Snow Leopard วางขายวันนี้ (28 สิงหาคม) ก่อนวันวางขายหนึ่งวันก็เป็นโอกาสอันดีที่แอปเปิลจะแจก Snow Leopard ให้คอลัมนิสต์และเว็บไซต์ไอทีเมืองนอกเอาไปรีวิวให้ทันก่อนวางขาย
จริงๆ มีรีวิวหลายที่ แต่ผมเลือกมาแค่ 3 คือ Engadget, Gizmodo และ WSJ ครับ
Engadget
ลงทับของเก่าได้เลย ไม่ต้องบูต ได้พื้นที่คืนมาเยอะเพราะไม่ต้องมี Rosetta แล้ว (Engadget ได้คืนมา 10GB)
Dock Expose คลิกค้างที่ไอคอนบน Dock จะเปิด Expose ของโปรแกรมนั้นๆ
Finder เขียนใหม่ทำงานเร็วขึ้น ในแง่การใช้งานไม่ต่างจากเดิมเท่าไรนัก (มี live preview เพิ่มเข้ามา คลิกไอคอนเพื่อแสดงวิดีโอบนไอคอนได้เลย)
QuickTime X เขียนใหม่ ทำให้โปรแกรมหลายๆ ตัวที่อิงกับ QuickTime ใช้งานไม่ได้ และยังขาดฟีเจอร์หลายอย่างที่เคยมีใน QuickTime Pro
การที่ Snow Leopard เปลี่ยนเป็น 64 บิททั้งหมด ทำให้หลายๆ โปรแกรมใช้ไม่ได้เช่นกัน เช่น Growl, Skitch, 1Password ส่วนมากเป็นพวกปลั๊กอินของโปรแกรมอีกที
ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น "เล็กน้อย"
ที่มา - Engadget
Gizmodo
ประสิทธิภาพดีขึ้น มากน้อยแล้วแต่กรณี เช่น Preview เปิดรูปขนาด 35MB เร็วขึ้นเท่าตัว (ดูวิดีโอประกอบ), Time Machine สำรองข้อมูลเร็วขึ้น 40% แต่ถ้าเป็นโปรแกรม 32 บิท และโปรแกรมจากค่ายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของแอปเปิลยังไม่เห็นความต่าง
Snow Leopard Performance Test from Gizmodo on Vimeo .
Finder ปรับขนาดไอคอนได้โดยตรงจาก slider ที่มุมขวาล่าง ส่วน live preview วิดีโอจากไอคอนไม่มีประโยชน์เท่า QuickLook
Expose เรียงหน้าต่างเป็นตาราง และมีข้อความประกอบให้แยกแยะหน้าต่างได้ง่ายขึ้น
QuickTime ใหม่ไร้กรอบ มีฟีเจอร์อัดวิดีโอและเสียง
Safari 4 ไม่เสถียรเท่ากับบน Leopard
สรุปว่าโดยรวมไม่มีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ ใหญ่ๆ แต่มีการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ มากมาย
ที่มา - Gizmodo
Wall Street Journal
โดยเจ้าพ่อ Walt Mossberg แห่ง WSJ/AllThingsD
ทดลองลงแบบอัพเกรด 2 เครื่อง ได้พื้นที่คืนมา 7GB และ 14GB
ยังพบปัญหากับฮาร์ดแวร์อยู่บ้างพอสมควร
คนทั่วไปไม่จำเป็นต้องอัพเกรดเป็น Snow Leopard เป็นแค่ nice-to-have ไม่ใช่ must-have
สำหรับคนใช้ Tiger ตามคำอ้างของแอปเปิลต้องซื้อกล่อง 169 ดอลลาร์ แต่ว่าซื้อแบบอัพเกรด 29 ดอลลาร์ก็ลงได้เหมือนกัน
ทำงานเร็วขึ้น ไม่มากขนาดตื่นเต้นแต่ก็รู้สึกได้
ฟีเจอร์เล็กๆ ที่ชอบ ได้แก่ แก้คำผิดอัตโนมัติ (แบบใน MS Word) กับเปลี่ยนเขตเวลาอัตโนมัติ โดยดูจากสถานที่ที่เราอยู่ในตอนนั้น
Exchange ทำงานได้ดี
โปรแกรมหลายตัวมีบั๊กเมื่อนำไปทำงานบน Snow Leopad เช่น VMware Fusion (ต้องรอเวอร์ชันใหม่), Cisco VPN (ใช้ VPN ของ Mac OS X แทนได้) และไม่เจอ Aircard ของ Verizon ที่เคยใช้ได้
สรุป ถึงแม้ว่าราคาแค่ 29 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่น่าดึงดูดใจนัก ถ้าเทียบกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของแอปเปิล
ที่มา - Wall Street Journal
Comments
อยากเห็นความสามารถของ OpenCL กับ GCD มากมาย
"สำหรับคนใช้ Tiger ตามคำอ้างของแอปเปิลต้องซื้อกล่อง 169 ดอลลาร์ แต่ว่าซื้อแบบอัพเกรด 29 ดอลลาร์ก็ลงได้เหมือนกัน"
ชี้โพรงให้กระรอกหรือเปล่า ที่ office แผนกข้างมี tiger อยู่ซื้อมาลงเลยดีไหมเนี่ย
http://twitter.com/darkleonic
I need healing.
เหมือนเคยเห็นว่าต้องมีหลักฐานการซื้อด้วยนะครับ
http://www.apple.com/macosx/uptodate/
Up to date กับ Upgrade ไม่เหมือนกันครับ
Up to date อันนี้สำหรับคนเพิ่งซื้อเครื่องแมคใหม่ $9
Upgrade สำหรับทุกคนที่มี Leopard $29
@TonsTweetings
Growl กับ 1Password ใช้ได้ไม่มีปัญหานะ ที่เจอเล็กน้อยก็พวก Textmate(ใช้ command + ลูกศร เพื่อไปต้นบรรทัดกับท้ายบรรทัดไม่ได้) กับ OmniGraffle ที่เปิดเลือกไฟล์แล้วมันจะพยายาม review แล้วขึ้น error (http://yfrog.com/emscreenshot20090828at102p)
TextMate แก้ตามนี้ครับ http://ticket.macromates.com/show?ticket_id=0FDE7076
pittaya.com
pittaya.com
คงซื้อเพราะ
ตอนนี้ใช้ Leopard เถื่อนอยู่ ละอายใจ ฮ่าๆๆ
อีกอย่างคืออยากได้ Feature ที่มัน Support Exchnage Server นั่นล่ะครับ
แถมเสียเงินแค่พันเดียวเองกับการทำให้มันถูกลิขสิทธิ์ ผมว่าถูกจะตาย
แหม จะเอาให้ถูกจริงๆ คงซื้อตัว upgrade ไม่ได้ล่ะมั้งครับ
ได้พื้นที่คืนมา คุ้ม
ผมว่าเปลี่ยนไปใช้ตอนนี้ก็คงยังไม่คุ้มเท่าไหร่
ในเมื่อโปรแกรมหลายๆตัว ยังไม่รองรับหรือทำงาน
บนระบบ 64bitได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ยังแสดงพลัง
ออกมายังไม่ชัดเจนพอ อย่างที่เห็นอยู่แต่อนาคตเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
มีใครทำให้มันลงกับ notebook dell x64 ได้ป่าวครับ
งั้นแสดงว่าแผ่นอัพเกรด จริงๆแล้วเป็นแผ่นอินสทอลเหรอครับ?
ปล.น่าเสียดายอยากเห็นinterface marble ในเวอร์ชั่นนี้อ่ะ
สำหรับ Tiger
ถ้าต้องใช้ iLife iWork ก็ boxset $169 ครับ ถ้าไม่ใช้ก็ $29 ประหยัดไป $140
ได้เวลาอัพเกรดซะที :)
อย่าลืมไปเช็คโปรแกรมที่ท่านใช้อยู่ก่อนอัพเกรดน่ะครับ เผื่ออัพแล้วใช้งานไม่ได้แล้วยุ่งเลย
ที่นี่ครับ http://snowleopard.wikidot.com
ไม่รู้ว่าป๋ารู้ยังแต่ Cisco VPN ใช้ได้เฉพาะรุ่นที่เลขรุ่นลงท้ายด้วย 180 อันนี้เจอเองโดยบังเอิญ
@TonsTweetings
ชอบที่มันอัด screen capture เป็น video ได้เลย ใช้ทำ video สอนการใช้งานได้เลยนะเนี่ย
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
พรุ่งนี้ไปจัดดีกว่า
หน้าร้านมีขายแล้วใช่ไหมครับ?
updated: เริ่มขายวันที่ 2
อยากเล่นบ้างจัง ใครซื้อมาแล้ว ขอก็อบ ซักแผ่น ซิ lolz
default Snow Leopard จะโหลด 32 bit หากต้องการจะ boot ให้เป็น 64 bit ต้องกด "6" กับ "4" เวลาเปิดเครื่อง ลองเปิด terminal แล้วทดสอบได้ดังนี้
ioreg -l -p IODeviceTree | grep firmware-abi
“EFI32″ = 32 bit
“EFI64” = 64 bit
mrfah ครับ