Tags:
Node Thumbnail

จากการที่ Elon Musk ซีอีโอ Tesla ตั้งโพลล์ใน Twitter ผ่านบัญชีส่วนตัวของเขา ถามว่าเขาควรขายหุ้น Tesla ที่ถืออยู่ออกมา 10% หรือไม่ เพื่อให้เกิดการเสียภาษี ล่าสุดผลโหวตจากผู้ใช้งานใน Twitter ร่วม 3.5 ล้านโหวตออกมาแล้ว อยู่ที่ควรขาย 57.9% และไม่ควรขาย 42.1%

ซึ่งถ้า Musk ทำตามที่สัญญาไว้จริงๆ เขาก็จะต้องขายหุ้นใน Tesla เกือบ 2 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Musk มีหุ้น Tesla 170.5 ล้านหุ้น จากราคาหุ้น Tesla ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมากทำให้มูลค่าสินทรัพย์ที่เขาถือครองปรับเพิ่มสูงและล่าสุด เขาขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกแล้ว

ในโพสต์ที่ Musk ตั้งโหวต เขายังบอกด้วยว่า เขาไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัสจากบริษัทใดๆ ซึ่งหมายความว่าเขาไม่มีรายได้ที่จะต้องจ่ายภาษีเงินได้ การจะให้เขาเสียภาษีคือต้องขายหุ้นเท่านั้น และยังมีข้อเสนอทางกฎหมายจากพรรคเดโมแครตด้วยว่าควรเก็บภาษีจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้น เมื่อราคาหุ้นสูงขึ้น เชื่อว่านโยบายนี้จะกระทบมหาเศรษฐี 700 คนในสหรัฐฯ แต่นักวิจารณ์ก็บอกว่ามันไม่ได้เป็นทรพย์สินที่มูลค่าที่สูงเกินไป

No Description

สำหรับนักลงทุน และผู้บริหารที่อยากจัดการกับหุ้นที่ตัวเองถือครองไว้จำนวนมาก ก็จะใช้วิธี "blind" หรือการกระจายการขายหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน

Musk มีจำนวนผู้ติดตามกว่า 63 ล้านบัญชี บวกกับการมีอิทธิพลในโลกเทคโนโลยีของเขา ทำให้เขามีอิทธิพลมากในโลก Twitter เขาใช้แพลตฟอร์มนี้ในอัพเดตข่าวคราวในบริษัทรวมถึง SpaceX และ Neuralink รวมทั้งแชร์มีม ไปจนถึงการพูดคุยในประเด็นความอดอยาก จากการที่ David Beasley ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ (UN World Food Programme) ออกมาเรียกร้องให้เศรษฐีของโลกอย่าง Elon Musk, Jeff Bezos บริจาคเงินช่วยเหลือผู้อดอยาก และยังบอกด้วยว่าทรัพย์สินเพียง 2% ของ Musk ก็ช่วยเหลือโลกจากภาวะอดอยากได้

จน Musk ไปโต้ตอบผ่าน Twitter ว่าเขายินดีช่วยเหลือ และจะขายหุ้น 6 พันล้านเหรียญ และเขาขอให้ UN World Food Programme อธิบายให้แจ่มแจ้งด้วยว่าจะนำเงิน 6 พันล้านเหรียญนี้ไปแก้ภาวะอดอยากได้อย่างไรบ้าง

ที่มา - BBC

Get latest news from Blognone