By: mk 
on 23 September 2023 - 14:52
Tags:
กลุ่มนักเขียนนิยายชื่อดัง 17 ราย ร่วมกับสมาคมนักเขียน (Authors Guild) ยื่นฟ้อง OpenAI ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ นำนิยายของนักเขียนเหล่านี้ไปเทรน AI โดยไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่างนักเขียนชื่อดังที่เข้ามาร่วมฟ้องได้แก่ George R. R. Martin ผู้เขียน Game of Thrones, John Grisham, Guild President Scott Turow, Jodi Picoult เป็นต้น ในคำฟ้องระบุว่า OpenAI นำงานเขียนไปเทรน AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ผลคือ AI สามารถสรุป เลียนแบบ ปรับแต่งงานของนักเขียนเหล่านี้ได้ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของนักเขียนกลุ่มนี้
ทาง OpenAI ออกแถลงการณ์ว่าเคารพในการตัดสินใจของกลุ่มนักเขียน บริษัทพยายามพูดคุยทำความเข้าใจกับนักเขียนทั่วโลก และหวังว่าจะหาวิธีทำงานร่วมกันได้
คดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่มีนักเขียนฟ้อง OpenAI โดยมีคดีก่อนหน้านี้ มาบ้างแล้ว
ที่มา - IGN
ภาพจาก @GRRMspeaking
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- สงคราม GenAI บนคลาวด์ในปี 2024 ไปถึงไหนกันแล้ว | Cloudnone x AWS
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
Comments
ต้องเปลี่ยนขื่อเป็น InfringeAI แล้วมั้ง
AI อาจจะเขียน SS8 ได้ดีกว่านี้ก็ได้นะ
บริษัทพยายามพูดคุยทำความเข้าใจกับนักเขียนทั่วโลก และหวังว่าจะหาวิธีทำงานร่วมกันได้
... ใครจะยอมให้ ai แย่งงาน
เหมือนกับตบบ่าเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูว่า อยากได้เท่าไหร่ว่ามา
อีกหน่อยคงต้องมีโค้ดแทรกไว้ในหน้าเว็บ ระบุห้าม AI นำข้อมูลบนเว็บไปเทรนแล้วมั้งนั่น
ก็มี robot.txt ไงครับ
แต่ถ้าจะเอาซะอย่าง ก็ไม่มีใครรู้
มันมีโอกาสจะเกิด indirect มั๊ย?
แบบคนอ่าน อ่านแล้วตั้งกระทู้ถามตอบใน webboard
แล้ว AI ไปดึงจาก webboard มาอีกที จนมันรู้เรื่องราวทั้งหมด 🤔
ไม่ควรเทรนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ใช่ข้อมูลของตัวเอง คิดว่า text to speech เกิดขึ้นได้ยังไง ใช้อาสาสมัครไง ข้อมูลชัดเจนในโครงการว่าใช้ข้อมูลไหน ทำอะไร เช่น cmu ไม่ใช่เทรนจากข้อมูลมั่วซั่วในอินเตอร์เน็ต
มันถือว่าเป็น Public หรือเปล่าเนี่ยสิ
ก่อนหน้ามี AI สิ่งที่อยู่บน webboard(และ Social Media) มันเป็น Public
เพิ่งหลัง AI นี่แหละที่ webboard เริ่มเขียน User Agree ว่า สิ่งที่อยู่บน webboard เป็นของ webboard (และมีสิทธิเอาไปเทรน)
ซึ่งก็จะไปตีกับคนใช้ที่ลงแรงเขียนลงบน webboard ที่รู้สึกไม่แฟร์อีก
แต่จะแบ่งรายได้ให้ก็ยากเพราะเนื้อหา+จำนวนคนมันเยอะมาก
สมมุติ ผมซื้อหนังสือ ของพนมเทียนมาอ่าน
แล้วชอบมาก
แล้วแต่งนิยาย เลียนแบบพนมเทียน
ผมละเมิดลิขสิทธิไหมครับ?
หรือเอาแบบชัดๆ กว่านั้น ที่ทำ
แล้วขายดีจนออกมาเป็นหนังแล้วด้วยซ้ำ
Fanfic ของ Twilight... 50 Shades of Grey
การที่ Ai ไปอ่านมา แล้วเอามาดัดแปลง
มันเรียกว่าละเมิดได้ด้วยเหรอครับ?
แค่ปัญหาคือ มันทำได้เร็วกว่าคน...ไปซักล้านเท่าได้
ทำความเข้าใจให้ได้ก่อนว่า AI ไม่ใช่คน มันไม่ได้สิทธิ์ในการทำแบบนั้นในมุมมองของกฎหมาย
ถูกต้องและมนุษย์ก็ยังไม่สามารถเข้าใจกระบวนการในสมองได้ทั้งหมด ถึงจะพูดได้เต็มปากว่าสร้างAIทำงานเหมือนสมองมนุษย์ อย่างtransformerนี่ก็ไม่ใช่
กระบวนการของ AI มันไม่เหมือนสมองคน สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนการเริ่มจะหาสมการใดๆ เลยคือ สำเนาข้อมูลจากต้นทางมาเก็บไว้ในพื้นที่จัดเก็บรอการประมวลผล ไม่ใช่ว่ามันอ่านแล้วจับประเด็นแบบ real-time ได้อย่างสมอง ซึ่งถ้าตีความตามกฎหมายทื่อๆ วิธีไหนก็ผิด ไม่ว่าจะเป็นการจับภาพ หรือ web scraping ข้อมูลจาก internet เพราะมันต้องเก็บต้นฉบับไว้ในเบื้องต้นก่อนประมวลผลเพื่อหาสมการที่เหมาะสมกับโจทย์ที่ต้องการ เมื่อประมวลผลเสร็จจนได้สมการแล้วจึงจะลบต้นฉบับออกได้
อาจจะเถียงผมว่าแล้วถ้าเอาสมการที่สร้างจากข้อมูลที่ถูกกฎหมายมาใช้ล่ะ ถ้านำมาใช้กับหนังสือที่ได้มาแบบผิดกฎหมายก็ผิด หรือได้มาแบบถูกกฎหมายก็ผิด (ความหมายของคำว่าถูกกฎหมายของผมในที่นี่คือ ซื้อหนังสือเป็นเล่มจากร้านค้า ไม่ใช่การขออนุญาติโดยตรงนะ) เพราะก่อนจะให้สมการสำเร็จรูปเริ่มทำงาน มันก็ต้องสำเนาต้นฉบับก่อนอยู่ดี ซึ่งใน copyright ของหนังสือทุกเล่มจะเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าผิดทุกกรณีไม่ว่าจะสำเนาด้วยวิธีการใดก็ตามที่ไม่ได้ขออนุญาติจากเจ้าของลิขสิทธิ์
ไม่ว่าจะคนเรียนรู้หรือ AI เรียนรู้ก็ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ตามที่คุณเข้าใจครับ
แต่ AI ไม่ใช่คน อยู่ๆมันจะไปเรียนรู้ด้วยตัวของมันเองไม่ได้ครับ มันจะเรียนรู้ได้ก็ต้องมีคนเอาข้อมูลไปป้อนมันให้
และด้วยกระบวนการเรียนรู้ของ AI นั้น มันจะต้องมีการทำซ้ำข้อมูลเอาไว้ ซึ่งการกระทำนี้คือการละเมิดลิขสิทธิ์ และคนที่ละเมิดก็คือคนที่เอาข้อมูลไปให้ AI เรียนรู้นั่นเองครับ
เพราะงั้นกรณีที่คุณยกมามันจึงเทียบกันไม่ได้ซะทีเดียวครับ ถ้าจะเปรียบเทียบกับกรณีที่คุณยกมา ต้องเปรียบว่ามีคนๆหนึ่งไปก๊อปปี้หนังสือต่างๆแล้วเอามาให้คุณอ่านเพื่อเอาไปแต่งนิยาย แน่นอนว่าคุณไม่ได้ผิด คนที่ผิดก็คือคนที่ไปก๊อปปี้หนังสือดังกล่าวครับ
ถ้ายังแอบงง.. ลองเปลี่ยนจาก AI เป็นเครื่องถ่ายเอกสารดูครับ น่าจะพอเห็นภาพมากขึ้น
ปล. คดีลิขสิทธิ์เกี่ยวกับ AI ที่ฟ้องร้องกันในช่วงนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะฟ้องไปที่คนนำข้อมูลมาให้ AI เรียนรู้ทั้งนั้นครับ ทั้งผู้พัฒนา AI และผู้ที่ใช้ AI สร้างผลงานยังไม่ได้โดนอะไร
กฎหมายเขาห้าม ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไขด้วยครับ
I need healing.
ละเมิดไม่ละเมิด อยู่ที่ศาลครับ
ถ้าโจทย์เค้าชักจูงให้ศาลคล้อยตามได้ว่าคุณลอกเขา ก็คือคุณละเมิด
ไม่ว่าคนหรือ AI ก็เหมือนกัน
Ai แแรกคนก็ดลัวกันจะทำลายมนุษยชาติ แบบ Skynet
แต่จริงๆแล้วการทำลายมนุษย์ไม่ใช่ใช้แบบนั้น แต่คือการละเมิดลิขสิทธิ์แบบด้านๆ ไม่ว่สจะก๊อปภาพ ก๊อปงานเขียน สุดท้ายก็เแาผิดอะไรAiมันไม่ได้
ทบทวนกฏหมายลิขสิทธิ์กันใหม่ดีมั้ย
ไม่งั้นก็ไม่ต้องมี AI กันละ
กลายเป็นว่าจะต้องย้ายบริษัทไปอยู่ประเทศอื่นกัน
ถ้าทบทวนอยากให้เกิดอะไรขึ้นได้ครับ?
สามารถนำไปเทรนเอไอเพื่อประโยชน์ทางการพาณิชย์และการทหาร ?
เอาจริง ๆ ส่วนตัวคิดว่า ลิขสิทธิ์มีอายุค่อนข้างสั้นอยู่แล้ว (50 ปีหลังเจ้าของเสียชีวิต หรือ 50 ปีหลังจากเกิดบทประพันธ์) เจ้าของสิทธิ์อาจจะมีสิทธิ์เยอะพอดู (แน่นอนล่ะมันคือสิทธิในการทำ "สำเนา" นี่นา) แต่ว่าพอหมดอายุแล้วมันต่อไม่ได้ไม่เหมือนพวก IP อื่น ๆ นะ (เช่นพวก trademark)
รอให้หมดอายุก่อนหรือไม่ก็ไปซื้อมาดี ๆ ผมว่าก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ
เทรนเพื่อฝึกภาษาให้มันได้ นี่คืออย่างน้อยที่ควรทำได้
แต่ไม่สามารถเผยแพร่ต้นฉบับได้ ดัดแปลงบางส่วนก็ไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาต
เอาจริงๆ พูดถึงกฎหมายลิขสิทธิ์ ผมเห็นด้วยในแง่ การป้องกันการหลอกลวงว่าเป็นของแท้ แต่นอกนั้น ผมไม่แน่ใจว่ามันดีหรือเสียมากกว่ากัน
บุคคลสายงาน Creative: yay!
มีกำลังก็ดิ้นรนต่อต้านกันไป โอกาสตกงานใกล้เข้ามาทุกที เข้าใจหัวอกคนโดนลดคุณค่างานที่ทำนะ เครื่องจักรเครื่องกล ต่อมาก็คอมพิวเตอร์ ตอนนี้เอไอ เข้าไปลูบหลังแล้วบอกไม่อยากโดนแย่งงานก็ต้องพัฒนาตัวเอง
เอางานคนอื่นไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาต มันก็ผิดแหละ
That is the way things are.