ไมโครซอฟท์เคยใช้กลยุทธเปิดบล็อกอธิบายแนวคิดทางวิศวกรรมของ Windows 7 ประสบความสำเร็จมาแล้ว รอบบนี้เลยเปิดบล็อกใหม่ Building Windows 8 เพื่อทำหน้าที่แบบเดียวกัน
บล็อกนี้เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา โดย Steven Sinofsky ประธานฝ่ายวินโดวส์เป็นคนเขียนเองทั้งหมด (ณ ตอนนี้มี 3 โพสต์) Sinofsky บอกว่าจะค่อยๆ อธิบายแนวคิดเชิงวิศวกรรมของ Windows 8 ไปเรื่อยๆ ก่อนที่เราจะเห็นการแถลงข่าวในงาน BUILD ของไมโครซอฟท์เดือนกันยายนนี้
Sinofsky บอกว่าแนวคิดพื้นฐานของ Windows 8 อยู่ในประโยค Windows 8 reimagines Windows หรือการยกเครื่องวินโดวส์ใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนแปลงแนวคิดแบบเดสก์ท็อปที่ใช้มาตั้งแต่ Windows 95 เพราะปัจจุบันพีซีเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมไปมาก
Sinofsky ยังไม่บอกว่า "การยกเครื่องวินโดวส์" มีอะไรบ้าง แต่ฟีเจอร์ที่เรารู้กันก่อนหน้านี้อย่าง UI ใหม่สำหรับจอสัมผัส หรือการรองรับ SoC ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อแนวคิดเดสก์ท็อปพีซีแบบเดิม
อีกเรื่องที่ Sinofsky เขียนเล่าในบล็อก คือการจัดโครงสร้างทีมพัฒนา Windows 8 โดยแบ่งเป็น "feature team" หรือทีมที่พัฒนาเฉพาะฟีเจอร์ จำนวนทั้งหมด 35 ทีม แต่ละทีมจะมีบุคคลากรประมาณ 25-40 คน รวมแล้วใช้คนพัฒนาไม่เยอะนัก โดย Sinofsky ให้ความเห็นว่าไม่ต้องการให้ทีมใหญ่เกินไป เดี๋ยวจะมีปัญหาในการบริหารจัดการ (เหมือนตอน Vista อันนี้ผมว่าเอง)
รายชื่อทีมทั้ง 35 ทีมมีดังนี้
- App Compatibility and Device Compatibility
- App Store
- Applications and Media Experience
- App Experience
- Core Experience Evolved
- Device Connectivity
- Devices & Networking Experience
- Ecosystem Fundamentals
- Engineer Desktop
- Engineering System
- Enterprise Networking
- Global Experience
- Graphics Platform
- Hardware Developer Experience
- Human Interaction Platform
- Hyper-V
- In Control of Your PC
- Kernel Platform
- Licensing and Deployment
- Media Platform
- Networking Core
- Performance
- Presentation and Composition
- Reliability, Security, and Privacy
- Runtime Experience
- Search, View, and Command
- Security & Identity
- Storage & Files Systems
- Sustained Engineering
- Telemetry
- User-Centered Experience
- Windows Online
- Windows Update
- Wireless and Networking services
- XAML
หมายเหตุ: ไม่นับรวมทีม Windows Live และทีม IE ที่ทำงานแยกต่างหากนะครับ
ตอนนี้ใครจะคาดเดาฟีเจอร์ต่างๆ ของ Windows 8 ก็ลองดูได้จากชื่อทีมครับ คนที่สนใจ Windows 8 ควรติดตาม @BuildWindows8 ด้วยอีกแห่งหนึ่ง
ที่มา - ReadWriteWeb
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
- สงคราม AI 2024: OpenAI ชิงปาดหน้า Google วันเดียว | Cloudnone EP.17
Comments
App Store
;)
ไม่ได้ชื่อ market place แล้วเหรอ
ถึงได้ดันเรื่อง generic ใหญ่ไงคับ
หวังว่าเมื่อถึงเวลา Windows 8 PC จะย้ายไปใช้ EFI แทน BIOS กันสักที
windows ใช้ EFI ได้ตั้งแต่ VISTA แล้วครับ
win 7 ที่ผมใช้โพสข้อความนี้ ก็ลงบนเครื่องที่เป็น EFI ครับ
อะไรคือ EFI เหรอครับ ใช่ BIOS ที่เป็นกราฟฟิกใช้เมาส์ได้หรือเปล่าครับ.. ถ้าใช่ นี่ก็ Win7 บน EFI อีกตัวครับผม แหะๆ
อยากให้ Win8 ใช้ Direct Compute หรือ OpenCL จัง ยิ่งรองรับ SoC อย่างนี้ ได้ GPGPU มาช่วยน่าจะดี
เดี๋ยวนี้เค้าใช้ app แทน โปรแกรมกันแล้ว อีกหน่อยเรียนโปรแกรมคงเชยแน่เลย
เจ๋งมากครับ อยากจะขอบคุณ Steven Sinofsky มากๆ
ผมว่าเค้ากำลังเอาข้อมูลที่เปิดเผยได้ในส่วนนี้มาทดแทนกับความเป็น opensource ที่ Windows ไม่มี
Windows 7 ยังใช้ไม่คุ้มเลย 8 จะมาแล้ววววว
Destination host unreachable!!!
Windows 8 นี่จ๊าฟมาก ให้ Hyper-V มาด้วยเลย
VMWare Workstation ตกงานเลยทีเดียว..
จ๊าบเลยเหรอท่าน เป็นคำที่ไม่ได้ยินมานานนนนนนนมาก
ครับ เริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ ยิ้มหวาน
บอกวัย 5555555+
อาจจะไม่ใช่ Hyper-V แต่น่าจะเป็น Virtual PC มากกว่านะครับ เพราะเจ้าตัวนี้ license แพงไม่ใช่เล่นทีเดียว เลยคิดว่าน่าจะเป็นทีมที่ทำให้กับ Server มากกว่า (ก็สถาปัตยกรรมเดียวกันนี่นะ)
+1 จ๊าบบบ !
ทำออกมาให้น่าติดตามการทำงานได้ดีเลย ลุ้นไปตามๆ กัน
เป็น Windows ที่ตั้งตารอจริง ๆ เลย
รอ.. ต่อไป ถ้า Windows 8 มาสงสัยจะต้องอัพเกรดเครื่องใหม่อีกแล้วหละ
ผมจำได้แว๊บๆ ว่า เคยมีข่าวประมาณว่า windows 8 จะไม่มีหลายเวอร์ชั่น แล้วจะมี app store ให้แทน เลือกที่จะซื้อจะลงได้ ถ้าเป็นแนวคิดนี้จริง เยี่ยมมากเลย แต่กำลังเสียวๆ ว่า software มันจะแพงกว่าเดิม แต่ถ้ามันแพงแล้ว update ได้ตลอดชาติเหมือนแอนด๋อย จะยอมซื้อ 55+
จะเล่นบน Atom ไหวมั้ยน่อ -..-