดแล้วมันกำลังพอดีนะครับ
มันไม่ใช่แค่ Insider ครับ เขารับทราบแต่ละเลยปัญหาช่องโหว่และความปลอดภัยที่เกิดกับลูกค้า ซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่า เพราะมีผลกับการใช้ชีวิตของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย เสี่ยงโดนขโมยข้อมูลไปใช้กับอาชญากร สมัครบัตรเครดิต สวมสิทธิ์ และร้ายแรงถึงการล่าจากอาชญากรได้เลย นี่เฉพาะลูกค้าในสหรัฐฯ และแคนาดาเองนะ
และเขาเป็นถึง CEO ด้วย ต้องตระหนักและรับทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ไม่งั้นจะทำ Insider ได้เหรอครับ แบบนี้ไงผมถึงบอกว่าโทษที่ได้รับมันน้อยไปในมุมมองผม
ถ้าลองตามข่าวตอนโดนแฮ็ค มันมีเรื่องที่แหลกเหลวของ Equifax อีกเยอะครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อันนั้นเป็นคดีอื่นครับ ละเลยจนข้อมูลหลุดนี่แยกกันไป คดีนี้ Insider อย่างเดียว และเขาเป็น CIO
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณครับ ผมจำตำแหน่งผิด แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบอยู่ดีครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อันนี้คือคุณเข้าใจรึเปล่าครับ ว่าเหตุการณ์ข้อมูลหลุดครั้งหนึ่งผู้บริหารสามารถโดนดำเนินคดีหลายคดีได้
lewcpe.com, @wasonliw
เข้าใจได้ครับ ว่าโดนหลายคดี แค่ต้องการให้รวมทุกคดีเป็นก้อนเดียวไปเลย ไม่ต้องขึ้นศาลหลายรอบ สรุปทีเดียวว่าโดนกี่คดี และสรุปโทษรวมไปเลยครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เอาคดีมาปั้นรวมเป็นก้อนแล้วดำเนินคดี การพิจารณาคดีกับการต่อสู้คดีจะทำยังไงล่ะครับ อยากให้คิดถึงแนวทางปฏิบัติด้วยครับ
ผมมองว่าคุณกำลังคิดว่าคนผิดควรได้รับโทษที่รุนแรงที่สุดแบบที่โลกนี้จะหาได้ เหมือนว่าคนผิดนี่ชั่วร้ายเลวทรามที่สุด เกิดมาไม่เคยมีความดีใดๆ ก็เลยต้องให้โทษให้หนักที่สุด
ถ้าคุณคิดแบบนั้นจริงๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นนะครับ
และถ้าคุณไม่ได้คิดแบบนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปั้นคดีรวมกันเป็นก้อนเพื่อให้บทลงโทษรวมเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียวด้วย
ผมคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะเดี๋ยวนี้อาชญากรหลุดพ้นระบบกฎหมายได้ง่ายมาก มีเส้นสาย และอำนาจที่คอยช่วยเหลือตลอดเวลา ยิ่งมีเงินยิ่งอยู่สบาย แถมเอามาต่อสู้คดีต่อชีวิตให้พวกเขามามากเกินไป คนที่รับบาปจากพวกเขาได้รับความยุติธรรมที่น้อยมาก
คนที่รวยบางส่วน สามารถก่อปัญหาและหาช่องว่างเพื่อผลประโยชน์ตนเองโดยใช้อำนาจและการเงินที่มากกว่าคนอื่นที่เป็นเหยื่อที่ต้องแลกกับทรัพย์สินหรือแม้แต่ชีวิต
ในเมื่อมีอำนาจและเงินที่สามารถไต่เต้าตัวเอง แต่กลับเอามาใช้อย่างไร้ยางอายและสามัญสำนึก ก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในสังคมอีกต่อไป ผมคิดแบบนี้เสมอ ทำอะไรไว้ก็ต้องรบผลที่จะตามมาเสมอโดยไม่แบ่งแยกหรือมีอภิสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
มันเหมือนจะเกี่ยวกัน แต่มันคนละคดีชัดเจน (ต่างกรรมต่างวาระ) เพราะถ้าเขาไม่ใช่ CIO แต่รู้ข่าวเรื่องข้อมูลรั่วไหลก่อนใคร แล้วชิงขายหุ้นก่อนราคาตก ก็ยังผิดคดี insider trading เหมือนเดิมครับ
คุณไม่ได้ต้องการกฎหมายและความยุติธรรมอ่ะครับ คุณแค่ต้องการลงโทษอ่ะครับ แล้ววิธีการของคุณก็ไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ ให้สังคมเลยอ่ะครับ
อันนี้แนะนำการแสดงความเห็นในที่สาธารณะนะครับ
ผมสังเกตหลายครั้ง ความเห็นของคุณ "แรงเข้าว่า" ผมไม่แน่ใจว่าคุณมีปมอะไรกับกระบวนการยุติธรรมหรืออย่างไร แต่อย่างความเห็นใน thread นี้ คุณนอกเรื่องบ่อยมาก ความเห็นล่าสุดก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร (กลับไปอ่านย่อหน้าแรกของคุณในความเห็นนี้อีกทีว่าเกี่ยวอะไรกับประเด็นคุณ Ying) เหมือนมาระบายความโกรธแค้นจากไหน
คุณเองเป็น contributor มีสิทธิ์คอมเมนต์ไม่จำกัด Blognone ให้สิทธิ์ระดับ contributor เพื่อสนับสนุนคอมเมนต์ที่สร้างสรรค์นะครับ ในบางระดับแล้วความเห็นควร "ส่งเสริม" คุณค่าของบทความด้วย
lewcpe.com, @wasonliw
ผมมองว่าคุณ Ying เป็นบุคคลระดับ CIO ที่มีความสำคัญด้านข้อมูลและระบบงานภายในบริษัท รวมถึงข่าวสารการลงทุน เงินเดือนไม่ได้น้อยเลย แต่กลับเลือกรวยทางลัด ในช่วงเวลาที่ไม่สมควรทำกำไรบนความเดือดร้อนของคนอื่นครับ ผลที่ได้ไม่คุ้มเสียอย่างในข่าวนี้
ถ้าให้พูดตามจริง ฐานะของเขาดูดีอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หรืออาจมีเหตุบางอย่างที่ให้เขาทำลงไปแบบนั้น ผมก็ไม่ทราบ ผมมองว่ายิ่งมีฐานะ จิ่งไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำไป
ผมมองว่าเขาควรรับผิดชอบในสิ่งที่ทำและผลกระทบที่ตามมาครับ แล้วผมก็มีเปรียบเทียบกับอาชญากรและผู้มีอิทธิพลที่ทำผิดกฎหมายที่ส่วนใหญ่จับไม่ได้ตามข่าวต่างๆ แต่คนที่โดนจับได้อย่างเขามีน้อยเมื่อเอามาเปรียบเทียบกัน
แต่คอมเมนต์นี้ ผมอารมณ์แรงไปหน่อยจริงๆ ขออภัยด้วยครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เค้าก็ได้รับบทลงโทษ และบทลงโทษที่เค้าโดนก็เหมาะสมแล้วนี่ครับ คืนผลกำไร+ค่าปรับ+จำคุกระยะสั้นไม่รอลงอาญา+คุมความประพฤติ
การ over-punish ไม่ได้มีผลดีอะไรเลย แถมผู้ที่ได้รับผลเสียโดยตรงก็คือบุคคลที่ไม่ได้มีเงินมีอำนาจนี่แหละครับ
insider trade มันไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นครับ ถ้า insider trade โดนขนาดนี้ fraud แบบ Musk(ที่เป็น chairman+CEO+ผู้ถือหุ้นใหญ่) นี่คงโดนประหารชีวิตครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เหมือนคุณเคยเปรยๆในคอมเมนต์ข่าวเก่าว่าคุณป่วย
(Ad Hominem)ผมว่าคุณควรปรึกษาแพทย์นะครับ เพราะตอนนี้คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็น NPD
เรื่องที่ผมอธิบาย ผมไม่ได้หยิ่งอะไรเลย แค่ขยายความ
ผมไม่ได้รู้สึกหลงตัวเอง เกลียดด้วยซ้ำที่ทำอะไรก็กลายเป็นตัวตลก เกลียดที่ทำอะไรให้สมบูรณ์แบบไม่ได้ ทำอะไรต้องผิดพลาดเสมอ แม้จะฝึกฝนแล้วก็ตาม
ไม่มีใครใส่ใจตัวผมจริงๆ จังๆ เลย มองผมเหมือนเป็นเด็กมากกว่า ที่ผมไม่ชอบเลย เกลียดตั้งแต่เด็ก คนไหนๆ ก็มองผมแบบนั้น โดนแกล้งตลอดจนถึงมหาวิทยาลัยก็หายไป รู้สึกดีขึ้นทันตาเหมือนได้ออกจากนรกบนดิน
ผมเจอบ่อยตอนเวลาทำอะไรจริงจัง มักจะโดนหัวเราะหรือไม่สนใจ เสียดสี ไม่เห็นค่าในตัวผมเลย อยากเป็นเหมือนคนอื่นที่เวลาพูดอะไร มักจะมีคนใส่ใจหรือคอยสนใจในสิ่งที่อธิบายหรือพูด แต่สำหรับผมกลับไม่มีความรู้สึกนี้เลย ขนาดอายุจะ 28 แล้วยังเจออะไรแบบนี้อีก
เพื่อนที่เคยอยู่ด้วยกันแกล้งผมเจ็บแสบ พอโตขึ้นกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่ผมสูญเสียไป มันเอากลับมาไม่ได้ ไม่มีใครชดใช้อะไร กลายเป็นตราบาปในชีวิตผม ผมกลายเป็นคนผิดในสายตาคนอื่น กลายเป็นเหยื่ออยู่ตลอดเวลา กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้
ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ยิ่งจริงจัง ยิ่งเป็นตัวตลก ไม่เหลืออะไรเลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
NPD ไม่จำเป็นต้องหลงตัวเองเสมอครับ หลงตัวเองเป็นเพียงรูปแบบนึงของ NPD ที่เรียกว่า grandiose
การคิดอะไรโดย based จากตัวเองออกไปด้านนอกโดยเทียบกับประสบการณ์ของตัวเอง หรือกับความคิดของตัวเอง คือใช้ตัวเองเป็นจุดหมุน และจุดเริ่มต้นกับการ interact ทุกอย่างทั้งในมุมความคิด และมุมกายภาพก็ถือเป็นอาการ NPD ครับ
ทั้งนี้ผมไม่ได้บอกว่าคุณเป็น NPD แต่อย่างใด เพียงแค่อธิบายอาการ NPD ให้ฟัง เพราะหน้าที่วินิจฉัย และขั้นตอนวินิจฉัยต้องอาศัยพบแพทย์แบบเจอตัวเท่านั้น
และผมชอบอ่านเม้นของคุณ ไม่ใช่เพราะชอบในการวิเคราะห์ หรือแนวทางอะไรนะครับ
แต่ผมชอบที่คุณตั้งใจพิมพ์ตอบโต้สนทนาเสมอ
อย่างไรก็ตาม ผมบอกตามตรงว่าผมรู้สึกได้ ว่าคุณเริ่มมีความเครียดสะสมจากการคอมเมนท์แล้วครับ
และผมไม่ได้ทำดีกับคุณอะไรเป็นพิเศษ หรือดูถูก หรือเห็นคุณเป็นเด็กแต่อย่างใดนะครับ
เป็นปกติของผม เมื่อเห็นสมาชิกท่านใดเริ่มมีแนวทางการเม้นเปลียนไป ผมก็จะทักครับ
เป็นห่วงครับ
ผมก็เห็นคนที่มีอาการในลักษณะนี้มาครับ ไม่แปลก
ที่คุณตอบอย่างนั้นก็เป็นกลไกป้องกันทางจิตครับ (เกิด resistance) ผมเองก็ไม่ได้เรียนจิตวิทยาคลินิกมาเลยให้ความเห็นมากกว่านี้ไม่ได้
ถ้าวันหนึ่งร่างกายคุณเกิดตัวสั่นเหมือนไม่มีแรง หรือปวดท้องเหมือนเป็นโรคกระเพาะที่รักษาไม่หาย ซึมเศร้า โปรดอย่าลืมที่ผมบอกว่าคุณต้องทำอะไรต่อ ด้วยความหวังดี
ที่คุณตอบมาก็มีส่วน แต่ในเมื่อผมผ่านการโดนแกล้งมา มันไม่มีวิธีที่ดีกว่าหาจิตแพทย์หรือทำใจแล้วเหรอ ผมกลับไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเจ็บซ้ำกับสิ่งที่คนเรียกว่าเพื่อนกระทำกับผม แล้วลืมมันตอนโต ทำอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นใครก็ไม่พอใจทั้งนั้น
มันใช่สิ่งที่ผมต้องตามแก้ไขด้วยตัวเองไหม ไม่ใช่พวกเขาต้องชดใช้สิ่งที่เขาทำกับผมเหรอครับ
อยากหาหมอหรือหาอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ลืมเรื่องบ้าๆ ในหัวผมออกไปทีก็คงจะดีเหมือนกัน
และผมก็อยากเป็นหรือเกิดมาเหมือนคนอื่นที่ไม่เคยโดนแกล้งเลย มีแต่เพื่อนที่ซื่อสัตย์และจริงใจ รวมถึงคอยให้ความสำคัญกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดหรือกระทำลงไป
ผมแค่อยากได้แบบนั้นในชีวิตผม อยากย้อนไปแก้ไปเหตุการณ์ปัญหาในวัยเด็ก แม้จะต้องอยู่ตามลำพังหรือไร้พ่อแม่ก็ยังดีกว่าอยู่กับคนที่คอยหาเรื่องตลอดเวลาหรือมีแต่ปัญหามาให้
ถ้าผมโหดและใจแข็งพอคงทำเรื่องแย่ๆ กับคนที่แกล้งโดยไม่ลังเลหรือรู้สึกกลัวอะไรอีกในชีวิต แล้วกลับมาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเองก็อยากเป็นเหมือนกัน ถ้าแลกกับความเจ็บปวดและบอบช้ำที่หายไปตลอดกาลได้จริงๆ
พอแค่นี้หละครับ โดนคอมเมนต์เสียดสีแถมด่าผมทางอ้อมแล้วอารมณ์ขึ้นจริงๆ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
คนอื่นก็ไม่ใช่ว่าได้รับความสนใจมากไปกว่าคุณ
คนอื่นก็ไม่ใช่ว่าสนใจใครๆ มากกว่าคุณ นอกเสียจากว่าเค้าชอบ และสนใจคนนั้นจริงๆ เช่น คนชอบเพลงร็อกก็คงไม่ใส่ใจนักร้องเพลงคลาสสิคใดๆ และนักดนตรีคลาสสิคก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ใครมาชอบสิ่งที่ไม่ใช่ตน
คุณก็ไม่ได้สนใจในคนอื่นๆ มากกว่าที่คนอื่นสนใจคุณ
คุณไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้องทำให้คนอื่นมาสนใจเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี
คนอื่นก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องทำให้คุณรู้สึกดี
และการเอาคืนกับคนอื่น ก็ไม่ใช่การแก้ไขสิ่งผิดที่มีคนทำกับคุณเอาไว้ และคนอื่นๆ ที่คุณพยายามพิพากษาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับคนที่เคยปฏิบัติไม่ดีกับคุณ
คุณไปพบแพทย์และขอคำปรึกษา ไม่ใช่เพื่อแก้ไขสิ่งที่คุณอื่นทำกับคุณ แต่เพื่อแก้ไขสิ่งทีาอยู่ในใจของคุณครับ
พบแพทย์ไปใช่ผิดปกติ ผมก็พบแพทย์ครับ และพบนักบำบัดด้วย (clinical therapist แบบ CBT cognitive behaviorial therapy) เพราะนิสัย และวิธีคิดหลายอย่าง ถ้าหาทางแก้เองไม่ได้ ก็ต้องมีคนช่วยแก้ไขอย่างเป็นระบบครับ
แนะนำรายการ Hello Counselor ครับ ทาง YouTube จะมีแบบซับไทยอยู่
รายการจะเป็นแบบเชิญชวนคนที่มีปัญหา มาเล่าปัญหาให้ฟัง และเชิญชวนคนที่เกี่ยวข้องมาเล่าเหตุผลอีกฝั่ง ทำให้ได้เห็นมุมมองหลายด้าน(มากๆ) และอาจพอช่วยคุณได้บ้าง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อย่าเอาความสุขไปผูกไว้กับคนอื่นมากเกินไปครับ และอย่าคาดหวังว่าคนอื่นต้องทำอะไรหรือคิดอะไรกับเราบ้าง ต่างคนต่างความคิด และไม่ใช่ทุกคนได้รับความสนใจหมด คุณมองหาแต่คนที่ได้รับความสนใจดูว่าคนๆ นั้นได้รับความสนใจเยอะ แต่ในความเป็นจริงก็มีทั้งคนที่ได้รับความสนใจและไม่ได้รับความสนใจเป็นเรื่องธรรมดา
อีกอย่างอย่าคิดว่าจิตแพทย์เป็นเรื่องไม่ดีสิครับ ทำไมถึงต้องหาวิธีที่ดีกว่าจิตแพทย์ ก็หมอสาขานึง เหมือนเป็นหวัดไปหาหมอ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
"อยากเป็นเหมือนคนอื่นที่เวลาพูดอะไร มักจะมีคนใส่ใจหรือคอยสนใจในสิ่งที่อธิบายหรือพูด แต่สำหรับผมกลับไม่มีความรู้สึกนี้เลย"
ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นคนอื่นบ้างอะครับ ว่าเขาทำไมไม่ฟังเรา ปกติคนที่ไม่ฟังเรามีสองแบบ คนที่ไม่เอาใครเลย คิดว่าตัวเองดีตัวเองเก่ง กับคนที่เก่งจริง ๆ และเราพูดหรือคิดผิดเองจริง ๆ (อย่างน้อยก็ในมุมมองเขา) ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบล็อคนันจะมีการถกกันด้วยข้อมูล หลักฐาน การโน้มน้าวอีกฝ่ายให้คล้อยตาม ผมอยู่มานานเพราะสังคมที่นี่เป็นแบบนี้ ไม่ค่อยมีการใช้อารมณ์ ไม่หยาบคาย ไม่ระเบิดตูม ๆ แล้วก็หายไป คุณลองพิจารณาดูดี ๆ ครับว่าที่ด้านบนตอบคุณไปเขาเป็นแบบที่ผมว่าไหม
คำแนะนำนึงที่ผมแนะนำได้คือไปทำอย่างอื่นให้ลืมเรื่องนี้ก่อน ให้จิตใจสดใสอารมณ์ดี แล้วกลับมาไล่อ่านอีกทีนึงด้วยใจเปิดกว้างครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ความต้องการด้านอื่น ๆ ของคุณผมว่าสมาชิกท่านอื่นคงได้แนะนำไปบ้างแล้ว ผมขอพูดเรื่องนี้แล้วกัน
คุณลองถามใจตัวเองดูว่าทำไมคุณต้องการให้คนอื่นมาสนใจสิ่งที่คุณพูด มันจำเป็นต่อพวกเขาไหม และมันจำเป็นต่อตัวคุณไหม ถ้าคุณลองลดความต้องการด้านนี้ลง ผมว่าคุณอาจจะมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น
ลองเปลี่ยนจาก "ต้องการให้คนอื่นสนใจ" เป็น "คนอื่นจะคิดแบบไหนก็เรื่องของเขา" ดูน่าจะทำให้ปล่อยวางได้มากขึ้นครับ
That is the way things are.
ที่โดนเทียบกับไทยก็ถือว่าหนักอยู่นะครับ
ในไทยส่วนใหญ่แค่ค่าปรับกำไรกับห้ามเป็นกรรมการบริษัทเอง
+1 ที่ไทยแค่ปรับ
ฮ่าๆๆๆ ฉลาดใช้ได้
มีการลงโทษและเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ดูเหมือนบางคนจะไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ แบบนี้