หลังจาก Blognone ลงข่าว ธรรมกายเสนอสารคดี "สตีฟ จ็อบส์ตายแล้วไปไหน" ก็มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวนี้ตามมาอีกพอสมควร (ใครพบเห็นอาจแจ้งลิงก์ไว้ได้ในคอมเมนต์) ที่โด่งดังหน่อยคงเป็นรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ทางช่อง 3 ที่รายงานข่าวนี้เมื่อเช้านี้ (21 ส.ค.)
ผมเห็นว่าในรายการได้พูดถึงคอมเมนต์ในข่าวข้างต้นด้วยบ้างส่วน ซึ่งก็ถือเป็นผลงานของชุมชนผู้อ่านที่นี่ด้วย เลยนำคลิปมาลงเพื่อจะได้ทราบทั่วกันว่า เรื่องนี้ถึงสรยุทธแล้วครับ (คลิปแปะไม่ได้ ดูกันเองตามลิงก์)
ที่มา - เรื่องเล่าเช้านี้
หมายเหตุ: ขอบคุณคุณ shellingz สำหรับลิงก์ข่าวด้วยครับ
อัพเดต - เพิ่มคลิปจาก YouTube (unofficial)
Comments
ช่วงนี้ทุกคนแห่กันไปเรียกข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของ DMC ถือว่าช่วยๆ กันทดสอบโหลดให้พระแอดมินของ DMC แล้วกัน อิอิ
= = ทดสอบศรัทธา
ทดสอบขันติบารมีธรรม ^^
ก๊ากกก ๕๕๕+
ตามทันกันไหมจ๊ะ
โอ้วว อ้าาา อู้สสส์ ทันจ้ะ
kurtumm
อื๊อหือ ข่าวนี้แรงจริงอะไรจริง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ฮาาา
ป.ล. ลิงก์ยูทูบครับ https://www.youtube.com/watch?v=Y9VxdwxnpTE
+1 ครูอังคนาเจอคู่ปรับแล้ว
ชอบๆ +1
ไม่มีลายเซ็น
+1 ชอบเหมือนกันครับ
ดังใหญ่แล้ว Blognone ต่อไปคงโดนเพ่งเล็ง
+9 ดังใหญ่แล้ว -0-
+1 เพิ่งไปดูคลิปมา
แม่งเกาะกันไปเกาะกันมา
^_^
ธรรมกาย คือ นิกาย อีกนิกายนึงของศาสนาพุทธใช่ป่ะครับ ?
เป้าหมายของศาสนาพุทธคือ การนิพพาน = หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
เป้าหมายของธรรมกายคือ การขึ้นสวรรค์ = เวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้น
เช่นนี้แล้วผมคิดว่าธรรมกายไม่ใช่นิกายหนึ่งของพุทธ แต่เป็น "ลัทธิ" ที่เอาคำสอน "บางส่วน" ของพุทธไปใช้ครับ
+1 ไม่ใช่ศาสนาพุทธแน่นอน
คำถามคือ ถ้าคุณเป็นชาวพุทธ ชาตินี้คุณอยากนิพพานก่อนหรือขึ้นสวรรค์ก่อนครับ
ผมเป็นพุทธแท้ครับ อยากนิพพาน ไม่อยากขึ้นสวรรค์ :)
+1 ครับ
ขึ้นสวรรค์ = ไปเกิด
นิพพาน = ไม่เกิดแล้ว หลุดพ้นแล้ว
คนไทยยังติดยังฝังหัวฝังใจกับคำว่า ทำบุญเยอะๆแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ ชาติหน้าจะได้สบาย ซึ่งธรรมกายเอาส่วนนี้ไปใช้ประโยชน์ครับ
จริงๆวัดอื่นทั่วไปในประเทศก็มีแบบนี้ทั้งนั้นแหละจัดอีเวนท์สร้างวัตถุต่างๆให้นำไป "เช่าบูชา" พอดีธรรมกายเค้าใหญ่กว่า อีเวนท์ยิ่งใหญ่กว่า คนเลยเพ่งเล็งเยอะ แต่ก็เป็นอย่างนี้ทั่วไปครับในประเทศไทย ยกตัวอย่างเคส จตุคามรามเทพ เป็นต้น
ทำบุญชาตินี้มองถึงชาติหน้าแต่ชาติหน้ามีจริงมั้ยไม่รู้ไม่เคยเห็นฟังเค้ามาอีกที แต่คนที่ได้ผลประโยชน์เอาเงินทำบุญไปใช้คือวัดครับ ส่วนจะเอาไปทำอะไรก็ไปสืบต่อกันเอง ผมพูดต่อไม่ได้เพราะไม่เห็นครับ ไม่อยากไปหมิ่นประมาทใคร เดี๋ยวซวย
Technology is so fast!
คุณได้สิทธิ์นั้นเดียวนี้ครับ :)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
แต่ผมอยากขึ้นสวรรค์นะ #ไม่หื่น
ชาตินี้ก็ยังช้าไป
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ก่อนขึ้นสวรรค์ หรือไปนิพพาน ปัจจัยพื้นฐานที่ควรมีก่อนคือการมีสติครับ มีสติที่จะไม่หลง ไม่โง่งมงาย รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูกผิด อะไรใช่ทางไม่ใช่ทาง มีสติแล้วจึงมีสิทธิเลือกได้จริงๆ ว่าอยากไปไหน
เพียงแค่สอนให้ทำดี สอนให้ทำสมาธินั้น อาจจะยังไม่พอ เพราะก่อนมีพระพุทธเจ้า สมัยนั้นก็มีศาสนาอื่นๆ อีกมากที่สอนการบำเพ็ญตบะ เพ่งสมาธิ ซึ่งในพระไตรปิฎกก็เขียนไว้ว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงเสด็จไปเรียนไปรู้มาแล้ว และมันไม่ใช่หนทาง
ทุกวันนี้ มีคนบ้าฝึกสมาธิมากมาย บางคนก็มีตบะ มีณาญ แต่ไร้สติ ก็ทำอะไรเพี้ยนๆ ใช้สิ่งที่ได้มาในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ก็เห็นมีผลเสียกับตัวเอง และอาจจะคนอื่นๆ มากมาย (เข้าข่ายพวกมีพลัง แต่โง่)
คนทำดี ก็มีบุญครับ คนทำสมาธิก็มีตบะ แต่ทำบุญไม่ใช่ว่าต้องใช้แต่เงิน เพราะบุญนั้นพุทธบัญญัติก็มีบอกไว้ในบุณกิริยาวัตถุ 10 มีวิธีทำให้ได้บุญตั้ง 10 แบบ วิธีไปสวรรค์ก็มีมากมาย ไม่งั้นถ้ารวยแล้วได้สวรรค์ คนจนก็ซวยเลย อดไปสวรรค์สิ
ความหมายนิพพานแท้จริงคือสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ทุกข์ หรือทุกข์ให้น้อยที่สุดครับ
ผมก็ rookie ทางพุทธนะครับ แต่ผมเข้าใจว่านิพพานคือ throws exception หลุดออกจาก loop ไม่เหลือชีวิตหรืออะไรที่จะวัดได้ว่าสุขหรือทุกข์อะไรทั้งนั้น
ประมาณว่าทรยศพระเจ้าธรรมชาติผู้สร้างวงจรเวียนว่ายตายเกิดกันเลยทีเดียว
"แต่ผมเข้าใจว่านิพพานคือ throws exception หลุดออกจาก loop ไม่เหลือชีวิตหรืออะไรที่จะวัดได้ว่าสุขหรือทุกข์อะไรทั้งนั้น"
เกรงว่า ประโยคถ้อยคำเหล่านี้ อาจสร้างความเข้าใจผิดได้ จึงช่วยเสริมแง่ความเข้าใจถูกให้นะครับ (สัมมาทิฏฐิ)
พระพุทธองค์ตรัสว่า นิพพาน เป็นบรมสุข คือ สุขอย่างยิ่งครับ
"นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ
นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง" @พุทธศาสนสุภาษิต
อธิบายว่า
นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง สัมผัสได้ เพราะพระอริยะเจ้านั้น เห็น และเข้าถึงนิพพานได้แม้ร่างกายยังไม่แตกดับ
คือยังไม่ตายก็สัมผัสความสุขจากการนิพพาน(อรหันต์) ได้แล้ว
วิเคราะห์เพิ่มเติม-ผู้เขียน
ตรงกันข้าม กับนิพพาน คือ โลกกันต์นรก และโลกันต์นรก คือ บรมทุกข์ เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เพิ่มเติมครับ
คือผมเองก็ไม่แน่ใจหรอก แค่อยากจะแชร์ความเห็นส่วนตัว ...คือ ผมคิดวานิพพานนี่คือ ปัจเจกวงจรนะครับ เป็นอะไรที่ ไม่น่าจะจะมีอะไรเสมอเหมือนหรือตรงกันข้ามแล้ว
out-loop
ผมเปรียบเทียบเอาจาก บทวิเคราะหฺ์เพิ่มเติมนะครับว่า ถ้าหากสุขคือ ขึ้นสวรรค์ ชั้น 1-2-3----7 เหนือว่านั้นคือ รูปพรหม เหนือกว่าไปอีก คือ อรูปพรหม และตรงกันข้ามควรจะเป็น เดรัจฉาน อสูรกาย เปรต นรก ชั้น 1-2-3-9 (อเวจี ลึกสุด)
in-loop ทั้งหลายทั้งปวงนี้ยังอยู่ในจงจรเวียนว่ายตายเกิดนะครับ
นิยามคำว่า "สุข" ในทางธรรมกับในทางโลกนั้นแตกต่างกันครับ
ฉะนั้นเวลาจะกล่าว ... ขอให้กล่าวด้วยว่าสุขทางโลก หรือสุขทางธรรม
ไร้เกิดทั้งปวงครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
นิพพาน คือ หลุดพ้นครับ ใช้ครั้งแรกเมือ 2555 ปีทีแล้ว ตอนพระพุทธเจ้า เสร็จประรินิพพาน
ส่วนการสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ทุกข์ หรือทุกข์ให้น้อยที่สุด นั้นเป็นวิธีการใช้ชีวิตครับ ไม่ถึงขั้นตัดกิเลสเลยครับ
ถ้านับนิพพานครั้งสุดท้ายในความหมายคุณก็ต้องรอให้สังขารตายไปด้วย?
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ครั้งแรกก็คือหลุดพ้นจากกิเลสทั้งมวล สามารถมีชีวิตต่อมาจนอายุประมาณ 80
ระหว่างนี้ได้กล่าวว่าทำนิพพานให้แจ้งแล้ว เป็นผู้รู้แล้ว ตื่นแล้ว เบิกบานแล้ว การคงอยู่หลังตรัสรู้และประกาศศาสนาจนถึงวันปรินิพพาน (ปริ+นิพพาน คือปริโยสานหมายถึงที่สุด,สุดท้าย นิพพุติง เย็น,สงบ สองศัพท์นี้แม้คำว่าอรหันต์ล้วนมีมาก่อนพระพุทธเจ้าครับเหมือนภาษาทั่วไปแค่นำมาใช้ในอีกความหมายที่แตกต่าง)
ช่วงเวลาระหว่างหลังตรัสรู้จนถึงก่อนปรินิพพานนี้จะกล่าวว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้หลุดพ้นหรือนิพพานไหมครับ?
และระหว่างที่พระพุทธเจ้่ายังมีชีวิต ใช้ชีวิตอยู่ แสดงว่ายังมีกิเลสหรือครับ?
ใช้แล้วครับ ก่อนหน้านั้นพระองค์ยังคงมีอยู่
นั่นคือ เรื่องการเผยแพร่คำสอนครับ
ถ้าพระพุทธองค์ยังคงมีกิเลส จะสอนให้คนอื่นหมดกิเลสยังไงครับ
พูดภาษาชาวบ้านง่ายๆ ท่านเป็นแล้วครับท่านถึงมาสอน
ไม่รู้ครับ
ผมยังไม่เคยทั้งสองอย่าง เลยบอกไม่ได้ว่า อันไหนคือการเหตุแห่งทุกข์ หรือการดับทุกข์ทั้งปวง
นั่นแหละครับ จุดแข็งของธรรมกาย
คือธรรมกายเข้าใจว่าคนไทยกลุ่มนึงก็แค่ต้องการขึ้นสวรรค์ คืออยากสุขสบาย ไม่ได้อยากขึ้นสู่นิพพาน ทุกอย่างนิ่งสนิท
พระพุทธเจ้าก่อนจะลงมาตรัสรู้ก็จุติลงมาจากสวรรค์ครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราเป็นพระพุทธเจ้านะครับ
อันนี้ผมทราบครับ และผมไม่เห็นว่าข้อความนี้จะมีประเด็นสำคัญตรงไหนเลย
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ทำไมถึงได้ทราบละครับ ว่า "พระพุทธเจ้าก่อนจะลงมาตรัสรู้ก็จุติลงมาจากสวรรค์ครับ"
พระไตรปิฎกน่าจะมีครับ
ก็ศึกษามาบ้างเล็กน้อยพุทธประวัติตั้งแต่สมัยประถมครับ จริงหรือไม่ผมตอบแทนใครไม่ได้ครับ แต่ผมเลือกที่จะเชื่อเพราะเล็งเห็นแล้วตามหลักคำสอนนั้นว่าดีปฎิบัติแล้วว่าดีแม้จะไม่ถึงไหน แต่ก็เอาไปใช้ได้จริงครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ยังไงๆ พระพุทธเจ้าก็เคยเป็นแม่ปลาบู่ ต้นพริก ฯลฯ มาก่อนครับ
อ้างอิงจาก ลิงค์ นี้ครับ
กด like 1 like ครับ
"เป้าหมายของศาสนาพุทธคือ การนิพพาน = หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด"
ขั้นตอนของ การนิพพาน มีอะไรบ้างครับ ทำตอนยังมีชีวิตอยู่ หรือหลังจากตายไปแล้วครับ ? แล้วขณะเรานิพพานอยู่เราจะอยู่ที่ไหนครับนิพพานบนสวรรค์หรือเปล่า? แล้วมีการเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นหรือเปล่าครับ?
"เป้าหมายของธรรมกายคือ การขึ้นสวรรค์ = เวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้น"
หมายถึงขึ้นสวรรค์ แล้วมาเกิดใหม่ชาติต่อไปเหรอครับ แล้วก็ตายแล้วก็ขึ้นสวรรค์อีกทีเหรอครับ วนลูปไปเรืื่อยไม่จบสิ้น
ทำตอนยังมีชีวิตอยู่ครับ โดย มรรคมีองค์แปด
ตามหลักของนิกายเถรวาทแล้ว นิพพานไม่ปรากฏครับ
อ้างอิง
นิพพาน
ไม่มีการเกิดอีกแล้วครับ
ส่วนคำสอนของธรรมกายสอนให้สะสมบุญไว้เยอะ ๆ จะได้เป็นกำลังเพื่อไปสู่พระนิพพานได้ในอนาคต เปรียบการสร้างบุญเหมือนการสะสมเสบียงอาหารเพื่อใช้ในการเดินทางไปสู่พระนิิพพาน และเน้นแต่เรื่องการเสวยสุขบนสวรรค์
แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยบอกว่าต้องไปขึ้นสวรรค์ก่อนถึงจะนิพพานได้ ท่านสอนให้รีบ ๆ ทำซะ
อ้างอิง ฉิคคฬสูตรที่ ๒
อ้างอิง อนุรุทธสูตร
การทำบุญที่ไม่ได้ละกิเลสคือโลภะ การทำบุญเพราะอยากได้บุญ ถือเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์หรือไม่ครับ
ผมเข้าใจว่าทำบุญที่คุณว่าหมายถึงการทำทาน (ทานมัย [บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน]) นะครับ
ถ้าทานนั้นตั้งอยู่บน พรหมวิหาร ๔ ก็ถือว่าเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ได้ครับ
นอกจากนี้ยังมีบุญที่ไม่ได้เกิดจากการให้ทานอีกครับ คือ สีลมัย [บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล], ภาวนามัย [บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา] ซึ่งให้ผลได้มากกว่าและเร็วกว่าการให้ทานครับ
นิพพานนั้นไม่สูญนะครับ สภาพนั้นก็เปรียบเหมือนสวรรค์ครับ คือมีอีกที่ที่นึงที่ดวงวิญญาณไปจุติ แต่เมื่อไปอยู่ในนิพพานแล้ว จะไม่กลับมาลงมา สวรรค์หรือภพภูมิใดอีก (อันนี้เก็บความมาจากพระสายกรรมฐาน หรือจะหลวงพ่อสด ต้นกำเนิดวิชาธรรมกาย ก็พูดไว้อย่างนี้นะครับ ท่านถอดจิตไปดูครับท่านถึงรู้)
เพิ่มเติมนิดนึงนะครับจะได้เห็นภาพ ถ้าเราจุติในสวรรค์วันนึงเมื่อบุญเราหมด เราต้องกลับไปชดใช้กรรมในนรก แล้วถึงได้ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ ทางเดียวคือเมื่อบุญใกล้หมดก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสะสมบุญใหม่ เมื่อตายบุญมากกว่าก็เลือกกลับไปอยู่สวรรค์ได้ดังเดิม (เป็นเหตุผลที่ว่าเวรกรรมชดใช้ด้วยบุญไม่ได้ วันนี้ฆ่าปลา พรุ่งนี้ซื้อปลาไปปล่อยไม่ได้ทำให้กรรมที่ฆ่าปลาตัวนั้นหายไป แต่ถ้าเรามีบุญอยู่เค้าก็ยังไม่ตามทวง แค่ยืดเวลาออกไปเท่านั้นเอง หรือทวงแต่ไม่หนักเพราะมีบุญช่วย)
ผิดพลาดประการใดขอน้อมรับไว้ ยินดีแก้ไขข้อผิดพลาด ผมยังโง่อีกมาก โปรดช่วยชี้แนะด้วย
ใช่ครับ หลวงพ่อสดท่านกล่าวไว้อย่างนั้น แต่ก่อนหน้านั้น พุทธนิกายเถรวาทยังถือว่านิพพานคือ ดับไม่เหลือ ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อ 2 สายที่ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน โดยส่วนตัวผมแล้วผมเชื่อในทางสายเก่าครับ ซึ่งก็ไม่อาจบอกได้ว่าถูกหรือผิดเพราะว่ายังไม่เคยไปเห็นนิพพานมา
นอกจากท่านหลวงพ่อสดแล้ว ก็ยังมีพุทธนิกายมหายานเหมือนกันที่บอกว่านิพพานไม่ดับสูญแต่คงอยู่ในดินแดนพุทธเกษตรครับ
อนึ่งวิชชาธรรมกายที่ท่านค้นพบนั้น ท่านกล่าวว่าเป็นวิชชาที่สูญหายไป 500 ปีหลังพุธกาล ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่สามารถหาคำอธิบายใดมาแย้งได้ แต่ตั้งแต่อ่านพระไตรปิฎกมาผมยังไม่เจอประโยคไหนที่บอกว่าให้ทำสมาธิจนเห็นดวงแก้วหรือเรื่องศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เหนือสะดือ 2 นิ้วเลยครับ (แต่ก็อย่างที่ท่านบอก ในเมื่อมันสูญหายแล้วมันจะมีหลักฐานได้ยังไง) แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า ธรรมกายที่ท่านเห็นนั้นเป็น วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ ครับ
(ต้องขออภัยลูกศิษย์หลวงพ่อสดทุกท่านด้วยครับที่ได้ล่วงเกินท่าน)
ผมไม่คิดว่าบุญกรรมมีลักษณะเป็นตัวเลขที่จะสามารถวัดปริมาณได้ว่ารวมแล้วอันไหนมากกว่าหรือน้อยกว่าครับ
ที่ผมอ่านมาจากพระไตรปิฎกสายเถรวาท สิ่งที่กำหนดชาติถัดไปคือ จิตดวงสุดท้ายก่อนตาย (จุติจิต) ครับ
อ้างอิง ปุคคลสูตร
อ้างอิง จิตตฌายีสูตร
*หมายเหตุ* กระทำกาละ แปลว่า ตาย ครับ
ขออณุญาตแย้งครับ นิพพานไม่ใช่การ"ดับไม่เหลือ"ครับ นั่นเป็นมิจฉาทิฏฐิประเภทสุดโต่งเช่นเดียวกับอัตถิตา เรียกว่านัตถิตา
สัมมาทิฏฐิ
ดูก่อนกัจจานะ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่ง ส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ
ส่วนสุดว่า อัตถิตา (ความมี) และส่วนสุดว่า นัตถิตา (ความไม่มี)
ซึ่งพบบ่อยว่าเอาอุจเฉททิฏฐิมาผสมกับนิพพาน ว่านิพพานคือการดับสูญไม่มีเหลือ
อุจเฉททิฏฐิ
อุจเฉททิฏฐิ ๗
[๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีทิฏฐิว่าขาดสูญ ย่อมบัญญัติความ
ขาดสูญ ความพินาศ ความเลิกเกิดของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ด้วยเหตุ ๗ ประการ ก็สมณพราหมณ์
ผู้เจริญเหล่านั้น อาศัยอะไร ปรารภอะไร จึงมีทิฏฐิว่า ขาดสูญย่อมบัญญัติความขาดสูญ ความ
พินาศ ความเลิกเกิด ของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยเหตุ ๗ ประการ?
แต่ถ้าคุณหมายถึงการดับอวิชชาโดยไม่เหลือ ก็ขออภัยไว้เลยครับ
ขอบคุณครับที่ช่วยแย้ง และขออภัยด้วยที่ผมใช้คำว่า "ดับไม่เหลือ" ผมใช้ในลักษณะอนุโลมเพราะว่ามันใช้ง่ายกว่า แต่ก็พอจะเข้าใจได้ครับว่ามันไม่ถูก
ขอเปลี่ยนเป็นคำว่า "ไม่ปรากฎ" ละกันครับ
ในศาสนาพุทธมีอีกคำหนึ่งครับที่ใช้กันในลักษณะอนุโลมเพราะไม่สามารถหาคำใดมาจำกัดความได้ แต่ความหมายที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่านั้น คำนั้นคือคำว่า "สุข" จากนิพพานครับ เพราะว่าเป็นความสุขที่ไม่มีอะไรเสมอเท่าแต่ว่าก็ไม่ใช่สุขอย่างที่คนธรรมดาเข้าใจกันเพราะว่า สุขจากนิพพานคือสุขที่เกิดจากการละความยินดีใน สุข ทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ครับ
จากเรื่อง ความว่าง ของท่าน พุทธทาสภิกขุ ครับ
วรรคสุดท้ายผมไม่เห็นด้วยครับ "ทวงกรรมแต่ไม่หนักเพราะมีบุญช่วย" ผมว่าไม่น่าจะเป็นงั้นนะครับ เพราะมันชดใช้กันไม่ได้ เพียงแต่ได้รับไปเต็มๆจากกรรมที่กระทำมา บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ไม่น่าจะมีทางกระทำให้เบาบางลงได้หรอกครับ เพราะถุ้าเป็นงั้นก็เข้าข่าย ชดใช้แทนกันได้ สิครับ
ผมเคยได้ยินบ่อยๆว่ามีการทำบุญล้างบาป เขาพิธีล้างบาป และอีก ฯลฯ
..ผมก็ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงดี... T T
ความเชื่อว่ามีที่ใดทีหนึ่งเป็นอัตตา คงอยู่ ไม่ดับสูญ เป็นสัสสตทิฏฐิชัดเจนครับ
ลองอ่านเรื่อง มิจฉาทิฏฐิ ประกอบดูครับ
จะเรียกว่าแอบอ้างคำสอนของศาสนาพุทธดีกว่ามั้งครับ หลายๆอย่างดีมากนะ หลายอย่างก็ไม่ไหว จริงๆเรื่องที่เค้าสอนมันก็ตรงกับหลัก The Secret นะถ้าใครเน้นวัตถุอยากมีวัตถุไว้ครอบครองพร้อมกับความสบายใจ แต่มันก็แสวงหาผลประโยชน์จากคนเหล่านี้มากไป จริงๆ Celeb หลายคนก็เข้าร่วมนะ อย่างพี่โน๊สก็เข้านะครับ คนดีๆหลายคนที่ผมรู้จักก็เข้า หลักคำสอนเค้าผมเคยฟังบางบางอย่างก็ไม่ชอบ เพราะเคยศึกษาหลักธรรมะแท้ๆสายหลวงพ่อจรัล แล้วมันต่างกันค่อนข้างเยอะ แต่ธรรมกายมันเข้าถึงง่ายกว่า เสพติดง่ายกว่า แต่ก็เห็นผลทางโลกได้ง่ายกว่า จริงๆถ้ามีเพชรเทียมพลอยเทียมแบบธรรมกายอยู่ทั้งโลกมันอาจจะดีกว่าการมีเพชรแท้ไม่กี่เม็ดก็ได้นะ แล้วแต่มุมมอง บางทีคนที่คอยด่าก็อคติมากไปมองด้านเดียวคือถ้าเราเอาตามพุทธเพียวๆเลยเนี่ยมันจะไปสู้พวก คริส อิสลามได้ไง ดูพวกนั้นเค้า mlm สุดๆ กฏเคร่งครัดสุดๆ พุทธมีแต่หลักปฏิบัติ ไม่ได้มีข้อห้ามถ้าไม่ได้บวชพระ ทำไปก็ไม่มีเรื่องของทุนเข้ามาพัฒนาอีกแหละ คือถ้าไม่มีธรรมกายผมว่าพุทธเละกว่านี้เยอะครับ
พวกเขาคือของปลอมที่เหมือนจริงเสียยิ่งกว่าของจริง
ผมมองว่าจริงๆ ธรรมกายอาจเป็นเพียง สาขาหนึ่งของ sciencetology ที่ได้รับเงินทุนมาเปิดในไทยก็ได้นะครับ สองลัทธินี้มีจุดประสงค์เชิงพานิชย์เหมือนๆกันอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะการแต่งนิยายขาย
ความเห็นส่วนตัวครับ
ผมมองกลับกัน ผมคิดว่า sciencetology คือสายนึงที่แตกออกมาจากธรรมกายอีกที
อาจจะเป็นชาวต่างชาติที่มาฟังแล้วนำไปประยุกต์ใช้ก็ได้
Technology is so fast!
ผมว่าตั้งแต่ศาสนาพุทธเข้ามาในประเทศนี้ คนไทยก็ไม่ได้พัฒนาเท่าไหร่ ยังกราบไหว้กันแบบเดิมๆ ก็ยังเละเหมือนเดิม ถ้าเป็นบ้านสวยพีระมิดเนี่ยจะเรียกว่าอะไรดี?
อีกอย่างนึงการออกกฎหมายหรือการแบนบางสิ่งบางอย่างในประเทศนี้ชักจะบ่งบอกได้ว่า "wannabe ศาสนรัฐ" ไม่แพ้ประเทศอื่นเลย ขัดต่อหลัก รธน. ด้วยซ้ำ
ศาสนาพุทธเข้ามาในประเทศนี้สองพันกว่าปี คุณใช้ชีวิตอยู่มาสองพันกว่าปีแล้วหรือยังไงครับ ?
ใครมันจะเป็นอมตะได้ล่ะครับ อ่านประวัติศาสตร์สิครับ
ที่ผมพาดพิงนั้นหมายถึงนับถือผีสาง ของประหลาด ทั้งที่นับถือศาสนาพุทธด้วย ขออภัยหากไม่เคลียร์....
คุณคงไม่รู้หรอกว่า จิตที่เวียนว่ายตายเกิดบนโลกมีมากมายกายกองแค่ไหน ผมเองก็ไม่รู้ แต่ผมเชื่อว่า 2500 ปีที่ผ่านมามีคนไปนิพพานไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่หมดง่ายๆ ขนาดที่แม้แต่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็ขนสัตว์ไปนิพพานไม่หมด
เพราะอะไรรู้ไหม ก็เพราะยังมีอีกเยอะที่ยังมีกรรม เทวดา ผีสาง ในนรก อีกมากที่ยังไม่พ้น ก็ต้องเวียนว่ายมาเกิดอยู่ร่ำไป
ต่างฝ่ายต่างก็มั่วสุมกิเลสตันหาในภพก่อนๆ กลับมาเกิดชาตินี้ก็เสพต่อ ไม่จบสิ้น
ปัจจุบันมันย่อมแย่กว่าอดีตในแง่ของจิตผ่องใส
พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ มีเกิดต้องมีดับ
แม้แต่ศาสนาก็มีวันดับ แล้วศาสนาจะดับ เพราะคนเสื่อม
จริงผมก็รู้ตอนบวช ว่าคนไทยไปเอาพราหมณ์ กับพุทธมาปนกันจนแยกไม่ออก แล้วก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว
กราบไหว้สิ่งศักสิทธิ์ ผีสาง เทวดา ฯ ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้ รวมถึงพิธีรีตรองต่างๆ ทางศาสนาในปัจจุบันด้วย ลองสังเกตุก็ได้ว่า พิธีรีตรองต่างๆ จะเห็นแต่พิธีจากพราหมณ์
อย่างเช่น ถ้าบ้านไหนมีศาลพระภูมิ บ้านนั้นคือศาสนาพุทธ ก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่านั่นมันของพราหมณ์
พูดไปเดี๋ยวจะมีคนมาบอกอีกว่า "พราหมณ์กับพุทธมันก็อันเดียวกัน" ซะงั้นแหละ
ส่วนผมรู้ว่าอะไรของจริงของปลอมก็พอละ
ผมสงสัยว่า "คนไทยก็ไม่ได้พัฒนาเท่าไร" ไม่ได้พัฒนาทางด้านวัตถุหรือด้านจิตใจครับ
ถ้าด้านวัตถุ คนไทยไม่ขยันเอง
ถ้าด้านจิตใจ พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ไม่เคยปิดกั้นศาสนาอื่น จึงทำให้ไม่แปลกที่ทำให้คนไทยยังยึดกับสิ่งเดิม ๆ ควบคู่กับการนับถือพุทธศาสนา
จะพัฒนาไม่พัฒนาไม่เกี่ยวกับศาสนา เจริญหรือไม่เจิญก็ไม่เกี่ยวกะศาสนาอีกแหล่ะ จุดมุ่งหมายของทุกศาสนามุ่งสอนให้คนเป็นคนดี หลุดพ้นจากความทุกข์ ถ้าท่านมองว่าต้องนับถือศาสนาคริสต์บ้านเมืองถึงเจริญ เหมือนฝรั่ง อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศษ ผมก็ไม่เห็นฟิลิปปินส์ อาเจนติน่า หรือ ประเทศแถบแอฟฟริกาทางตอนใต้ ที่นับถือคริสต์ส่วนเยอะเค้าจะพัฒนาเลยนะครับ (ขออภัยไม่ได้เป็นการดูถูกประเทศใดๆดังที่กล่าวมาเป็นตัวอย่าง)
ใช่ครับ เป็นเรื่องที่แปลกแยกออกจากกัน การพาดพิงในส่วนนี้คือการที่ผู้คนได้เข้ามานับถือศาสนายังนับถือในสิ่งอื่นที่ผิดแผกออกไป โดยเอาคำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" เป็นที่ตั้ง ตัวอย่าง
และขอแย้งท่านเรื่องหนึ่งเรื่องการปลูกฝังความคิดที่ว่า "ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี" ควรทำความเข้าใจใหม่ว่า "คนดี" ในทางศาสนิกชนคือการปฏิบัติต่อศาสนา/ลัทธิ/ประเพณีที่ตนนับถือครับ บางคำสอนถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชนด้วยซ้ำแต่ผู้ที่นับถือก็เห็นเป็นเรื่องปกติ
การมองว่าบ้านเมิองจะเจริญหรือไม่ขึ้นอยู่กับความคิดของคนประเทศนั้นมากกว่าครับ แต่จะนำศาสนามาปฏิบัติใช้ในการปกครองนั้นก็ตามแต่จะพบว่าพบกันครึ่งทางหรือเต็มๆหรือไม่
ผมกลับมองว่าไม่รู้จะไปสู้ศาสนาอื่นทำไม KPI คือการมีคนนับถือเยอะ?
ของดีจริงยังไงก็ไม่สูญหายไปครับ เพราะมันจำเป็น เหมือนยาที่มันขม อร่อยสู้ขนมไม่ได้ แต่สุดท้ายทุกคนก็รู้ว่ายามีประโยชน์
+8
โกหกมั่วๆ พอมีคนท้วง ก็บอกว่ามันเป็น มุมมองส่วนตัวเฉยๆ ... เหนื่อยใจกับลัทธินี้จริงๆ
ลัทธิยานแม่ มีเมสซี่เป็นศาสดา
มั่วแล้ว me
ท่านเทพบุตรสตีฟ จ็อบส...
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา
ลัทธิเสื่อมครับ
และแล้วคุณ mk ก็ค้นพบวิธีโปรโมทเวบนี้ :D
ผมว่าท่านสตีฟเป็นอินทรียวัตถุนะ ไม่ได้หายไปไหน
/me จะโดนอุ้มมั้ยผม :D
เอามาให้อ่านเล่น ๆ นะครับ สำหรับผู้ที่สนใจ
เครื่องประดับชาวสวรรค์ ของวัดธรรมกาย (อีก ลิงค์ ครับ)
ถ้านิพพาน คือต้มยำซักชาม (เปรียบเปรยนะครับ ย้ำเพราะกลัวบางคนไม่ยอมเก็ท)
คนไม่เคยกินต้มยำเลย ก็คงไม่มีวันรู้ว่ามันรสชาิดเป็นยังไง ก็ได้แต่ฟังต่อๆ กัน เล่าต่อๆ กันไป ต่างๆ นาๆ
ว่ามันเปรี้ยวแบบนั้น เผ็ดแบบนี้ อะไรแบบไหน
แต่ก็เห็นอธิบายกันจังเลยครับ ว่านิพพานเป็นแบบไหนแบบไหน
เคยไปถึงกันแล้วหรอครับ?
แล้วถ้าเคยไปถึง (หรือเคยไปกินต้มยำชามนั้นมาแล้ว)
เล่าให้คนอื่นฟัง เขาจะได้รับรู้รสนั้นหรือเปล่าครับ เล่าเพื่อให้เกิดความปราถนาจะพ้นทุกข์ ไปสู่นิพพานมันก็ดี
แต่บางคนเล่าเพื่อให้คนอื่นฟัง อธิบายให้ใครต่อใครรู้ ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ถึง ไม่เคย มันแปลกๆ ดีนะผมว่า
(ส่วนตัวผมเองไม่เคยครับ เลยไม่ขอพูดถึงนะครับ นิพพานเนี่ย ^^)
เข้าหลักกาลามสูตรเลยครับท่าน
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
มีผู้ที่ผมนับถือมากที่สุด สอนเรื่องนิพพานก่อนที่ จะเคยนิพพาน ท่านก็สอนได้หลังจากท่านนิพพานไป 2555 ปีคำสอนนั่นก็ยังคงอยู่
เอาอีกตัวอย่างหนึ่ง คนคิด สูตร e=mc2 ตอนที่เขาคิด ก็ไม่เคยทดลองสูตร ทำไมคิดได้เข้าใจได้นะ
เอ ... เอาข้อมูลนี้มาจากไหนครับ
คือถ้าตอนตั้งสมมุติฐาน ก่อนจะได้สูตรมา มันก็ใช่อยู่หรอก ที่ยังไม่เคยทดลอง
แต่ผมว่า ถ้าได้ออกมาเป็น สูตรแล้ว มันต้องผ่านการทดลองมาแล้วนะครับ
ยังไงก็ขอที่มาด้วยครับ ที่บอกว่า สูตรของไอสไตน์ ตัวนี้ เค้าไม่เคยทดลองก่อนได้มันมา
ลองไปหาประวัติ มาอ่านดูนะครับน่าจะหาไม่ยาก จากทีผมเคยอ่าน ยังมีอีกหลายเรืองที่ท่านคิดแล้วยังไม่ได้พิสูตร ผมอาจเข้าใจผิดก็ได้
ขอตอบตรงๆ ว่าไม่รู้ครับ ไม่ใช่ไอสไตน์ ^^
แต่ขอออกความเห็นนิดหน่อย (รวบจากข้างบนเลยละกัน ไม่เปลืองโควต้าคอมเม้นท์)
"มีผู้ที่ผมนับถือมากที่สุด สอนเรื่องนิพพานก่อนที่ จะเคยนิพพาน ท่านก็สอนได้หลังจากท่านนิพพานไป 2555 ปีคำสอนนั่นก็ยังคงอยู่"
การสอนเรื่องนิพพาน ผมเข้าใจของผมเองว่าคุณหมายถึงพระพุทธเจ้า ผมเองก็ไม่เคยเจอพระองค์ (หรืออาจจะเจอ แต่จำไม่ได้หรอก มันชาติที่แล้วมาแล้ว) คงไม่รู้ว่าท่านสอนอะไรแบบไหนยังไง แต่เท่าที่อ่านมาจำมา ท่านตรัสรู้ก่อน ตรัสรู้แล้ว นิพพานแล้วจึงหาสาวก และเผยแพร่ (ไม่ใช่ปรินิพพาน หรือ อนุปาทิเสนนิพพาน แปลว่า การดับกิเลสพร้อมทั้งเบญจขันธ์ แต่เป็น สอุปาทิเสสนิพพาน ซึ่งแปลว่าดับกิเลสแต่ยังดำรงชีวิตอยู่ - ซึ่งโดยความหมายแล้ว นิพพาน แปลว่าดับแล้วเย็น แต่ดับกิเลส หรือดับขันธ์ด้วย)
พระองค์จึงเริ่มสอน ไม่เคยพบ (อาจจะมี) บันทึกว่าพระองค์ไปเที่ยวไล่สอนใครก่อนตรัสรู้ แม้แต่ตอนเป็นพระมหาโพธิสัตว์ก็ไม่ทรงสอนเรื่องนิพพาน แต่สอนเรื่องอื่นที่พระองค์ปฏิบัติแล้ว รู้แจ้งเรื่องนั้นๆ แล้ว
แต่ที่ผมเล่ามานี่ก็ไม่เป๊ะหรอกครับ เพราะไม่ใช่พระไตรปิฎกเคลื่อนที่ เป็นเพียงสาวกชั้นล่างๆ ที่พอจะจำอะไรได้ ปฏิบัติอะไรที่พระองค์สอนบ้างเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องไอสไตน์นี่ผมไม่รู้ เกิดไม่ทันแกจริงๆ ถ้าเจอก็อยากถามเหมือนกัน
แต่คำถามแรกที่อยากถามคือ แกคิดได้ยังไง สูตรนี้ (ในใจก็หวังว่าแกจะตอบว่าไม่ได้คิด แกค้นพบ มันมีอยู่ในโลกแล้ว -- ผมเคยได้ยินมาว่าแกเคยตอบแบบนี้นะ แต่จำไม่ได้หรอกว่าได้ยินมาจากไหน)
ส่วนทดลองหรือไม่ ต้องดูบริบทว่าทดลองคำนวนสูตร ทดลองจำลองการคำนวนในสมอง หรือทดลองในห้องทดลอง
ทดลองคาดคะเน หรือทดลองประยุติใช้มัน (ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่เคยไปนั่งดูแก)
แต่ผมมั่นใจว่าผม ไม่ได้เข้าใจทั้งนิพพาน ทั้งทฤษฎีสัมพัทธภาพ ในระดับที่พระพุทธองค์ หรือไอสไตน์เข้าใจหรอก (เอ๊ะ หรือคุณเข้าใจ?)
ทำไมถึงชอบเอาไอน์สไตน์มาอ้างกันจัง
[ไม่เกี่ยวกับข้างบน]ทฤษฎีสมคบคิดของหนังสือเล่มหนึ่งที่จับแพะชนแกะระหว่างพระองค์กับไอนสไตน์ เล่นสเต็ปเดียวกับวัดในข่าวนี้ จากนั้นคนที่อ่านก็พากันสาธุให้ฮึ่ม ไม่แปลกอะไรที่จะหยิบยกมาเป็นประเด็น
แต่ขออย่าง "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาทางวิทยาศาสตร์" หรืออีกอันนึง "อย่างมงายในวิทยาศาสตร์" อันนี้มีให้ถกกันยาว แต่อย่างหลังนี่ขอแนะนำลัทธิ Scientology หากินแบบวัดในข่าวแทบจะเป๊ะๆ บางคนเรียกว่าเป็นมะเร็งสังคมไปแล้ว
ใช่หนังสือของหมอฟันที่ชอบมาโฆษณาในหว้ากอรึเปล่าครับ
อ๊ะ หรือเวอร์ชั่นต่างประเทศก็มี
ผมว่าข่าวนี้ทำให้สาวกหลายคนตาสว่างกันมั่งนะ
ผมว่ายากครับ แม้แต่เด็กมหาลัยเองผมบอกมันปากเปียกปากแฉะ มันก็ยังไป
คนบางคนมันเปรียบเสมือนดินครับ โดนเมล็ดพันธุ์หว่านลงไป ยากนักที่จะถอนรากถอนโคนออกมาได้ ไม่ใช่แค่ความเชื่อทางศาสนา การเมืองก็ไม่เว้น
สติมา ปัญญาจึงเกิดครับ
หากแม้นหมู่ผมรจักดอมดมซึ่งเกสรดอกไม้ ต่อให้มีอีฟโรงแรงออเดอตัวแลต ก็คงมิห่อนรู้ครับ
จะบอกว่าหากสิ่งที่เค้าต้องการมันตรงกับสิ่งที่ธรรมกายให้ ยังไงๆ เค้าก็ไม่เปลี่ยนใจครับ
ผมอยากกินไก่ย่างหากบางแสน ... ไปซื้อไก่ย่างห้าดาวราคาแพงมาให้ ... ผมก็กินครับ แต่คงไม่หายอยาก
+1 555+ อืม อันนี้ตรงกับที่ผมคิดนะ มนุษย์เป็นสัตย์ประเภทที่ อยากจะได้ยินในสิ่งที่ต้องการได้ยิน อยากจะฟังในสิ่งที่ต้องการจะฟัง เท่านั้น เรื่องเหตุผล มาทีหลัง
อุปมาอุปมัยผมเคยคุยกับหญิงนะ
ผมถามผู้หญิงว่า ผมมีแฟนอยู่แล้ว แต่ผมจริงใจกับคุณอยากจะคบกับคุณ คุณจะคิดยังไง ปรากฏว่า เค้าไม่สนความจริงใจของเราครับ
อีกเรื่อง คำถามเดิมแต่เปลี่ยนรูปนิดหน่อย ถามว่า ผมจริงใจกับคุณนะ แล้วผมก็โสด ด้วย มีความรู้ความสามารถที่จะดูและคุณได้ " ทีนี้ละหูผึ่งเลย" แต่ ผมเก็บความลับไว้ว่า ผมมีแฟนอยู่แล้ว
ซึ่งทีหลังผมก็มาปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วคุยกับเค้า ปรากฏว่าเค้าก็ยอมรับว่า เค้าอยากจะฟัง ในสิ่งที่ต้องการได้ฟัง โดยแทบไม่ได้สนหรือ เอะใจเลยว่าความจริงเป็นเช่นไร...
จบ
ผมคิดว่า การใช้กลีบดอกกุหลาบโรยเป็นทางเดิน มันเป็นการสิ้นเปลือง
ยังมีคนและสัตว์อีกมาก ที่ต้องอดอยาก เอาเงินค่ากุหลาบ ไปช่วยเหลือพวกนั้นดีกว่าไหม?
ผมรัก สตีฟ จ็อบส์ ครับ
ตอนที่รู้ข่าวว่าเขาเสียชีวิตลง ตกใจมาก และถูกหวยอายุของเขาด้วยครับ 56
ถูกหวยด้วย!
ได้มา3พัน
ฮาหมูย่างพุ่ง
ผมชอบบล๊อกนันก็ตรงนี้จริงๆ ถ้าเป็นเว็บอื่นคงด่ากันไฟแลบแล้ว =_=
ผมมองว่าก็เปนกุศโลบายครับอย่างน้อย ก็ทำให้คนอยากจะทำดี ถ้าพูดว่าให้ไปนิพพานมันเกินวิสัย ก็แนะเอาแค่ใกล้ๆให้ไปก่อน ให้ถูกจริตก่อน ถ้าหางเสือตรงแล้ว จะช้าจะเร็วก็ถึงที่หมาย ถ้าคิดว่ามันผิด ก็ต้องเอาตามแนวคิดเว็บนี้คือ อยากได้ต้องทำเอง
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
เข้าใจหลักการจิตวิทยาเบื้องต้นดีมากครับ นี่เป็นส่วนนึงของวิธีการที่ทำให้ธรรมกายใหญ่โต
จริงๆ ผมเอาข่าวนี้มาลงเพราะในรายการเขาอ่านคอมเมนต์ของข่าวก่อนหน้านี้หลายอัน ซึ่งคนที่คอมเมนต์ก็น่าจะได้รับรู้ไว้ว่าคอมเมนต์ของตัวเองได้ออกทีวีน่ะครับ (ถึงแม้จะไม่ได้ระบุชื่อผู้คอมเมนต์ก็ตาม)
ส่วนจะมาถกหลักศาสนาอะไรกันต่อก็ไม่มีปัญหาอันใดครับ ถ้าใครมีประเด็นเพิ่มเติมจะตั้งกระทู้ใน Forum ต่อก็ได้เช่นกัน
blognone จงเจริญ
ครบทุกรส
ทั้ง IT การเมือง เศรษฐกิจ กฎหมาย และศาสนา ชอบครับ
ผมว่า ใช้ชีวิตโดยไม่เบียดเบียนใคร หรือเบียดเบียนให้น้อยที่สุดก็พอแล้วล่ะ (ยกเว้นเมีย ไม่เบียด คงต้องบวช 555)
ผมก็คิดเหมือนกันครับ ผมอยากใช้ชีวิตให้คนอื่นเดือดร้อนจากการกระทำของผมน้อยที่สุด และได้สร้างประโยชน์ ได้คืนดีๆ แก่สังคม มีเงินเลี้ยงครอบครัวและกิเลศในใจ ... แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ
อ้างอิง
คำตอบจากวิศวกร Apple โทนี่ ซวง (Tony Tseung) บอกว่าได้ถามเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจริง
http://www.kafaak.com/2012/08/22/reply-from-tony-tseung-asking-dhamakaya-about-where-is-steve-jobs/
ความเห็น
จุดแข็งของธรรมกาย คือ จุดประเด็นบ่อย
บ่อยมาก จนเราต้องหันมาศึกษา ความรู้ในทางพระพุทธศาสนาบ่อยเช่นกัน
ศึกษาแล้วก็เกิดความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นนี้ ถึงไม่พูดออกมา ก็ควรมีความรู้สึกขอบคุณชาวธรรมกาย ที่ช่วย
จุดประเด็นสนใจใคร่รู้ หลักคำสอน ให้เกิดขึ้นแก่ชาวเน็ต
เป็น Viral Marketing ที่สุดยอดมากครับ
เรื่องนี้มันเวอร์ยิ่งกว่าดูหนังซะอีกผมว่า