Larry Page ซีอีโอคนปัจจุบันและผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Businessweek ว่าเรื่องสงครามระหว่างสตีฟ จ็อบส์กับ Android นั้นเป็นเพียงแค่เรื่องที่สร้างไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น และทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้าง "คู่แข่ง" ให้กับบริษัท เพื่อจะได้ชี้นำพนักงานของแอปเปิลในทางที่ต้องการได้
Page เองได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจ็อบส์ด้วย โดยบอกว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจ็อบส์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เวลามากมายด้วยกัน แต่ก็ได้พบเจอกันบ่อย ๆ แล้วตัวเขาเองเห็นว่าการสร้างคู่แข่ง ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากกว่าการให้พนักงานทำให้ดีที่สุดในการพัฒนาโลกของเรา
ที่มา - MacRumors
Comments
... หันไปยิ้มให้กล้องด้วยครับ : D
นักพัฒนาคิดแค่แข่งขันทำสิ่งดีๆออกมาเท่านั่น
แต่ user กลับแบ่งแยก แบ่งกลุ่มกันเอง
+1
แล้วนักกฎหมายก็มาช่วยไกล่เกลี่ย
พอดีว่าบทสัมภาษณ์ของสตีฟ จ็อบส์ที่เขียนไว้ในหนังสือไม่เป็นเช่นนั้นสิครับ
แล้วสตีฟ จ็อบ ได้ทำอะไรมั่งสักอย่างนอกจากพูด เพื่อต้องการจัดการ android ครับ?
เรื่องจัดการ Android เป็นความลับในบริษัท Apple ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นที่รู้
สตีฟ จ็อบ แค่พูดเท่านั้น ก็มีคนไปทำให้......
นั่นเป็นจินตนาการไปหรือเปล่าครับ
ส่วนหนึ่งที่ทิศทางตลาดเลิกจาก flash จน android ไม่ได้อัพเดท
ส่วนหนึ่งของสงครามสิทธิบัตรที่ android เจอจาก apple
ก็เป็นการกระทำของจ็อบส์
คนที่โดนเรื่องนี้น่าจะเป็น adobe มากกว่านะครับ android โดนยังไง?
แล้วถือเป็นการจัดการ android ด้วยไหมครับ บางอย่างไม่ต้องทำตรงๆ แต่ก็ได้ผลเหมือนกัน
+1
ฝั่งแอนดรอยเองก็ไม่ได้ชอบแฟลชหรอกครับ ทั้งช้าทั้งสูบแบต
สาเหตุที่รองรับเพราะจะได้เข้าเว็บได้ครบๆเท่านั้นเอง
อันนี้ผมถามจริงๆ จัง
ไม่รู้จริงๆ หรือว่าถามเล่นๆ ครับ?
โดนใจหลาย
This guy deserves the Nobel peace prize !
ไม่ใช่จ็อบส์รู้ได้ไงว่าเขาล้อเล่น?
ก็อาจจะใช่และอาจจะไม่ใช่นะ
จริงไม่จริงไม่รู้ แต่มันก็ก่อให้เกิดประโยชน์อ่ะนะ
ก่อประโยชน์ยังไงครับขัดขากันขนาดนั้น
การแข่งขันไงครับ
ซัมซุงก็พยายามแข่งกับแอปเปิลอย่างหนัก หลายๆ เจ้าก็พัฒนาสินค้าของตัวเองให้ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
เหลือโนเกียที่ไม่ฉี่รดกางเกงในหน้าหนาว แล้วก็ยังฉลาดอยู่เจ้าเดียวที่ทำแต่มือถือจอเล็กๆ ครับ
ถ้าฟรีซเซอร์ไม่มา ซุปเปอร์ไซย่าอาจไม่เกิด
นั้นไง เปรียบเทียบได้ล้ำมากท่าน
ถูกใจเม้นนี้ เป๊ะเลยครับ
เจอเม้นท์เข้าไป ผมฮาออกมากลางออฟฟิตตอนกำลังเงียบๆเลยอ่ะ 555
ก็ตามหัวข่าว กับที่พี่เสกโลโซพูดด้านบนแหละครับ
เพื่อกระตุ้นการแข่งขัน เพื่อการพัฒนา
ต้องถามจ๊อบส์ผ่านร่างทรง
เค้าว่างั้นแน่ะ บี 1
"I will spend my last dying breath if I need to, and I will spend every penny of Apple's $40 billion in the bank, to right this wrong," Jobs said. "I'm going to destroy Android, because it's a stolen product. I'm willing to go thermonuclear war on this."
เพื่อกระตุ้นการแข่งขัน ^^"
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
Windows ก็เป็น Stolen product เหมือนกันน่ะครับ แล้วสุดท้าย Jobs ก็ไม่ได้เกลียด Bill Gates จริงๆจังๆ
แต่ที่จะตายเพราะมือ Jobs ตอนนี้คือ Blackberry เพราะ IOS สู้กับ Android มาก พัฒนาเร็วจน BB OS ตามไม่ทัน
ผมว่านั้นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่แอปเปิลเสียอีกที่ไม่ยอมรับเอาส่วนดีจากวินโดวส์มาใช้ เช่นฟีเจอร์สำหรับการบริหารจัดการสำหรับองค์กร ทำให้เสียส่วนแบ่งตลาดในตลาดองค์กรธุรกิจและซบเซาไปเป็นสิบปี
ผมว่าต่างกันนิด ที่ทั้ง Apple กับ Microsoft นี่พอคุยกันได้ เพราะไปได้แรงบันดาลใจจากที่เดียวกัน (และทั้งคู่ก็รู้) แต่ถ้าแอนดรอยด์ จ๊อปส์คงคิดว่าลอกมาจาก Apple ทั้งหมด เลยองค์ลงเยอะเป็นพิเศษ
ตอบได้หล่อมาก
Bus goal ของกูเกิลหล่อเว้อออ ทำให้โลกดีขึ้น!!
พูดอีกก็ถูกอีก การแข่งขันไม่เกิด การพัฒนาย่อมไม่เกิด(ขึ้นเท่าที่ควร)
ผมว่าจากที่อ่านหนังสือมา ผมว่าสำหรับทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลเองแล้ว จ็อบส์ไม่จำเป็นต้องการสร้าง 'คู่แข่ง' หรือ 'ศัตรู' อื่นใดเพื่อมาสร้างแรงบันดาลใจหรือกำหนดแนวทางในการสร้างผลิตภัณฑ์ครับ เพราะบริษัทแอปเปิลมีจ็อบส์อยู่แล้วทั้งคน (แกเป็นคนประเภทไม่รีรอที่จะด่าลูกน้องแม้แต่วินาทีเดียวเลยครับ)
ตอนสร้าง iPod ก็ไม่มีคู่แข่งที่ครอบครองตลาดเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาที่แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด, ตอนสร้าง iPhone มันก็ redefine ตลาดสมาร์ทโฟนซะขนาดนั้น แถมตอนที่ออก iPhone รุ่นแรกออกมานั้น Android ยังเป็นวุ้นอยู่เลย
ก่อน iPhone มี Sony Ericsson ตระกูล P อยู่น่ะครับเป็นสมาร์ทโฟน Symbian OS เมื่อก่อนผมเป็นสาวก แต่เนื่องด้วยSony Ericsson ออกสเปคมาแบบกั๊กๆ เลยเจอ iPhone ตีตลาดไปกระจุย เพราะ Jobs มีเงินเหลือเยอะจากการขาย iPod จอสีรุ่นต่างๆที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะชนะSonyจากตลาดเครื่องเล่นmp3เพราะSonyก็ทำสเปคกั๊กๆอีก
Sony มีชื่อเสีย เรื่องกั๊ก spec มาแต่ไหนแต่ไรแล้วจริงๆ ครับ แต่สมัยที่ palmOS ยังเฟื่องฟู ตอนนั้น Sony ได้ใจผมไปเต็มๆ เลยนะ
การสร้างคู่แข่งของ Apple มันมีผลทางจิตวิทยาทั้งกับลูกค้า พนักงาน ทีมพัฒนาครับ ตั้งแต่ปี 1984 ก็สร้างภาพ IBM ให้เป็นเผด็จการซะ ต่อมาก็ Microsoft ล่าสุดก็ Android แนวทางแบบนี้มันตรงไปตรงมา แล้วก็ได้ผลทุกรอบซะด้วย เพียงแต่มันก็สร้างความรู้สึกร่วมให้สาวก droid เกลียด Apple เข้าไส้มากขึ้น (เช่นเดียวกับที่เคยเกิดกับสาวก Microsoft เหมือนกัน)
ในหนังสือพยายามจะบอกว่าจิตวิทยาของ Jobs ที่ได้ผลมาตลอดคือการบีบคั้นให้พนักงานทำงานจนเกินขีดจำกัด บางคนทำจนหมดไฟ บางคนก็ทำจนหมดสมรรถภาพไปเลย (กลายเป็นโรคจิตเภทไปก็มี) สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นได้เพราะการด่าว่าลูกน้องเท่านั้น แต่ Jobs ใช้วิธีการต่างๆ หลอกล่อ ปั่นหัว และสร้างภาพให้คนที่ทำงานเกิดมีแรงกระตุ้นในการทำงานที่ฝืนธรรมชาติได้จริงๆ สิ่งที่ได้มาคือสิ่งที่ดีกว่า บางอย่างเป็นสิ่งใหม่ บางอย่างเป็นสิ่งเดิมๆ แต่นำเอามาจากอุตสาหกรรมอื่น แต่นำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างที่เรียกได้ว่าเนียนสุดๆ
แต่เห็นด้วยว่าในบางผลิตภัณฑ์ jobs ก็ไม่ได้ใช้สูตรที่ว่าเหมือนกัน อย่าง iPod นี่ก็ไม่จำเป็น เหมือนกับว่าวิธีการดังกล่าวใช้กับกรณีที่รู้สึกว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเพลี่ยงพล้ำเท่านั้น
ดีมากเลยครับ
เอาจริงๆ ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าสิ่งที่ "เขา" ทำเป็นเพียงการสร้างสัญลักษณ์ ไม่ใช่การทำลาย เพราะสิ่งที่ Page ว่าไว้ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง มันช่างดูแตกต่างกันเสียเหลือเกิน
ถ้าการชี้นำพนักงาน มันต้องทำถึงขนาดนี้ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อบ้าพลังจริงๆ (ของอย่างนี้เราก็รู้ๆ กันอยู่ ว่าตัวตนเขาเป็นอย่างไร)
แต่ไม่ว่าตัวตนของเขาจะเป็นเช่นไร ถ้าในเมื่อเขาล่วงลับไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปพูดถึงเขาในแง่ลบอีก กลับกันคือการพูดถึงบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วในมุมบวก นับว่าเป็นเรื่องที่น่าชมเชย และสะท้อนถึงความเป็นคนคิดบวกของเจ้าตัว
ดังนั้น Larry Page คุณตอบได้หล่อมากจริงๆ
เคยทำงานแบบมีตัวเทียบ และไม่มีตัวเทียบมั้ยครับ
ถ้าคิดแต่ว่าตัวเองเหนือกว่าแล้วไม่เทียบใคร ไม่เทียบตัวเอง ก็ได้แต่เดินช้าลงเรื่อยๆนะ
อันนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ การสร้างคู่แข่งให้กับตัวเอง มีอยู่ในสายเลือดในการทำงานของหลายๆ คนอยู่แล้วนะ และผมไม่ปฏิเสธแนวคิดนี้อยู่แล้วเพราะผมเองก็ทำอยู่
แต่ผมกำลังมองในการกระทำของจ็อปส์ ว่าตกลงมันอยู่ในฟากของ "การสร้างคู่แข่ง" หรือ "การจ้องทำลาย" กันแน่ และเส้นแบ่งระหว่างสองสิ่งนี้มันก็ไม่ได้ใกล้กันซะด้วย
ถ้าจ็อปส์แค่ต้องการสร้างคู่แข่ง แล้วลงทุนทำถึงขนาดนี้ ผมต้องขอยอมรับในความบ้าพลังของจ็อปส์มากๆ ครับ :)
ตอนนี้ผมทำงานแบบไม่มีตัวเทียบอยู่ รู้สึกว่าทำงานได้ห่วยแตกมากก!!!!
Larry Page ตอบแบบนี้ก็ถือว่าฉลาดมากครับ
แต่พูดตามตรงจากความรู้สึก ตอบแบบนี้ผมว่าไม่จริงใจเลยอ่ะ เป็นผมคงตอบแบบเกรียนๆ ไปเลย
ประมาณว่า "โฮ่ ... ไหนว่าจะฆ่า Android ตอนนี้ยอดขายก็ชี้ชัดแล้ว"
แต่ด้วยความที่เป็น CEO คงทำอะไรเกรียนๆ แบบนี้ไม่ได้มั้ง
ไม่เกี่ยวกับเป็น CEO มั้งครับ Job ยังเกรียนได้เลย :P
Jobs คงไม่เกรียนไม่ได้ล่ะครับ
มันคือส่วนประกอบหลักของนิสัยเขาเลย
บ้าหรอ จ็อบเขาเป็นมะเร็งจะไม่เกรียนได้ไง- -
ผมก็เพิ่งรู้ว่าความเกรียนมันเกิดจากการเป็นมะเร็ง
ผมเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย ชัวร์!!!
สรุปได้อีกอย่างว่า
สตีฟ จ็อบส์ เกรียน
คนเกรียน เป็นมะเร็ง
ผมเป็นมะเร็ง
เพราะผมคือเกรียน
ผมคือสตีฟ จ็อบส์
ตรรกะที่ว่า "สตีฟ จ็อบส์เกรียนเพราะเป็นมะเร็ง" ไม่ผ่านครับ คะแนนติดลบเท่ากับ 0 องศาสัมบูรณ์
เขาจะเล่นมุข "เป็นมะเร็งแล้วผมร่วง - จนเกรียน" กระมัง ไม่น่าคิดมากให้ดรามากันอีก
อ่อ ...... ครับ
พอดีว่าผมเกรียนที่ใจใช่ทรงผมน่ะครับ
หน้าแตก หนีดีฝ่า T_T
บ้าเหรอ นิสัยเกรียนนะ ไม่ใช่หัวเกรียน บ๊ะ!!!
+8
เหมือนที่เกาหลีตั้งญี่ปุ่นไว้เป็นศัตรูในด้านการพัฒนา
ญี่ปุ่นมีอะไรเกาหลีต้องทำได้ด้วย และเหนือกว่า
จนตอนนี้เกาหลีเริ่มมองโลกตะวันตกแทนแล้ว
ดูไทยไปเทียบเขมรแล้วบอกนี่ศัตรู แล้วจะแข่งอะไรหละ
จ๊อบส์ก็เคยทำแบบนี้กับไมโครซอฟท์มาแล้ว เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ในการบริหารอย่างหนึ่งก็ได้ คือสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตัวเอง พยายามสร้างภาพฝ่ายตรงข้ามให้เป็นผู้ร้าย ทั้งที่ในความเป็นจริงจ๊อบส์เองก็ร้ายในหลายๆเรื่องพอกัน
2 คนนี้เขาเป็น Mentor-Mentee กันมาก่อนนี่ ไม่ได้แช่งชักหักกระดูกอะไรกัน
ที่ Jobs แค้นฝังหุ่นน่ะคือ Schmidt คนเดียว
ทำไมผมอ่านแล้วนึกถึงสามก๊กตอนขงเบ้งไปเคารพศพจิวยี่หว่า
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
Larry Page: "ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้าง "คู่แข่ง" ให้กับบริษัท เพื่อจะได้ชี้นำพนักงานของแอปเปิลในทางที่ต้องการได้"
Larry Page เก่งมากที่รู้อย่างนี้แล้ว ไม่อยากชี้นำพนักงาน Google แบบนี้เอาบ้างเหรอครับ แบบว่าจะส่ง nuclear ไปถล่มกลับ ^^ ?
ตอนนี้ที่เขายิ้มได้เพราะชนะappleอยู่แล้วอะ ถามว่าใครใช้iPod(รุ่นWifiได้) iPhone iPad iMac MacBook MacPro แล้วไม่เคยเปิดgoogle บ้าง (น้อยโคตรๆ)
ถ้าจะบอกว่านี่คือชัยชนะ คงจะไม่เกี่ยวเท่าไรครับ --"
ถ้าวันกันตามเม็ดเงินจากการขาย Android และ iPhone Android ยังตามอยู่อีกพอสมควรครับ ถึงจะอ้างว่าโมเดลการตลาดแตกต่างกันก็ตาม